ตอนที่ 688 เผชิญหน้ายอดฝีมือ
ข่าวในช่วงเวลาสองสามวันที่ผ่านมาทำให้แม้แต่ถังเทียนก็ยังรู้สึกว่าเขาไม่ทันได้ตั้งตัว
ประการแรก เป็นกลุ่มดาวกุมภ์ จากนั้นเป็นกลุ่มดาววัวและกลุ่มดาวแกะ ในพริบตาสามกลุ่มดาวตำหนักระนาบสุริยุปราคาล่มสลาย ในทั่วทั้งสวรรค์วิถี ทุกคนตกตะลึงสมาพันธ์ชาวยุทธมีอำนาจเหนือสวรรค์วิถีมาหลายปี แต่ไม่เคยทำให้เคยต้องรู้สึกกลัวพวกเขาเลยสักครั้ง
เอาชนะสามกลุ่มดาวตำหนักระนาบสุริยุปราคาได้ง่ายดายราวกับว่าใช้มีดร้อนๆหั่นเนย พวกเขาไม่ได้ใช้ความพยายามมากนัก
กองพลแสงฤดูหนาวเอาชนะกองกำลังกวางขนดำในการรบซึ่งหน้า และเผาวังแอรีส กองพลเลือดเซียนทำลายกองพลเขากระทิงและยอมรับมอบกลุ่มดาวที่พวกเขายอมจำนน ทหารสองกองทัพที่น่ากลัวกวาดล้างสนามรบได้ชัยชนะอย่างงดงามพวกเขาแสดงอำนาจในทั่วทั้งสวรรค์วิถี
ผู้อาวุโสอันผู้อาวุโสสำนักที่อายุน้อยที่สุดในสิบสามผู้อาวุโสสำนักสร้างความตกตะลึงไปทั้งสวรรค์วิถี
ความตื่นตระหนกครั้งแรกไม่ใช่กลุ่มดาวเล็กๆ แต่เป็นกลุ่มดาวตำหนักระนาบสุริยุปราคา กลุ่มดาวขนาดใหญ่เหล่านี้หลังจากอยู่ในเบื้องบนของห่วงโซ่อาหารมายาวนาน พยายามรักษาคงความเข้าใจโดยปริยายว่าไม่มีการแข่งขันใดๆในระหว่างพวกเขากันเอง พวกเขาไม่มีนักล่าโดยธรรมชาติจึงใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แม้แต่กลุ่มนักสู้หรือพวกองค์การวิญญาณมืดทุกคนใช้ชีวิตอย่างสามัคคีกัน
ช้าและไม่กดดัน นั่นเป็นสิ่งที่อธิบายชีวิตกลุ่มดาวตำหนักระนาบสุริยุปราคาได้ดีที่สุด
ทันใดนั้นความเงียบสงบก็ถูกทำลาย พวกเขาเกิดความแตกตื่นว่าพวกเขากลายเป็นเหยื่อ สามกลุ่มดาวตำหนักระนาบสุริยุปราคาล่มสลาย เกิดความกลัวอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในกลุ่มดาวตำหนักระนาบสุริยุปราคา
กลุ่มดาวตำหนักระนาบสุริยุปราคาเกือบทั้งหมดเริ่มเตรียมกองทัพของพวกเขาสำหรับออกรบ แต่หลังจากมีชีวิตที่สงบสุขมานานเกินไป ความเร็วในการจัดเตรียมของพวกเขาทำให้พวกเขาดูแตกตื่นและวุ่นวาย มีเพียงกลุ่มดาวราชสีห์ที่ยังคงปกติเหมือนเดิม พวกเขาสู้กับสมาพันธ์ชาวยุทธมานานแล้ว และเป็นกลุ่มดาวที่แข็งแกร่งที่สุด แต่พวกเขาประหลาดใจกับกองพลฤดูหนาวและกองพลเลือดเซียนกองพลชื่อเสียงแปลกใหม่ที่เปิดเผยพลังที่น่ากลัวที่แม้แต่กลุ่มดาวราชสีห์ก็ยังไม่กล้าประมาท
เลโอใช้อุปกรณ์สื่อสารแบบพิเศษติดต่อถามถังเทียนเรื่องอาวุธพลังสายเลือด
นอกจากกลุ่มดาวราชสีห์แล้ว มีอีกกลุ่มดาวหนึ่งที่ยังคงสงบนิ่งก็คือกลุ่มดาวคนธนู ราชินีไม่สนใจเรื่องการเมือง แต่นางคือเซียนชั้นทองและนางมีคุณสมบัติเพียงพอจะอยู่อย่างสงบ นอกจากนี้ ทุกคนในสมาพันธ์ชาวยุทธรู้ดีว่ากลุ่มดาวคนธนูมีสัมพันธ์ที่สนิทกับกลุ่มดาวหมีใหญ่ เว้นแต่สมาพันธ์ชาวยุทธบ้าไปแล้ว พวกเขาไม่กล้ารุนแรงกับกลุ่มดาวคนธนู
ยังคงเป็นกลุ่มดาวคันชั่งซึ่งได้เชื่อมสัมพันธ์กับถังเทียนเป็นกลุ่มดาวแรก และพวกเขาหวังจะผูกสัมพันธ์เป็นพันธมิตรระดับลึกซึ้งมากขึ้น
กลุ่มดาวคนธนูรู้สึกว่ามีความกดดันต่อพวกเขาอย่างมาก อารมณ์โดยทั่วไปของคนในกลุ่มดาวจะรักอิสรเสรีภาพมีวิชาการต่างๆและสำนักวิชาการต่างๆ รวมอยู่ในกลุ่มดาวแต่ทักษะการต่อสู้ของพวกเขาไม่แข็งแกร่ง ผู้บริหารระดับสูงของกลุ่มดาวคันชั่งรู้สถานการณ์ของตัวเอง แม้ว่าผู้สนับสนุนของพวกเขาจะแตกต่างจากกลุ่มดาววัวและกลุ่มดาวแกะแต่ทั่วทั้งกลุ่มดาวคันชั่ง พวกเขาทั้งหมดหมกมุ่นอยู่กับวิทยาการเรียนรู้ แต่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับวิชาการต่อสู้ เมื่อพวกเขาเห็นวิทยาการจักรกลของกลุ่มดาวหมีใหญ่ที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน พวกเขารู้สึกว่าเป็นทิศทางที่เหมาะสมที่กลุ่มดาวคันชั่งจะขยายตัวในด้านนี้และตัดสินใจซื้ออาวุธจักรกลวิญญาณของกลุ่มดาวหมีใหญ่รวมทั้งวิทยาการที่เกี่ยวข้อง
พวกเขาเริ่มคิดจะแยกแยะวิทยาการเหล่านี้และต่อยอดความรู้เป็นวิทยาการของกลุ่มดาวคันชั่งเอง
ต่อเมื่อสงครามที่แท้จริงมาถึง พวกเขาถึงได้ตระหนักว่าบรรยากาศวิชาการในกลุ่มดาวคันชั่งระยะยาวผลิตบัณฑิตออกมาหลายคน แต่ไม่สามารถสร้างเซียนทองหรือขุนพลทหารที่แข็งแกร่งได้ ไม่มีขุนพลทหารที่มีประสบการณ์หรือทหารที่ผ่านการฝึกฝนอาวุธจักรกลวิญญาณของพวกเขาทั้งหมดก็ไร้ประโยชน์
ความแตกตื่นและความกลัวแพร่สะพัดไปไปถึงระดับสูงของกลุ่มดาวคันชั่ง และกลุ่มดาวหมีใหญ่กลายเป็นเส้นใยชีวิตสายเดียวที่พวกเขาคิดได้
ไม่มีพันธมิตรอื่นใดที่มีพลังพิเศษอย่างนั้นซึ่งทำให้พวกเขารู้สึกอุ่นใจ
ไม่ใช่แต่เพียงกลุ่มดาวคันชั่งเท่านั้นหากแต่กลุ่มดาวตำหนักระนาบสุริยุปราคาก็กำลังมองหาพันธมิตรเช่นกัน การจัดระเบียบกองทัพและยุทธภัณฑ์ไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำกันสำเร็จได้เพียงชั่วข้ามคืน ถ้าพวกเขาต้องการสร้างความแข็งแกร่งในการต่อสู้ พวกเขาต้องการเวลาเพิ่ม สมาพันธ์ชาวยุทธในปัจจุบันเป็นเหมือนสัตว์ประหลาดมหึมาที่อ้าปากกว้างและกลืนกินเหยื่อรายแล้วรายเล่า
ผู้อาวุโสอันได้ใช้แผนสร้างกลุ่มดาวกวงหมิงโดยพิจารณาอย่างรอบคอบ การโจมตีระลอกแรกมุ่งไปที่สามเป้าหมายซึ่งได้คัดเลือกอย่างระมัดระวัง นอกจากสามกลุ่มดาวจะอ่อนแอแล้วความมั่งคั่งของกลุ่มดาวกุมภ์สามารถช่วยให้พวกเขาสู้ต่อไปได้ทั้งในเรื่องการขนส่งและเงิน ขณะที่กลุ่มดาววัวและกลุ่มดาวแกะพวกเขาเหมือนเป็นมหาอำนาจแนวหน้าของกลุ่มดาวระนาบสุริยุปราคา และการทำลายพวกเขาจะเป็นเหมือนมีดสองคมในกลุ่มดาวระนาบสุริยุปราคา
ความคืบหน้าในการสู้รบเกินคาดหมายของถังเทียน
เมื่อกลุ่มดาววัวและกลุ่มดาวแกะถูกทำลาย ถังเทียนต้องยกเลิกการลอบโจมตีของเขา แม้ว่าการลอบโจมตีค่ายลับของสมาพันธ์ชาวยุทธและฆ่าเซียนชั้นทองจะดึงดูดใจถังเทียนก็ตาม
แต่ท่าทีคุกคามด้วยกำลังของสมาพันธ์ชายุทธทำให้ทุกคนรู้สึกหนาวสันหลัง
“ตอนนี้เราไม่สามารถระบุได้ใครจะเป็นเป้าหมายต่อไป” ถังเทียนพูดอย่างไม่สบายใจ “พวกเขายึดกลุ่มดาวไปสามกลุ่มแล้ว และเส้นทางที่พวกเขามีส่วนร่วมก็ขยายออกมามากขึ้น นอกจากนี้การป้องกันของกลุ่มดาวอื่นเต็มไปด้วยความผิดพลาด”
คำตัดสินนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกจนใจ
นอกจากกลุ่มดาวราชสีห์ใหม่แล้วกลุ่มดาวระนาบสุริยุปราคาอื่นทั้งหมด ใช้ความพยายามอย่างมากปรับระบบป้องกัน เนื่องจากมีความสงบสุขยาวนานเกินไป พวกเขาค่อนข้างไม่ระวังตัว และเนื่องจาก ขณะใช้งานพวกเขาต้องใช้สมบัติมาก วันเวลาปกติที่พวกเขาใช้ป้องกัน กลายเป็นปัญหา
ใครจะกล้าโจมตีกลุ่มดาวตำหนักระนาบสุริยุปราคา?
วลีนี้ทำให้ทุกคนมักจะพูดไม่ออก นอกจากนี้ยังใช้กันมากจนเกินกว่าพวกเขาจะคาดได้
การเผชิญหน้ากับจักรกลของสมาพันธ์ชาวยุทธกลุ่มดาวระนาบสุริยุปราคาได้แต่รอเหมือนกับปศุสัตว์ที่คนขุนไว้รอเวลาเชือด
ถังเทียนอดถามไม่ได้ “สมาพันธ์ชาวยุทธพยายามจะทำอะไรกันแน่?”
นี่คือสิ่งที่เขาไม่เข้าใจมันเป็นประโยชน์ต่อสมาพันธ์ชาวยุทธในปัจจุบัน ตราบใดที่ประตูดวงดาวที่เชื่อมโยงกับดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์เปิด ทหารของพวกเขาจะหลั่งไหลเข้าสวรรค์วิถี และสมาพันธ์ชาวยุทธจะประสบความสำเร็จ
ตอนนี้สมาพันธ์ชาวยุทธปฏิบัติการโจมตีกลุ่มดาวระนาบสุริยุปราคาครั้งใหญ่ ถ้าพวกเขาพูดว่าโจมตีกลุ่มดาวกุมภ์ก็เป็นเพราะเพื่อเงิน อย่างนั้นทำไมพวกเขาจะต้องโจมตีกลุ่มดาววัวและกลุ่มดาวแกะด้วย หรือว่าพวกเขาไม่กลัวกลุ่มดาวระนาบสุริยุปราคาจะร่วมเป็นพันธมิตรต่อต้านพวกเขา?
ตราบเท่าที่พวกเขากลายเป็นพันธมิตรกัน ก็จะเป็นสิ่งเร่งเร้าสมาพันธ์ชาวยุทธได้อย่างมาก
บางทีตำหนักระนาบสุริยุปราคาอาจมีความคิดต่อต้านสมาพันธ์ชาวยุทธในการรบช่วงแรกก่อน แต่ขณะที่เวลาผ่านไปพันธมิตรระนาบสุริยุปราคาจะค่อยๆ ปรับตัวเข้ากับการสู้รบมากขึ้น และประวัติศาสตร์ที่ลึกซึ้งลึกล้ำภายในตระกูลของพวกเขาจะถูกปลดปล่อย พวกเขามีกำลังพลที่น่าทึ่งและมีทรัพยากรไม่จำกัด ด้วยสมบัติดวงดาว ถ้าพวกเขาต้องทุ่มทุกอย่างในการสู้รบ พวกเขาอาจสร้างพลังที่น่ากลัวออกมาได้
ทำไมสมาพันธ์ชาวยุทธถึงได้เสี่ยงกับการโต้ตอบของสากลโลกและต้องยอมเสี่ยงด้วยเล่า?
ถังเทียนไม่เข้าใจ
แต่ไม่ใช่แต่เพียงเขาเท่านั้น คนอื่นก็ไม่สามารถเข้าใจสถานการณ์เช่นกัน ถ้าเพราะสมาพันธ์ชาวยุทธเป็นเหมือนคนแก่เจ้าเล่ห์ อย่างนั้นเขาคงไม่บ้า แม้ว่าทุกฝีก้าวของตาแก่เจ้าเล่ห์จะทำให้ทุกคนต้องระมัดระวัง แต่ทุกย่างก้าวล้วนคำนวณและวางแผนไว้แล้ว ขณะที่ไม่มีใครรู้ว่าตาแก่บ้านี่ทำอะไร
ถ้าเขาไม่สามารถเข้าใจได้ เขาก็แค่เฉยไม่สนใจ นั่นคือวิธีการของถังเทียน
สำหรับกลุ่มดาวหมีใหญ่ปัจจุบัน การเปิดเส้นทางสู่ดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์คือเรื่องกดดันมากที่สุด ตราบใดที่พวกเขาสร้างการเชื่อมโยงได้ พลังของกลุ่มดาวหมีใหญ่จะมีคุณภาพอย่างก้าวกระโดด ในเวลานั้นเขาจะได้รับประโยชน์ของทั้งสวรรค์วิถีและดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ไม่จำเป็นต้องกลัวใคร
‘ใครจะสนใจว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง พวกเขาจะถูกฆ่าตาย!’
ถังเทียนปล่อยเรื่องการป้องกันสวรรค์วิถีให้ถังโฉ่ว มีเขาอยู่ด้วยต่อให้สมาพันธ์ชาวยุทธมีอาวุธลับใดๆ ก็ตามคิดจะทำลายกลุ่มดาวหมีใหญ่ให้ได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
เขาตระหนักได้ทันทีว่าปมสำคัญของสงครามก็คือเขานั่นเอง
สิ่งที่เขาต้องการทำก็คือไม่ใช่แค่นำหน่วยสุญตาเข้าไปในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์เพื่อเสริมกำลังเท่านั้น แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือสร้างการเชื่อมโยงเพื่อแข่งกับเวลา
“เราจะเตรียมตัวเคลื่อนขบวน!”
ถังเทียนตะโกน
***************
ปิงคาบบุหรี่ขณะอ่านรายงานในมืออย่างระมัดระวัง เบื้องหลังควันบุหรี่ เขาเริ่มขมวดคิ้ว การเข่นฆ่าโจรสลัดขนาดใหญ่เมื่อเร็วๆนี้ของสัมพันธมิตรใต้กลับกลายเป็นช้าลงมาก ไม่ใช่ว่าโจรสลัดในภูมิภาคใต้ทรงพลังแต่ดูเหมือนโจรสลัดจะหายไปภายในชั่วข้ามคืน
การเคลื่อนไหวที่ไม่ธรรมดานี้สร้างความสนใจให้ปิงทันที ความเคลื่อนไหวใหญ่ขนาดนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เพิ่มความระมัดระวังโจรสลัด แต่เพราะโจรสลัดจู่ๆ ก็หายไปก็หมายความว่าต้องมีแผนการบางอย่างแน่นอน
ปิงรู้ว่าเบื้องหลังโจรสลัดก็คือคนของทวีปกวงหมิง มีคนเหล่านั้นปนอยู่ในโจรสลัด เรื่องก็คงจะไม่ง่ายแน่นอน
‘พวกเขาไปไหน? พวกเขากำลังวางแผนจะทำอะไร?’
