ตอนที่แล้วตอนที่ 684 ราคา  
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 686 ตอบโต้ตอนใกล้ตาย

ตอนที่ 685 การกลับมาของหลิวย่าจือ


เจโรมเหาะขึ้นไปในอากาศมองดูฝุ่นและทรายที่ฟุ้งกระจายในระยะไกล หน้าของเขาหมองเศร้า

หน่วยลาดตระเวนรายงานว่ามีการพบเจอกองทัพหนึ่งซึ่งตอนแรกเขาคิดว่าเป็นกองพลภูผาน้ำแข็ง พวกเขาตัดสินใจปกป้องอาจารย์เซรีนและกลับเมืองสามวิญญาณ นี่กลายเป็นเรื่องล้อเล่นเฮฮาในคนระดับสูงของกลุ่มดาววัว  กองพลภูผาน้ำแข็งทำตัวเหมือนกับวิหคสะดุ้งหวาดกลัว  พวกขี้ขลาดกลายเป็นฉายาใหม่ของพวกเขาและออสตินก็จะเล่าเรื่องราวซ้ำๆให้เจโรมฟัง

ขณะนั้นเจโรมรู้สึกอึดอัดใจมาก  ถ้ากองพลภูผาน้ำแข็งเป็นนกที่ตื่นตกใจง่าย  อย่างนั้นเขาที่พ่ายแพ้พวกเขาจะถือว่าเป็นตัวอะไร?

เมื่อเขาได้รับการสื่อสารกับแบร็ดลี่ย์มันช่วยแก้ข้อสงสัยในใจของเขา แต่เขายังรู้สึกว่ากองพลภูผาน้ำแข็งกำลังว้าวุ่นใจกับเรื่องเล็กๆ  ‘แบร็ดลี่ย์ก็เชื่อฟังพวกเขามากเกินไปและยังลำเอียงไปทางพวกเขา  กลุ่มดาววัวจะถูกโจมตีได้ยังไง มีแนวโน้มว่ากองพลภูผาน้ำแข็งกลัวความรับผิดชอบ  จึงหาข้ออ้างเพื่อจากไป’

แต่เขารู้ว่าแบร็ดลี่ย์ต้องการฟื้นฟูกองพลทอรัสอย่างแท้จริง  และในความเป็นจริงเขาต้องการติดตามแบร็ดลี่ย์ไปด้วย เขาลังเลอยู่เป็นเวลานาน แต่ก็ยกเลิกที่จะไป เขาได้ตำแหน่งของเขาผ่านการทำงานหนัก จะให้ยอมทิ้งไปก็เป็นเรื่องยากมาก

แบร็ดลี่ย์มีคุณสมบัติพอไล่ตามความฝัน  เขาเป็นเจ้าชายและมีคุณสมบัติจะทำทุกอย่างที่เขาต้องการได้ และยังสามารถก้าวขึ้นสู่ราชบัลลังก์ได้ในอนาคต  เจโรมเองไม่มีคุณสมบัติขนาดนั้นสถานะที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย

เจโรมยังคงหวังว่าแบร็ดลี่ย์จะสามารถทำได้สำเร็จ เขาก็อยู่กองทัพและเขารู้ว่ากองทัพในปัจจุบันเป็นเหมือนอะไร กองพลเขากระทิงเป็นหนึ่งในทหารชั้นยอดของกลุ่มดาววัวแต่เมื่อเทียบกับกองพลทอรัสยังนับว่าห่างกันไกล เขาเองยังอยู่ในสถานะช่วยไม่ได้ และเป็นเพราะกองพลเขากระทิงเป็นกองทัพระดับสูง จึงกลายเป็นกองพลเกราะที่มีลูกหลานครอบครัวชั้นสูงเข้าร่วมในกองทัพเขาเป็นส่วนใหญ่และเขาไม่สามารถล่วงเกินใครหลายคนได้

การทะเลาะกับพวกเขาทำให้เขาต้องสนใจพวกเขาเต็มที่และเหนื่อยยิ่งกว่าการฝึกทหารเสียอีก

เจโรมเห็นกองทัพที่ค่อยๆ มาถึงและเริ่มคิดเขาไม่เคยเห็นกองทัพแปลกอย่างนั้นมาก่อน สิ่งมีชีวิตสีขาวปลอดสร้างเป็นกองทัพ ค่อยๆ มาถึงค่ายเขากระทิง

หากไม่ใช่การจัดกระบวนทัพอย่างเคร่งครัด  เขาคงสงสัยอย่างมากว่าพวกนั้นคงเป็นฝูงสัตว์อสูรดวงดาวทั้งหมดนั้นเหมือนกับเครื่องจักรที่ไร้ชีวิต

ทันใดนั้น ตาของเขามองดูที่ธงและหรี่แคบทันที

สมาพันธ์ชาวยุทธ!

นั่นคือกองทัพของสมาพันธ์ชาวยุทธ!

ธงสมาพันธ์ชาวยุทธที่มีแต่สมาพันธ์ชาวยุทธครอบครองเท่านั้นกำลังโบกสะบัดอยู่ในสายลม

แบร็ดลี่ย์...

มือเจโรมเย็นเฉียบ หน้าของเขาซีดขาว เขาไม่มีอะไรจะพูดแว่วคำพูดของแบร็ดลี่ย์เข้ามาในหูของเขา

หลังจากนั้นชั่วครู่ สีหน้าเขาฟื้นคืนสีสันและพูดอย่างไม่สบายใจ “ส่งคนตามหลังไปบอกกองพลภูผาน้ำแข็ง ให้พวกเขาใช้ทางอ้อม”

“ขอรับ!”

“รีบรายงานกลับไปที่วังทอรัสว่าสมาพันธ์ชาวยุทธกำลังบุกโจมตี!”

“ขอรับ!”

“รวมกองทัพทั้งหมดเตรียมทำสงคราม”

“ขอรับ!”

เจโรมออกคำสั่งไปนับไม่ถ้วนสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลงของเขาส่งผลกระทบต่อความตื่นเต้นหวาดตัวของผู้ใต้บังคับบัญชาที่เงียบสงบจนออกอาการ

“โอว..พระเจ้า!  กองทัพของสมาพันธ์ชาวยุทธ! นั่นมันกองทัพอะไรกัน? ทำไมพวกเขาถึงได้ปรากฏที่นี่?” หนึ่งในศิษย์จากตระกูลขุนนางตื่นเต้นและคร่ำครวญออกมาโดยไม่รู้ตัว  “จบกัน!  เราเสร็จแน่!  เสร็จแน่ๆ!”

คนที่อยู่ด้านหลังเขาเริ่มแตกตื่นตามอย่างเห็นได้ชัด

“โวยวายก่อนรบ บั่นทอนจิตใจกองทัพ, ประหาร!”

เสียงเย็นชาของเจโรมดังขึ้น กระบี่เงินเป็นประกายในท้องฟ้าและมีศีรษะคนผู้หนึ่งปลิวขึ้น โลหิตฉีดพุ่งไปทั่วบริเวณสองสามวินาทีต่อมาร่างที่ไร้ชีวิตก็ล้มลงกับพื้น

เงียบสงัดโดยสิ้นเชิง

สีหน้าของลูกหลานขุนนางทุกคนกลายเป็นขาวซีด  พวกเขาตกอยู่ในอาการเหลือเชื่อ พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าเจโรมที่พูดจานิ่มนวลจะเปลี่ยนไปกลายเป็นคนเช่นนั้น

“เจโรม, เจ้าบ้าไปแล้ว!  เจ้ากล้าฆ่าอารอน!  ดยุคมัวร์จะไม่ปล่อยเจ้าแน่...” หนึ่งในชนชั้นสูงอีกคนหนึ่งตะโกน

สีหน้าเจโรมยังคงเย็นชา เขาโพล่งออกมา  “ประหาร!”

ทหารส่วนตัวของเขารู้แล้วว่าผู้บัญชาการของพวกเขาทำงานยังไง พวกเขาลงมือโดยไม่ลังเลพุ่งลงมาราวกับลูกธนูหลุดจากแล่ง  พวกเขาต่อยใส่พวกลูกขุนนางเหล่านั้น

“พวกเจ้ากล้า....”

เสียงอุทานหยุดทันที ผู้ดีหนุ่มจ้องดูกระบี่ที่แทงเข้ามาในอกของเขาตุ้บ เขาร่วงลงกับพื้น  ตาของเขาเบิกโพลงแม้หลังจากตายแล้ว เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมเจโรมถึงได้ลงมือกับเขา

กุลบุตรจากตระกูลสูงส่งได้แต่เงียบด้วยความกลัว  หน้าของเขาซีดขาวกลัวว่าเสียงแม้เบาที่สุดจะปลุกเรียกหายนะเข้าหาตัว

“ข้ารู้ถึงสิ่งที่พวกเจ้าทุกคนกำลังคิด พวกเจ้าทุกคนจะจัดการข้ายังไงหลังจากศึกนี้  ข้าไม่สนใจ แต่ในท่ามกลางศึก ใครก็ตามที่ฝ่าฝืนกฎอัยการศึก อย่าตำหนิข้าว่าโหดร้ายก็แล้วกัน”

หลังจากพูดเช่นนั้น เจโรมไม่ได้มองพวกเขาและหันกายจากไป

เมื่อเขาเห็นธงของสมาพันธ์ชาวยุทธ  เขารู้ชะตากรรมของเขาและกลุ่มดาววัว ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเขาว่ากลุ่มดาววัวในตอนนี้อ่อนแอมากเพียงไหน

สมาพันธ์ชาวยุทธที่แฝงตัวเข้ามาอย่างสมบูรณ์คือศัตรูที่กลุ่มดาววัวไม่มีหวังเอาชนะได้  ทหารอสูรดวงดาวข้างหน้าที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนปล่อยกลิ่นอายที่น่ากลัว แต่เจโรมรู้ว่ามันคืออาวุธลับของสมาพันธ์ชาวยุทธ

‘กองพลภูผาน้ำแข็งพูดถูก  แบร็ดลี่ย์พูดถูกใครจะเป็นเหยื่อดีไปกว่ากลุ่มดาววัวเล่า?’

เมื่อรู้ชะตากรรมของกลุ่มดาววัว  เพราะเหตุผลบางอย่างเขารู้สึกโล่งใจเล็กน้อย ไม่จำเป็นต้องรับมือกับพวกคอรัปชั่นอีกต่อไป  ไม่จำเป็นต้องฝืนยิ้มอีกต่อไป  ไม่จำเป็นต้องคอยประจบดูแลผู้มีอำนาจอีกต่อไป

‘แบร็ดลี่ย์,  เจ้าต้องพยายามให้ดีที่สุด’

เจโรมพึมพำอยู่ในใจเงียบๆ ภายในราชอาณาจักรที่ผิดหวังและผิดพลาด แบร็ดลี่ย์คือความหวังอย่างเดียวของพวกเขา สิ่งเดียวที่คู่ควรปกป้อง

‘ไม่ว่ายังไงก็ตามเราจำเป็นต้องปกป้องเจ้าชายให้จากไปอย่างปลอดภัย ไม่ว่ายังไงก็ตามเราต้องรักษาความหวังนี้ให้มีชีวิตต่อไป’

เป็นสิ่งเดียวที่เขาสามารถทำได้

เจโรมชี้ดาบไปข้างหน้า เลือดหยดจากปลายดาบ สีหน้าเขาสงบเย็น ตาของเขามุ่งมั่น  เขาไม่เคยเห็นภารกิจและหน้าที่ซึ่งตนเองแบกรับอย่างชัดเจนใจชีวิตมาก่อน

‘ต่อให้ข้าตายที่นี่  ก็ยังจะคู่ควร’

“สวมเกราะและสวมหมวกเขากระทิง!”

เสียงต่ำของกองทัพเขากระทิงดังออกมาจากเมืองแซนดี้เหมือนกับสายลมพัดผ่านพื้นที่รกร้าง

หลิวย่าจือมองดูเมืองแซนดีข้างหน้าเขา  เขาเลียริมฝีปาก สายตากระพริบเป็นประกาย นี่คือศึกแรกของเขาหลังจากอาศัยใบบุญของผู้อาวุโสอัน  หลังจากถูกอาวุธจักรกลวิญญาณของเมืองสามวิญญาณข่มราบคาบ  ไม่มีใครจำอาวุธพลังสายเลือดได้อีก  แม้แต่องค์การวิญญาณมืดก็ยังเลิกค้นคว้าอาวุธพลังสายเลือด  พวกเขาคิดว่าไม่มีอนาคต

กลุ่มอาวุธพลังสายเลือดถูกยุบเลิก  ทุกคนแตกกระจาย

หลิวย่าจือผู้เคยควบคุมอาวุธพลังสายเลือดและร่วมต่อสู้กับอาวุธจักรกลวิญญาณมาก่อนได้รับผลกระทบมากที่สุดเขากลายเป็นคนเศร้าซึม ชีวิตตกอับกระเซอะกระเซิง อาวุธจักรกลวิญญาณกลายเป็นฝันร้ายที่รุมล้อมเขาไว้  เขากลายเป็นคนหงุดหงิดอารมณ์รุนแรงอ่อนไหวง่ายและหวาดผวาอยู่เสมอ

ครอบครัวและสหายที่สนิทที่สุดตีจากเขา  ทุกคนที่เขารักล้วนจากเขาไป

เขาไม่สบายใจกับความล้มเหลวของเขา  และยังคงหมกมุ่นค้นคว้าต่อไป  แต่ในเวลาอันรวดเร็วทรัพยากรและเงินทุนของเขาหมดลง และเขากลายเป็นคนเข็นใจ

และแล้วก็มีคนจากที่ใดไม่ทราบมาเคาะประตูหน้าบ้านของเขา

เมื่อผู้อาวุโสอันปรากฏตัวหน้าบ้านของเขาและยิ้มให้ทั้งตกลงจะส่งเสริมเงินทุนให้กับการค้นคว้าอาวุธพลังสายเลือดกับเขา เขานำความหวังและความตั้งใจแน่วแน่กลับมาให้มนุษย์คนหนึ่ง  ผู้อาวุโสอันไม่กลับคำ  ไม่ว่าจะขอเงินทุนหรืออย่างอื่น  ก็จะได้รับทั้งหมด และทำให้เขาได้วัสดุลับจากแผนกของสมาพันธ์ชาวยุทธ

และหลิวย่าจือทุ่มเทสมาธิและความสามารถกับมัน เขาลืมกินลืมนอนทำงานทั้งวันทั้งคืน เขาค้นคว้าชุดสายเลือดเซียนซึ่งเป็นของพิเศษของสมาพันธ์ชาวยุทธและประสบผลสำเร็จผสานเลือดเซียนเข้าไปในร่างของอสูรดวงดาวได้

หลังจากการทดลองตามมาต่อเนื่องเลือดของสมาพันธ์ชาวยุทธก็สำแดงพลังออกมา

หลังจากได้รับการสนับสนุนจากคนที่มีอำนาจมากที่สุด การดำเนินการของหลิวย่าจือก็ยิ่งก้าวกระโดด  อสูรภูตดวงดาวระดับสูง  อสูรภูตดวงดาวหายากที่จำศีลอยู่ในทะเลและภูเขาถูกล่านำมาให้เขา

หลิวย่าจือสร้างผลผลิตที่เขาภูมิใจได้ในที่สุด

เลือดเซียนอาวุธพลังสายเลือดที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์  ใช้จ้าววานรหิมะระดับเก้าหลังจากแปลงและปรับแต่งแล้ว เขาสร้างเป็นอาวุธพลังสายเลือดชนิดใหม่  หลิวย่าจือทุ่มเทความพยายามนับไม่ถ้วนให้กับมันและสร้างเป็นกองทัพอาวุธพลังสายเลือดหน่วยแรกของสมาพันธ์ชาวยุทธ  กองพลเลือดเซียน

เมื่อผู้อาวุโสอันตัดสินใจเริ่มโจมตีกลุ่มดาววัว  หลิวย่าจือเป็นคนขออาสา

เซรีน!

เรื่องกองพลภูผาน้ำแข็งเอาชนะกองพลเขากระทิงได้ไม่ใช่ความลับ เนื่องจากกลุ่มดาววัวต้องการจะปกปิดความล้มเหลวของพวกเขาให้มากเท่าที่ทำได้  พวกเขาแพร่กระจายข่าวลือเกี่ยวกับกองพลภูผาน้ำแข็งระบุว่าพวกเขาเป็นกองพลจักรกลที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์  และเป็นอาวุธลับของกลุ่มดาวหมีใหญ่ จะมีอะไรดีไปกว่าการสามารถพิสูจน์ตัวเขาเองได้ดียิ่งกว่าก็คือเอาชนะอาวุธจักรกลที่แข็งแกร่งที่สุดต่อหน้านาง?

เมื่อคิดถึงเรื่องนั้นหลิวย่าจือก็ยิ่งตื่นเต้นมาก

แต่เขาต้องจัดการปัญหาที่อยู่ต่อหน้าเขาก่อน  กองพลเขากระทิง

แต่เขาไม่ได้รู้สึกว่ากองพลเขากระทิงมีท่าทีคุกคามต่อเขา  เมื่อเห็นกองพลเขากระทิงค่อยๆเข้ามาถึงด้วยรูปกระบวนที่เข้มงวด  ผู้บัญชาการกองพลเลือดเซียนทุกคนมองดูพวกเขาอย่างเหยียดหยาม

“ข้าได้ยินว่ากองพลภูผาน้ำแข็งใช้การโจมตีท่าเดียวก็โค่นกองพลเขากระทิงได้หรือ?”  เสียงของหลิวย่าจือน่ารังเกียจราวกับว่าลำคอของเขาถูกตัดมาจากเศษแก้วนับไม่ถ้วน

“นั่นคือสิ่งที่รายงานเขียนเอาไว้”  คนที่พูดเป็นนายทหารผู้ช่วยของเขา ซานเหม่า ขณะที่เขายักไหล่

หลิวย่าจือมีอารมณ์แปลกประหลาดและยากจะทำงานร่วมด้วยทำให้เขาต้องส่งนายทหารผู้ช่วยกลับไปหลายคนและแม้แต่ผู้อาวุโสอันก็ยังปวดหัวกับเขาจึงได้แต่ส่งซานเหม่าขุนพลทหารที่เขาชื่นชมมาให้ ใครจะรู้ว่าหลิวย่าจือเก็บซานเหม่าไว้ เขาแตกต่างจากพวกทหารผู้ช่วยอื่นที่สุภาพและมีมารยาท ซานเหม่าเป็นคนไม่จริงจังและชอบหยอกล้อกับคนอื่นๆ  เขาก็เป็นคนที่มีอารมณ์ประหลาดและไม่ค่อยอดทนกับหลิวย่าจือ

แต่หลิวย่าจือกลับให้อิสระซานเหม่ามากขึ้น  เพราะซานเหม่ามีมาตรฐานที่โดดเด่น

เมื่อมาถึงกองพลเลือดเซียนซานเหม่าเริ่มชี้จุดผิดพลาดในกลยุทธของหลิวย่าจืออย่างไม่เกรงใจ  หลิวย่าจือโกรธและทะเลาะกับซานเหม่า  ทั้งสองไม่สนใจและทะเลาะกันยกใหญ่หลิวย่าจือผู้มีความหยิ่งภูมิใจตัดสินใจใช้ผลเพื่อพิสูจน์ความไร้เหตุผลของอีกฝ่าย

และในที่สุดซานเหม่าเป็นฝ่ายถูก

หลิวย่าจือมีอารมณ์ที่แปลกประหลาด  แต่ถึงแม้จะดื้อรั้นก็ตามซานเหม่าก็พิสูจน์ตัวเองแล้วดังนั้นทัศนคติที่เขามีต่อซานเหม่าจึงเปลี่ยนกลับตาลปัตร  จากวันนั้นเป็นต้นมาซานเหม่าก็ขึ้นมาเป็นผู้บัญชาการกองพลเลือดเซียนคนที่สองอย่างรวดเร็วและได้รับความเชื่อถือจากหลิวย่าจือ

“ถ้ากองพลภูผาน้ำแข็งสามารถทำได้  เราก็สามารถทำได้เช่นกัน!”  หลิวย่าจือพูดเย็นชา

“การสู้รบด้วยความภาคภูมิใจแบบนี้ไม่มีความหมายอะไรเลย”  ซานเหม่าพูดไม่แยแส

หลิวย่าจือหันไปถลึงตาใส่ซานเหม่าตาเขาแดง  “เจ้าบอกว่าไร้ความหมายหรือ?”

ซานเหม่ารู้ว่าเซรีนคือศัตรูตัวฉกาจของหลิวย่าจือ  อาวุธจักรกลวิญญาณคือศัตรูของหลิวย่าจือ  ตราบใดที่เขาแพ้พวกเขาเล็กน้อยหลิวย่าจือคงบ้าแน่

“ถ้าท่านต้องการนะ ผู้บัญชาการใหญ่ของข้า” ซานเหม่าพูดเป็นนัย

ก็แค่โจมตีครั้งเดียว  แต่ต้องเป็นความภูมิใจเต็มที่

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด