บทที่ 22 - ล็อคเป้าหมาย
6/6
บทที่ 22 - ล็อคเป้าหมาย
เมื่อออกจากสภาหอการค้าจินไห่ เฉินซีแสดงความกระตือรือร้นอย่างมาก เขายืนยันที่จะไปส่งหยางซือเล่ยกลับบ้าน
และหยางซือเล่ยไม่รังเกียจ เพราะเขารู้ดีว่าคืนนี้บ่อนเทียนเทียนเล่อจะไม่ปล่อยตัวเองไป การมีใครซักคนอยู่ด้วยกัน ถือเป็นเรื่องที่ดี
ระหว่างทางผ่านร้านช่างตีเหล็ก หยางซือเล่ยใช้ทองคำ 1,000 ตำลึงทอง กว้านซื้อเหล็กดำและอุปกรณ์โลหะอื่นๆในร้านออกมา แล้วทำการกลืนกินพวกมัน ได้รับ 730 แต้มเสริมพลัง
เฝ้ามองโลหะที่หายไปในพริบตา เฉินซีไม่ได้เอะใจใดๆ เขาคิดว่าหยางซือเล่ยเก็บพวกมันเข้าแหวนมิติ และตั้งใจนำไปให้ช่างฝีมือระดับปรมาจารย์ผู้นั้น
หยางซือเล่ยสั่งการผ่านความคิด เรียกเปิดแผงข้อมูลจอแสง
โฮสต์: หยางซือเล่ย
ฐานวรยุทธ : ขอบเขตกระตุ้นชีพจร ช่วงต้น '+' (0/6400)
จิตวรยุทธ: ปืนยาวจู่โจมขั้นสอง '+' (0/1000)
วิชายุทธ : 《เคล็ดโชคเก้ามังกร》ช่วงต้น
อาวุธ: ปืนยาวจู่โจม AK47
แต้มเสริมพลัง : 4,620
หลังจากตรวจสอบข้อมูลคร่าวๆ หยางซือเล่ยก็คลิก '+' ตรงแถบจิตวรยุทธเบาๆ
“ติ๊ง! อัพเกรดสำเร็จ พัฒนาเป็นรูปแบบปืนขั้น 3”
“ได้รับพรสวรรค์ใหม่ : ล็อคเป้าหมาย”
ในพริบตา หยางซือเล่ยรู้สึกได้ถึงจิตวรยุทธปืนในทะเลตันเถียน จู่ๆก็เกิดการเปลี่ยนแปลง กลายเป็นรูปทรงคล้ายกับ ‘ปืนกลมือ’
เห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ ดวงตาของหยางซือเล่ยเป็นประกาย คาดไม่ถึงว่าเมื่อวิวัฒนาการจิตวรยุทธ จะได้รับพรสวรรค์ใหม่เพิ่มเข้ามา
ล็อคเป้าหมาย!
หยางซือเล่ยแตกตื่นดีใจมาก กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ต่อให้เขาหลับตายิง กระสุนทุกนัดก็สามารถโดนเป้าหมายได้!
และเป็นไปตามที่หยางซือเล่ยคาดไว้ จากข้อมูลบนจอแสง หากคิดอัพเกรดจิตวรยุทธสู่ขั้น 4 จำเป็นต้องใช้แต้มเสริมพลังเพิ่มขึ้น ครั้งต่อไปต้องจ่าย 2,000 แต้มเสริมพลัง
เนื่องจากต้องคุยธุรกิจซื้อขายปืนในวันพรุ่งนี้ ดังนั้นจำเป็นต้องมีแต้มเสริมพลังสำรองไว้
ด้วยเหตุผลนี้ หยางซือเล่ยจึงตัดสินใจหยุดอัพเกรดจิตวรยุทธ เขาออกจากร้านช่างตีเหล็กพร้อมบุตรสาวในอ้อมแขน
เมื่อก้าวออกมา ก็เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว ถนนเงียบมาก
ฟู่ววว——!
ลมกลางคืนพัดเย็นสบาย เจ้าตัวน้อยในอ้อมแขนขยับเล็กน้อย
หยางซือเล่ยก้มมอง และเห็นว่าเฉินเฉินบุตรสาวของเขาตื่นแล้ว
“ท่านพ่อ เหตุใดข้าถึงหลับไประหว่างทานอาหาร?”
หยางเฉินเฉินงัวเงีย ร่างเล็กๆทำสีหน้างงงวย
ชัดเจนว่าเธอยังไม่รู้ตัวว่าตนได้ปลุกจิตวรยุทธขั้น 9 ‘หงสาเยือกแข็ง’
“เจ้าก็แค่เพลีย พ่อกำลังพาเจ้ากลับบ้านไปพักผ่อน”
หยางซือเล่ยยิ้ม ลูบหัวบุตรสาวของเขา ไม่มีความคิดที่จะอธิบายในตอนนี้
ที่แน่ๆหลังจากนี้ที่ต้องทำก็คือการหาทำเนียบยุทธดีๆที่เชื่อถือได้ให้บุตรสาวเข้าเรียน
เพราะตัวเขาสามารถพึ่งพาความสามารถของระบบในการเพิ่มพลังยุทธได้ก็จริง แต่ไม่สามารถใช้มันแก่เฉินเฉินได้
แล้วอีกอย่าง เขาไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องที่เรียนของเฉินเฉิน เพราะเมื่อพรสวรรค์ทางวรยุทธของเฉินเฉินเปิดเผยสู่สายตาชาวโลก เหล่าทำเนียบยุทธทั่วทั้งทวีปเทียนหยานเกรงว่าจะพากันแย่งรับตัวเธอมาเป็นศิษย์เอก
หยางซือเล่ยจับมือเล็กๆของบุตรสาว เดินไปตามถนนใต้แสงจันทร์
เฉินซีจ้องมองร่างทั้งสองข้างหน้าเขา รู้สึกว่าภาพพ่อลูกคู่นี้ดูอบอุ่นมาก
แต่เมื่อหยางซือเล่ยเลี้ยวเข้าไปในตรอก ในตอนนั้นเอง เสียงหัวเราะมืดมนพลันดังขึ้น “เหอ เหอ ไอ้สารเลว ในที่สุดก็จับตัวได้เสียที!”
ได้ยินเสียงไม่เป็นมิตร หยางซือเล่ยหยุดฝีเท้า กวาดสายตามองไปทางต้นเสียงอย่างระแวดระวัง
ท่ามกลางแสงจันทร์ เห็นแค่เพียงตรงท้ายซอย มีร่างสองร่างโผล่ออกมา
หนึ่งในนั้นเป็นชายวัยกลางคนที่ดูกำยำ หยางซือเล่ยรู้ได้จากความทรงจำของร่างเดิม นั่นคือหัวหน้าบ่อนเทียนเทียนเล่อ นามเล่ยเหลาหู
อีกคนหนึ่งไม่เคยเห็นมาก่อน เป็นชายหนุ่มในชุดขาวที่มีใบหน้าเย็นชา สะพายดาบยาวไว้ข้างหลัง
ณ ขณะนี้ ชายหนุ่มในชุดขาวกำลังจ้องมองมาทางเขาด้วยสายตาเฉียบคม ในแววตาสะท้อนไปด้วยเจตนาฆ่า
“เย่หาน!”
ร่องรอยประหลาดใจปรากฏขึ้นในดวงตาของเฉินซี
เขารู้ว่าหยางซือเล่ยได้ฆ่าเย่เฉียงที่บ่อน
อย่างไรก็ตาม คาดไม่ถึงว่าข่าวจะถูกส่งไปเร็วขนาดนี้ ไม่นึกว่าเย่หานจะรีบมาที่เมืองชิงหยางเพื่อแก้แค้นไวปานนี้!
“นายน้อยหยาง ชายหนุ่มในชุดขาวผู้นี้มีชื่อว่าเย่หาน เขาเป็นศิษย์ของทำเนียบยุทธชางเฉียง ว่ากันว่าเพิ่งทะลวงขอบเขตกระตุ้นชีพจรได้เมื่อไม่นานมานี้ พลังรบไม่ควรประมาท”
เฉินซีกระซิบแนะนำ “พวกเราควรถอยกลับไปที่สภาหอการค้าจินไห่โดยเร็วที่สุด ห้ามเผชิญหน้ากับพวก--”
ยังไงก็ตาม ก่อนที่จะทันเอ่ยจบประโยค ซอยด้านหลังพวกหยางซือเล่ย จู่ๆก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น
นักเลงบ่อนกว่า 20 ปรากฏตัวพร้อมกัน อุดทางถอยมิดชิด
ดวงตาของหยางซือเล่ยหมองลงเล็กน้อย ดูเหมือนคนพวกนี้จะรอดักซุ่มโจมตีมาเป็นเวลานานแล้ว