ตอนที่ 682 อย่างนั้นก็มาเลย!
“เจ้าเด็กน้อยมาถึงนี่แล้ว”
“เจ้าแน่ใจนะ?”
“อย่าลืม,ไม่มีใครคุ้นเคยกับกลิ่นอายกองทัพดาวกางเขนใต้มากกว่าข้า เมื่อเจ้าทิ้งมันเอาไว้ให้เจ้าเด็กนั่นก็เพื่อให้เด็กนั่นหาที่นี่พบไม่ใช่หรือ?”
“ถูกแล้ว แต่ท่านต้องรู้ แม้ว่าข้าต้องทำอีกครั้ง ใครจะรู้ว่าข้าจะมาถึงดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ได้
“เหมือนพ่อ เหมือนลูก!”
“ไม่,ข้าคิดว่าเขาต้องอดทนต่อความยากลำบากนับไม่ถ้วนจนมาถึงที่นี่ ข้าสัญญากับภรรยาข้าไว้ว่าจะดูแลเขาให้ดี ถ้านางอยู่ในสวรรค์รู้ว่าข้าทำอะไรลงไป นางคงมาเอาชีวิตข้าแน่นอน”
“คนที่สวมมงกุฎก็ต้องแบกรับภาระ”
“...วิชาศิลปะและอักษรศาสตร์ของเจ้า ดูเหมือนจะดีขึ้นใช่ไหม?”
“เจ้าต้องการสู้ด้วยหรือ?”
“เจ้าต้องอยู่ในกลุ่มดาวคนคู่แน่ถึงได้เปลี่ยนสีหน้าได้เร็วนัก!”
“อย่ามาพูดไร้สาระกับข้า, มาสู้กัน!”
“เมื่อพูดถึงเรื่องการสู้... เจ้าต้องเบื่อจริงๆแน่ อีกไม่นานเราจะมีเรื่องยุ่งเหลือเฟือ
“ข้ากำลังมองไปข้างหน้าจริงๆ”
***************************
เมื่อสายตาทุกคนถูกดึงดูดไปที่การประมูลของจากดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ในเมืองศีรษะหมี, คนกลุ่มหนึ่งมาถึงดาวอู่อันอย่างเงียบงัน
“ข้าไม่เคยคิดเลยว่าจะมีทางน้ำอยู่ที่นี่จริงๆ” ซือหม่าเซี่ยวได้รับรู้ทันที ดาวอู่อันอยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มดาวหมีใหญ่มานานแล้ว แต่ไม่มีใครรู้สึกแปลกและไม่มีใครเคยห้ามมิให้ถังเทียนครอบครองดาวอู่อัน
ดาวอู่อันเป็นดาวนอกระบบที่มีพลังงานเบาบางและไม่มีผลผลิตอื่น ไม่คุ้มค่ากับการครอบครอง ทุกคนคิดว่าถังเทียนตัดสินใจครอบครองดาวอู่อันเพราะเป็นบ้านเกิดของเขา แม้แต่สมาพันธ์ชาวยุทธศัตรูคู่แค้นก็ยังไม่รบกับถังเทียนด้วยเรื่องแค่นี้
วิธีการแก้ปัญหาของหนุ่มชาวฟ้านับว่าโหดมาก และนั่นคือการเริ่มสงครามโดยตรง
ผู้ปกครองแห่งกลุ่มดาวหมีใหญ่ที่เป็นเผด็จการและอำมหิตนี้ดูเหมือนไม่มีอิทธิพลทางการเมืองและและฉลาดแม้แต่น้อย พวกเขาเพียงแต่ใช้วิธีแก้ปัญหาด้วยการเริ่มสงคราม ถ้าพวกเขาไม่พอใจ พวกเขาก็สู้ ถ้าพวกเขามีข้อพิพาท พวกเขาก็สู้ ถ้าพวกเขามีมุมมองขัดแย้งกันพวกเขาก็สู้....
