ตอนที่ 19-31 ตระกูลอันดับหนึ่ง
หลังจากไบเออร์จากไปลินลี่ย์ระบายลมหายใจโล่งอก
“เทียบกับเทพพารากอนแล้วข้าน่าจะรักษาชีวิตไว้ได้ถ้าข้ามีสมบัติมหาเทพสำหรับป้องกันพลังโจมตีวัตถุและสมบัติมหาเทพสำหรับปกป้องวิญญาณ” ลินลี่ย์พูดไม่ออกเพราะพลังโจมตีของไบเออร์ และพลังหน่วงของมันทำให้ตัวมิติถึงกับบิดเบี้ยว พลังที่น่าทึ่งยังเหนือกว่าสนามพลังอะเมทิสต์ของรีสเจม
เมื่อเผชิญกับพารากอนมีเพียงคนอย่างบีบีที่มีพลังป้องกันการโจมตีวัตถุและพลังโจมตีวิญญาณที่สุดยอดทั้งสองอย่างจึงจะสามารถรอดชีวิตอยู่ได้
“เดี๋ยวก่อน ต่อให้พลังป้องกันของข้าทรงพลังไบเออร์ก็อาจจับข้าโยนเข้าไปในมิติปั่นป่วนได้” เมื่อลินลี่ย์คิดเรื่องนี้แล้ว เขารู้สึกหวาดกลัวพลังของพารากอนมากขึ้นทันที ก่อนหน้านี้ลินลี่ย์เคยเห็นยอดฝีมือไม่กี่คนที่หลอมรวมเคล็ดลึกลับห้าเคล็ด ลินลี่ย์คิดว่าพารากอนทรงพลังแต่คงไม่มากจนเหลือเชื่อ
แต่เมื่อเผชิญกับพารากอนจริงๆ ลินลี่ย์จึงตระหนักว่า..
พารากอนแค่เพียงโบกมือก็ทำให้มิติบิดเบี้ยวได้ และอาจฉีกมิติได้ ระหว่างหลอมรวมเคล็ดลึกลับห้าเคล็ดและการกลายเป็นพารากอน มีพลังเพิ่มขึ้นมากมายมหาศาลอย่างชัดเจน
“ไบเออร์จะไม่มาอีกใช่ไหม?” เสียงทุ้มดังขึ้น
ลินลี่ย์หันหน้าไปมองดู คนพูดก็คือคนตัวใหญ่เรย์โฮม บีบีมีใบหน้าเปรอะเปื้อนรีบพูดขึ้นทันที “แน่นอนว่าไม่! เขาเป็นพารากอนแน่นอน ในเมื่อเขาไปแล้ว เขาจะกลับมาได้ยังไง? ต่อให้เขากลับมาข้าก็ไม่กลัวเขา” คำพูดของบีบีทำให้ลินลี่ย์รีสเจมและเรย์โฮมมองหน้าเขาทุกคน
“เจ้าไม่กลัวหรือ?” รีสเจมถามด้วยน้ำเสียงเหลือเชื่อ
ความจริงรีสเจมเองก็กลัว ถ้าไบเออร์บ้าเลือดขึ้นมาจริงๆ เขาอาจฆ่ารีสเจม เรย์โฮมและลินลี่ย์จากนั้นลากบีบีเข้าไปในมิติปั่นป่วน กับราคาที่ว่าเขาอาจเผชิญกับการไล่ล่าและโจมตีของมหาเทพเรดบุดและจะต้องซ่อนตัวอยู่ในแดนโลกธาตุธรรมดาตลอดไป
รีสเจมกลัวและลินลี่ย์กับเรย์โฮมก็รู้สึกอย่างเดียวกัน ต่อหน้าไบเออร์ พวกวเขาไม่สามารถต้านทานได้แม้แต่น้อย
บีบีไม่กลัวหรือ?
เมื่อถูกอีกสามคนจ้องมองบีบีหัวเราะแก้เก้อ “ก็ได้,บอกตามตรงหลายว่า ความจริงข้าก็กลัวอยู่บ้าง อยู่ต่อหน้าไบเออร์ข้ารู้สึกเหมือนกับว่าข้าได้แต่ยืนอยู่กับที่และถูกทุบตี ข้าไม่สามารถต่อต้านได้เลยแม้แต่น้อย เพลงแต่แปลกประหลาดนั่นทำให้ข้าไม่ได้สติ พอเขาจากไป เพลงนี้จึงได้จบ ข้าหวังว่าในอนาคต ข้าคงไม่พบเจอกับไบเออร์อีก เว้นแต่ข้าจะมีพลังระดับปู่ข้า...”
ลินลี่ย์เมื่อได้ยินเช่นนี้ก็อดขำไม่ได้ จากนั้นเขามองดูรีสเจมครั้งนี้พวกเขาต้องขอบคุณรีสเจม
“โชคดี, รีสเจมท่านใช้ชื่อมหาเทพคุกคามเขาได้” ลินลี่ย์หัวเราะถอนหายใจ
“ฮึ่ม..นั่นเป็นเรื่องที่พูด พอเวลาที่แม่ข้ามาที่นี่จริงๆไบเออร์คงจะเผ่นหนีไปไกล” รีสเจมเม้มริมฝีปาก “โชคดีที่ไบเออร์ไม่ยอมทุ่มเทพลังทั้งหมดเพื่ออ็อคคลัว”
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อยเช่นกัน
ถ้าอ็อคคลัวและไบเออร์มีความสัมพันธ์ที่สนิทกันเหมือนกับลินลี่ย์และบีบีเป็นไปได้ว่าไบเออร์คงจะไม่สนใจอะไร ทุ่มเทพลังฆ่าเขาให้ได้ โชคดีทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ยังไม่ถึงระดับนั้น
“รีสเจม พลังมหาเทพนี้..” ลินลี่ย์ถึงตอนนี้ยังมีกระติกพลังมหาเทพอยู่ในมือ
โอวสวรรค์..กระติกที่บรรจุไว้เต็ม! เป็นโชคลาภที่น่ากลัวจริงๆ!
“รีสเจม, เมื่อครู่นี้เจ้าแค่ต้องการขู่ขวัญไบเออร์และทำให้เขารู้ว่าไม่มีทางที่เขาจะฆ่าบีบีได้ซึ่งเป็นสาเหตุให้ท่านต้องนำกระติกพลังมหาเทพออกมา ตอนนี้เรื่องจบแล้วท่านเอาของคืนไปก็ได้นะ” ลินลี่ย์ส่งกระติกผลึกอเมทิสต์ให้รีสเจมทันที
ไม่ใช่ว่าลินลี่ย์ไม่ต้องการพลังมหาเทพ ถ้าได้สักหยดหรือสองหยดลินลี่ย์ก็คงจะยอมรับไว้
แต่นี่เป็นกระติก
สิ่งนี้มีค่ามากเกินไปทำให้ลินลี่ย์รู้สึกยากจะรับเอาไว้ได้ ขณะที่ทำงานด้วยกันกับรีสเจม ลินลี่ย์ไม่ได้สร้างส่วนร่วมยิ่งใหญ่อะไร ดังนั้นเขาจะรับกระติกพลังมหาเทพไว้ได้ยังไง? อย่างที่มีคำกล่าวไว้ว่าไม่มีผลงานย่อมไม่มีบำเหน็จรางวัลเขาจะรับสมบัติไว้โดยไม่สร้างผลสำเร็จใดๆ ไว้ได้ยังไง? ลินลี่ย์รู้สึกไม่สบายใจ
“เอ๊ะ?” บีบีตกใจ
“เอ้า..นี่ด้วย” บีบีทำอย่างเดียวกัน
“เฮ้ย!”รีสเจมถลึงตามองลินลี่ย์และบีบี จากนั้นพูดอย่างไม่พอใจ “ลินลี่ย์,บีบี, พวกเจ้าสองคนทำอะไร? ฮึ..ถ้าพวกเจ้าทั้งสองคนไม่มีความจริงใจอย่างนั้นเราแยกกลุ่มกันได้ เจ้าไปตามทางของเจ้า ส่วนข้ากับเรย์โฮมจะไปตามทางของเรา เจ้าทั้งสองไม่นับถือว่าข้าเป็นพี่น้องกันเลย กับแค่พลังมหาเทพคนละกระติกน่ะหรือ? ข้า..รีสเจมไม่เอาของที่มอบให้เป็นขวัญคืนอยู่แล้ว ถ้าเจ้าไม่ต้องการ ก็โยนทิ้งไปเลย!”
