ตอนที่ 680 อาคันตุกะไม่คาดหมาย
ก่อนที่พวกเขาจะออกไป ถังเทียนพาอาคันตุกะไม่คาดหมายมาคนหนึ่ง
ผมสีน้ำตาลอ่อนหยักศกเป็นธรรมชาติ ใบหน้าของบุรุษหนุ่มนั้นดูอ่อนเยาว์เหมือนกับว่าเขายังเติบโตไม่เต็มวัยยังมีเค้าของทารกใหญ่อยู่ เขามองดูคล้ายบุรุษผู้ว่าง่ายแต่เขาสามารถเล่นกับสมาคมรวมตระกูลด้วยมือข้างเดียวของเขา และจากตรงนั้น เขาก้าวขึ้นไปนั่งเป็นจ้าวแมงป่อง ด้วยกลยุทธที่เรียกว่าแม่น้ำโลหิตไหลนองอย่างต่อเนื่องเขาตรวจสอบและรักษาสมดุลนำกลุ่มดาวแมงป่องมาไว้ในเงื้อมมือของเขา
การปรับขุนพลวิญญาณที่มีลักษณะเฉพาะทั้งหมดการกลืนการผสานวิทยาการเฉพาะของสมาคมรวมตระกูล เขาค้นพบศักยภาพกลุ่มดาวหนึ่งของสิบสองตำหนักสุริยุปราคากลุ่มดาวแมงป่องที่ล่มสลายค่อยๆ ฟื้นฟูในเงื้อมมือเขาและเริ่มแผ่รัศมีของสิบสองกลุ่มดาวตำหนักระนาบสุริยุปราคากลุ่มดาวแมงป่องเริ่มแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน เมื่อวันเวลาผ่านไปทำให้อิทธิของกลุ่มดาวแมงป่องในสวรรค์วิถีขยายออกไป และทั่วกลุ่มดาวแมงป่อง พวกเขาลืมวันเวลาที่น่ากลัวไปแล้ว และเริ่มร้องเรียกราชาแมงป่องหนุ่ม
ด้านข้างของเขาคือศิษย์พี่ของเขาที่ไม่ค่อยแยกจากกันชิวจื่อจวิน เขาสวมชุดสีขาวผมสีดำยาวประบ่า หน้าตาขาวซีดทำให้เขาดูเหมือนจะถูกลมพัดปลิวได้ แต่ไม่มีใครกล้าดูแคลนเขาบุรุษที่ดูเหมือนอ่อนแอผู้นี้เขาคือดาบที่คมที่สุดของซือหม่าเซี่ยว การล้างผลาญกลุ่มดาวแมงป่องครั้งใหญ่มีอยู่ครึ่งหนึ่งที่ถูกประหัตประหารโดยเขา
บุรุษทั้งสองคือผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดของกลุ่มดาวแมงป่อง
การมาเยือนของซือหม่าเซี่ยวสร้างความประหลาดใจให้กับถังเทียน ทั้งสองไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีที่สุดในความเป็นจริงค่อนข้างจะเป็นศัตรูกัน สำหรับเด็กหนุ่มที่เชี่ยวชาญในด้านกลโกงและวางแผน ถังเทียนไม่มีความรู้สึกที่ดีจากเขาอยู่แล้ว นอกจากนี้ เขาไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะมีความรู้สึกที่ดีเขาตัวเขาเอง
“ข้ามาที่นี่เพื่อดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์”
ซือหม่าเซี่ยวเข้าประเด็นทันทีโดยไม่ปกปิดอะไร
“ถ้าข้าคาดไม่ผิด เจ้าจงใจส่งข้อมูลออกไปก็หมายความว่ามีปัญหายุ่งยากบางอย่างที่เจ้าเผชิญอยู่ที่ดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์และเจ้าต้องการความร่วมมือของทั่วทั้งสวรรค์วิถีเพื่อป้องกันตัวเจ้าเองในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่าจะมีความไม่สบายใจต่อกันในระหว่างพวกเราในก่อนหน้านั้น แต่เราไม่มีผลประโยชน์อะไรที่ขัดแย้งกัน แม้ว่าเจ้าจะได้สืบทอดกองทัพดาวกางเขนใต้ แต่ความขัดแย้งกับกลุ่มดาวแมงป่องก็ควรสลายหายไปได้แล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องสงสัยความจริงใจของเราเจ้าระบุเงื่อนไขของเจ้ามาได้เลย”
ถังเทียนคาดไม่ถึงเลยว่าสายตาของซือหม่าเซี่ยวจะแหลมคมยิ่งนัก เขาเพียงแต่ปล่อยข้อมูลในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ แต่ซือหม่าเซี่ยวกลับคาดเดาถึงเจตนาที่แฝงอยู่ได้
มาถึงแนวหน้าด้วยความกล้าหาญตามลำพังน่าชื่นชมแท้จริง
ไม่นับกลุ่มดาวแกะหรือกลุ่มดาววัวที่กำลังตกต่ำ แม้แต่ตำหนักสุริยุปราคาอื่นที่มั่นคงและเป็นหลักคนกลุ่มดาวแมงป่องหนุ่มกำลังแสดงความแข็งแกร่งและกล้าหาญที่ไม่ธรรมดาบางส่วนคล้ายกับกลุ่มดาวหมีใหญ่ ถังเทียนไม่รู้จะอธิบายคุณภาพยังไง แต่ก็ทำให้เขาคุ้นเคยกับพวกเขา
‘ไม่มีอะไรแย่เกี่ยวกับการทำงานร่วมกับกลุ่มดาวแมงป่อง ขณะที่ซือหม่าเซี่ยวพูดเราไม่มีผลประโยชน์อะไรขัดแย้งกัน
‘แต่ข้าควรจะยกเงื่อนไขอะไรขึ้นอ้าง?’
ถังเทียนเค้นสมองคิดอย่างระมัดระวังจนทำให้เขาชักจะปวดหัว
ซือหม่าเซี่ยวไม่รีบร้อน เขาจิบชาตามปกติ แต่แอบโล่งอกอยู่ในใจ ‘ถังเทียนไม่ได้ปฏิเสธเขาทันที ก็หมายความว่ามีไพ่เล่นอยู่ในมือ ตราบใดที่มีเงื่อนไขอะไร ไม่ว่าจะราคาเท่าใด เขาไม่สนใจ’ คนอื่นอาจจะสงสัยและการคงอยู่ของดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ แต่เขาได้เห็นแล้วก้าวแรกในการเปิดดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์สามารถทำกำไรในอนาคตได้ไม่มีที่สุด
โครงสร้างของสวรรค์วิถีมีเสถียรภาพมาเป็นเวลานานแล้ว และแม้แต่สมาพันธ์ชาวยุทธรุ่นก่อนก็ยังไม่กล้ายึดและผนวกกลุ่มดาวอื่น
ไม่มีพื้นที่ในสวรรค์วิถีเหลือมากอีกต่อไป และสำหรับซือหม่าเซี่ยวผู้ทะเยอทะยาน มันคือสิ่งที่น่าตกใจที่สุดด้วยการปรากฏของดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ทำให้ความสนใจของเขาเพิ่มขึ้นทันที และหลังจากคาดเดาความตั้งใจของถังเทียนถูก เขาก้าวหน้าไปด้วยตนเองโดยไม่ลังเล
ถังเทียนผู้ยึดทางน้ำเข้าสู่ดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ไว้ในมือยังได้รับประโยชน์มากมายสำหรับอนาคต ตราบใดที่ทางน้ำไม่เปลี่ยนมือ ความได้เปรียบนี้ไม่ใช่สิ่งที่ใครๆจะชิงไปได้
และจะเป็นยังไงถ้าพวกเขาล้มเหลวในการปกป้องทางน้ำ? ซือหม่าเซี่ยวได้ตรวจสอบวิเคราะห์การต่อสู้ที่ถังเทียนมีส่วนร่วมทั้งหมด และได้ข้อสรุปอย่างหนึ่งคือถังเทียนและคนของเขาไม่เคยทำผิดพลาดในการสู้รบครั้งสำคัญ ถังเทียนและคนของเขาจะมีไหวพริบผิดปกติเมื่อมาถึงยุทธศาสตร์สำคัญด้วยความกล้าหาญเป็นพิเศษ
เขาไม่เชื่อว่าระดับสูงของกลุ่มดาวหมีใหญ่จะทำข้อผิดพลาดโง่ๆอย่างนั้น
ถ้าเขาไม่สามารถเป็นคนแรก เขาจะเป็นคนที่สองที่รอโอกาส
ในความเป็นจริงแม้ว่าจะไม่สอดคล้องกับความทะเยอทะยานของซือหม่าเซี่ยว แต่นิสัยทะเยอทะยานและความโหดร้ายของราชาแมงป่องเป็นการกระทำที่สร้างความนิยมให้กับผู้คน เป็นสิ่งที่ครั้งหนึ่งผิดพลาด เขามักจะเพิ่มผลประโยชน์ให้ตัวเองได้มากที่สุด
‘ในเมื่อข้าไม่สามารถแข่งขันครอบครองความได้เปรียบในอนาคตได้ อย่างนั้นข้าจะลดความเสียเปรียบให้มากเท่าที่ทำได้’
ชิวจื่อจวินไม่พูดแม้แต่น้อย เขาสังเกตดูถังเทียนตั้งแต่ต้น สำหรับเขาแล้วศิษย์น้องของเขาคืออัจฉริยะที่ปรากฏในรอบหลายร้อยปี ด้วยวิธีถล่มฟ้าทลายดินวีรบุรุษหลายคนเคยตกเป็นเครื่องมือให้ศิษย์น้องเขาเล่นมาแล้ว
แต่ในสวรรค์วิถีมีอยู่คนเดียวที่มักสร้างแรงกดดันให้ศิษย์น้องของเขาและนั่นก็คือถังเทียนที่กำลังคิดอยู่ต่อหน้าเขานี้
จากการสนองตอบได้ช้า เขาสามารถบอกได้ว่าถังเทียนไม่อาจเทียบได้กับศิษย์น้องของเขา ถ้าเป็นศิษย์น้องของเขา ตราบใดที่อีกฝ่ายพูดจบ เขาจะมีคำตอบรอไว้แล้ว
ถังเทียนขมวดคิ้วลึกราวกับว่ากำลังเค้นสมอง ชิวจื่อจวินไม่เข้าใจเลยว่าคนที่ไม่เก่งอย่างเขาจะสามารถวางรากฐานได้ด้วยมือเปล่าและกดดันศิษย์น้องของเขาได้
ถังเทียนไม่สนใจสายตาของพวกเขาแม้แต่น้อยขณะที่เขาคำนวณในใจ
ความจริงสถานการณ์การเมืองปัจจุบันเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันหลายทาง กลับกลายเป็นคลุมเครือไม่ชัดเจน และสำหรับถังเทียนมันยุ่งเหยิงจริงๆ เขาพยายามอย่างดีในการสงบใจตัวเองลง ‘อะไรคือปัญหาสำคัญที่สุดที่ข้าต้องแก้ตอนนี้?’
‘สมาพันธ์ชาวยุทธ!’
ถังเทียนได้ข้อสรุปอย่างง่ายดาย ‘ใช่แล้วสมาพันธ์ชาวยุทธ!’ ตาของถังเทียนเป็นประกายดุร้ายมีกลุ่มดาวแมงป่องเข้าร่วมในระดับของเขาเพื่อเอาชนะสมาพันธ์ชาวยุทธ นั่นก็เป็นเหมือนเสือติดปีก
‘ซือหม่าเซี่ยวเองก็เป็นขุนทหารคนหนึ่งสามารถอยู่เหนือคนที่เหลือจากสมาคมรวมตระกูลได้ นั่นเป็นเพราะความสำเร็จทางทหารของเขา’
‘ในแง่ความแข็งแกร่ง กลุ่มดาวแมงป่องทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างมิต้องสงสัย แต่ถ้าข่าวรั่วออกไป และสมาพันธ์ชาวยุทธได้โอกาส อย่างนั้นแผนทั้งหมดที่วางไว้ก็จะไม่มีประโยชน์’
ซือหม่าเซี่ยวอ่านสีหน้าได้ดี เขาสังเกตความเปลี่ยนแปลงในสีหน้าของถังเทียนได้ทันทีและรู้ว่ามีเหตุผลที่ทำให้ถังเทียนลังเล
‘จะเป็นเหตุผลอะไรได้?’
ความคิดนับไม่ถ้วนผุดขึ้นมาในใจของเขา เขายังคงคิดและสังเกตว่าในช่วงเครียดและสำคัญที่สุด ถังเทียนกำลังลังเล!
‘ทำไมถังเทียนถึงลังเล? เงื่อนไขไม่น่าพอใจหรือเปล่า?’
‘ไม่ ไม่มีอะไรที่จะทำได้ แต่ถังเทียนลังเลอยู่ก่อนแล้ว นั่นหมายความว่าไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับราคามูลค่า แต่ถังเทียนไม่ได้ปฏิเสธซึ่งก็หมายความว่า ข้าเสนอนี้ทำให้เขาตื่นเต้น
‘แต่ถังเทียนลังเลอะไรก่อนที่เขาจะตั้งเงื่อนไข?’
ดวงตาของซือหม่าเซี่ยวหรี่แคบทันที ‘ถังเทียนและพวกต้องวางแผนบางอย่าง ถ้าไม่อย่างนั้น เขาจะต้องไม่ลังเล! เรื่องที่พวกเขาวางแผนอยู่ในเงาต้องสำคัญอย่างยิ่งยวดจนถึงกับทำให้ถึงเทียนกังวลว่าจะทำให้ปัญหายุ่งยาก
‘ใช่แล้ว ต้องเป็นเช่นนั้นแน่!’
‘แต่มันสำคัญอะไรกันนักหนา?’
ซือหม่าเซี่ยวตระหนักว่าเขาพลาดส่วนสำคัญที่สุดไป แต่มีสิ่งมากมายเหลือเฟือที่พอจะแก้ไขได้ และไม่ง่ายที่เขาจะคิดออกได้ในทันที เขาต้องให้ถังเทียนพูดออกมาก่อน เขาสามารถแสดงทัศนคติของเขาได้ ถ้าไม่อย่างนั้นถังเทียนปฏิเสธเขาเรื่องก็จะต้องกลับไปสู่จุดเริ่มต้น
“ถ้าเจ้ามีเรื่องกังวลข้ายินดีจะเป็นตัวประกัน”
ซือหม่าเซี่ยวเสนอตนเองบนโต๊ะโดยไม่ลังเล
หน้าของชิวจื่อจวินเปลี่ยน เข้าต้องการห้ามซือหม่าเซี่ยว แต่ก็เห็นเขายกมือทั้งสอง
ซือหม่าเซี่ยวจ้องมองถังเทียน “หนุ่มชาวฟ้า อย่าได้สงสัยความศรัทธาที่ดีของข้า ข้าได้ยินมาว่ากลุ่มดาวหมีใหญ่มีสถานที่ลึกลับมากมาย และข้าตั้งใจมาอยู่ที่นี่ช่วงเวลาหนึ่ง ไม่ว่าเจ้าจะดำเนินการยังไงกลุ่มดาวแมงป่องของเราจะเป็นผู้ช่วยของเจ้า กลุ่มดาวแมงป่องของเรามีความจริงใจและสามารถช่วยกลุ่มดาวหมีใหญ่ได้”
ถังเทียนมองดูซือหม่าเซี่ยวอย่างประหลาดใจ เขาไม่เคยคิดว่าซือหม่าเซี่ยวจะตัดสินใจแน่วแน่และไม่ลังเลที่จะเอาตัวเองเป็นประกันเพื่อขจัดความวิตกกังวลใจให้กับเขา
‘คนผู้นี้เป็นนักพนัน!’
แต่ถังเทียนรู้สึกชื่นชมและนับถือเขา
ทันใดนั้นถังเทียนมีความคิดที่บรรเจิด “เร็วๆนี้ข้าต้องการจะไปดูที่ดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ เอาอย่างนี้เป็นไง เจ้าสนใจหรือไม่?”
‘พาเจ้าบ้านี่ไปดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ด้วยคงจะเป็นความคิดที่ดี’
หน้าของชิวจื่อจวินเปลี่ยนอีกครั้ง ถ้าศิษย์น้องของเขาอยู่ในกลุ่มดาวหมีใหญ่ในฐานะตัวประกัน ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น อย่างน้อยเขาก็พยายามช่วยเขาได้ แต่ถ้าศิษย์น้องของเขาจะเข้าดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์อย่างนั้นกลุ่มดาวแมงป่องอาจจะถูกจูงจมูกโดยไม่มีพื้นที่ให้ต่อต้าน
ซือหม่าเซี่ยวยังคงเฉยๆ และหัวเราะ “โอกาสอย่างนั้นยากจะมาถึง ข้าสงสัยจริงๆว่าดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์จะเป็นเช่นไร”
ชิวจื่อจวินรู้ว่าเรื่องจะต้องมาถึงจุดสรุป และเขาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้นเขาพูด “ข้าสงสัยว่า เจ้าจะพาคนไปเพิ่มได้ไหม? ผู้น้อยก็อยากรู้อยากเห็นดาราจักรเซียนศักดิ์เช่นกัน”
ซือหม่าเซี่ยวมองดูศิษย์พี่ด้วยท่าทีขอโทษ “ศิษย์พี่,กลุ่มดาวแมงป่องยังต้องการให้ท่านคอยดูแล ถ้าศิษย์พี่ไม่อยู่ที่นั่น ข้าเกรงว่ากลุ่มดาวแมงป่องจะไม่สามารถยืนหยัดได้มั่นคง”
ชิวจื่อจวินรู้สึกจนใจได้แต่เงียบ ถ้าทั้งสองคนหายไปในเวลาเดียวกัน กลุ่มดาวแมงป่องจะตกอยู่ในอันตรายที่แท้จริง และเขารู้ว่าเพราะตัวเขาเอง น้ำหนักของเขาไม่มีทางเทียบได้กับศิษย์พี่เขาและไม่สามารถแทนเขาได้
แต่เขารู้สึกกังวลแต่ชื่อเสียงของถังเทียนยังนับว่าดีมาก และไม่เคยมีสักครั้งที่เขาเคยได้ยินว่าพวกเขาจงใจฆ่าผู้บริสุทธิ์
‘เทียบกับพวกเขาแล้ว ข้ายังเป็นเพชฌฆาตมือเปื้อนเลือดยิ่งกว่า’
ชิวจื่อจวินฝืนหัวเราะในใจ แต่เขาไม่เสียใจ นอกจากนี้ตราบใดที่เขายังยึดกลุ่มดาวแมงป่องไว้อย่างเหนียวแน่น ศิษย์น้องของเขามักจะปลอดภัยอยู่เสมอ ไม่มีใครกล้าคิดว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้ากลุ่มดาวระนาบสุริยุปราคาจะไม่สนใจผลกระทบอะไรและทำสิ่งที่พวกเขาต้องการ
เนื่องจากได้ข้อสรุปเรียบร้อยแล้ว ถังเทียนจึงไม่ปิดบังพวกเขาต่อไป “เรากำลังจะรับมือกับสมาพันธ์ชาวยุทธ!”
ซือหม่าเซี่ยวและชิวจื่อจวินสะท้านใจ แต่ทั้งสองค่อยแสดงความรู้สึกออกมาในเวลาสั้นๆ ในความเป็นจริงไม่ถือว่าเป็นเรื่องแปลกสำหรับกลุ่มดาวหมีใหญ่ที่ต้องการจัดการกับสมาพันธ์ชาวยุทธ แต่ซือหม่าเซี่ยวไม่คิดเลยว่าถังเทียนจะเลือกเวลาแบบนั้นเพื่อบอกเขา
ในทางทฤษฎี ไม่ใช่เวลาที่ดีเลยที่จะเป็นศัตรูกับสมาพันธ์ชาวยุทธ เมื่อเวลาผ่านไป การสู้รบระหว่างกลุ่มดาวราชสีห์และสมาพันธ์ชายยุทธจะทำให้สมาพันธ์ชาวยุทธอ่อนแอลง และกลุ่มดาวใหญ่ที่เป็นแนวร่วมกันอื่นๆจะแข็งแกร่งมากขึ้น นั่นคือเวลาที่ดีที่สุดที่จะโจมตี
‘กลุ่มดาวหมีใหญ่ต้องมีเหตุผลของการเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านสมาพันธ์ชาวยุทธอย่างแน่นอน’
ซือหม่าเซี่ยวไม่ต้องการคิดอะไรมากมาย เขาถอนหายใจโล่งอก แม้ว่าครั้งหนึ่งพวกเขาจะเคยใกล้ชิดกับฝ่ายสมาพันธ์ชาวยุทธ แต่สำหรับเขา พวกเขาไม่นับเป็นพันธมิตร
‘และสมาพันธ์ชาวยุทธคือมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ถ้าพวกเขาต้องการร่วมมีส่วนในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาคงต้องการส่วนแบ่งชิ้นใหญ่เป็นแน่’
‘เมื่อเป็นเช่นนั้น, เราต้องกำจัดพวกเขา!’
ประกายสายตาของซือหม่าเซี่ยวดุร้าย เขาลุกขึ้นยืน
“เรื่องนี้เจ้าสามารถนับกลุ่มดาวแมงป่องเข้าร่วมได้เลย!”