บทที่ 16 - ที่นั่งกิตติมศักดิ์
บทที่ 16 - ที่นั่งกิตติมศักดิ์
อะไรนะ??
ได้ยินประโยคนี้ ทหารยามเกิดความสับสน
จูต้าซินก็ตกตะลึงเช่นกัน เขาคิดว่าตัวเองได้ยินผิดไป อดถามย้ำไม่ได้ “พี่ชายเฉิน ข้าคือสมาชิกสภาหอการค้าจินไห่ของท่านนะ ... เมื่อครู่ท่านพูดผิดใช่หรือไม่?”
เขาไม่เคยคิดเลย ว่าเฉินซีผู้เคยรับประทานอาหารร่วมโต๊ะด้วยกันมาแล้วครั้งหนึ่ง เวลานี้จะอยู่ข้างหยางซือเล่ย
อย่างไรก็ตาม ใบหน้าของเฉินซียังคงเฉยชา
“สภาหอการค้าจินไห่จะไม่ยอมให้ใครมาสร้างปัญหาที่นี่ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ขอยกเลิกการเป็นสมาชิกของเจ้า!”
“มัวยืนบื้ออยู่อีก? ลากเจ้าหมูอ้วนนี่ออกไป!”
ได้รับคำสั่งนี้ ทหารยามยอมรับว่าประหลาดใจมาก แต่พวกเขาเข้าใจดีว่าเฉินซีหมายความว่ายังไง
ดังนั้นไม่มีทางเลือกอื่น จำเป็นต้องเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นจูต้าซิน หันหลังกลับแล้วเดินไปอีกทาง ลากอีกฝ่ายที่ดิ้นขัดขืนสุดกำลังออกไปนอกพื้นที่ประมูล
“ไอ้ลูกหมาเฉิน! เป็นแค่ผู้ประเมินต่ำต้อย เจ้ามีอำนาจอะไรมายกเลิกการเป็นสมาชิกของข้า? ข้าต้องการพบหัวหน้าผู้ดูแลของเจ้า!!”
จูต้าซินโกรธมากจนหน้าแดง ฟันกรามกระทบดังกึกๆ ตะโกนเสียงดังลั่น
“คนอย่างเจ้าไม่มีสิทธิ์เข้าพบผู้ดูแลของสภาหอการค้าจินไห่!” เฉินซีตะคอกอย่างเย็นชา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม
ด้วยเหตุนี้ ร่างอวบอ้วนของจูต้าซิน จึงถูกเหล่าทหารยามลากออกไปเหมือนหมูตาย
เฝ้ามองฉากนี้ ผู้คนรอบข้างตกตะลึง ในแววตาสะท้อนไปด้วยความเหลือเชื่อ
คาดไม่ถึงเลยว่าผู้ประเมินอันดับต้นๆของสภาหอการค้าจินไห่ จะเลือกหนุนหลังนายน้อยผู้ฉาวโฉ่!
ในพริบตา สายตาแล้วสายตาเล่าจ้องมองหยางซือเล่ยอย่างประหลาดใจ
มันยากที่จะเชื่อว่าตลอดมาเจ้าหนูนี่แค่แสร้งทำเป็นหมูกินเสือ
เรื่องราวมันเป็นมายังไงกันแน่?
หลังจบเรื่อง เฉินซีเดินเข้าหาหยางซือเล่ยที่กำลังอุ้มบุตรสาวและเฝ้ามองด้วยสีหน้าเรียบเฉยตั้งแต่ต้นจนจบ
“นายน้อยหยาง สภาหอการค้าจินไห่ของเราจะไม่ยอมให้ใครมาสร้างปัญหาที่นี่ ต้องขอโทษจริงๆที่ทำให้ท่านตกใจ” เฉินซีพูดด้วยน้ำเสียงขอโทษ
และประโยคนี้ ทำให้มุมปากของทุกคนกระตุกเล็กน้อย
หยางซือเล่ยคือผู้ลงมือแท้ๆ แล้วเขาจะตกใจได้อย่างไร?
แต่แน่นอน ทุกคนไม่ได้โง่ จากพฤติกรรมนี้ของเฉินซี สามารถเห็นได้ชัด ว่าเขากำลังประจบหยางซือเล่ย
“ไม่เป็นไร ท่านทำได้ดีมาก” หยางซือเล่ยพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ราวกับเป็นเจ้านายที่แสดงความชื่นชมต่อผลงานของผู้ใต้บังคับบัญชา
เมื่อเห็นสีหน้าพึงพอใจของหยางซือเล่ย เฉินซีลอบด่าเขาในใจ แต่เจ้าตัวรู้ดี ไม่ว่าจะเป็นอาวุธสังหารอย่างปืนหรือเนื้อกระป๋อง เมื่อเข้าสู่ตลาดแล้ว พวกมันต้องได้รับความนิยมอย่างแน่นอน
เพื่อให้ได้เป็นตัวแทนสินค้าสองชิ้นนี้ เฉินซีไม่ลังเลที่จะรุกรานตระกูลจู ทั้งยังประจบหยางซือเล่ยอย่างออกนอกหน้า
นอกจากนี้ อย่าลืมนะว่าเบื้องหลังหยางซือเล่ยมีปรมาจารย์จากนิกายลับอยู่ถึงสองคน แล้วแบบนี้ ตระกูลจูเล็กๆในเมืองชิงหยางจะนับเป็นสิ่งใด?
“นายน้อยหยาง นี่คือตั๋วที่นั่งโถงประมูลของท่านและบุตรสาว --ที่นั่งกิตติมศักดิ์แถวแรก”
เฉินซีหยิบบัตรสีทองเข้มสองใบออกมา เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “การประมูลกำลังจะเริ่มแล้ว ข้ามีเรื่องต้องทำ ขออภัยที่ต้องขอตัวก่อน”
“ขอบคุณ”
หยางซือเล่ยยิ้ม จากนั้นท่ามกลางสายตาที่ตกตะลึงของฝูงชน เขาอุ้มบุตรสาวไปยังที่นั่งแถวแรกและนั่งลง
ช่วงเวลานี้ ทุกสายตาที่จับจ้องไปยังหยางซือเล่ยมีความยำเกรงปะปนอยู่ไม่น้อย
นั่นเพราะที่นั่งตรงนั้นคือสัญลักษณ์ของสถานะและตำแหน่ง ไม่มีทางปล่อยให้นายน้อยผู้ฉาวโฉ่ได้นั่งแน่นอน
...
ไม่นาน ที่นั่งในโถงประมูลก็เกือบเต็ม
ก๊อง!
ในเวลานั้นเอง เสียงระฆังดังขึ้น แสงไฟที่เดิมสว่างไสวทั่วโถงประมูลหรี่ลงอย่างกะทันหัน ทุกคนเงียบลงทันที เพระพวกเขารู้ ว่าในที่สุดการประมูลก็เริ่มขึ้น
ทันทีหลังจากนั้น แสงไฟสาดลงกลางเวทีประมูล ตกเป็นเป้าสายตาของคนนับไม่ถ้วน