ลินลี่ย์รู้สึกพูดไม่ออกได้แต่ถอนใจ
“ฮ่าฮ่า, พี่ใหญ่!รีสเจมไม่ใช่คนตระหนี่” บีบีหัวเราะโอบไหล่รีสเจม “งั้นขอรับไว้ก็แล้วกัน” บีบีไม่ยินดีจะยอมสละแต่แรกแล้วเพียงแต่เขาเห็นลินลี่ย์คืน เขาก็ต้องทำอย่างเดียวกัน
“ได้ยินไหมนั่น?” รีสเจมเลิกคิ้วดีใจ “ทำไมเจ้าไม่โยนพลังมหาเทพนี้ทิ้งและไปตามทางของเจ้าเล่าเรามีสามคนแล้วนะ หรือว่า..จะเก็บเอาไว้”
ลินลี่ย์ไม่ได้เกรงใจมากเกินไปตั้งแต่แรก เพียงแต่พลังมหาเทพกระติกหนึ่งนี้มีคุณค่ามากเกินไป และเขาไม่สามารถรับเอาไว้ได้ ซึ่งเป็นเหตุผลที่เขาแสดงมารยาทเช่นนั้น แต่ตอนนี้เมื่อรีสเจมแสดงออกเช่นนั้นลินลี่ย์จะทำอะไรได้? ทั้งหมดที่เขาทำได้ก็คือเก็บกระติกพลังมหาเทพไว้ในแหวนเก็บของ
“นั่นค่อยยังชั่วหน่อย” รีสเจมหัวเราะอารมณ์ดี “บอกตามตรงก่อนนี้เมื่อข้าเป็นเทพชั้นสูงและยังไม่หลอมรวมเคล็ดลึกลับได้มากพอ บางทีข้าคงไม่ทำใจกว้างแน่ ต่อให้เจ้าขอข้าก็ตาม”
“เอ๊ะ? นั่นอะไร?” บีบีกล่าว
ลินลี่ย์แค่หัวเราะขณะฟังเฉยๆ มีบีบีและรีสเจมยืนอยู่ด้วยกันเหมือนกับทารกใหญ่คู่หนึ่ง ตาของพวกเขาทั้งสองมีชีวิตชีวาและกระตือรือร้น พวกเขาดูเหมือนพี่น้องกัน
ทั้งสี่คนคุยไปเดินไปพลาง
“สิ่งที่แม่ข้าบอกไว้ก็คือข้าจำเป็นต้องเจ้าอารมณ์!” รีสเจมพูดพลางหัวเราะ “ถ้าข้ายังไม่มีพลังถึงระดับพอ นางจึงมอบพลังมหาเทพไว้ให้ข้าเป็นจำนวนมาก ข้าไม่เคยรู้สึกเหมือนกับว่าข้าอยู่ในอันตรายแต่อย่างใดซึ่งนั่นทำให้ข้าบรรลุระดับพลังใหม่ยากขึ้น ดังนั้นหลังจากหลอมรวมพลังได้ห้าเคล็ด ดังนั้นแม่ข้าก็เลยหยุดเข้มงวดข้าดูสิพลังมหาเทพของเขามีมากเพียงไหน”
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย
ไม่รู้สึกถึงอันตรายก็เป็นเรื่องยากที่จะยกระดับพลังได้ ลินลี่ย์สามารถเข้าใจการกระทำของมหาเทพเรดบุดได้
“โอว.. เจ้ามีพลังมหาเทพตั้งมากมาย ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ของพี่ใหญ่ยากที่จะมอบหยดพลังมหาเทพแม้แต่หยดเดียวออกไปจริงๆ” บีบีพูดพลางถอนหายใจ
รีสเจมหัวเราะลั่น “ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์? พวกเขาจะเทียบกับข้าได้ยังไง? ตระกูลมากมายที่มีผู้คนเป็นล้านอยู่กระจัดกระจายอยู่ในสี่พิภพใหญ่ สี่มหาเทพผู้ยิ่งใหญ่จึงมอบพลังมหาเทพมากมายให้พวกเขา! แต่คนของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์จะรู้ถึงคุณค่าของมันหรือเปล่า พวกเขาไม่รู้! ประมุขตระกูลทั้งสี่เหล่านั้นไม่เคยคิดว่าสี่มหาเทพจะประสบเคราะห์ เมื่อสี่มหาเทพตาย..ก็เป็นเวลาที่พวกเขาไม่สามารถได้รับพลังมหาเทพอย่างไม่มีที่สิ้นสุดอีกต่อไป พวกเขาตกตะลึงกันหมด”
