ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 162 ของขวัญวันเกิด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 164 คลื่นใต้น้ำ

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 163 พยัคฆ์มัจจุราช


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 163 พยัคฆ์มัจจุราช

แปลโดย iPAT  

หลี่ฉิงซานยิ้มอยู่ด้านข้าง จิตใจของเขาสงบมาก แม้เขาจะไม่สามารถอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเสี่ยวอันด้วยคำพูด แต่บทสรุปที่เขาได้ชัดเจนมาก นางคือครอบครัวสำหรับเขา ครอบครัวที่มอบความอบอุ่นให้เขา

ในฐานะนักเดินทางข้ามโลกที่โดดเดี่ยว เขาสูญเสียพ่อแม่ตั้งแต่อายุยังน้อยและถูกครอบครัวเพียงคนเดียวกดขี่ หลังจากชำระหนี้ เขาก็ไม่มีสายสัมพันธ์กับผู้ใดอีก อย่างไรก็ตามการมาถึงของเสี่ยวอันทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป สำหรับเขา นางเหมือนเด็กน้อยที่ต้องการการดูแลจากเขาในช่วงแรก แต่หลังจากนั้น เขากลับเป็นฝ่ายได้รับการดูแลและความช่วยเหลือจากนางมาตลอด

นางนำโสมจิตวิญญาณมาให้เขาและปูเส้นทางแห่งการบ่มเพาะของเขา ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดวิธีตอบแทนบุญคุณหลายครั้ง แต่ตอนนี้เขาละทิ้งความคิดเช่นนั้นไปแล้ว หากนางนำโสมจิตวิญญาณหนึ่งร้อยชิ้นมาให้เขาตอนนี้ เขาจะกินพวกมันทั้งหมดโดยไม่ลังเล ท้ายที่สุดในฐานะครอบครัว ไม่จำเป็นต้องคิดเรื่องการตอบแทนอีก

บางครั้งเขาก็สงสัยว่าวัวดำคำนวณเรื่องนี้ไว้แล้วหรือไม่ หากไม่ใช่เพราะการคงอยู่ของนาง เขาคงชั่วร้ายมากกว่านี้นับสิบเท่า บางทีเขาอาจวิ่งไปรอบๆและเข่นฆ่าจอมยุทธ์มากมายเพื่อรับเม็ดยาจากพวกเขา เขาอาจทำทุกอย่างที่เขาต้องการเพียงเพื่อตอบสนองความปรารถนาของเขาและอยู่ในร่างปีศาจตลอดเวลา

เขาไม่มั่นใจเกี่ยวกับบรรทัดฐานด้านศีลธรรมของตนเอง เขาไม่เชื่อว่าจะมีคนดีทั้งแต่เกิด ตรงข้าม สถานการณ์สามารถเปลี่ยนแปลงผู้คน ด้วยพลังอำนาจและความโดดเดี่ยว มันจะนำไปสู่อิสรภาพและการปล่อยตัวปล่อยใจ แต่ตอนนี้เขาจำเป็นต้องดูแลความปลอดภัยของเสี่ยวอัน เขาไม่าสมารถรับความเสี่ยงมากเกินไป เขายังต้องทำหน้าที่เป็นต้นแบบที่ดีให้นาง เขาไม่สามารถทำทุกสิ่งที่เขาต้องการ

มันเป็นเพราะการคงอยู่ของนางที่ทำให้เขาสามารถใช้ชีวิตในฐานะมนุษย์และไม่ต่อสู้เพียงเพราะความปรารถนาของตน ในฐานะหัวหน้าครอบครัว เขาต้องแบกรับความรับผิดชอบและคำนึงถึงปัจจุบันและอนาคตอย่างจริงจัง

ตอนนี้เขาไม่เหลือเม็ดยารวบรวมพลังปราณแล้ว เพื่อทะลวงเข้าสู่ขั้นห้าของเคล็ดวิชาการบ่มเพาะพลังปราณเบื้องต้น เขาต้องการเม็ดยาจำนวนมาก

