925 - ร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณมาแล้ว
925 - ร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณมาแล้ว
“ดาวโบราณดวงนั้นอยู่นอกอาณาเขตดาวไถหรือไม่ และอีกฟากหนึ่งคืออะไร?” ผังป๋ออดไม่ได้ที่จะถาม
“ข้าบอกเจ้าแล้ว และมันก็พังไปแล้ว มันเป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ ถ้าเจ้าอยากรู้เจ้าต้องเอาชนะคนรุ่นเดียวกันให้หมดและเจ้าต้องมีคุณสมบัติเป็นสามอันดับแรก”
“บางทีอาจจะต้องเจอกับหวังเถิง แต่เขาคงไม่กล้าทำอะไรในสำนักหรอก” ผังป๋อพูด
“เจ้าไม่อยากรู้ประสบการณ์การฝึกฝนของเซียนผู้ยิ่งใหญ่ทั้งเก้าในสมัยโบราณหรือ? เจ้าไม่อยากรู้หรือว่าพวกเขาฝึกฝนวิธีการศักดิ์สิทธิ์อะไรนอกอาณาเขต เจ้าไม่ต้องการรับมรดกของพวกเขาหรือ?” หลินเต้าเฉินยิ้ม
เย่ฟ่านคิดไว้แล้วแต่ก็ไม่ได้เปิดโปงชายชรา ให้ตายเถอะ ทำไมตาแก่นี้ถึงดูเหมือนจิ้งจอกเฒ่าในพริบตา? แม้ว่าจะดูเรียบง่าย แต่ก็ทำให้ความรู้สึกไม่น่าเชื่อถือ
เขาส่ายหน้าอย่างแรง
“เจ้าระวังตัวเกินไป คิดว่าข้าวางแผนอะไรกับเจ้า ถ้าข้าต้องการปล้นเจ้า แค่ฝ่ามือเดียวก็เพียงพอแล้ว”
เย่ฟ่านแตะคางของเขาและกล่าวว่า “ก่อนอื่นให้ข้าไปดูเส้นทางท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวโบราณและดูวิธีการฝึกฝนของอดีตปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งเก้าคนได้หรือไม่?”
หลินเต้าเฉินหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “คำขอของเจ้ามากเกินไปแต่เจ้าสามารถเดินไปรอบๆ ได้”
สำนักฉีซื่อตั้งอยู่ใจกลางเส้นเลือดอมตะและหมอกสีม่วงก็ปรากฏขึ้นซึ่งอธิบายไม่ได้ ยิ่งเย่ฟ่านศึกษาคัมภีร์ต้นกำเนิดสวรรค์มากเท่าไหร่ สถานที่นี้ก็ยิ่งลึกลับมากขึ้นเท่านั้น
“นี่ควรถือเป็นภูมิประเทศที่สามารถเกิดขึ้นได้ในอาณาจักรเซียนเท่านั้น ข้าก็ไม่รู้ว่าเจ้าได้อะไรบ้างหลังจากดูแล้ว”
ด้านหน้าของประตูภูเขาโบราณมีหินแปลกๆ บนหน้าผาและหินนับพันบนฝาผนัง ยาโบราณส่งกลิ่นหอมที่โชยมาตามลม
หลินเต้าเฉินผงะและกล่าวว่า “พ่อหนุ่ม ข้ารู้ว่าเจ้าได้เรียนรู้ทักษะต้นกำเนิด ดังนั้นอย่าคิดจะขุดต้นกำเนิดในที่นี้อย่างเด็ดขาด?”
เย่ฟ่านแตะคางของเขาอย่างกระอักกระอ่วนและกล่าวว่า
“ข้าแค่ดูเท่านั้น”
หลังจากเข้าไปในสำนักฉีซื่อได้ไม่นานหลินเต้าเฉินก็ได้รับเชิญจากบุคคลที่มีอำนาจ เขาต้องจัดการธุระบางสิ่งที่สำคัญจึงจากไปอย่างรวดเร็ว
“ทำไมข้าถึงรู้สึกคุ้นเคยกับเด็กหนุ่มคนนี้กันนะ”
“เขาคือร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณเย่ฟ่าน!”
“ไม่จริงน่า เย่ฟ่านผู้ที่เพิ่งฆ่าลุงของจักรพรรดิน้อยแดนเหนือและฆ่าน้องชายของเขาเมื่อไม่นานมานี้หรือ?”
“ถูกต้อง เป็นเขา!”
“โอ้สวรรค์ ทำไมเขาถึงกล้ามาที่นี่ นี่จะเป็นการเปิดการต่อสู้กับจักรพรรดิน้อยแดนเหนือจริงหรือ?!”
เย่ฟ่านสร้างความรู้สึกตื่นเต้นแก่เหล่าศิษย์ของสำนักฉีซื่อทันทีที่เขาเข้ามา การเคลื่อนไหวของเขามักจะดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมาก ไม่มีใครเชื่อว่าเย่ฟ่านจะกล้ามาที่นี่
“เดี๋ยวนะ นั่นฉีฮั่วสุ่ยไม่ใช่หรือ?” ทันทีที่เย่ฟ่านเข้ามา เขาก็พบคนรู้จัก
องค์หญิงแห่งแคว้นฉีที่มีความงามที่ไม่มีใครเทียบได้ สามารถเรียกได้ว่างามล่มแคว้น เส้นผมสีดำเงางาม ผิวขาวบอบบางราวกับหยกมันแพะ กำลังเดินผ่านหน้าเขาไป
แต่ทันใดนั้นใบหน้าของหญิงสาวก็เปลี่ยนไปอย่างรุนแรง นางไม่รอช้าและหันหลังรีบวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว
“ฉีฮั่วสุ่ยจะรีบไปไหน” เย่ฟ่านเรียกตามหลัง
“ใครจะคิดว่านางจะขวัญอ่อนถึงขนาดนี้” ผังป๋อรู้สึกแย่
“องค์หญิงเยว่หลิงสมาชิกของราชวงศ์จิ่วหลี…” ดวงตาของเย่ฟ่านแข็งทื่อเมื่อเห็นสาวงามลำดับที่สองของจงโจวและเขาจะไม่มีวันลืมว่านางทำอะไรกับเขาไว้ในไท่หลิง
สำนักฉีซื่อถูกขนานนามว่าเป็นสถานที่ชุมนุมของพยัคฆ์มังกร เพราะลูกศิษย์ของสำนักล้วนเป็นคนรุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์จากทั่วทุกมุมโลก
องค์หญิงของแคว้น ผู้สืบทอดดินแดนศักดิ์สิทธิ์ นักพรตจากนิกายอันยิ่งใหญ่ บุตรศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงอสูรจากวังอสูรสวรรค์ ไม่แปลกใจเลยที่จะเห็นรุ่นเยาว์ทายาทของเหล่าผู้มีอำนาจอยู่ที่นี่
“องค์หญิงเยว่หลิง คนๆ นั้นกำลังมองมาที่ท่าน” หญิงสาวข้างๆ นางเตือนนางเบาๆ
องค์หญิงเยว่หลิงไม่ได้จงใจปกปิดรูปลักษณ์ของตัวเอง ความงดงามของนางทำให้คนแทบหายใจไม่ออก นางมองเย่ฟ่านและกล่าวด้วยความตกตะลึงว่า
“เป็นเขานั่นเอง เขามาที่สำนักฉีซื่อทำไม ต้องการทำอะไร?”
ทันใดนั้นมีเสียงดังมากมายจากระยะไกล และคนกลุ่มใหญ่วิ่งเข้ามาพร้อมกับฉีฮั่วสุ่ย
“เป็นเขา ล้อมไว้และจับเขา!”
“ให้ข้าบอกเจ้าไว้อย่างหนึ่ง องค์หญิงฉีก่อนหน้านี้เป็นไข่มุกที่งดงามที่สุดในหนานหลิง นางมีผู้พิทักษ์บุปผานับไม่ถ้วนและมีพี่ชายเป็นคนชั่วร้ายที่พร้อมจะสร้างปัญหาให้เจ้าได้เสมอ” ผังป๋อพึมพำ
ทันทีที่เย่ฟ่านเข้าไปในสำนักฉีซื่อเขาก็ถูกห้อมล้อมไปด้วยผู้คนมากมาย
ฉีฮั่วสุ่ยเชิดหน้าขึ้นแล้วกล่าวว่า “เจ้ากล้ามาที่นี่ …”
“องค์หญิงฉีเป็นไปได้ไหมว่าเรื่องในอดีตพวกเราจะลืมมันไปให้หมด?” เย่ฟ่านกล่าว
องค์หญิงฉีนำคนสี่สิบหรือห้าสิบคนมาล้อมเย่ฟ่านไว้ รวมทั้งกลุ่มผู้ชมด้านนอกอีกนับไม่ถ้วน สถานที่นี้จึงแออัดขึ้นมาทันที
“เจ้ากล้ายั่วโทสะข้า”
ฉีฮั่วสุ่ยเชิ่ดคางขึ้นด้วยท่าทีที่แข็งกร้าว ถึงอย่างนั้นก็ยังคงงดงามเกินกว่าจะเทียบได้ นางประพฤติตนอย่างดี ไม่เคยเสียกริยาแม้แต่ครั้งเดียว วันนี้นางกล่าววาจารุนแรงทั้งยังตะคอกเสียงดัง ซึ่งเห็นได้ชัดว่านางโกรธมากจริงๆ
“ยั่วโทสะใคร เย่ฟ่านไม่ได้ทำอะไรเจ้านี่ ข้าพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า ระหว่างพวกเจ้ามีอย่างอื่นซ่อนอยู่หรือ?” ผังป๋อดูเหมือนเขาไม่ต้องการให้มีการวิวาทเกิดขึ้นที่นี่
“เจ้า...ตายไปซะ!” ฉีฮั่วสุ่ยอยากจะกัดใครสักคนด้วยความโกรธ
“เราไม่ใช่คนคุ้นเคยกัน หรือพวกเจ้าต้องการจะเป็นศัตรูกับข้าจริงๆ?” เย่ฟ่านถาม
“หุบปาก ข้ามาที่นี่เพื่อฆ่าเจ้า!”