“เมื่อสี่มหาเทพตาย พวกเขาก็ไม่มีแหล่งพลังมหาเทพอีกต่อไป เป็นเรื่องยากลำบากของพวกเขาต่อไป แน่นอนว่าพวกเขาจะมอบให้เท่าที่จำเป็นครั้งละหนึ่งหยดเท่านั้น”
ลินลี่ย์ได้ยินเช่นนี้ก็พยักหน้า
ความตายของบรรพบุรุษทั้งสี่ส่งผลกระทบหนักหน่วงต่อตระกูลอย่างแน่นอน
“ตระกูลใหญ่อย่างนั้นชื่อเสียงของเขาสั่นสะเทือนพิภพต่างๆได้ก็ยังตกต่ำได้ในลักษณะเช่นนั้น” ลินลี่ย์ถอนหายใจ เดิมทีเมื่อลินลี่ย์เข้าเผ่ามังกรฟ้า ลินลี่ย์ถอนใจว่าตระกูลเคยมีพลังมหาเทพมากมายเพียงไหน แต่เดี๋ยวนี้เขาเข้าใจแล้วว่าผู้อาวุโสแต่ละคนจะได้พลังกันหนึ่งหยดและใช้พลังกันอย่างประหยัด
เมื่อสี่มหาเทพยังมีชีวิตเป็นไปได้ว่าเผ่ามังกรฟ้าจะต้องมีการแบ่งพลังมหาเทพในลักษณะที่แตกต่างกว่านี้แน่นอน
“ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์เดิมที่ก็มีความแข็งแกร่งมากอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามในพิภพจักรวาลทั้งสิ้น พวกเขายังไม่ถือว่าเป็นตระกูลอันดับหนึ่ง” รีสเจมกล่าว
“เอ๊ะ? ยังมีตระกูลที่ทรงพลังมากกว่าตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์อีกหรือ?” ลินลี่ย์ค่อนข้างประหลาดใจ
“ตระกูลอันดับหนึ่งก็คือตระกูลออกุสตา ตระกูลแห่งโลกธาตุแสงศักดิ์สิทธิ์” รีสเจมพูดพลางหัวเราะ
ลินลี่ย์รู้เรื่องในแดนนรกและแดนยมโลกไม่มาก ยิ่งดินแดนอื่นแล้วยิ่งรู้น้อย
“ตระกูลออกุสตา?” มีสามชื่อลอยขึ้นมาในใจของลินลี่ย์ สามชื่อนี้มาจากรายงานข่าวกรองผู้บัญชาการต่างๆของเบรุต สามผู้บัญชาการและทั้งสามคน...ทั้งหมดล้วนใช้ชื่อสกุลว่าออกุสตา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นคนของตระกูลออกุสตา
ตอนนั้นลินลี่ย์ไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก ที่สำคัญมีพี่น้องอยู่มากที่เป็นผู้บัญชาการ สำหรับสามคนที่มีชื่อสกุลเดียวกันนี้จึงไม่น่าประหลาดใจ
“สมาชิกรุ่นที่หนึ่งของตระกูลออกุสตาก็คือประมุขมหาเทพแห่งแสง” รีสเจมพูดพลางเม้มริมฝีปาก
ตอนนี้ลินลี่ย์เข้าใจ“มิน่าเล่าตระกูลถึงได้ทรงพลังมากนัก พวกเขาเป็นลูกหลานของหัวหน้ามหาเทพแห่งแสง” ในฐานะประมุขของมหาเทพ ทุกคนคงคาดคิดได้ถึงสถานะที่สูงส่งและอำนาจที่ยิ่งใหญ่ซึ่งประมุขมหาเทพครอบครอง
“ประมุขมหาเทพแห่งแสงมีลูกหลานมากมาย รุ่นที่สองของตระกูลก็มีสมาชิกถึง 182 คน”รีสเจมพูดถอนหายใจ
ลินลี่ย์และบีบีตะลึงทั้งคู่
“รีสเจมสมาชิกรุ่นที่สองทั้งชายและหญิงของประมุขมหาเทพแห่งแสงน่ะหรือ?” ลินลี่ย์ไม่อยากเชื่อ ในตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ มังกรฟ้ามีเพียงบุตรหนึ่งและธิดาอีกหนึ่งคน ขณะที่พญาหงส์เพลิงมีลูกคนเดียว พยัคฆ์ขาวมีลูกคนเดียว ส่วนพญาเต่าดำมีลูกสองคน
แต่ออกุสตาผู้นี้เฉพาะรุ่นที่สองมีสมาชิกถึง 182 คน?
“ใช่แล้ว” รีสเจมพยักหน้า“ประมุขมหาเทพแห่งแสงเดิมทีเป็นสมาชิกของเผ่าพันธุ์ธรรมดาก่อนจะกลายเป็นประมุขมหาเทพ ดังนั้นจึงต่างจากพวกอสูรเทพที่มีลูกเพียงไม่กี่คน เขามีถึง 182 คน อย่างไรก็ตามลูกทั้ง 182คนเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันทั้งหมดเป็นเพราะประชากรของตระกูลออกุสตาขยายตัวเร็วมาก และเพราะพวกเขามีทรัพยากรอย่างเพียงพอ เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะสร้างยอดฝีมือออกมาได้มาก อย่างไรก็ตามตระกูลออกุสตาขยายตัวอยู่แต่ในโลกธาตุแสงศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาต่างจากตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าที่แพร่กระจายอยู่ในพิภพต่างๆ”
“คนของตระกูลออกุสตาหยิ่งยโสมาก” เรย์โฮมที่เงียบขรึมมาตลอดจู่ๆ ก็พูดขึ้น
“เอ๋?” ลินลี่ย์มองดูเรย์โฮม เขารู้สึกได้ถึงความโกรธที่แฝงอยู่ในคำพูดของเรย์โฮม
รีสเจมถอนหายใจและกล่าว “หนึ่งในทูตของแม่ข้าชื่อบอสลีย์ เขาเป็นสหายรักของเรย์โฮมถูกกองกำลังของตระกูลออกุสตาฆ่าตาย ตอนนี้บอสลีย์มีแต่ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ที่อ่อนแอเหลืออยู่เท่านั้น ข้าคิดว่าครั้งนี้คนของตระกูลออกุสตาคงจะมาร่วมในสมรภูมมหาพิภพด้วยเช่นกัน ถ้าเราเผชิญพบเจอพวกเขาสองคน เราจะต้องฆ่าพวกเขาบางคนเป็นการระบายความโกรธฮึ่ม.. ช่างมันเถอะ พอกันทีกับไอ้ตระกูลบัดซบนี่ พูดแล้วอารมณ์เสีย”
ขณะที่กลุ่มของลินลี่ย์ไปจากสนามรบ พวกเขาไม่ได้วิ่งออกไป แค่เดินไปตามปกติ ในสมรภูมิมหาพิภพนอกจากพารากอนอย่างไบเออร์ ทีมล่าของพวกเขาไม่กลัวใคร
แต่การสู้รบนั้นดึงดูดความสนใจของคนมามากมายแน่นอน
บนพื้นที่รกร้างมีห้าคนปรากฏตัวขึ้น ผู้นำเป็นบุรุษหนุ่มสวมชุดยาวสีเงินงดงามและเขามีผมยาวแพรวพราว
“โอว, ปราการอะเมทิสต์ เฮ้, นั่นไบเออร์นี่!” บุรุษหนุ่มผมทองตาเป็นประกาย เขาเห็นจากระยะไกลว่าไบเออร์ยืนอยู่ในท้องฟ้าเหมือนกับเทพสวรรค์ พอไบเออร์ปรากฏตัวทั้งห้าคนไม่กล้าเข้าไปใกล้ แต่หลังจากมองดูไกลๆ ชั่วเวลาหนึ่ง พวกเขาเห็นไบเออร์จากไป
“คุณชายมอนเตโล! นี่นับเป็นโอกาสที่ดี” บุรุษหนุ่มผมเงินในชุดสีทองร้องบอก
ตาของบุรุษหนุ่มผมทองเป็นประกาย
ขณะนี้บุรุษหนุ่มผมทองหันหน้าไปมองใกล้ๆ มีบุรุษหนึ่งและสตรีอีกหนึ่งเดินเข้ามาสมทบ “มอนเตโล! ไม่ได้พบกันนานเลยนะ” คนนำเป็นสตรีชุดสีเงินผมดำพูดพลางยิ้มเล็กน้อย
“ราเนซซา!”มอนเตโลหัวเราะเช่นกัน
“เจ้าเพิ่งเห็นการต่อสู้นั้นไม่ใช่หรือ? ไบเออร์ลงมือกับกลุ่มของรีสเจม ข้าสงสัยว่าผลของการสู้จะเป็นยังไง” สตรีชุดสีเงินพูดพลางหัวเราะ “แต่ข้าแน่ใจว่ารีสเจมยังมีชีวิตอยู่”
“ข้าเองก็แน่ใจเหมือนกัน” มอนเตโลพูดและหัวเราะเยือกเย็นจากนั้นตาของเขาเป็นประกาย “ราเนซซา! เราจะร่วมกำลังกันไปสั่งสอนรีสเจมนั่นดีไหม?”
“สั่งสอนเขาน่ะหรือ?” ราเนซซาขมวดคิ้วเล็กน้อย “ข้ารู้ว่ามีความแค้นกันระหว่างตระกูลของเจ้ากับรีสเจม แต่ว่า...” ราเนซซายังรู้สถานะของมอนเตโล มอนเตโลเป็นสมาชิกตระกูลออกุสตารุ่นที่สาม รุ่นที่สองมีสมาชิก 182 คนและรุ่นที่สามมีสมาชิกมากกว่าพันคน”
มอนเตโลอาศัยพรสวรรค์และทักษะธรรมชาติของเขาจึงมีสถานะที่สูงส่งในตระกูลของเขา แต่เมื่อเทียบกับรีสเจม สถานะของเขาด้อยกว่าห่างไกล ที่สำคัญประมุขมหาเทพแห่งแสงมีลูกมากเกินไป มอนเตโลเป็นแค่เพียงรุ่นหลาน ขณะที่มหาเทพเรดบุดมีลูกชายเพียงคนเดียว
มีคนไม่มากนักที่กล้าคิดฆ่ารีสเจม
“ไม่ต้องห่วง เราจะไม่ฆ่ารีสเจม” มอนเตโลพูดพลางหัวเราะเบาๆ “ข้าจะรับหน้าที่รั้งรีสเจมไว้ ขณะที่พวกเจ้าอีกสามคนกับคนของข้าอีกสี่คนรวมเจ็ดจะลงมือกับสหายของรีสเจม ถ้าเจ้าสามารถฆ่าได้สักคนก็ให้ลงมือ พวกเจ้าฆ่าได้หมดย่อมดีที่สุด! ฮึ่ม.. ถ้าเราไม่สามารถฆ่ารีสเจมได้ เราก็ฆ่าสหายของเขา” ตาของมอนเตโลเป็นประกายเย็นชา
ราเนซซาหันไปปรึกษาบุรุษหนุ่มสองคนข้างๆนางจากนั้นก็หัวเราะ
มหาเทพเป็นบุคคลที่มีศักดิ์ศรีสูงส่ง ตราบเท่าที่ไม่มีการลงมือล่วงเกินก็จะไม่มีปัญหาใดๆ ต่อให้พวกเขาทำร้ายรีสเจมบาดเจ็บสาหัสก็ยังไม่มีปัญหาใดๆ มหาเทพมักจะหวังว่าลูกๆ ของพวกเขาควรจะได้รับความพ่ายแพ้บ้างขณะเติบโต ตราบเท่าที่พวกเขาไม่ฆ่ารีสเจม ก็ไม่เป็นไร สำหรับสหายของรีสเจมและชีวิตพวกเขามหาเทพไม่มีเวลามาวุ่นวายกับพวกเขา ทั้งมหาเทพจะไม่ลดตัวลงมายุ่งกับพวกเขา
โลกของเทพก็มีกฎอยู่ในตนเอง มหาเทพโดยทั่วไปจะไม่เข้ามาก้าวก่าย
“ก็ได้ อย่างไรก็ตามป้ายที่ได้จากการฆ่าจะตกเป็นของเรา” ราเนซซากล่าว
“ตกลง” มอนเตโลเห็นด้วยทันที
“อย่างนั้นไปกันเถอะ รีสเจมและคนอื่นดูเหมือนจะไปไกลแล้ว” ราเนซซากล่าว
ทันใดนั้นกองกำลังทั้งสองร่วมมือกันและทั้งแปดคนลอบติดตามไปด้วยความเร็วสูง