เป็นเพราะความสามารถในการต่อสู้ของกลุ่มดาวหมีใหญ่ทรงพลังมากจนถึงขึ้นที่การต่อสู้ของพวกเขาชนะได้ทุกศึก
ทุกคนทำได้แต่เพียงเงียบต่อระเบิดที่ทรงพลังนี้อย่างเชื่อฟัง ไม่มีใครกล้าคุกคามแม้แต่น้อย ถ้าระเบิดนี้เกิดระเบิดขึ้นมา ก็จะไม่เป็นเรื่องดีสำหรับทุกคน
ซือหม่าเซี่ยวมองดูถังเทียนคนที่ดูเหมือนจะโง่ แต่ความจริงกลับไม่โง่อย่างที่ผู้คนคิด เขาไม่เคยประเมินถังเทียนต่ำ แต่ในความเป็นจริง ในบรรดาคู่ต่อสู้ของเขาทั้งหมดถังเทียนอยู่ในสามอันดับแรกแน่นอน
แต่ตอนนี้เขาต้องยอมรับว่าเขายังคงประเมินถังเทียนต่ำไปอีก ภายใต้การกระทำที่โหดร้ายรุนแรง มักจะมีแรงบันดาลใจแฝงอยู่ ช่างเป็นคนเจ้าเล่ห์ยากจะหยั่งถึงจริงๆ
ซือหม่าเซี่ยวสังเกตบรรยากาศตึงเครียดในดาวอู่อันและตระหนักได้ทันที “เจ้าต้องการจะสู้กับสมาพันธ์ชาวยุทธที่นี่หรือ?”
เนี่ยชิวและจงหลีไป๋ที่อยู่ข้างตัวถังเทียนมองด้วยแววประหลาดใจทั้งสองยังคงเงียบก่อนที่จะแสดงอาการรับรู้
การรับรู้ที่แหลมคมของซือหม่าเซี่ยวทำให้ถังเทียนประหลาดใจ เขาไม่ตอบแต่กลับย้อนถาม “เจ้าพูดแบบนั้นได้ยังไง?”
แม้ว่าถังเทียนจะไม่ตอบคำถามเขาตรงๆ แต่คำพูดของเขาทำให้ซือหม่าเซี่ยวยืนยันข้อสันนิษฐานของเขา
“เพราะที่นี่มีทหารมากเกินไป” ซือหม่าเซี่ยวอธิบาย “แม้ว่าข้าจะไม่เห็นชั้นนอกของทหารเจ้า แต่ข้ารู้สึกได้ว่าการป้องกันภายนอกน่าจะหนักหนามากกว่าภายใน ถ้าเจ้ากำลังพูดว่าเตรียมป้องกันสถานที่ อย่างนั้นเจ้าก็คงทำตรงกันข้าม เจ้าบอกว่าเจ้ามีแผนเช่นกันดังนั้นจึงเดาได้ง่ายมาก”
เนี่ยชิวและจงหลีไป๋เบิกตากว้างขณะที่พวกเขามองดูซือหม่าเซี่ยวอย่างตกใจ ทั้งสองคนรู้สึกได้ถึงความรู้สึกคลุมเครืออย่างที่ซือหม่าเซี่ยวพูด แต่ทั้งสองไม่คิดไปไกลอย่างนั้น
‘เขามีความโดดเด่นกว่าเรามาก’
ข้อสรุปนี้กระทบความภูมิใจของคนทั้งสองมาก แม้ในกลุ่มดาวราชสีห์ที่ขุนพลผู้น่ากลัวมีอยู่ทุกที่ ทั้งสองคนเคยคิดว่าเขาไม่เคยแพ้ใคร แต่หลังจากมาถึงกลุ่มดาวหมีใหญ่ พวกเขารู้สึกผยองมากขึ้น เมื่อเทียบกับขุนพลทหาร กลุ่มดาวหมีใหญ่ยังห่างจากกลุ่มดาวราชสีห์
ตลอดการเดินทางถังเทียนให้พวกเขารับผิดชอบหน่วยสุญญตา หานปิงหนิงและพวกอาจน่ากลัวและแข็งแกร่ง แต่พวกเขาไม่มีคุณสมบัติเป็นแม่ทัพทหาร
จึงเป็นครั้งแรกที่ทั้งสองคนมีปฏิกิริยากับร่างพลังกายเป็นศูนย์ และระบบพลังแบบใหม่สร้างความประหลาดใจให้พวกเขา ขณะเดียวกันก็ทำให้พวกเขาตื่นเต้น นายทหารแก่และปานกลางต้องการใช้ประโยชน์ตามปกติ และไม่สนใจสิ่งใหม่ แต่เนี่ยชิวและจงหลีไป๋ผู้อายุเยาว์และมีความทะเยอทะยานต้องการจะสร้างตนเองนี่เป็นงานเลี้ยงอย่างมิต้องสงสัย
พวกเขาเตรียมตัวฝึกฝนหนัก
แต่ตามมาด้วยการหมกมุ่นของพวกเขา เพลิงในหัวใจของพวกเขาค่อยๆ มอดลงกลายเป็นเยือกแข็ง เพราะพวกเขาตระหนักได้ว่าแผนการฝึกของหน่วยสุญญตาโดดเด่นมากว่าที่พวกเขาคิดไว้
พวกเขาพูดไม่ออก
ทั้งสองคนรู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขาอยากจะหัวเราะ ก่อนนี้เมื่อคิดว่าด้วยพลังของพวกเขา พวกเขาสามารถสั่งทหารได้โดยไม่มีปัญหาเมื่อเข้าสู่กลุ่มดาวหมีใหญ่ แต่ความเป็นจริงช่างโหดร้าย เนื่องจากพวกเขาพบว่าพวกเขาไม่สามารถแข่งขันในเรื่องแผนการอบรมได้ แผนการฝึกของหน่วยสุญญตาเองสมบูรณ์แบบไร้ข้อตำหนิในสายตาของพวกเขา พวกเขาเปลี่ยนแปลงบางอย่างในรายละเอียดที่เล็กน้อยซึ่งดูเหมือนจะไม่เข้ากัน แต่ขณะที่พวกเขาสนใจ พวกเขาคิดอย่างระมัดระวัง
พวกเขาจะรู้หลังจากผ่านไปได้สักครู่ว่ารายละเอียดทั้งหมดที่ดูเหมือนเข้ากันไม่ได้ดูเหมือนมีความหมายซ่อนอยู่ในนั้น
ยอดฝีมือ!
แผนการฝึกทั้งหมดเป็นกลิ่นอายของยอดฝีมือที่แท้จริง
ในช่วงเวลาสั้นเงียบศัตรูสำคัญตัดสินใจทำงานร่วมกัน แต่สถานะยังคงเดิม นอกจากต้องเกาะกลุ่มกันไว้ พวกเขาไม่รู้ว่าจะทำยังไง
ถ้าพวกเขาไม่สามารถจะทำงานแรกที่ถังเทียนมอบหมายให้พวกเขา อย่างนั้นความสำเร็จของพวกเขาก็เป็นได้แค่ความฝันที่ไม่เป็นจริง บุรุษหนุ่มที่มีความภูมิใจทั้งสองคนคงไม่อาจทนทุกข์ทรมานได้แน่
ทั้งสองคนเค้นสมองของพวกเขาปรึกษากันทั้งวันทั้งคืนอย่างเข้มข้นถึง120% ยิ่งกว่าที่เขาเคยสอบมา ในกระบวนความคิดทั้งหมด แม้ว่าพวกเขาจะมีการทะเลาะกันอย่างรุนแรง แต่ก็มีผลบางอย่าง ทั้งสองคนร่างแผนคร่าวๆ แม้จะยังไม่น่าพอใจ แต่อย่างน้อยก็ไม่ถึงกับดูแย่
เมื่อทั้งสองคนส่งมอบแผนของพวกเขาให้ถังเทียนอย่างกังวลใจถังเทียนก็หาความน่านับถือให้พวกเขา
ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเท่าใดนักในแผนการ แต่ถังเทียนสามารถเห็นได้ว่าพวกเขาได้ใช้ความพยายามมากมายในการเพิ่มประสิทธิภาพสามารถเปลี่ยนแผนการฝึกอย่างมุ่งมั่นของปิงได้นั่นพิสูจน์ได้ว่าพวกเขาคู่ควรและมีพลัง
จากนั้นถังเทียนให้หานปิงหนิงและพวกที่เหลือฝึกตามแผนใหม่
ทั้งสองคนยิ่งเพิ่มความซื่อสัตย์ต่อกันมากยิ่งขึ้น และบนเส้นทาง พวกเขาทำทุกอย่างเป็นเรื่องเป็นราวต่อเนื่องทำให้ความสามารถในการต่อสู้ของหน่วยสุญญตาเพิ่มขึ้นไปอีกระดับ
แต่พวกเขายังได้รับผลกระทบต่อหน้าซือหม่าเซี่ยวผู้ไม่ธรรมดา พวกเขาไม่รู้จักเขาและรู้สึกแต่เพียงว่าเด็กที่ใกล้เคียงผู้นี้ยากจะหยั่งถึง
‘มีตัวประหลาดไม่ธรรมดาอยู่ในกลุ่มดาวหมีใหญ่มากมายหรือนี่?’
ทั้งสองคนได้แต่มองหน้ากันเอง
“ถูกแล้ว” ถังเทียนไม่ปิดบัง “สมาพันธ์ชาวยุทธจะต้องสืบสาวและค้นพบทางน้ำในดาวอู่อันแน่นอน ข้าไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อย ข้ารู้สึกว่านี่เป็นโอกาสที่ดีมาก”
ซือหม่าเซี่ยวหัวเราะ “แน่นอนว่าใช่ แต่, ข้อมูลนี้ชัดเจนเกินไป ถ้าแม้แต่ข้ายังสามารถรู้สึกได้ ข้าพนันได้เลยว่าตาแก่ในสมาพันธ์ชาวยุทธก็ย่อมรู้สึกได้แน่นอน”
“นั่นก็จริง” ถังเทียนลูบคาง คำเตือนของซือหม่าเซี่ยวทำให้เขาสังเกตถึงสิ่งที่ขาดหายไปของเขาทันที
‘ถ้าสมาพันธ์ชาวยุทธรุกราน พวกเขาจะต้องแอบบุกเป็นธรรมดา และอาจจะต้องซุ่มโจมตี แต่แล้วพวกวิหารเซียนทำอะไร? นี่คือสถานที่สำคัญ วิหารเซียนจะต้องส่งยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดมาแน่นอน
‘เซียนชั้นทอง!’
ลมหายใจของถังเทียนกระชั้นเร็ว
‘ใช่แล้ววิหารเซียนจะต้องส่งเซียนระดับทองออกมาอย่างแน่นอน! อยู่ต่อหน้าเซียนไม่ว่าลอบทำร้ายยังไงก็ไร้ประโยชน์
“วิหารเซียนมีเซียนชั้นทองมากที่สุด” ซือหม่าเซี่ยวหัวเราะ น้ำเสียงของเขาปกติ แต่ประกายในดวงตาของเขาดุร้าย
เซียนระดับทองเซียนที่แข็งแกร่งที่สุด มีความสามารถทำลายล้างยากจะหยั่งถึง
จนถึงขณะนี้ไม่ว่าจะเป็นสมาพันธ์ชาวยุทธจะต้องสู้กับกลุ่มดาวราชสีห์ยังไง พวกเขาไม่เคยระดมกำลังเซียนระดับทองเลย นี่เป็นเพราะกลุ่มดาวราชสีห์ก็มีเซียนระดับทองเป็นของตนเอง พญาราชสีห์เลโอน! นอกจากนั้นราชินีดาวคนธนูก็ยังเป็นเซียนระดับทอง
วิหารเซียนไม่กล้าเอาตัวเองเข้าไปพัวพันสงครามระหว่างเซียนทอง
แต่กลุ่มดาวหมีใหญ่ไม่มีเซียนทอง นอกจากนี้ความสำคัญทางยุทธศาสตร์ของทางน้ำเข้าดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์มากมายเกินไป แม้ว่าต่อให้เอากลุ่มดาวราชสีห์มาปกป้องดาวอู่อัน แต่วิหารเซียนจะต้องลงมือโจมตีแน่นอน
ดังนั้นซือหม่าเซี่ยวสงสัยถังเทียนจะทำอะไรกันแน่? สายตาของเขาไม่เคยละไปจากหน้าของถังเทียน แต่เขาไม่เห็นความตื่นเต้นใดๆ ในตัวถังเทียน
เขาไม่กลัวเรื่องความปลอดภัยของตนเอง ตราบใดที่เขาไม่ก้าวล้ำเส้นไม่ว่าจะเป็นวิหารเซียนหรือกลุ่มดาวหมีใหญ่ จะไม่มีใครหาความยุ่งยากลำบากให้เขา เขามีกลุ่มดาวแมงป่อง เนื่องจากผู้หนุนหลังเขาก็คือศิษย์พี่ของเขาชิวจื่อจุน
เมื่อถังเทียนตระหนักว่ามีความเป็นไปได้มากที่สุดที่เขาจะเผชิญพบกับเซียนระดับทองไม่สิ, เขารู้แน่นอนว่าวิหารเซียนจะต้องระดมเซียนทอง! ไม่ใช่เป็นเพราะยุทธศาสตร์สำคัญของทางน้ำเข้าดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ แต่เพราะทวีปกวงหมิง!
ตราบใดที่พวกเขาบุกผ่านทางน้ำระหว่างดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์และสวรรค์วิถี กองทัพใหญ่ของทวีปกวงหมิงจะหลั่งไหลเข้าสวรรค์วิถีเหมือนกับกระแสน้ำและเข้าย่ำยีสวรรค์วิถีทั้งหมด
แต่ถังเทียนไม่กลัว
หลังจากผ่านมาหลายศึกมาก เขารู้ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะกลัวและตื่นเต้น นอกจากนี้....
ยังเหมือนกับว่ามีอสูรร้ายตัวหนึ่งหลับอยู่ภายในตัวของเขาซึ่งตื่นขึ้นแล้ว เขากระตือรือร้นอย่างมาก ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขายังเหนือกว่าการสู้ครั้งสุดท้าย ในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่การสู้ตัวต่อตัวก็ไม่สามารถทำให้เขารู้สึกตื่นเต้น
‘เซียนระดับทอง, เซียนในตำนาน!
‘นั่นคือโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับข้า!’
‘ช่างน่าตื่นเต้นเสียเหลือเกิน!’
ถังเทียนเลียริมฝีปาก ตาของเขาเหมือนมีเปลวเพลิง เขากำลังคิด ‘ถ้าเสี่ยวซิ่วซิ่วรู้ว่าข้ามีโอกาสจะได้สู้กับเซียนทอง เขาจะต้องอิจฉาจนโกรธอย่างแน่นอน!’
“เซียนทองในวิหารเซียนมีอยู่เท่าใดกันแน่?” ถังเทียนถามขึ้นทันที
นัยน์ตาของซือหม่าเซี่ยวเป็นประกาย ‘ความมุ่งมั่นของเจ้าบ้านี่...’
แต่เขาตอบอย่างไม่ลังเลใจ “เต็มที่คงมีไม่เกินห้าคน”
จากนั้นเขาอธิบายเหตุผล “ถ้ามากกว่านั้นพวกเขาคงไม่ต้องสู้กับกลุ่มดาวราชสีห์นานนัก พวกเขาจะไม่ลังเลใจและเข้าทำลายกลุ่มดาวราชสีห์โดยตรงและทำลายสิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคาโดยตรง”
“ถ้าเป็นเช่นนั้น อย่างนั้นพวกเขาก็จะส่งมาสองหรือสามคน” แววตาของถังเทียนมีความตั้งใจมากขึ้น
ซือหม่าเซี่ยวไม่คุ้นเคยกับแววตาที่ต้องการต่อสู้ของถังเทียน เขาก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัวและกล่าว “น่าจะเป็นสองคน พวกเขาต้องวางคนให้เฝ้าสถานที่คนหนึ่ง ที่เหลือสองจะใช้จัดการราชสีห์และราชินี”
“งั้นก็คงเป็นเช่นนั้น...”
ถังเทียนพึมพำ สีหน้าของเขาไม่มีวี่แววของความกลัวเขาหันมายิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวทันที
“อย่างนั้น ก็มาเลย!”