ตอนที่ 16 - ลุย (2)
2/3
ตอนที่ 16 - ลุย (2)
เจียงหลินหยิบซองข้าวโพดรสเผ็ดสามห่อออกจากพื้นที่มิติ ถุงมันฝรั่งรสบาร์บีคิว กล่องใส่ซาซิมิ ขนมบ๊วยซานจาม้วนและข้าวเกรียบถุงใหญ่ออกมา และบอกฉางห่าวว่าเอากลับไปกินได้ตามสบาย
ฉางห่าวรู้สึกตกใจกับความใจดีของเจียงหลิน
อีกฝ่ายไม่ใช่แค่ผู้ใช้พลังมิติ แต่เป็นถึงผู้ใช้พลังมิติขั้น 6!
ในสายตาของฉางห่าว จะนิสัย การกระทำ น้ำใจ เจียงหลินดีกว่าหยางหนานรุ่ยมาก!
ฉางห่าวขอบคุณอย่างสุภาพและนำอาหารออกไป นี่เป็นกำไรก้อนโตสำหรับเขา
หลังจากฉางห่าวออกไป เจียงหลินก็กลับไปยังโลกของเธอ ซื้อของใช้ที่จำเป็นสำหรับการเอาชีวิตรอดในวันสิ้นโลกเช่น เสื้อแจ็คเก็ตกันกระแทก รองเท้าเดินป่า ไฟฉาย กล้องส่องทางไกล ฯลฯ ติดอาวุธให้กับตัวเอง
อย่างไรก็ตาม เจียงหลินไมไ่ด้กลับไปพักผ่อนในอพาร์ทเมนต์ชั้น 8 อีกมิติหนึ่ง เธอกลัวว่าหยางหนานรุ่ยจะส่งคนมาลอบสังหารตอนกลางคืน จึงตัดสินใจนอนบนเตียงชั้นสองบนร้านขายของชำแทน
เมื่ออยู่ภายใต้ยุคสมัยที่มั่นคงและทุกคนทำตามกฏเกณฑ์ ค่ำคืนอันเงียบสงบก็ทำให้เจียงหลินนอนหลับอย่างไม่ต้องวิตกกังวล
เช้าวันรุ่งขึ้น เจียงหลินอาบน้ำจนสดชื่น ออกไปซื้ออาหารเช้าสองสามอย่าง แล้วข้ามมิติมาปรากฏตัวในอพาร์ตเมนต์ที่ถูกตกแต่งอย่างประณีตในยุคหลังวันสิ้นโลก
เธอเพิ่งกินข้าวเช้าเสร็จ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
เมื่อเจียงหลินเปิดประตู ก็พบว่าเป็นมู่เย่ชิง
อีกฝ่ายยิ้มและพูดกับเธอ “พร้อมแล้วหรือยัง พวกเราจะไปสำรวจห้างใหญ่นอกฐานกัน!”
“ไปกันเถอะ!” เจียงหลินพูดอย่างตื่นเต้น
“เยี่ยม อันดับแรกพวกเราต้องไปเอารถกันก่อน แล้วฉันจะแนะนำสมาชิกทีมคนอื่นๆให้รู้จัก”
แต่เมื่อไปถึงที่จอดรถ เจียงหลินก็ต้องตะลึง เพราะมันคือรถยนต์ในสภาพที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน ภายนอกถูกติดตั้งทั้งใบมีด ลวดหนาม และอุปกรณ์ต่างๆที่เจียงหลินนึกชื่อไม่ออก
อย่างไรก็ตาม มองไปยังเงาแวววาวของใบมีดที่ถูกติดตั้ง มันดูทรงพลังมาก
เจียงหลินเปิดประตูหลัง นั่งลงอย่างระมัดระวัง ข้อดีคือไม่มีอะไรแหลมๆน่ากลัวอยู่ข้างใน และพื้นที่กว้างขวางมาก
กว้างเท่ากับรถจิ๊ปห้าที่นั่งขนาดมาตรฐาน
ส่วนมู่เย่ชิง เธอนั่งบนเบาะข้างที่นั่งคนขับ และตอนนี้ ประตูฝั่งคนขับก็เปิดออก หญิงสาวที่แต่งตัวเรียบร้อยเปิดประตูและนั่งลง “อันที่จริงมีฉันอยู่ทั้งคน ไม่จำเป็นต้องขับรถแบบนี้ก็ได้”
“พวกเรามีน้องใหม่ ต้องแสดงผลงานกันหน่อย” มู่เยชิงหัวเราะ “มา มา มาทำความรู้จักกับน้องใหม่กันก่อน”
“เจียงหลินใช่ไหม ฉันรู้จักเธอ ข่าวลือเรื่องผู้ใช้พลังมิติขั้น 6 แพร่ไปทั่วฐานแล้ว พอไม่ต้องเห็นชื่อหยางหนานรุ่ยบนหน้าจอทุกวันมันเป็นอะไรที่รู้สึกดีมากจริงๆ! อ้อ ฉันชื่อปี้ฉู่ เป็นผู้ใช้พลังอำพรางขั้น 5” ปี้ฉู่แนะนำตัวเองกับเจียงหลิน
“เห็นด้วยเลย ฉันเองก่อนหน้านี้ก็เคยถูกคนของหยางหนานรุ่ยพยายามฆ่าทั้งๆที่ไม่เคยเจอหรือแค้นเคืองอะไรกันมาก่อน ถึงจะไม่สำเร็จก็เถอะ แต่ฉันจะไม่มีวันให้อภัยหยางหนานรุ่ยแน่ๆ”
“งั้นพวกเราก็เกลียดคนๆเดียวกันถูกไหม? มาสนิทกันไว้เถอะ! ไว้ถึงเวลา พวกเราจะตอบแทนหยางหนานรุ่ยอย่างสาสม!” ปี้ฉู่กับเจียงหลินดูจะมีเคมีตรงกันเมื่อพูดถึงหยางหนานรุ่ย
ในความเป็นจริงแล้ว หลังจากการทรยศของหยางหนานรุ่ย มันทำให้ปี้ฉู่ระวังตัวเกี่ยวกับผู้ใช้พลังมิติมาก แต่เจียงหลินให้ความรู้สึกแตกต่างจากนังผีดูดเลือดหยางหนานรุ่ยอย่างสิ้นเชิง เธอดูไม่ขี้ขลาด มีเหตุผล และความตรงไปตรงมานี้เข้ากับนิสัยของปี้ฉู่มาก
ทั้งสองคุยกันไม่หยุดเป็นเวลานานกว่า 2 3 นาที มู่เย่ชิงหัวเราะและพูดว่า “ดูสิว่าใครมา”
“ขอเดาว่าเป็นน้องปิ๊กาจูไฟฟ้าแสนโวลต์” ปี้ฉู่หัวเราะเสียงดัง
“ใครเป็นปิ๊กาจูกัน? พูดให้มันดีๆหน่อย” ประตูหลังรถถูกเปิดอีกครั้ง และมีสองคนเดินเข้ามา
หนึ่งในนั้นคือหญิงสาวในชุดสีฟ้า “จำไว้เลยนะปี้ฉู่ เธอพูดอะไร ฉันได้ยินหมดแล้ว!”
“ไม่เอาน่า แค่ล้อเล่นเอง มารู้จักสมาชิกใหม่กันก่อน นี่คือเจียงหลิน เธอเป็นคนเขี่ยหยางหนานรุ่ยลงจากตำแหน่งผู้ใช้พลังมิติอันดับหนึ่ง”ปี้ฉู่แนะนำอย่างเรียบง่าย
พอได้ยิน ดวงตาของเสี่ยวชิงเป็นประกายขึ้นทันใด
“ฉันเสี่ยวชิง เป็นผู้ใช้พลังไฟฟ้าขั้น 5 หยางหนานรุ่ยทำตัววางอำนาจ ฆ่าผู้บริสุทธิ์ตามอำเภอใจ ในที่สุดก็ถูกเขี่ยลงจากอันดับหนึ่ง เป็นอะไรที่สะใจมาก แต่ฉันนึกไม่ถึงเลย ว่าผู้ใช้พลังมิติที่โค่นเธอได้จะมาอยู่ในทีมของเรา!”
จงชางมองเจียงหลินด้วยความชื่นชม “ฉันชื่อจงชาง เป็นผู้ใช้พลังสองสาย มีพลังความเร็วกับพละกำลัง อยู่ในขั้น 5 ยินดีที่ได้รู้จัก”
“ยินดีที่ได้รู้จักเหมือนกัน” เจียงหลินรีบทักทายตอบ
มีผู้ใช้พลังสองสายด้วยหรือ? ดวงตาของเจียงหลินเบิกกว้าง แต่น่าเสียดายที่เป็นสายพละกำลังและความเร็ว เพราะความสามารถทั้งสองจัดอยู่ในระดับปานกลางถึงต่ำเท่านั้น แต่ถ้าใช้พวกมันรวมกันได้ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
“ไม่ต้องกังวล พวกเราเข้าใจว่าผู้ใช้พลังมิติไม่เก่งด้านโจมตี เราจะปกป้องเธอเอง” เสี่ยวชิงตบหน้าอกแล้วพูด
“ไม่เก่งด้านโจมตี?” จู่ๆ มู่เย่ชิงก็หัวเราะ “พูดแล้วอย่าหาว่าโม้ ฉันเคยเห็นเธอคว่ำผู้ใช้พลังขั้น 1 สองคนด้วยมือเปล่ามาแล้ว!”
“อะไรนะ?” เสี่ยวชิงตื่นเต้นจนเกือบจะยืนขึ้น และแน่นอนว่าหัวโขกเพดานรถไปตามระเบียบ
“ไม่ ไม่ ไม่ใช่มือเปล่า ตอนนั้นฉันถือแท่งเหล็กไว้ด้วย” เจียงหลินรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธ
“งั้นเธอก็แข็งแกร่งกว่าหยางหนานรุ่ยมาก หยางหนานรุ่ยขนาดแค่แมลงสาบยังวิ่งหนีเลย”จงชางกล่าวอย่างจริงใจ
บนรถเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ การสนทนายังคงดำเนินต่อไป
ปี้ฉู่ขับรถไปที่ประตูฐาน หลังจากมู่เย่ชิงแสดงใบรับรองหัวหน้าทีม พวกเธอก็ออกจากฐานได้อย่างราบรื่น
ภายนอกฐาน บนถนนปราศจากซอมบี้ เจียงหลินเห็นจุดเดิมที่เธอถูกส่งมายังโลกใบนี้ในตอนแรก มันยังคงทรุดโทรมเช่นเคย
รถจี๊ปขับต่อไปอีกเล็กน้อย บนถนนเริ่มปรากฏซอมบี้ประปราย เจียงหลินมองออกไปอย่างประหม่า นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นซอมบี้ในโลกนี้ บางตัวใบหน้าเสียโฉม บางตัวอ้าปากอย่างดุร้าย บางตัวถ้ามองดีๆจะเห็นเศษเนื้อติดตามซี่ฟันของพวกมันเวลาคำราม
แม้พวกมันยังคงมีรูปร่างเหมือนมนุษย์ แต่ไม่สามารถเรียกว่าเป็นมนุษย์ได้อีกต่อไป พวกมันได้กลายพันธุ์เป็นสัตว์ประหลาดกินคนไปแล้ว
เจียงหลินดูวิตกเล็กน้อย แต่เมื่อคิดว่าเธอถูกล้อมรอบไปด้วยผู้ใช้พลังระดับสูง มันก็ช่วยปลอบใจได้เยอะ
เมื่อมาถึงสถานีรถไฟที่ขวางห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่เอาไว้ ปี้ฉู่หยุดรถ เปิดประตูลงไปเป็นคนแรก มู่เย่ชิง เสี่ยวเฉียง และจงชางตามไปติดๆ
เจียงหลินก็ลงจากรถเช่นกัน เมื่อเธอเห็นฝูงซอมบี้จำนวนมากตะเกียกตะกายเข้าหา คำสองคำก็ผุดขึ้นในใจ
‘เชี่ยเถอะ!!!’