926 - ราชาอสูรแดนใต้
926 - ราชาอสูรแดนใต้
“ผนึก”
เย่ฟ่านเคลื่อนไหวในทันที เขาจับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนั้นด้วย 2 นิ้วและมองฉีฮั่วสุ่ยพร้อมกับถามว่า
“เจ้าเป็นอสูรจริงหรือ?”
เขาเคยจับตัวฉีฮั่วสุ่ยมาสั่งสอนเมื่อนานมาแล้ว แต่เขาไม่คิดว่านางจะมีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ นางมาจากวังอสูรสวรรค์ และนางยังเป็นน้องสาวของราชาอสูรหนานเหยาอีกด้วย
“น่าตกใจที่ลูกหลานของอสูรเกิดมาในร่างมนุษย์แต่เราก็ยังไม่สามารถมองเห็นร่างที่แท้จริงของนางได้ หญิงสาวคนนี้คงเป็นลักษณะเดียวกันกับเอี๋ยนหรูหยู”
ผังป๋อกล่าวในสิ่งที่เขารู้ ท้ายที่สุดเขาก็กลายเป็นอสูรมานานแล้ว ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะค้นพบความลับของเผ่าพันธุ์อสูร
“ข้ายังไม่มีแผนที่จะเริ่มทำสงครามกับพี่ชายของเจ้า ดังนั้นโปรดอย่ารนหาที่” เย่ฟ่านกล่าวอย่างเย็นชา
ผู้คนในสำนักฉีซื่อเคยได้ยินมาบ้างว่าราชาอสูรหนานเหยานั้นลึกลับมากและแทบไม่มีใครเคยพบเห็นเขาเลย
“เจ้าคนแซ่เย่ เจ้าพูดเกินไปแล้ว…”
“ลูกพี่ลูกน้องนี่มันอะไรกัน ผู้ใดกล้ารังแกเจ้า?” เสียงหัวเราะดังมาจากไม่ไกล และชายในชุดสีม่วงก็เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม
“พี่เย่คง!”
เย่ฟ่านหัวเราะเสียงดัง เป็นเหยาเย่คงนายน้อยแห่งวังอสูรสวรรค์ผู้มีจิตใจสูงส่ง
“ไม่ได้เจอกันนาน ตอนนี้พี่เย่โด่งดังไปทั่วโลกแล้ว มันเป็นเรื่องที่น่าทึ่งจริงๆ”
เหยาเย่คงกล่าวจากนั้นก็หันไปถามลูกพี่ลูกน้องของเขาว่า
“ลูกพี่ลูกน้อง เจ้ารู้จักเขาได้อย่างไร!”
องค์หญิงฉีไม่พอใจอย่างมาก และไม่สามารถลืมเรื่องที่เย่ฟ่านบังคับให้นางเป็นสาวใช้ และผนึกนางไว้เป็นเวลาหนึ่งเดือนได้ แต่จากท่าทีตอนนี้เห็นได้ชัดว่าไม่มีทางที่นางจะชำระความแค้นครั้งนี้ได้สำเร็จ
“ลืมเรื่องในอดีตเสียเถอะ พี่เย่ไม่ใช่คนไม่ดี” เหยาเย่คงหัวเราะ
“บูม”
ในส่วนลึกของสำนักฉีซื่อภูเขาโบราณมีกลิ่นอายอสูรที่ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า แสงศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีที่สิ้นสุดทะลุผ่านม่านหมอกพร้อมกับการปรากฏตัวขึ้นของใครบางคน
คนผู้นี้ร่างกายของเขาโอบล้อมด้วยปราณอสูรเข้มข้น ในขณะเดียวกันเส้นผมสีดำของเขาก็โบกสะบัดอย่างบ้าคลั่ง
“เขาสามารถเรียกภาพธรรมของจักรพรรดิอสูรออกมาได้?!” หลายคนประหลาดใจ
เย่ฟ่านตัวแข็งทื่อ คนผู้นี้แข็งแกร่งจริงๆ เพราะแม้แต่ตัวเขาก็ยังสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังที่เอ่อล้นออกมา!
“แข็งแกร่งราวกับเทพอสูร!” ผังป๋อก็ประหลาดใจเช่นกัน
“ข้ากลับมาแล้ว”
เสียงอันเย็นชาดังขึ้น ทำให้จิตใจของผู้คนมากมายสั่นสะท้านด้วยความกลัว
“ราชาอสูรหนานเหยาแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ เพียงรัศมีพลังอย่างเดียวความแข็งแกร่งของเขาก็ดูเหมือนจะไม่เป็นรองบุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงแล้ว!”
ทุกคนตกใจกลัว นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นหนานเหยาเคลื่อนไหว
“เสี่ยวเย่…”
หลี่เหอซุยและคนอื่นๆ รีบมาสมทบ พวกเขาไม่คาดคิดว่าเย่ฟ่านจะกล้ามาที่สำนักฉีซื่อ
“อย่าไปสนใจไอ้บ้านั้นเลย ไปหาที่ดื่มกันดีกว่า” อู๋จงเทียนกล่าว
ในสำนักฉีซื่อไม่สามารถทำกาต่อสู้กันได้ ดังนั้นทุกคนจึงมีคนจำนวนมากที่ไม่ได้หวั่นเกรงต่อราชาอสูรหนานเหยา
หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็มาถึงร้านน้ำชาเล็กๆ ข้างถนน
เป็นไปไม่ได้ที่จะมีเหลาอาหารขนาดใหญ่ในสำนักฉีซื่อ แต่ก็ยังคงมีร้านอาหารเล็กๆ แบบนี้ซึ่งกระจายอยู่ทั่วไป
“พี่เย่คง แท้จริงแล้วเจ้าเป็นร่างศักดิ์สิทธิ์อสูรสวรรค์แต่กลับปกปิดตัวเองไว้ตั้งนาน!” เย่ฟ่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ร่างอสูรของข้าไม่คู่ควรกับชื่ออันยิ่งใหญ่นี้” เหยาเย่คงส่ายหน้า
ก่อนที่เขาจะเกิด เขาถูกวางแผนสังหารตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา นั่นเป็นเหตุผลให้เขาเกิดความพิการและไม่สามารถก้าวเข้าสู่จุดสูงสุดของร่างศักดิ์สิทธิ์อสูรสวรรค์ได้
มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่เขารอดชีวิตมาจนถึงปัจจุบัน แต่มันจำกัดความสำเร็จในอนาคตของเขาเช่นกัน
“เว้นแต่ข้าจะผ่านเก้าเส้นทางแห่งความตายได้สำเร็จ ข้าจึงจะกลายเป็นร่างศักดิ์สิทธิ์อสูรสวรรค์ที่แท้จริงอีกครั้ง”
เหยาเยว่คงไม่อธิบายรายละเอียด ราวกับว่าเขาไม่ต้องการพูดถึงมันอีกแล้ว
“พี่เย่คง ฉีฮั่วสุ่ยเป็นอะไรกับเจ้า?” ผังป๋อถาม
“นั่นคือลูกพี่ลูกน้องของข้า กล่าวกันตามตรงความแข็งแกร่งของนางไม่ได้เป็นรองหวังเถิงอย่างแน่นอน”
เหยาเย่คงพยักหน้า เตือนไม่ให้พวกเขาสร้างความขุ่นเคืองแก่หญิงสาวที่จิตใจคับแคบคนนี้
“ทำไมพวกเจ้าไม่เรียกข้า”
ในขณะนั้นชายร่างใหญ่คนหนึ่งก็วิ่งออกมาจากป่าไผ่ข้างทางด้วยความตื่นเต้น แน่นอนว่าเขาคือคนเถื่อนตงฟางเย่ เขามาที่นี่ทันทีหลังจากได้ยินข่าว
หลังจากที่นั่งลงแล้วตงฟางเย่ก็กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งครึ้มว่า
“ข้าก็มาจากหนานหลิงเช่นกัน ในอดีตข้าเคยเห็นราชาอสูรหนานเหยาฉีกร่างของมังกรวารีด้วยมือเปล่า”
“มังกรตัวนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน?”
“มันเทียบได้กับปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์!”
“อะไรนะ?” ทุกคนอ้าปากค้าง
“เจ้าแน่ใจหรือว่ามังกรตัวนั้นแข็งแกร่งเทียบเท่าปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ?” เจียงฮ่วยเหรินไม่สามารถยอมรับได้
“แน่นอน เพราะข้าย่างมังกรวารีตัวนั้นกินทันทีที่เขาจากไป” ตงฟางเย่พยักหน้า
“แล้วตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของเขาอยู่ในระดับใดแล้ว?” หลี่เหอซุยตกใจ
“เมื่อสามปีที่แล้วตอนที่เขาเพิ่งบดขยี้มังกรตัวนั้นเขาเพิ่งผ่านหายนะและเข้าสู่สวรรค์ชั้นสองของเซียนเทียม ตอนนี้ข้าคิดว่าเขาคงจะแข็งแกร่งกว่าเดิมไม่น้อย บางทีเขาอาจจะอยู่ในระดับเดียวกันกับผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์”
“ราชาอสูรแดนใต้ทรงพลังมาก ข้าคิดเสมอว่าในบรรดาคนรุ่นเดียวกันทั้งหมดเสี่ยวเย่มีพรสวรรค์สูงสุดแล้ว ไม่คิดว่าจะยังมีสัตว์ประหลาดเช่นนี้ซ่อนตัวอยู่อีก”
“เสี่ยวเย่ เจ้ามาที่นี่เพื่อรอพบข้าใช่ไหม?”
จี้จื่อเยว่เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มสดใส ลักยิ้มสองอันปรากฏขึ้นบนใบหน้าน่ารักของนาง
ข้างๆ นางเป็นจี้ฮ่าวเยว่ร่างราชันย์ศักดิ์สิทธิ์แห่งตระกูลจี้ เขาเดินตามน้องสาวของตนมาอย่างสงบ ในขณะนี้หลังจากไม่พบกันหลายวันกลิ่นอายของเขาดูเหมือนจะมีความลึกล้ำมากกว่าเดิมหลายเท่า
จี้ฮ่าวเยว่นั่งลงบนโต๊ะอย่างเย็นชา เขาไม่ใช่คนพูดมากแต่ทุกประโยคที่เขากล่าวออกมาล้วนมีน้ำหนักที่ผู้คนไม่อาจละเลยได้
“บางคนทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าเมื่อยังเด็ก แต่พวกเขาหยุดอยู่แค่นั้น บางคนเติบโตช้าแต่ยิ่งใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนต้องใช้ความอดทน”
“ใช่ เป็นเช่นนี้มาตั้งแต่สมัยโบราณ หลังจากหลายร้อยหรือหลายพันปี ว่ากันว่าแม้แต่ชายชราผู้บ้าคลั่งก็ยังไม่ใช่ยอดฝีมือที่มีพรสวรรค์มากที่สุดในรุ่นของเขา” เหยาเย่คงพยักหน้าเห็นด้วย
“พวกเจ้าพูดถูกหลังจากผ่านไปหลายพันปี ข้าน่าจะทุบหวังเถิงจนบี้แบนให้พวกเจ้าเห็น” หลี่เหอซุยกล่าว
ทุกคนพูดไม่ออกชั่วขณะหนึ่ง
“เป็นไปไม่ได้ที่คนอย่างจักรพรรดิน้อยแดนเหนือและราชาอสูรหนานเหยาจะขาดศักยภาพจนคนยังเจ้าสามารถไล่ตามทัน” ผังป๋อกล่าวอย่างไร้ความปราณี
หลังจากสุราผ่านไปหลายรอบ จี้จื่อเยว่ก็ถูกพี่ชายของนางพาตัวไป และนางก็เมาเล็กน้อยจนไม่รู้ว่าพูดอะไรออกไปบ้าง
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเส้นทางโบราณที่นำไปสู่ท้องฟ้านอกอาณาเขตอยู่ที่ไหน?”
“ไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่ไหน” เหยาเยว่คงส่ายหน้า
…………..
ในช่วงกลางดึกเย่ฟ่านเริ่มเดินสำรวจภูเขาของสำนักฉีซื่อทั้งหมด
ทันใดนั้น เขารู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่ทรงพลัง และเมื่อหันมองกลับไปเขาก็เห็นชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ด้านหลังของเขาด้วยรอยยิ้มเย็นชา
“ราชาอสูรแดนใต้!” เย่ฟ่านตกตะลึงเล็กน้อย
“ข้าเคยเห็นเจ้ามาก่อน พวกเราพบกันที่โลกภายนอก” ฉีหลินกล่าวอย่างใจเย็น
เย่ฟ่านตกตะลึงและไม่เข้าใจว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเหตุใดจึงกล่าวเช่นนี้
อสูรแดนใต้ฉีหลินยืนอยู่ในความว่างเปล่า ดวงตาของเขาจ้องมองเย่ฟ่านอย่างลึกล้ำและกล่าวว่า
“มังกรเก้าตัวลากโลงศพมาจากนอกอาณาเขต มีพวกเจ้าหลายสิบคนเดินทางมาที่นี่ และเจ้าก็เป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น”
“เจ้า!”