วิธีที่ง่ายที่สุดและตรงไปตรงมาที่สุดคือการใช้แต้มผลงานของผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์แลกเปลี่ยนกับเม็ดยา

อย่างไรก็ตามจ้าวจื่อป๋อทำให้เขาไม่สามารถใช้แต้มผลงานไม่ว่าเขาจะทำภารกิจมากมายเพียงใดหรือมีแต้มผลงานมากเท่าใดก็ตาม

เดิมทีเขาต้องการช่วยเสี่ยวอันฟื้นฟูร่างกาย ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจการยั่วยุของจ้าวจื่อป๋อ แต่ตอนนี้เป้าหมายของเขาบรรลุแล้ว มันถึงเวลาที่เขาจะทำลายสิ่งกีดขวางที่อยู่บนเส้นทาง

เมื่อคิดได้เช่นนี้ จิตสังหารก็พลุ่งพล่านขึ้นในใจของเขา ‘จ้าวจื่อป๋อ จงตายอย่างว่าง่าย ข้าอาจไม่สามารถจัดการจอมยุทธ์ขั้นเก้า แต่มันเกินพอสำหรับเจ้า!’

เสี่ยวอันสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของหลี่ฉิงซาน ดังนั้นนางจึงหันหน้ากลับมาหาเขา

หลี่ฉิงซานยิ้ม “ออกไปใช้เวลาข้างน้อยอีกนิดเผื่อยายแก่นั่นจะยังตามมา หลังจากนั้นเราจะกลับไปจัดการจ้าวจื่อป๋อ”

เสี่ยวอันพยักหน้าอย่างมีความสุข

วันรุ่งขึ้นฝนยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

หลี่ฉิงซานออกเดินทางพร้อมกับเสี่ยวอัน เนื่องจากไม่มีสถานที่ใดที่เขาอยากไปเป็นพิเศษ ดังนั้นเขาจึงหยุดและพักผ่อนเมื่อใดก็ตามที่เขาพบสถานที่ที่ดูน่าสนุกหรือมีอาหารอร่อย พวกเขาเดินทางและหยุดพักราวกับพวกเขากำลังท่องเที่ยวพักผ่อนในวันหยุด

วันหนึ่งขณะที่เขาอยู่ที่ร้านน้ำชาข้างถนน เขาพลันได้ยินคนโต๊ะข้างๆเอ่ยชื่อเขา ดังนั้นเขาจึงตั้งใจฟัง

“พยัคฆ์มัจจุราชหลี่ฉิงซานเป็นเทพแห่งการฆ่ากลับชาติมาเกิด ทันทีที่เขาเกิด เขาก็เริ่มฆ่า เขาฆ่าคนตั้งแต่อายุเก้าขวบ ตั้งแต่เขากลายเป็นผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ เขายิ่งฆ่าคนมากขึ้น แรกเริ่ม เขาทำลายล้างตระกูลเฉียนและสังหารสมาชิกมากกว่าพันคนอย่างไร้ปรานีโดยไม่คำนึงถึงเพศหรืออายุ เขายังหัวเราะเสียงดังขณะฆ่าคนเหล่านั้น มีซากศพมากมายจนไม่มีที่ฝังศพ...”

คนเหล่านี้เป็นชาวยุทธ์ที่มาหลบฝนอยู่ที่นี่ นั่นคือสิ่งที่ชายร่างผอมแห้งกล่าวขณะดื่มสุรา

หลี่ฉิงซานไม่รู้จะตอบสนองต่อเรื่องนี้อย่างไร ชื่อเล่นของดูเหมือนจะเปลี่ยนไปอีกครั้ง แต่เขารู้สึกว่าฉายาพยัคฆ์มัจจุราชฟังดูดีกว่าฉายาเสือร้ายหรือเสือดำมาก อย่างไรก็ตามเขาสังหารคนตระกูลเฉียนทั้งหมดตั้งแต่เมื่อใด? เขาฆ่าเพียงสามคน ส่วนที่เหลือเป็นผลงานของเฉียนหรงจื่อ นางเป็นคนหัวเราะเสียงดังขณะฆ่าพวกเขา แล้วเหตุใดคนเหล่านี้จึงกล่าวว่าเขาเป็นคนทำ? แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังตั้งใจฟังข่าวลือในยุทธภพเหล่านี้ต่อไป

“หากพวกเจ้าเห็นซากศพมากมายเช่นนั้น พวกเจ้าคงตกใจกลัวจนตัวเปียก แต่หลี่ฉิงซานไม่ใช่คนธรรมดา หลังจากสังหารหมู่คนมากกว่าพันคน เขายังไม่พอใจ ดังนั้นเขาจึงวางแผนการใหญ่ที่เกาะบุปผา เจ้าเกาะบุปผาเฉินซื่อฮัว เทพหนูทะยาน จ้าวหรูหย่ง ฝ่ามือแยกภูเขา เทียนจงห่าว...พวกเจ้าคงเคยได้ยินชื่อเสียงของคนเหล่านี้ใช่หรือไม่?”

หลังจากได้รับคำยืนยันจากทุคน ชายร่างผอมก็กล่าวต่อ “เขาล่อคนทั้งหมดไปที่เกาะบุปผาและกวาดล้างคนเหล่านั้นในครั้งเดียว เขายังหัวเราะเสียงดังขณะที่ฆ่าพวกเขา”

อย่างไรก็ตามมีบางคนคัดค้าน “ข้าได้ยินมาว่าเกาะบุปผาถูกทำลายด้วยปืนใหญ่”

“เจ้าจะไปรู้อะไร? เขาฆ่าคนทั้งหมดก่อนจะระเบิดสถานที่แห่งนั้น เจ้านายของสหายของท่านลุงของข้าอยู่บนเรือในเวลานั้น” ชายร่างผอมกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ จากนั้นเขาก็กล่าวเสริม “เจ้ารู้หรือไม่ว่าหลุมศพที่อยู่นอกเมืองวายุบรรพกาลถูกขุดขึ้นมาในเวลาต่อมาและชาวเมืองก็ไม่พบศพแม้แต่ศพเดียวอยู่ที่นั่น มันเหมือนกับเกาะบุปผา พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใด?”

“เพราะเหตุใด?”

ชายร่างผอมหยุดก่อนจะกล่าวต่อ “กินเนื้อคน!” สิ่งนี้ทำไปสู่ความตกใจสุดขีดของผู้ฟัง

กินเนื้อคน! ดวงตาของหลี่ฉิงซานกระตุกขณะที่ริมฝีปากของเสี่ยวอันโค้งขึ้น นางรู้สึกตลกมาก

หลี่ฉิงซานหยิกแก้มเสี่ยวอัน “เดี๋ยวก็กินเนื้อเจ้าซะเลย!” แม้ข่าวลือเหล่านี้จะไร้สาระแต่ในบางแง่มุม มันกลับแม่นยำจนน่าตกใจ

เสี่ยวอันแลบลิ้นออกมา

คนโต๊ะข้างๆถาม “มีศพมากกว่าพันศพ แล้วเขาจะกินทั้งหมดได้อย่างไร?”

ชายร่างผอมชะงัก เขาไม่สามารถตอบคำถามนี้

หลี่ฉิงซานยักไหล่เย้ยหยัน

“มีคนบอกว่าพยัคฆ์มัจจุราชสูงหกเมตร ใบหน้าของเขาเป็นสีเขียวและมีเคี้ยวยื่นออกมาจากปาก หัวของเขาเป็นเหล็ก เขาสามารถเคลื่อนที่ได้รวดเร็วราวกับสายลม เสียงของเขาดังราวกับฟ้าร้อง เขาชอบกินเนื้อมนุษย์และต้องการคนสี่หรือห้าคนสำหรับหนึ่งมื้ออาหาร!”

“นั่นไม่ใช่ปีศาจงั้นหรือ?”

ที่มุมหนึ่งของร้านน้ำชา หลี่ฉิงซานตบหน้าผากของตน เขารู้สึกว่าหากข่าวลือเช่นนี้ยังแพร่กระจายออกไป ร่างจริงของเขาอาจถูกเปิดเผยในวันหนึ่ง

เสี่ยวอันยิ้ม ตอนนี้นางสามารถยิ้มได้อย่างเป็นธรรมชาติแล้ว

ในคืนนั้น มีเด็กคนหนึ่งร้องไห้อยู่ในบ้านหลังหนึ่ง เขาต้องการขนม มิฉะนั้นเขาจะไม่เข้านอน

แม่ของเด็กกล่าว “กินขนมตอนกลางคืนไม่ได้ มันไม่ดีต่อฟันของเจ้า!”

ลูกของนางยังดื้นรั้น

ในที่สุดแม่ก็หมดความอดทน “หากเจ้ายังร้องไห้ไม่หยุด พยัคฆ์มัจจุราชจะมากินเจ้า!”

เด็กหยุดร้องไห้ทันที จากนั้นเขาก็กล่าวเสียงเบา “ท่านแม่ ข้าไม่ต้องการขนม อย่าให้พยัคฆ์มัจจุราชมากินข้า”

แม่ยิ้มอย่างพึงพอใจ

บนถนนด้านนอก ในที่สุดหลี่ฉิงซานก็เข้าใจความหมายของภูตผีปีศาจ ตอนนี้ฉายาของเขามีอิทธิพลต่อเด็กๆเป็นอย่างมาก มันสามารถทำให้เด็กหยุดร้องไห้ หลังจากนี้ผู้คนจะใช้ฉายาของเขาทำให้ลูกหลานของพวกเขาหวาดกลัว สิ่งนี้จะหยั่งรากลึกลงไปในใจของผู้คน

หน่วยผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์เต็มไปด้วยผู้คนที่แข็งแกร่ง แต่พวกเขามักให้ความสำคัญกับการบ่มเพาะเป็นหลักและไม่ค่อยทำภารกิจฆ่าคนมากนัก

อย่างไรก็ตามหลี่ฉิงซานพึ่งรับสองภารกิจแต่เขากลับพรากชีวิตผู้คนไปแล้วมากกว่าพันราย มันเป็นเหตุให้ชื่อเสียงของเขาแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว

ในสำนักกำปั้นเหล็กของเมืองชิงหยาง ศิษย์พี่ใหญ่หวังเล่ยถาม “ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริงงั้นหรือ?”

หลิวหงกล่าว “นอกเหนือจากเรื่องกินเนื้อคน ส่วนอื่นอาจไม่ใช่ข่าวลือที่ไม่มีมูล ข้าเคยบอกแล้วว่าเด็กคนนี้จะทำให้ยุทธภพปั่นป่วน แต่ข้าไม่เคยคิดว่าเขาจะร้ายกาจถึงเพียงนี้ อย่าอิจฉาศิษย์น้องของเจ้าเลย ไม่มีสิ่งใดดีเกี่ยวกับการออกไปท่องยุทธภพ”

“ท่านอาจารย์ช่างฉลาดหลักแหลม ผู้ใดจะคิดว่าข้าเกือบทำร้ายเขา” หวังเล่ยกล่าวด้วยความหวาดกลัว เขาไม่เคยคิดเลยว่าเด็กบ้านนอกผู้นั้นจะกลายเป็นคนที่น่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนี้ จากนั้นความอิจฉาของเขาที่มีต่อหลี่หลงก็หายไป ยุทธภพอันตรายเกินไป การอยู่ในเมืองชิงหยางอย่างเชื่อฟังและรอวันที่เขาจะได้เป็นเจ้าสำนักดีที่สุดสำหรับเขาแล้ว

“นั่นไม่ถือเป็นสิ่งใด ข้าต่อยเขาหนึ่งร้อยหมัด!” หลิวหงกล่าวอย่างภาคภูมิใจ เรื่องที่เคยทำให้เขาอับอายมาก่อนกลับกลายเป็นเกียรติยศสำหรับเขา เขาจะกล่าวถึงเรื่องนี้กับผู้ใดก็ตามที่เขาพบ

ชาวยุทธที่เดินทางผ่านเมืองชิงหยางและได้พบเขาจะได้ยินเรื่องที่เขาต่อยพยัคฆ์มัจจุราชหนึ่งร้อยครั้งทั้งหมด นั่นทำให้เขาได้รับการชื่นชมและความเคารพแม้แต่จากคนที่แข็งแกร่งกว่าเขา

หลิวหงยังสั่งให้ศิษย์ของเขาสลักประโยคสำคัญบนหลุมศพของเขาเป็นพิเศษว่า “คนที่เคยชกพยัคฆ์มัจจุราชหนึ่งร้อยครั้งอยู่ที่นี่” เพื่อให้คนรุ่นหลังได้เห็นและแสดงความเคารพ

หลังจากนั้นไม่นาน รูปปั้นขนาดใหญ่ก็ถูกสร้างขึ้นที่ทางเข้าหมู่บ้านกระทิงหมอบ มันเป็นรูปปั้นของเด็กหนุ่มถือดาบและมีสายตาที่ดุร้าย แน่นอนว่ามันคือรูปปั้นของหลี่ฉิงซาน

พ่อบ้านหลิวยอมจ่ายเงินจำนวนมหาศาลเพื่อสร้างประติมากรรมที่มีชื่อเสียงที่สุดในภูมิภาคนี้ขึ้นมา ในวันที่รูปปั้นเสร็จสมบูรณ์ เสียงฆ้อง กลอง และประทัดก็ดังกึกก้อง หัวหน้าผู้บ้านหลี่ยังให้ชาวบ้านทุกคนออกมาแสดงความเคารพ

หลายปีต่อมา โจรภูเขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในเขตเมืองชิงหยาง พวกเขาปล้นสะดมหลายหมู่บ้าน แต่หมู่บ้านกระทิงหมอบเป็นหมูบ้านเดียวที่พวกเขาไม่กล้าเข้าใกล้ รูปปั้นของหลี่ฉิงซานทำให้หมู่บ้านกระทิงหมอบกลายเป็นสถานที่ปลอดภัย ชาวบ้านสร้างวิหารให้กับรูปปั้นของเขาและพากันมากราบไหว้ก่อนฤดูหนาวของทุกปี มันกลายเป็นเทศกาลที่ยิ่งใหญ่ที่เรียกว่า สักการะพยัคฆ์มัจจุราช ในภายหลัง

จ้าวจื่อป๋อขมวดคิ้วอย่างหนักอยู่ในห้องทำงานของเขา หลี่ฉิงซานสร้างปัญหาให้เขามากเกินไป เขาต้องการยืมมือยายประจิมฆ่าเด็กหนุ่ม แต่เขาไม่เคยคิดว่านางจะล้มเหลว

เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าเด็กคนนี้จะโชคดีที่ได้ผูกมิตรกับองค์หญิงน้อยของตระกูลฮัว กระทั่งยายประจิมก็ยังไม่สามารถทำสิ่งใด

อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้กังวลกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ แต่มันเป็นยายประจิมที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขาในเวลานี้ เนื่องจากยายประจิมไม่สามารถค้นหาหลี่ฉิงซาน ดังนั้นนางจึงรอให้เขามาหานางที่นี่ หลังจากทั้งหมดนางตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะนำเทพธิดาน้อยกลิ่นหอมแห่งสวรรค์กลับนิกาย