ปิงไม่ทันสังเกตว่าบุหรี่ไหม้จนหมดมวนแล้ว ไม่ว่าโจรสลัดจะใหญ่ขนาดไหน พวกเขาก็ยังเป็นโจรสลัดและพวกเขาจะแพ้กองทัพมาตรฐานในการปะทะกัน ข้อดีของโจรสลัดก็คือ คุ้นกับความเปลี่ยนแปลงในทะเลพลังงาน พวกเขาเคลื่อนไหวเหมือนสายลม หายไปและปรากฏได้ตามที่พวกเขาต้องการ นอกจากนี้ พวกเขายังดีกว่าในเรื่องรบด้วยเรือแต่ไม่ใช่การสู้ภายในทวีป
เขาเชื่อว่าผู้บัญชาการในทวีปกวงหมิงก็เห็นแบบนั้นเช่นกัน และตัดสินใจทำการรบภายในทะเลพลังงาน
การหายไปอย่างกะทันหันของโจรสลัดทำให้ปิงตระหนักว่าภายในค่ายของโจรสลัดต้องมีขุนพลแข็งแกร่งอย่างแน่นอน
“รายงานขอรับ! ทวีปเสี่ยวเสียถูกโจมตีเมืองหงซานถูกล้อมขอรับ!”
“รายงาน! ทวีปต้าเซียงถูกโจมตีอย่างหนักเมืองหย่งลี่ถูกล้อมขอรับ!”
“รายงานด่วนขอรับ! ทวีปกุ๋ยเฉอถูกโจมตีอย่างหนักเมืองหยางหรงถูกล้อมขอรับ!”
……
……
ในทันทีที่รายงานเป็นชุดมาถึงทำให้บรรยากาศกลายเป็นตึงเครียดทันที ในพริบตา ทุกที่ตกอยู่ในไฟสงครามทำให้ทุกคนรู้สึกอึดอัด สิบสามเมืองถูกโจมตีกะทันหันและเจ็ดเมืองถูกล้อม ขณะที่อีกหกเมืองผลักดันโจรสลัดออกไปได้
‘แข็งแกร่ง!’
เมื่อได้รับข่าว ปฏิกิริยาแรกของปิงคือชื่นชมพวกเขา
‘ความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามทำได้ฉลาด!’
เมืองที่ถูกโจมตีเป็นเมืองเล็กในทวีปเล็กของสัมพันธมิตรใต้ทั้งหมด และไม่ใช่เมืองหลักที่ป้องกันอย่างเต็มที่แต่ก็ยังนับว่าสำคัญ แม้ว่าจะเสียหายไม่หนัก แต่ก็สร้างความปวดหัวได้ ทวีปเล็กทรัพยากรของพวกเขาเล็กน้อย พวกเขาจึงตัดสินใจเข้าร่วมกับสัมพันธมิตรใต้หวังว่าจะได้ความร่ำรวยขึ้นบ้าง ตอนนี้พวกเขาไม่ได้รับผลประโยชน์อะไร แต่กลับได้รับความเสียหายหนัก ทวีปเล็กๆ จะทนได้ยังไง?
ผลดังกล่าวทำให้หัวใจผู้คนสับสน
กลุ่มพันธมิตรใต้จะชดเชยความสูญเสียของทวีปเล็กได้ยังไง? พวกเขาจะรับมือกับโจรสลัดได้ยังไงและโจรสลัดจะคิดบัญชีกับทวีปเล็กงั้นหรือ?
ถ้าไม่จัดการให้ถูกต้องก็จะก่อให้เกิดความยุ่งยากไม่มีที่สิ้นสุดแน่นอน เหมือนกับโดนมีดน้อยเฉือนทิ้งรอยบาดแผลเล็กๆ ไว้บนร่างกาย แม้ว่าจะไม่ใช่แผลใหญ่ แต่ถ้าท่านยังไม่ทันฟื้นฟูหรือรักษาบาดแผลก็จะนำไปสู่การสูญเสียเลือดได้
ปิงศึกษาแผนที่และทำเครื่องหมายเมืองที่ถูกโจมตีอย่างระมัดระวัง
เขาต้องยอมรับความชำนาญของฝ่ายตรงข้าม
ตำแหน่งเมืองทั้งหมดถูกวางแบบสุ่มไม่มีรูปแบบโจมตีที่แน่นอน ไม่มีใครสามารถค้นพบตัวการหลักและสถานซึ่งพวกเขาวางแผนโจมตีต่อไป
‘ศัตรูเป็นผู้ชำนาญการคนหนึ่ง!’