บทที่ 53 บททดสอบที่สาม: พระราชวังบนท้องฟ้า!
สุดท้ายหลี่หรานก็ไม่สามารถโน้มน้าวใจเซียวชิงเกอได้ เขารับไม้ผลวิญญาณมาอย่างช่วยไม่ได้
“แล้วที่อยู่เจ้าล่ะ? ข้าจะหาเจ้าเจอได้ยังไง?” เขาถาม
เซียวชิงเกอยิ้มและพูดว่า “เมื่อท่านไปถึงเมืองหวู่หยาง ท่านจะพบข้าอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะมอบความประหลาดใจครั้งใหญ่ให้ท่าน”
ตามความเข้าใจของนาง หลี่หรานจะไปที่ตระกูลเซียวเพื่อทำตามสัญญาหมั้นหมายให้สำเร็จ
เมื่อถึงเวลานั้นพวกเขาทั้งสองจะพบกันโดยธรรมชาติ
“จิ๊ ทำตัวลึกลับเสียจริง...”
“ฮิฮิ”
—
สองชั่วโมงต่อมา
ในที่สุดการทดสอบรอบที่สองก็สิ้นสุดลง
ทุกคนถูกพาตัวไปโดยพลังที่ไม่อาจต้านทานและกลับไปยังพื้นที่ว่างด้านหน้าหุบเขาสมุนไพร
คนส่วนใหญ่ถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นผง พวกเขาอยู่ในสภาพน่าสังเวชอย่างมาก และบางคนก็สิ้นชีพไปแล้ว
นับตั้งแต่หลี่หรานเริ่มต้นห่วงโซ่แห่งการปล้น จากนั้นก็ไม่มีใครเก็บสมุนไพรอย่างจริงจัง ทุกคนเริ่มการแย่งชิงกันอย่างสมบูรณ์
เจ้าขโมยข้า ข้าขโมยเจ้า ทุกคนต่อสู้กันอย่างครื้นเครง
อย่างไรก็ตาม มีไม่กี่คนที่เก็บเกี่ยวสมุนไพรอมตะอย่างจริงจัง ในขณะนี้ บรรยากาศเป็นไปอย่างน่าสยดสยอง และทุกคนก็ตื่นตัวขณะที่พวกเขากวาดสายตาไปรอบๆอย่างมุ่งร้าย
การทดสอบรอบนี้ทำให้พวกเขาตระหนักว่าพวกเขาต้องดิ้นรนอย่างเอาเป็นเอาตายหากไม่ต้องการถูกคัดออก
ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าเส้นทางอันชอบธรรม ทุกคนล้วนเป็นศัตรู
เยว่เจียนหลี่เปลี่ยนชุดใหม่แต่ยังคงเป็นสีเขียวเช่นเคย
นางยืนอยู่ตรงมุมหนึ่ง ไม่พูดอะไรสักคำขณะที่ถือกระบี่ไว้ในอ้อมแขน นางปลดปล่อยกลิ่นอายที่ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้
เฉพาะเมื่อดวงตาของนางสบเข้ากับหลี่หรานโดยไม่ได้ตั้งใจเท่านั้น ที่ร่องรอยของความอับอายและความโกรธวาบเข้ามาในดวงตาของนาง แต่แล้วมันก็ถูกแทนที่ด้วยจิตสังหารที่เย็นเยียบ
ในขณะนั้นเอง ระลอกคลื่นก็ปรากฏขึ้นในอากาศ
【สิ้นสุดการทดสอบรอบที่สอง...】
【หกคนเดินหน้า สองคนจากไป】
จากนั้นลำแสงสีขาวก็พุ่งออกมาห่อหุ้มคนทั้งหกไว้ ผู้ที่ถูกคัดออกคือเซียวชิงเกอและศิษย์ของนิกายเซิงอวี้
การแสดงออกของพวกเขาแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ใบหน้าของศิษย์นิกายเซิงอวี้ซีดเผือก สีหน้าของเขามืดมน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจ
ในทางกลับกัน เซียวชิงเกออยู่ในความมึนงงราวกับว่านางเก็บสิ่งล้ำค่าได้
“ข้าจะไปแล้ว ท่านต้องระวังตัวด้วย~” นางโบกมืออย่างปรารถนาดี
หลี่หรานพูดอย่างหมดหนทาง “เจ้าควรเป็นห่วงตัวเอง”
“ข้าจะรอท่าน!”
“...เข้าใจแล้ว” หลังจากกล่าวคำอำลากับเซียวชิงเกอแล้ว หลี่หรานก็สร้างผนึกที่มือ และแสงนั้นก็พุ่งเข้าใส่ร่างของศิษย์นิกายเซิงอวี้
ปุ!
ศิษย์ของนิกายเซิงอวี้กระอักเลือดออกมาเต็มปาก เขาหันกลับมามองหลี่หรานด้วยความสับสน
“พี่ใหญ่ เรามีความคับแค้นอันใดต่อกัน? ข้าถูกคัดออกแล้ว!”
“ขอโทษด้วย” หลี่หรานพูด “แต่ข้าต้องทำเพื่อป้องกันบางสิ่ง...”
“???” ศิษย์ของนิกายเซิงอวี้กถูกส่งออกจากอาณาจักรลับพร้อมกับเครื่องหมายคำถามบนใบหน้าของเขา
อีกหกคนผ่านเข้าสู่รอบต่อไปได้สำเร็จ
—
ผู้ที่ถูกคัดออกจะถูกส่งไปยังทางเข้าอาณาจักรลับ เซียวชิงเกอเป็นมนุษย์ธรรมดาและนางก็บอบบางราวกับดอกไม้
การออกไปพร้อมกับผู้บ่มเพาะคนอื่นนั้นอันตรายมากสำหรับนาง นั่นเป็นเหตุผลที่หลี่หรานใช้ทักษะของเขาเพื่อปิดผนึกการบ่มเพาะของฝ่ายตรงข้าม
แม้ผลลัพธ์จะไม่ได้นานมากนัก แต่ก็เพียงพอสำหรับเซียวชิงเกอที่จะหลบหนี เขาได้ปกปิดร่างกายของเซียวชิงเกอด้วยอักษรรูน และมีการใช้เทคนิคทุกประเภทกับนางเพื่อรับประกันว่านางจะสามารถเดินออกจากเทือกเขาสือว่านได้อย่างปลอดภัย
“นางเชื่อใจข้าจริงๆ นางไม่กลัวว่าข้าจะไม่ให้ผลไม้วิญญาณแก่นาง...” หลี่หรานยิ้มและส่ายหัว
‘ช่างเป็นสตรีที่โง่เขลา’
—
แสงสีขาวกระจายออก
ทุกคนถูกเคลื่อนย้ายไปสถานที่ใหม่
ด้านหน้าเป็นบันไดลอยสูงตระหง่านขึ้นไปข้างบน สุดทางบันไดมีพระราชวังอันหรูหราหาที่เปรียบมิได้
พระราชวังตั้งอยู่ท่ามกลางหมู่เมฆ ผนังประดับประดาด้วยดอกบัวและกระเบื้องสีทองที่เปล่งประกายแวววาว ปลดปล่อยความโออ่าน่าเกรงขาม
มันคือพระราชวังลอยฟ้าอย่างแท้จริง
ทุกคนตกตะลึงกับภาพตรงหน้า
‘พระราชวังลอยฟ้า?’
ยังไงก็ตาม การมีอยู่ของอาณาจักรลับนี้มีมากว่าหนึ่งพันปี ต้องใช้ทรัพย์สมบัติมากมายขนาดไหนเพื่อรักษาสถานะให้มันลอยอยู่เช่นนี้ได้?
ดวงตาของเยว่เจียนหลี่หรี่ลงเล็กน้อยขณะที่นางค่อยๆรู้สึกตื่นเต้น นี่คือมรดกของจักรพรรดิโบราณ!
นอกจากนี้เขายังเป็นจักรพรรดิอมตะที่แข็งแกร่งที่สุดและเหนือกว่าคนทั้งปวง
ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถมีสิ่งก่อสร้างเช่นนี้ได้!
ระลอกคลื่นปรากฏขึ้นในอากาศ:
【บททดสอบที่สาม: พระราชวังบนท้องฟ้า...】
การทดสอบนั้นง่ายมาก
หกคนที่เหลือต้องปีนบันไดเมฆตรงหน้าพวกเขา สามคนแรกที่ไปถึงจุดสูงสุดจะถือว่าประสบความสำเร็จและเข้าสู่การทดสอบสุดท้าย
“ง่ายๆแค่นั้น?” หัวใจของทุกคนโลดเต้น
คนที่มาได้ไกลขนาดนี้ล้วนไม่ใช่คนโง่
สองรอบก่อนหน้านี้เต็มไปด้วยความอันตราย รอบนี้จะง่ายขนาดนั้นได้อย่างไร?
ต้องมีอะไรซ่อนอยู่ภายในนั้นแน่ๆ!
หลี่หรานตระหนักได้ถถึงสิ่งหนึ่ง
บททดสอบแรกเป็นการทดสอบความแข็งแกร่ง ในขณะที่บททดสอบที่สองเป็นการทดสอบสายตาและประสบการณ์ และเป้าหมายของการทดสอบนี้คือให้คนทั้งหกแข่งขันกันเอง
ผู้ที่สามารถเป็นผู้นำได้ต้องไม่ใช่คนที่เร็วที่สุด แต่เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด!
“เช่นนั้นแล้วการทดสอบสุดท้ายล่ะ?”
หลี่หรานมองไปที่พระราชวังอันงดงามบนท้องฟ้าและคาดเดาว่า “สามคนที่เหลือต้องต่อสู้กันจนเหลือเพียงคนเดียวในตอนสุดท้าย?”
สวรรค์และโลกไร้ความปรานี เส้นทางอมตะนั้นโหดร้าย
เส้นทางสู่ความเป็นอมตะถูกปูด้วยซากศพเสมอ
มีเพียงการก้าวผ่านแม่น้ำโลหิตและภูเขาซากศพร้อมกับขึ้นสู่จุดสูงสุดของสวรรค์ทั้งเก้าเท่านั้นที่สามารถกลายเป็นจักรพรรดิอมตะได้
หลี่หรานและเยว่เจียนหลี่มองกันและกันจากระยะไกล
วิญญาณแห่งการต่อสู้ในดวงตาของทั้งสองกำลังลุกไหม้!
//////////