ตอนที่ 12 - กลิ่นอายของความมั่งคั่ง
1/3
ตอนที่ 12 - กลิ่นอายของความมั่งคั่ง
ในที่สุด คิ้วที่ขมวดมุ่นของชายหนุ่มคลายลง หนังศีรษะด้านชา คุกเข่ายอมแพ้ “พี่สาว ฉันมีตาแต่ไม่เห็นไท่ซาน พี่สาวใจกว้าง ที่ผ่านมาขอให้ถือว่าน้องชายแค่ผายลม ปล่อยฉันไปเถอะ”
“เมื่อกี้ใครนะบอกว่าฉันจน สมองเพี้ยน?” เจียงหลินต่อความยาวสาวความยืด
ชายหนุ่มตบหน้าอกตัวเอง พร้อมพูดว่า “เป็นฉันเอง! ฉันนี่แหละที่ไม่มีเงินจนสมองเพี้ยน ฉันมันก็แค่คนฝันกลางวัน!” ว่าจบชายหนุ่มเริ่มอ้อนวอน “ได้โปรดยกโทษให้กับความผิดพลาดของฉัน ให้โอกาสน้องชายคนนี้เปลี่ยนชีวิตสักครั้งเถอะ”
“ทีนี้รู้แล้วใช่ไหมว่าใครเป็นใหญ่?” เจียงหลินปัดหน้าจอมือถือ “ที่แล้วมาให้แล้วไปเถอะ รีบโอนกรรมสิทธิ์กันซักที!”
ตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ไม่รู้ว่าทั้งสองมีความสัมพันธ์กันอย่างไรมาก่อน แต่เขารู้ว่าธุรกรรมครั้งนี้ตนต้องได้ค่านายหน้า ดังนั้นไม่รอช้า
เมื่อขั้นตอนต่างๆเสร็จสิ้น เจียงหลินจ่ายเงินงวดสุดท้ายที่เหลือ ทั้งสามแยกย้ายกันไป
เจียงหลินถือใบรับรองคุณสมบัติไว้ในมือ ยืนอยู่หน้าร้านขายของชำเล็กๆของตัวเอง
ท่ามกลางเมืองที่วุ่นวาย ในที่สุดเธอก็มีทรัพย์สินเป็นของตัวเอง
ชั้นแรกยังว่างอยู่ แต่เมื่อมองไปกลับให้ความรู้สึกต่างจากเดิม ต่อจากนี้มันไม่ใช่แค่บ้านเช่าอีกต่อไป
แต่เป็นบ้านของเธอเอง!
เจียงหลินนอนลงบนเตียง ตรวจสอบข้อความธนาคารในมือถือด้วยอาการเหม่อลอย เมื่อหักค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภคกับที่ต้องจ่ายทั้งหมดแล้ว เวลานี้เธอกระเป๋าแห้งมาก เหลือเงินแค่ 10,000 หยวนเท่านั้น ไม่ใช่สาวร่ำรวยที่มีเงินฝากสามล้านหยวนอีกต่อไป
หญิงสาวอดทอดถอนหายใจไม่ได้ “กลายเป็นสาวน้อยตกอับอีกแล้วสิฉัน”
แน่นอน เจียงหลินไม่คิดนอนคร่ำครวญอยู่อย่างนี้ตลอดไป แม้เงินจะขาดมือ แต่เธอยังมีบ้าน!
อย่างน้อยตอนนี้ก็มีที่ซุกหัวนอนเป็นของตัวเอง
เจียงหลินคิดทบทวนอย่างจริงจัง เงินที่เหลือ 10,000 หยวนนี้ เธอไม่กล้าใช้จ่ายอย่างประมาท ควักออกมา 1,000 หยวนไปซื้อสินค้าเพิ่ม เติมที่ว่างในพื้นที่มิติที่หายไปจากการเปิดแผงลอยครั้งก่อน
แต่เมื่อคิดถึงเรื่องที่ว่าไม่มีผลิตภัณฑ์ทองคำหรือเงินในย่านการค้าฐานเมืองหลินให้ซื้ออีกแล้ว มันก็ทำให้เธอรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
แล้วแบบนี้เธอจะไปหาของล้ำค่ามาขายได้จากที่ไหนอีก?
เพียงแต่ในตอนนั้นเอง ประโยคที่โฮ่วเต๋อพูดผ่านๆในตอนที่เขาแนะนำฐานให้เจียงหลินก็ลอยเข้ามาในหัวเธอ
ยังมีที่อื่นที่สามารถหาทองได้!
โฮ่วเต๋อพูดถึงเรื่องนี้ตอนเขาคุยกับเจียงหลิน ว่ากลางฐานเมืองหลินมีห้างสรรพสินค้าตั้งอยู่ ว่ากันว่าข้าวของภายในครบครัน น่าเสียดายที่โฮ่วเต๋อมีแกนคริสตัลไม่พอ เลยไม่สามารถเข้าไปจับจ่ายข้างในห้างได้
คำว่าสินค้าครบครัน นั่นหมายความว่าต้องมีเครื่องประดับเงิน ประดับทองขายด้วยถูกไหม? และอาจมีกระทั่งอัญมณี!
เมื่อพูดถึงอัญมณี เจียงหลินจำได้ว่าเธอเพิ่งขายเพชรไปได้ตั้ง 400,000 หยวน ถ้ารวบรวมมาเพิ่ม คงขายได้ราคาดี
ช่วงเวลานัดหมายกับมู่เย่ชิงจะมาถึงในไม่ช้า ดังนั้นเธอตัดสินใจว่าจะกลับไปมิติวันสิ้นโลกในวันพรุ่งนี้
...
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากเก็บสินค้าราคา 1,000 หยวนเข้าไปในพื้นที่มิติ หญิงสาวก็ก้าวเข้าสู่มิติวันสิ้นโลกอีกครั้ง
ที่ตั้งของห้างสรรพสินค้าหาไม่ยาก มันเป็นอาคารหลังใหญ่ที่ตั้งอยู่ในฐานเมืองหลิน
เจียงหลินเดินไปตามถนนลาดยาง ใช้เวลาไม่นานก็เริ่มเห็นโครงสร้างอาคารของห้างสรรพสินค้า
ห้างสรรพสินค้าตั้งอยู่เยื้องไปทางซ้ายเล็กน้อยจากใจกลางฐาน สภาพของมันแทบไม่ต่างอะไรกับห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ก่อนวันสิ้นโลก บอกตามตรงว่าเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าห้างๆนี้ถูกสร้างก่อนหรือหลังวันสิ้นโลก
แม้ห้างสรรพสินค้าจะมีขนาดค่อนข้างใหญ่ แต่การสัญจรบนทางเท้าไม่เยอะเท่าโซนย่านการค้า อย่างไรก็ตาม ทุกคนที่เข้าออกในห้างนี้ล้วนแต่งสะอาดสะอ้าน มีหลายคนแค่มองแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นผู้ใช้พลัง
เดินผ่านประตูกระจก เจียงหลินเห็นแผนที่แนะนำร้านค้าแบบเดียวกับก่อนวันสิ้นโลก เธอกวาดสายตาหาร้านรับซื้อของอย่างรวดเร็ว ตั้งใจว่าจะขายพวกมันซักครึ่งหนึ่งในพื้นที่มิติ
อย่างไรก็ตาม หญิงสาวย่อมไม่ลืมมองหาตำแหน่งที่ตั้งของร้านขายผลิตภัณฑ์เงิน ทอง และเครื่องประดับ
เริ่มจากเดินเข้าไปในร้านรับซื้อ เจียงหลินพบว่ามีพนักงานร้านแค่ไม่กี่คน พวกเขานั่งอยู่เบื้องหลังหน้าต่างคนละบาน ทำหน้าที่รับลูกค้าที่มาขายของ
ตอนแรกผู้รับซื้อกำลังนั่งอย่างเบื่อหน่าย ในใจคิดว่าไม่มีทีมผู้ใช้พลังเก่งๆออกปฏิบัติภารกิจเลยหรือไร แต่เมื่อเจอเจียงหลิน และเห็นของที่เธอนำออกมาขาย ความคิดดังกล่าวก็หายวับไป
ผู้รับซื้อทำงานในห้าง ดังนั้นลูกค้าส่วนใหญ่ของพวกเขาคือผู้ใช้พลัง เรียกได้ว่าพอมีประสบการณ์อยู่บ้าง แต่สินค้าของจำนวนมหาศาลของเจียงหลิน มันเหมือนเขาได้เปิดหูเปิดตาใหม่อีกครั้ง
เครื่องคิดเลขเริ่มส่งเสียงอิเล็กทรอนิกส์ดังไม่หยุด
และของที่เจียงหลินนำมาขาย มันได้ดึงดูดความสนใจจากคนบางคนที่นำสินค้ามาขายบ้างแล้วเช่นกัน พวกเขายืดคอมองอยู่นาน กระซิบกับสหายที่อยู่ข้างๆว่า “มีเสบียงเยอะมาก! เธอเป็นผู้ใช้พลังของทีมไหนกัน?”
“ไม่รู้เหมือนกัน ฉันจำหน้าผู้ใช้พลังในทีมเก่งๆได้ทั้งหมด แต่ไม่มีใครหน้าตาเหมือนเธอเลย” สหายเขากระซิบตอบ
“แต่เดี๋ยว เมื่อกี้เธอใช้พลังมิติใช่รึเปล่า? ไม่ได้การแล้ว ต้องไปบอกเจ้านาย ... !”
ชายคนแรกเอ่ยด้วยน้ำเสียงวิตกกังวล แต่ถูกเพื่อนเขาขวางไว้ “ชู่ว์ อย่ากระโตกกระตากไป ค่อยกลับไปรายงานเจ้านายทีหลัง”
ไม่นาน ทั้งสองก็เดินจากไปอย่างเงียบๆ
หลังจากเห็นว่าทั้งคู่ไปแล้ว เจียงหลินชำเลืองตามทิศทางที่พวกเขาจากไป มุมปากยกโค้งขึ้นเล็กน้อย
หลังตกลงราคากับผู้รับซื้อ เจียงหลินก็เจอสิ่งที่เธอต้องการบนชั้นสามของห้างสรรพสินค้า มันคือร้านที่รวบรวมสิ่งของฟุ่มเฟือยก่อนวันสิ้นโลก
แม้ว่าร้านจะไม่ใหญ่โต แต่วิธีการจัดวางมีเอกลักษณ์มาก และในร้านยังมีจอภาพ ฝั่งหนึ่งเป็นจอแสดงของตกแต่งแบบจีนโบราณดั้งเดิม อีกฝั่งหนึ่งเป็นของตกแต่งแบบยุโรป
ท่ามกลางแสงไฟ มันราวกลับเป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อม
แต่หลังจากเจียงหลินตรวจสอบอย่างรอบคอบ เธอก็พบว่าประวัติทางยุคสมัยของโลกนี้กับโลกของเธอคล้ายกัน เพียงแต่ว่าราชวงศ์ไม่เหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม เจียงหลินไม่กล้าขอซื้อสินค้าของเก่าเหล่านั้น เพราะสุดท้ายแล้วมันคือเครื่องยืนยันทางประวัติศาสตร์ ต่อให้เป็นของเก่าจริง แต่หากไม่มีอยู่ในประวัติศาสตร์โลกของเธอ มันก็ไม่สามารถนำออกไปขายได้
เจียงหลินละทิ้งความคิดเรื่องนำของโบราณกลับไปขาย
เธอหันมาสนใจแหวนแต่งงานของดารานักแสดงชายหญิงที่ได้รับรางวัลภาพยนตร์ระดับชาติก่อนที่วันสิ้นโลกจะมาถึงแทน
เนื่องจากมีแฟนคลับเป็นจำนวนมาก แหวนแต่งงานวงนี้จึงยังถูกเก็บรักษาไว้แม้อยู่ในวันสิ้นโลก
เจ้าของร้านหวังว่าจะได้เจอแฟนคลับพวกเขา แล้วขายได้ราคาดี
แหวนเพชรนี้มีกระทั่งใบรับรอง และยิงเลเซอร์ระบุตัวเลขไว้ชัดเจน
เห็นเจียงหลินหยุดมองเพชร เจ้าของร้านก็เข้ามาแนะนำ เริ่มพูดถึงคือความสัมพันธ์ระหว่างดารานักแสดงเจ้าของเพชร
เจียงหลินไม่สนใจเรื่องนี้
เจ้าของร้านพูดอยู่นานไม่ยอมจบซักที จนเจียงหลินเริ่มง่วง สุดท้ายทนไม่ไหวต้องเอ่ยแทรก “คุณช่วยแนะนำพวกลักษณะของเพชรนี้ให้ฉันแทนจะได้ไหม”
ในความคิดเจ้าของร้าน คนที่ต้องการซื้อของที่ระลึกชิ้นนี้ แสดงว่าต้องเป็นแฟนคลับตัวยง แล้วไฉนลูกค้าถึงไม่รู้เรื่องพวกนี้กัน?
เจ้าของร้านประหลาดใจมาก แต่เขาก็ยังอธิบายให้เธอฟังอย่างจริงจัง“นี่คือเพชรฟูลคัลเลอร์ขนาด 5 กะรัต ปราศจากสารเรืองแสง เป็นเพชรน้ำร้อย ความสมมาตรของการเจียระไน 3EX เป็นเพชรไทป์ IIA ที่ค่อนข้างหายาก”
ฟังอีกฝ่ายพูดจบ เจียงหลินซื้อมันด้วยแกนคริสตัลทันที และเลือกนาฬิกาเครื่องเพชรอีกเรือนที่จัดอยู่ในหมวดหมู่สินค้าฟุ่มเฟือย
เห็นแบบนี้ เจ้าของร้านมีความสุขมาก แม้นี่จะเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยก่อนวันสิ้นโลก และเป็นแบบลิมิเต็ดที่มีแค่ 50 เรือนทั่วโลกเท่านั้น แต่หลังวันสิ้นโลก ทุกคนหันมาให้ความสำคัญกับการใช้งานจริงๆ ด้วยจำนวนเพชรที่มากและหนักเกินไป จึงขายไม่ออก
เอาจริงๆเจ้าของร้านกะจะทุบมันทิ้งเพื่อเพิ่มที่ว่างอยู่พอดี โชคดีที่ขายออกซะก่อน