ตอนที่ 679 ไม่ยอม? เราถนัดจัดการคนไม่ยอมอยู่แล้ว
เจ้าเมืองลมดำเพิ่งจะมีเรื่องให้ปวดหัวมาไม่นานนี้
ตอนแรกเจี๋ยฮู่ปฏิเสธฟังคำอธิบายของสมาชิกที่แข็งแกร่ง ถ้าไม่ใช่เพราะการปรากฏตัวของแม่ทัพหลงเสียงผู้เป็นตัวแทนของราชาใจสิงห์ เจี๋ยฮู่คงจะประกาศสงคราม
เจ้าแก่เฮยสั่วไม่ได้ถูกฆ่าในเมืองลมดำของเขาสักหน่อย เห็นได้ชัดว่าบางคนไล่ต้อนเขา แต่เจี๋ยฮู่ไม่เชื่อแน่นอนว่าเจ้าเมืองลมดำรู้ว่าเขาทำเรื่องเลวร้ายมากมายในอดีต เป็นธรรมดาที่เจี๋ยฮู่จะไม่เชื่อเขา โชคดีที่สำนักไป๋ซ่งหลอกง่ายไม่เพียงแต่พวกเขายินดีหยุดสงครามเท่านั้น พวกเขายังยินดีจะร่วมมือก่อตั้งความเป็นพันธมิตร
ก่อนที่เจ้าเมืองลมดำจะเสร็จสิ้นการจัดการกับเรื่องของคุณชายซ่งเทาและผู้อาวุโสเฮยสั่วเขาได้รับข่าวอีกชิ้นหนึ่ง
ประกาศสงคราม!
สำนักทงเทียนแห่งแดนสวรรค์ตะวันตกสำนักมังกรทะยานและวังมารรวมพลังกันประกาศสงครามกับเขา
“แม่มันเอ๊ย...”เมื่อเจ้าเมืองลมดำเห็นประกาศสงคราม เขาโกรธอย่างหนักจนแทบกระอักโลหิตเขาสบถด่าไม่หยุดเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงโดยไม่ได้ดื่มน้ำแม้แต่อึกเดียว อย่างไรก็ตามเขายังไม่สามารถระบายความโกรธในใจได้ เขาไม่ได้สบถด่าการผนึกกำลังกันของสำนักทงเทียนสำนักมังกรทะยานหรือวังมารที่เขาไม่รู้จัก หากแต่เป็นบริวารที่ไร้สมองของเขามันเป็นเรื่องมากเกินไปกับการฆ่านักเล่นแร่แปรธาตุผู้เชี่ยวชาญ และเมื่ออีกกลุ่มหนึ่งมาตามหาเขาแต่กลับส่งคนไปล้อมทำร้ายพวกเขา นี่คิดบ้าๆ อะไรกันอยู่
นี่มันใช้สมองคิดหรือตูดคิดกันแน่?
คนธรรมดาที่ไหนจะใช้เงินมากมายซื้อผลมังกรเปลือกแข็งสามพันปีได้ยังไง?คนธรรมดาที่ไหนที่ซื้อโดยไม่สนใจเงินเป็นล้าน?
เจ้าเมืองลมดำเศร้าใจที่พบว่าสายตามองการณ์ไกลบริวารของเขายังไม่เท่ากับพ่อค้าเร่อย่างน้อยที่สุดพ่อค้าเร่ก็ยังเสี่ยงชีวิตปกป้องนักเล่นแร่แปรธาตุคนสำคัญ แต่บริวารของเขาเห็นแต่เงินอยู่ในสายตา
เจ้าพวกปัญญาอ่อนเหล่านี้พวกมันคิดว่านักเล่นแร่แปรธาตุปรุงยาในแดนสวรรค์มีหลายคนหรือ?
ผลมังกรเปลือกแข็งสามพันปีต่อให้มอบให้คนธรรมดาก็อาจใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้
ถ้าเขาไม่ใช่นักเล่นแร่แปรธาตุใครจะซื้อตัวยาอย่างนั้น
เจ้าเมืองลมดำไม่ประหลาดใจที่สำนักทงเทียนสำนักมังกรทะยานและวังมารจะโกรธ
ถ้ามีเภสัชกรอยู่ภายใต้บัญชาการของเขาเขามั่นใจว่า เขาคงจะโกรธเคืองที่อีกฝ่ายหนึ่งถ้าผู้เชี่ยวชาญถูกสังหาร....นักเล่นแร่แปรธาตุผู้เชี่ยวชาญ มีความหมายอะไรในแดนสวรรค์? ผู้เชี่ยวชาญหาได้ยากในแดนสวรรค์เป็นร้อยเท่าเป็นสมบัติที่ประมาณค่ามิได้!สำนักใดที่มีนักเล่นแร่แปรธาตุผู้เชี่ยวชาญ ด้วยยาที่เขาปรุงขึ้นมาพวกเขาจะสามารถสร้างยอดฝีมือระดับปราณฟ้าออกมาได้...นักเล่นแร่แปรธาตุผู้เชี่ยวชาญ แม้แต่ราชาใจสิงห์ก็มีอยู่เพียงคนเดียว.... ตอนนี้ บริวารของเขาฆ่านักเล่นแร่แปรธาตุผู้เชี่ยวอย่างง่ายๆ ต้องกล่าวว่าเป็นโศกนาฏกรรมของเขาอย่างแท้จริง!
ถ้ามีคนฆ่านักเล่นแร่แปรธาตุผู้เชี่ยวชาญแห่งหุบเขามังกรซ่อน จะเป็นเหตุให้เกิดสงครามแบบไหน?
คำตอบก็เหมือนกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองลมดำตอนนี้
ประกาศสงครามข้ามพรมแดน ประกาศสงครามที่แก้ไขไม่ได้ด้วยเงินหรือทรัพย์สิน! เจ้าเมืองลมดำปวดหัวหนัก เขารู้สึกว่าศีรษะของเขาพองโตกว่าเดิมสามเท่า
“นี่ไม่ใช่งานง่ายๆ” แม้แต่แม่ทัพหลงเสียงผู้สนับสนุนเจ้าเมืองลมดำเต็มที่ก็ยังต้องกลับไปถามราชาใจสิงห์
“จับตาดูเอาไว้ อีกฝ่ายอาจแค่เพียงส่งเสียงดังก็ได้...” ไป๋ซ่งรู้สึกว่าเขาต้องคอยดู แน่นอนว่าแม้แต่เขาเองก็รู้สึกว่าคู่ต่อสู้ของเขาหลอกล่อน้อยมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่สำนักทงเทียนสำนักมังกรทะยานและวังมารประกาศสงครามไปแล้ว นี่พิสูจน์ว่าเรื่องมิอาจเพิกถอนได้ อย่างไรก็ตามเขาไม่รู้ว่าฝ่ายนั้นมีนักรบปราณฟ้าอยู่เท่าใด ถ้าอีกฝ่ายมีนักรบปราณฟ้าอยู่มากจนพวกเขาทุ่มออกมาสุดกำลังเมืองลมดำคงไม่สามารถทำอะไรได้
“หรือว่าเป็นการสมคบคิดกันวางแผน?”แม่ทัพจินฟงสงสัย
“เป็นไปได้น้อยมาก” เจ้าเมืองลมดำส่ายศีรษะ เขาเองก็หวังว่าจะเป็นการสมรู้ร่วมคิด อย่างนั้นก็จะง่ายที่เขาใช้อ้างกับอีกฝ่ายเขาสามารถหายอดฝีมือชั้นสูงระดับราชาใจสิงห์และใช้เงินบางส่วนมาช่วยจัดการเรื่องนี้
อย่างไรก็ตามความเป็นไปได้ที่จะเป็นการสมคบคิดมีน้อยมาก เพราะอีกฝ่ายไม่ยินยอมที่นักเล่นแร่แปรธาตุตาย
นอกจากนี้เรื่องนี้ไม่ใช่เป็นเพราะอีกฝ่ายเป็นผู้เริ่มก่อน แต่เป็นเพราะนายกองทหารของเขาเองและรองประธานหอการค้าชิโดโลภอยากได้เงิน
เป็นเรื่องจริงที่ว่าอีกฝ่ายต้องการซื้อผลมังกรเปลือกแข็ง แต่ไม่ใช่เป็นการสมคบคิด มีอีกอย่างหนึ่งก็คือถ้าอีกฝ่ายกำลังวางแผนบางอย่าง อย่างนั้นพวกเขาคงไม่ส่งสหายร่วมกลุ่มของจวินอู๋เย่ออกมาค้นหาเขา แต่ควรจะส่งผู้สนับสนุนเขามาแทนนี่ก็เพื่อช่วยนักเล่นแร่แปรธาตุผู้เชี่ยวชาญนี้ ขณะที่ผลการรบที่ออกมา ผู้ชนะคนสุดท้ายก็ยังจะเป็นผู้ชนะ เขายังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคงจะไม่เสี่ยงชีวิตเขาเพื่อนักเล่นแร่แปรธาตุคนหนึ่ง
ถ้าอีกฝ่ายไม่สูญเสียนักเล่นแร่แปรธาตุคนสำคัญอย่างนั้น สำนักทงเทียน สำนักมังกรทะยานและวังมารจะประกาศสงครามด้วยความโกรธเกรี้ยวแบบนั้นได้ยังไง?
มนุษย์คนหนึ่งไม่ได้เป็นแม้แต่นักสู้ปราณดินมีพลังไม่ต่างกับมด ถ้าเขาตายก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา
เว้นแต่ว่าเขาคือนักเล่นแร่แปรธาตุที่แท้จริง!
“ข้าเกรงว่าเจี๋ยฮู่จะฉวยโอกาสเติมเชื้อไฟ เราควรจะหาผู้ช่วยเหลือเพิ่ม!” ผางหมันนักสู้ปราณฟ้าระดับสองเสนอแนะ “พี่ไป๋ซ่ง, รวบรวมนักสู้ปราณฟ้าจากสำนักเราทั้งหมด และข้าจะไปเชิญปีศาจเฒ่าเว่ยและคนอื่นมาเพิ่ม อย่างไรก็ตามการประมูลใหญ่ประจำปีคงต้องถูกยกเลิกไปก่อนและพวกที่คุ้มกันลี่เยี่ยนจะได้มีอิสระที่จะช่วยได้ นั่นเป็นความคิดที่ไม่เลว!”
“แม่ทัพหลงเสียง! โปรดอธิบายความจริงต่อหน้าราชาใจสิงห์ด้วยและให้พระองค์ตัดสินใจ” เจ้าเมืองลมดำพยักหน้าเห็นด้วยและจากนั้นขอหลงเสียงให้ไปรายงานราชาใจสิงห์
“ข้าจะไปรายงานฝ่าบาทเองอย่างดีที่สุด”แม้ว่าเขาจะไม่กล้ารับรองว่าถ้าสำนักทงเทียน สำนักมังกรทะยานและวังมารทรงพลัง ราชาใจสิงห์คงไม่เข้ามาแทรกแซง ใครจะยอมทำสงครามกับกองกำลังของแดนสวรรค์ตะวันตกเพื่อเมืองลมดำที่เล็กน้อยเล่า?
เรื่องแบบนี้แค่คิดก็แทบจะบ้าแล้ว!
ขณะที่พวกเขายังคงปรึกษากัน บริวารของพวกเขาวิ่งเข้ามารายงานทันที
สมาชิกของสำนักทงเทียนสำนักมังกรทะยานและวังมารให้ปล่อยตัวจวินอู๋เย่หรือส่งฆาตกรที่พยายามฆ่ากลุ่มที่ตามหาจวินอู๋เย่ทันที
รายงานนี้ทำให้เจ้าเมืองลมดำปวดหัวหนักยิ่งกว่าเดิม สิ่งที่แย่ที่สุดที่อาจเกิดขึ้นตอนนี้ไม่ใช่การฆ่า แต่เป็นการจองจำ อีกฝ่ายหนึ่งสงสัยว่าเขากักขังจวินอู๋เย่นักเล่นแร่แปรธาตุเอาไว้และต้องการให้เขาส่งมอบคน ปัญหาก็คือว่าจวินอู๋เย่ถูกฆ่าตายไปแล้วศพทิ้งไว้ในหลุมใหญ่ด้วยฝีมือนักสู้จากหอการค้าชิโด แล้วพวกเขาจะส่งมอบคนได้ยังไง? เขาไม่สามารถบอกพวกเขาได้ว่านักเล่นแร่แปรธาตุผู้เชี่ยวชาญตายไปแล้ว และเขาก็ไม่อาจยอมรับได้ว่าเขาได้ฆ่าคนไปแล้ว
อย่างไรก็ตามต่อให้เขาไม่ส่งมอบคน เขาคงไม่สามารถพูดได้อย่างมั่นใจ ไม่ต้องพูดถึงอีกฝ่ายสงสัยว่าเขาได้กักขังนักเล่นแร่แปรธาตุผู้เชี่ยวชาญเอาไว้
แม้แต่พันธมิตรที่เขาเชิญกลับมาก็อาจมีความคิดอย่างเดียวกัน
“จวินอู๋เย่ตายจริงๆ หรือเปล่า?” ตอนนี้เจ้าเมืองลมดำบ่นว่าบริวารของเขาไม่ทำหน้าที่ให้ถูกต้อง ปล่อยให้เจ้าเด็กนั่นหนีไป
“.....”แม่ทัพจินฟงสงสัยนายกองทหารและรองประธานหอการค้าชิโดมากกว่าใครเป็นพันเท่า หลังจากยืนยันซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าเขาตายสิ่งที่ทำให้แม่ทัพจินฟงโกรธที่สุดก็คือเขาไม่สามารถไปที่หลุมใหญ่เพื่อทำลายหลักฐานได้ทันที เพราะเมื่อคนอีกฝ่ายสังเกตได้ว่านักเล่นแร่แปรธาตุผู้เชี่ยวชาญถูกจัดการอยู่ที่นั่น บางทีพวกเขาอาจโกรธเกรี้ยวมากขึ้นหลังจากยืนยันว่านักเล่นแร่แปรธาตุผู้เชี่ยวชาญนั้นตายแล้ว
“ออกไปดูกันก่อน แม่ทัพหลงเสียง,โปรดส่งจดหมายไปให้ปีศาจเฒ่าเว่ยและขอให้เขานำกำลังคนมาที่นี่อย่างรวดเร็วด้วยเถอะ” ผางหมันยังคงให้หลงเสียงจัดการผลประโยชน์และให้คนสำคัญผู้นี้ช่วยโน้มน้าวราชาใจสิงห์ให้ส่งกำลังเสริมมาช่วยก่อน
ภายนอกเมืองลมดำ
ภัยพิบัติกำลังมาเยือน
ภูเขาไฟหลายแห่งกำลังก่อตัวขึ้นจากแรงสั่นสะเทือนโลกและลาวาสีแดงฉานพุ่งขึ้นในท้องฟ้า ควันม้วนตัวอยู่ในท้องฟ้าคลุมไปทั้งฟ้าและดิน
สตรีนางหนึ่งถือโซ่เทพสายฟ้ากำลังอัญเชิญดาวตก และใกล้ๆกันนั้นดาวตกนับพันร่วงหล่นจากท้องฟ้าเหมือนกับสายฝนและฉากภาพวันสิ้นโลกปรากฏที่นอกเมืองลมดำ ทำให้เจ้าเมืองลมดำ, ไป๋ซ่ง,ผางหมันและจินฟงอ้าปากค้าง ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะเอาจริง คนที่นายกองทหารและรองประธานหอการค้าชิโดฆ่าเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุผู้ชำนาญจริงๆ มิฉะนั้นอีกฝ่ายคงไม่โกรธขนาดนั้น
เจ้าเมืองลมดำมองดูสี่คนที่ยืนอยู่หน้ากลุ่มของนักสู้แดนสวรรค์ตะวันตก
ตรงกลางเป็นบุรุษที่ดูสง่างามเป็นประกายแสงสายฟ้า พลังของเขาอยู่ในชั้นปราณฟ้าระดับสองใกล้จะเข้าถึงปราณฟ้าระดับสามเต็มที
ข้างเขาเป็นบุรุษวัยกลางคนอยู่ในชุดเกราะมังกรศักดิ์สิทธิ์ เขาเป็นยอดฝีมือปราณฟ้าระดับสอง ไม่ว่าจะเป็นราศีและพลังของเขาเจ้าเมืองลมดำและคนอื่นคงไม่กล้าดูถูกเป็นแน่ ถัดจากนักรบเกราะมังกรศักดิ์สิทธิ์เป็นตัวประหลาดที่มีรูปร่างไม่ชัดเจนและมืด เขายังคงเป็นนักสู้ปราณฟ้าระดับหนึ่ง และแก่กล้าแทบจะเป็นนักรบปราณฟ้าระดับสองแล้ว
สิ่งที่เจ้าเมืองลมดำให้ความสนใจมากที่สุดไม่ใช่บุรุษที่คลุมไปด้วยสายฟ้ารูปงามและทรงพลังและมีกลิ่นอายไม่ธรรมดา
กลับเป็นบุรุษที่สวมหน้ากากทอง
คนผู้นี้เป็นเพียงคนเดียวที่กำลังนอนอยู่บนพื้นขาไขว่ห้างมือหนุนศีรษะดูเหมือนเขาจะไม่สนใจฉากภาพสนุกๆ รอบตัวเขามองอย่างผิวเผินพลังของเขาอยู่ในระดับเตรียมปราณฟ้า อย่างไรก็ตามเจ้าเมืองลมดำสังหรณ์ใจว่าพลังของคนผู้นี้อาจเทียบไม่ได้กับผู้นำกลุ่มผู้สง่างาม
สาวน้อยผู้ปล่อยพลังภัยพิบัติฟ้ามาอยู่ข้างบุรุษผู้นี้และใช้หมัดนางทุบเขาเบาๆ
นอกจากเขาแล้วไม่มีใครอื่นโชคดีปานนั้น
“ข้าคือมารสัมฤทธิ์ฟ้าจากวังมารแห่งแดนสวรรค์ตะวันตก ตราบเท่าที่เจ้าส่งมอบจวินอู๋เย่ยอดฝีมือเล่นแร่แปรธาตุให้เราการสู้รบจะสงบลงทันที มิฉะนั้นเราจะไม่หยุดจนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่ง!”
“....” เจ้าเมืองลมดำรู้สึกขมในปาก เขาอยากตายนักเขาจะไปหาจวินอู๋เย่มาให้ได้ยังไง ในเมื่อเขาโดนฝังในหลุมใหญ่ไปแล้ว
“ไม่มีข่าวเกี่ยวกับนักเล่นแร่แปรธาตุชื่อจวินอู๋เย่ในเมืองลมดำ พวกเจ้าเข้าใจผิด!” ไป๋ซ่งยืนพูดแทนเจ้าเมืองลมดำ
“ไม่เป็นไร ถ้าเจ้าไม่ต้องการส่งมอบคนพวกเจ้าก็จงส่งตัวพวกเจ้ามาแทน เราจะจัดการข้อพิพาทขัดแย้งทุกอย่างด้วยหมัดของเรา!” บุรุษหน้ากากทองที่นอนอย่างสบายบนพื้นขณะที่หญิงงามคนหนึ่งนวดให้ เมื่อได้ยินเช่นนี้เขาลุกขึ้นอ้าปากหาวบิดขี้เกียจและทำท่าว่าต้องพูดกันด้วยหมัด ด้วยระดับพลังเตรียมปราณฟ้าถ้าเป็นคนอื่นเจ้าเมืองลมดำและไป๋ซ่งคงแค่นเสียงเหยียดหยามเขาไปแล้ว อย่างไรก็ตามเรื่องแปลกก็คือไม่ว่าพวกเขาจะดูยังไง เจ้าเด็กนี่ดูเหมือนไม่ใช่คนขี้เกียจขนาดนั้น ไม่ว่าจะหยิ่งเพียงไหนเจ้าเมืองลมดำไม่กล้าเถียงกลับ
“ข้าได้ยินชื่อเสียงเจ้าเมืองลมดำมานานแล้ว มารสัมฤทธิ์ฟ้าจะมาขอรับคำแนะนำ” เขาทำผิดหลายอย่างในอดีต แต่เรื่องนี้ความจริงไม่เกี่ยวกับเขาเลย นี่เป็นการกระทำของบริวารไร้สมองของเขาและไม่ใช่การกระทำของเขา ตอนนี้อีกฝ่ายยืนยันว่าเป็นการกระทำของเขา นับว่าไม่ยุติธรรมจริงๆ สิ่งที่น่าเศร้าที่สุดก็คือเขาได้แต่ยอมรับเรื่องนี้ เหมือนกับน้ำท่วมปากไม่สามารถอธิบายออกมาได้จึงได้แต่ถลำลึก
“ผางหมัน ขอเป็นตัวแทนเจ้าเมืองต้อนรับอาคันตุกะผู้นี้!” ผางหมันฝึกฝนจนถึงชั้นปราณฟ้าระดับสาม ซึ่งเหนือกว่ามารสัมฤทธิ์ฟ้าเล็กน้อยเขาก้าวออกมาข้างหน้าทันที
“ฮ่า....”
มารสัมฤทธิ์คำรามใส่ท้องฟ้าและเมื่อเขาเคลื่อนไหว พลังถล่มฟ้าทลายดินทำให้สั่นสะเทือนไปทั้งฟ้าและดิน
เฮยฟง(เจ้าเมืองลมดำ)และไป๋ซ่งมองดูและหลุดเสียงอุทาน “อันตราย!”
ม่านตาของผางหมันหดลีบอย่างรวดเร็ว เขาไม่เคยมีความคิดเลยว่ามารสัมฤทธิ์ฟ้าจะน่ากลัวมากและว่าพลังที่เพิ่มเร็วจนถึงระดับสูงสุดทำให้ต้องฝืนป้องกันพลังโจมตีของอีกฝ่าย ตอนนี้ความรู้สึกต้องการชนะในใจของเขาถูกโยนทิ้งหายไปและเขาคิดว่าการถอยให้รอดปลอดภัยได้ คือความหวังยิ่งใหญ่ในใจของเขา