ฉีฮั่วสุ่ยยิ่งร้อนรนมากขึ้น ใบหน้าของนางแดงก่ำด้วยความโกรธ ร่างกายที่ผอมเพรียวของนางสั่นเทา นางตะโกนใส่คนข้างๆว่า
“ลงมือเลย จับตัวมันมาให้ข้าแล้วผนึกมันไว้!”
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีคนหลายสิบคน แต่ก็ไม่มีใครกล้าขยับตัวและทำเป็นหูหนวกต่อคำพูดของนาง
ฉีฮั่วสุ่ยตะโกนซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่ยังไม่มีใครกล้าก้าวไปข้างหน้าดังนั้นนางจึงยากที่จะระบายความโกรธได้
“เจ้าจะกลัวอะไร? ไม่ใช่แค่ร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณหรอกหรือ? คนมากมายเพียงนี้ก็ยังเอาชนะเขาไม่ได้?”
คนเหล่านี้ยังคงไม่เคลื่อนไหว ใครจะกล้าโผล่หน้าออกไปตอนนี้?
“องค์หญิง เขาเพิ่งฆ่าลุงของจักรพรรดิน้อยแดนเหนือมาไม่กี่วัน ท่านแน่ใจหรือว่าต้องการจับเขา” หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ เตือนนางด้วยเสียงต่ำ
“แล้วอย่างไร?” ฉีฮั่วสุ่ยไม่สนใจ
“จักรพรรดิน้อยแดนเหนือ เป็นบุคคลที่แม้แต่ผู้นำนิกายของทุกฝ่ายยังเกรงกลัว ลุงของเขาถูกเย่ฟ่านสังหารซึ่งเพียงพอที่จะยืนยันถึงความแข็งแกร่งและความบ้าบิ่นของร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณ ตอนนี้การยั่วยุเขาย่อมไม่ใช่เรื่องดี”
“จักรพรรดิเหนือ? พี่ชายของข้าเป็นราชาอสูรแห่งหนานหลิง เขาก็แค่ร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณ เหยาเย่คงลูกพี่ลูกน้องของข้าก็เป็นร่างศักดิ์สิทธิ์อสูรสวรรค์ พวกเจ้าจะกลัวอะไร” ฉีฮั่วสุ่ยพึมพำ
“เจ้าเป็นอสูรหรือ?” ผังป๋อประหลาดใจ
“หุบปาก เจ้าออกไปให้พ้นหน้าข้า!”
ฉีฮั่วสุ่ยแสดงท่าทีรังเกียจพวกเขาอย่างเห็นได้ชัด เส้นเลือดบนหน้าผากของนางนูนขึ้นมาเพราะความโกรธ
“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้างดงามถึงเพียงนี้ ที่แท้ก็เป็นอสูร มีปรมาจารย์อสูรมากมายในหนานหลิง เจ้ามาจากวังอสูรสวรรค์ใช่ไหม?” ผังป๋อตะโกนเสียงดัง
หน้าผากขององค์หญิงฉีเต็มไปด้วยเส้นสีดำนางกล่าวอย่างฉุนเฉียวว่า
“เจ้าอ้วน ข้าจะจดจำเจ้ากับร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณให้ขึ้นใจ พวกเจ้าจะไม่ได้ตายดีแน่ คอยดูเถอะ”
อันที่จริงผังป๋อไม่ได้อ้วนเลย เขาแค่สูงกว่าคนทั่วไป หัวคิ้วหนา ตาโต แขนและต้นขาของเขาหนากว่าของคนอื่นเท่านั้นเอง
“ในโลกนี้ยังมีอสูรที่หล่อเหลาเหมือนข้าอยู่อีกหรือ?” ผังป๋อกล่าว
“ไปลงนรกซะ!”
ฉีฮั่วสุ่ยสั่งให้คนอื่นๆ จับตัวเย่ฟ่านกับผังป๋อ แต่พวกเขาไม่ขยับตัวเลย นางจึงทำได้เพียงเรียกอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองออกมา