ตอนที่แล้ว925 - ร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณมาแล้ว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป927 - ท้าประลองอย่างต่อเนื่อง 

926 - ราชาอสูรแดนใต้ 


926 - ราชาอสูรแดนใต้

“ผนึก”

เย่ฟ่านเคลื่อนไหวในทันที เขาจับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนั้นด้วย 2 นิ้วและมองฉีฮั่วสุ่ยพร้อมกับถามว่า

“เจ้าเป็นอสูรจริงหรือ?”

เขาเคยจับตัวฉีฮั่วสุ่ยมาสั่งสอนเมื่อนานมาแล้ว แต่เขาไม่คิดว่านางจะมีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ นางมาจากวังอสูรสวรรค์ และนางยังเป็นน้องสาวของราชาอสูรหนานเหยาอีกด้วย

“น่าตกใจที่ลูกหลานของอสูรเกิดมาในร่างมนุษย์แต่เราก็ยังไม่สามารถมองเห็นร่างที่แท้จริงของนางได้ หญิงสาวคนนี้คงเป็นลักษณะเดียวกันกับเอี๋ยนหรูหยู”

ผังป๋อกล่าวในสิ่งที่เขารู้ ท้ายที่สุดเขาก็กลายเป็นอสูรมานานแล้ว ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะค้นพบความลับของเผ่าพันธุ์อสูร

“ข้ายังไม่มีแผนที่จะเริ่มทำสงครามกับพี่ชายของเจ้า ดังนั้นโปรดอย่ารนหาที่” เย่ฟ่านกล่าวอย่างเย็นชา

ผู้คนในสำนักฉีซื่อเคยได้ยินมาบ้างว่าราชาอสูรหนานเหยานั้นลึกลับมากและแทบไม่มีใครเคยพบเห็นเขาเลย

“เจ้าคนแซ่เย่ เจ้าพูดเกินไปแล้ว…”

“ลูกพี่ลูกน้องนี่มันอะไรกัน ผู้ใดกล้ารังแกเจ้า?” เสียงหัวเราะดังมาจากไม่ไกล และชายในชุดสีม่วงก็เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม

“พี่เย่คง!”

เย่ฟ่านหัวเราะเสียงดัง เป็นเหยาเย่คงนายน้อยแห่งวังอสูรสวรรค์ผู้มีจิตใจสูงส่ง

“ไม่ได้เจอกันนาน ตอนนี้พี่เย่โด่งดังไปทั่วโลกแล้ว มันเป็นเรื่องที่น่าทึ่งจริงๆ”

เหยาเย่คงกล่าวจากนั้นก็หันไปถามลูกพี่ลูกน้องของเขาว่า

“ลูกพี่ลูกน้อง เจ้ารู้จักเขาได้อย่างไร!”

องค์หญิงฉีไม่พอใจอย่างมาก และไม่สามารถลืมเรื่องที่เย่ฟ่านบังคับให้นางเป็นสาวใช้ และผนึกนางไว้เป็นเวลาหนึ่งเดือนได้ แต่จากท่าทีตอนนี้เห็นได้ชัดว่าไม่มีทางที่นางจะชำระความแค้นครั้งนี้ได้สำเร็จ

“ลืมเรื่องในอดีตเสียเถอะ พี่เย่ไม่ใช่คนไม่ดี” เหยาเย่คงหัวเราะ

“บูม”

ในส่วนลึกของสำนักฉีซื่อภูเขาโบราณมีกลิ่นอายอสูรที่ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า แสงศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีที่สิ้นสุดทะลุผ่านม่านหมอกพร้อมกับการปรากฏตัวขึ้นของใครบางคน

คนผู้นี้ร่างกายของเขาโอบล้อมด้วยปราณอสูรเข้มข้น ในขณะเดียวกันเส้นผมสีดำของเขาก็โบกสะบัดอย่างบ้าคลั่ง

“เขาสามารถเรียกภาพธรรมของจักรพรรดิอสูรออกมาได้?!” หลายคนประหลาดใจ

เย่ฟ่านตัวแข็งทื่อ คนผู้นี้แข็งแกร่งจริงๆ เพราะแม้แต่ตัวเขาก็ยังสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังที่เอ่อล้นออกมา!

“แข็งแกร่งราวกับเทพอสูร!” ผังป๋อก็ประหลาดใจเช่นกัน

“ข้ากลับมาแล้ว”

เสียงอันเย็นชาดังขึ้น ทำให้จิตใจของผู้คนมากมายสั่นสะท้านด้วยความกลัว

“ราชาอสูรหนานเหยาแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ เพียงรัศมีพลังอย่างเดียวความแข็งแกร่งของเขาก็ดูเหมือนจะไม่เป็นรองบุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงแล้ว!”

ทุกคนตกใจกลัว นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นหนานเหยาเคลื่อนไหว

“เสี่ยวเย่…”

หลี่เหอซุยและคนอื่นๆ รีบมาสมทบ พวกเขาไม่คาดคิดว่าเย่ฟ่านจะกล้ามาที่สำนักฉีซื่อ

“อย่าไปสนใจไอ้บ้านั้นเลย ไปหาที่ดื่มกันดีกว่า” อู๋จงเทียนกล่าว

ในสำนักฉีซื่อไม่สามารถทำกาต่อสู้กันได้ ดังนั้นทุกคนจึงมีคนจำนวนมากที่ไม่ได้หวั่นเกรงต่อราชาอสูรหนานเหยา

หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็มาถึงร้านน้ำชาเล็กๆ ข้างถนน

เป็นไปไม่ได้ที่จะมีเหลาอาหารขนาดใหญ่ในสำนักฉีซื่อ แต่ก็ยังคงมีร้านอาหารเล็กๆ แบบนี้ซึ่งกระจายอยู่ทั่วไป

“พี่เย่คง แท้จริงแล้วเจ้าเป็นร่างศักดิ์สิทธิ์อสูรสวรรค์แต่กลับปกปิดตัวเองไว้ตั้งนาน!” เย่ฟ่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ร่างอสูรของข้าไม่คู่ควรกับชื่ออันยิ่งใหญ่นี้” เหยาเย่คงส่ายหน้า

ก่อนที่เขาจะเกิด เขาถูกวางแผนสังหารตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา นั่นเป็นเหตุผลให้เขาเกิดความพิการและไม่สามารถก้าวเข้าสู่จุดสูงสุดของร่างศักดิ์สิทธิ์อสูรสวรรค์ได้

มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่เขารอดชีวิตมาจนถึงปัจจุบัน แต่มันจำกัดความสำเร็จในอนาคตของเขาเช่นกัน

“เว้นแต่ข้าจะผ่านเก้าเส้นทางแห่งความตายได้สำเร็จ ข้าจึงจะกลายเป็นร่างศักดิ์สิทธิ์อสูรสวรรค์ที่แท้จริงอีกครั้ง”

เหยาเยว่คงไม่อธิบายรายละเอียด ราวกับว่าเขาไม่ต้องการพูดถึงมันอีกแล้ว

“พี่เย่คง ฉีฮั่วสุ่ยเป็นอะไรกับเจ้า?” ผังป๋อถาม

“นั่นคือลูกพี่ลูกน้องของข้า กล่าวกันตามตรงความแข็งแกร่งของนางไม่ได้เป็นรองหวังเถิงอย่างแน่นอน”

เหยาเย่คงพยักหน้า เตือนไม่ให้พวกเขาสร้างความขุ่นเคืองแก่หญิงสาวที่จิตใจคับแคบคนนี้

“ทำไมพวกเจ้าไม่เรียกข้า”

ในขณะนั้นชายร่างใหญ่คนหนึ่งก็วิ่งออกมาจากป่าไผ่ข้างทางด้วยความตื่นเต้น แน่นอนว่าเขาคือคนเถื่อนตงฟางเย่ เขามาที่นี่ทันทีหลังจากได้ยินข่าว

หลังจากที่นั่งลงแล้วตงฟางเย่ก็กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งครึ้มว่า

“ข้าก็มาจากหนานหลิงเช่นกัน ในอดีตข้าเคยเห็นราชาอสูรหนานเหยาฉีกร่างของมังกรวารีด้วยมือเปล่า”

“มังกรตัวนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน?”

“มันเทียบได้กับปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์!”

“อะไรนะ?” ทุกคนอ้าปากค้าง

“เจ้าแน่ใจหรือว่ามังกรตัวนั้นแข็งแกร่งเทียบเท่าปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ?” เจียงฮ่วยเหรินไม่สามารถยอมรับได้

“แน่นอน เพราะข้าย่างมังกรวารีตัวนั้นกินทันทีที่เขาจากไป” ตงฟางเย่พยักหน้า

“แล้วตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของเขาอยู่ในระดับใดแล้ว?” หลี่เหอซุยตกใจ

“เมื่อสามปีที่แล้วตอนที่เขาเพิ่งบดขยี้มังกรตัวนั้นเขาเพิ่งผ่านหายนะและเข้าสู่สวรรค์ชั้นสองของเซียนเทียม ตอนนี้ข้าคิดว่าเขาคงจะแข็งแกร่งกว่าเดิมไม่น้อย บางทีเขาอาจจะอยู่ในระดับเดียวกันกับผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์”

“ราชาอสูรแดนใต้ทรงพลังมาก ข้าคิดเสมอว่าในบรรดาคนรุ่นเดียวกันทั้งหมดเสี่ยวเย่มีพรสวรรค์สูงสุดแล้ว ไม่คิดว่าจะยังมีสัตว์ประหลาดเช่นนี้ซ่อนตัวอยู่อีก”

“เสี่ยวเย่ เจ้ามาที่นี่เพื่อรอพบข้าใช่ไหม?”

จี้จื่อเยว่เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มสดใส ลักยิ้มสองอันปรากฏขึ้นบนใบหน้าน่ารักของนาง

ข้างๆ นางเป็นจี้ฮ่าวเยว่ร่างราชันย์ศักดิ์สิทธิ์แห่งตระกูลจี้ เขาเดินตามน้องสาวของตนมาอย่างสงบ ในขณะนี้หลังจากไม่พบกันหลายวันกลิ่นอายของเขาดูเหมือนจะมีความลึกล้ำมากกว่าเดิมหลายเท่า

จี้ฮ่าวเยว่นั่งลงบนโต๊ะอย่างเย็นชา เขาไม่ใช่คนพูดมากแต่ทุกประโยคที่เขากล่าวออกมาล้วนมีน้ำหนักที่ผู้คนไม่อาจละเลยได้

“บางคนทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าเมื่อยังเด็ก แต่พวกเขาหยุดอยู่แค่นั้น บางคนเติบโตช้าแต่ยิ่งใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนต้องใช้ความอดทน”

“ใช่ เป็นเช่นนี้มาตั้งแต่สมัยโบราณ หลังจากหลายร้อยหรือหลายพันปี ว่ากันว่าแม้แต่ชายชราผู้บ้าคลั่งก็ยังไม่ใช่ยอดฝีมือที่มีพรสวรรค์มากที่สุดในรุ่นของเขา” เหยาเย่คงพยักหน้าเห็นด้วย

“พวกเจ้าพูดถูกหลังจากผ่านไปหลายพันปี ข้าน่าจะทุบหวังเถิงจนบี้แบนให้พวกเจ้าเห็น” หลี่เหอซุยกล่าว

ทุกคนพูดไม่ออกชั่วขณะหนึ่ง

“เป็นไปไม่ได้ที่คนอย่างจักรพรรดิน้อยแดนเหนือและราชาอสูรหนานเหยาจะขาดศักยภาพจนคนยังเจ้าสามารถไล่ตามทัน” ผังป๋อกล่าวอย่างไร้ความปราณี

หลังจากสุราผ่านไปหลายรอบ จี้จื่อเยว่ก็ถูกพี่ชายของนางพาตัวไป และนางก็เมาเล็กน้อยจนไม่รู้ว่าพูดอะไรออกไปบ้าง

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเส้นทางโบราณที่นำไปสู่ท้องฟ้านอกอาณาเขตอยู่ที่ไหน?”

“ไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่ไหน” เหยาเยว่คงส่ายหน้า

…………..

ในช่วงกลางดึกเย่ฟ่านเริ่มเดินสำรวจภูเขาของสำนักฉีซื่อทั้งหมด

ทันใดนั้น เขารู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่ทรงพลัง และเมื่อหันมองกลับไปเขาก็เห็นชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ด้านหลังของเขาด้วยรอยยิ้มเย็นชา

“ราชาอสูรแดนใต้!” เย่ฟ่านตกตะลึงเล็กน้อย

“ข้าเคยเห็นเจ้ามาก่อน พวกเราพบกันที่โลกภายนอก” ฉีหลินกล่าวอย่างใจเย็น

เย่ฟ่านตกตะลึงและไม่เข้าใจว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเหตุใดจึงกล่าวเช่นนี้

อสูรแดนใต้ฉีหลินยืนอยู่ในความว่างเปล่า ดวงตาของเขาจ้องมองเย่ฟ่านอย่างลึกล้ำและกล่าวว่า

“มังกรเก้าตัวลากโลงศพมาจากนอกอาณาเขต มีพวกเจ้าหลายสิบคนเดินทางมาที่นี่ และเจ้าก็เป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น”

“เจ้า!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด