บทที่ 15 - โยนมันออกไป
บทที่ 15 - โยนมันออกไป
เมื่อหยางซือเล่ยหันหลังกลับ สายตาของจูต้าซินก็บังเอิญเห็นหยางเฉินเฉินที่กำลังหลับอยู่บนไหล่เขา
ใบหน้าเล็กที่บอบบางและสวยงามปราศจากที่ติ ราวกับเจ้าหญิงนิทราตัวน้อยๆ
“หือ? นั่นบุตรสาวเจ้าหรือ? จุ๊ จุ๊ จุ๊ งดงามตั้งแต่อายุยังน้อย ไม่อยากนึกภาพเลยว่าโตขึ้นจะงดงามขนาดไหน”
เห็นภาพเบื้องหน้า ดวงตาของจูต้าซินเป็นประกาย รอยยิ้มลามกปรากฏขึ้นบนใบหน้าอ้วนๆ
“หากข้ารู้แต่แรก ข้าคงให้เจ้านำบุตรสาวมาใช้หนี้ แล้วเลี้ยงดูนางซัก 7 - 8 ปี ค่อยนำมาบำเรอแล้ว”
ได้ยินแบบนี้ ฝีเท้าของหยางซือเล่ยหยุดชะงัก ดวงตาของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นเย็นชา
ดังคำกล่าวที่ว่ามังกรมีเกล็ดย้อน ผู้ใดแตะต้องย่อมถึงตาย!
และบุตรสาวคือเกล็ดย้อนของหยางซือเล่ยอย่างไม่ต้องสงสัย!
“ไสหัวไปให้พ้นหน้าข้า!”
หยางซือเล่ยแค่นเสียงเย็นชา หันกลับมาพร้อมสาวเท้ายาวๆ เหวี่ยงกำปั้นจนเกิดลมแรง ชกเข้าที่ใบหน้าของจูต้าซิน
ได้ยินเพียงเสียง ปงงงง!
และต่อมาเป็นเสียงกรีดร้องของหมูบินที่กลิ้งออกไป ชนเข้ากับกำแพงอย่างแรง จึงค่อยล้มลงนั่งกับพื้น
ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเลือด ฟันในปากผสมกับเลือดสดๆ หลุดออกมาทีละซี่ ทีละซี่
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ ทำให้ฝูงชนรอบด้านตกใจ
จูต้าซินรู้สึกเจ็บปวดและวิงเวียนส่งเสียงครวญครางอย่างต่อเนื่อง
เขาไม่เคยนึกฝันเลย ว่าชายผู้ฉาวโฉ่ที่ไม่เคยอยู่ในสายตา เวลานี้กล้าชกหน้าตนเอง!
และพละกำลังของอีกฝ่ายยังน่าทึ่งมาก!
เป็นไปได้ไหมว่าตลอดมาชายผู้นี้อดกลั้นมาโดยตลอด? จงใจรอเวลานี้จึงนระเบิดออกมา!?
คิดได้แบบนี้ จูต้าซินทั้งตกใจและโกรธแค้น ชี้ไปที่หยางซือเล่ย กล่าวอย่างอาจหาญ “ข้าคือสมาชิกของสภาหอการค้าจินไห่ เจ้ากล้าดียังไงมาต่อยข้า อยากตายหรื--.”
“มาดูกันว่าใครจะตายก่อน” ดวงตาของหยางซือเล่ยหรี่ลงเล็กน้อย สาวเท้าเข้าหาจูต้าซินทีละก้าว ในเวลาเดียวกัน ความผันผวนของคลื่นพลังงานวิญญาณแผ่ออกมา
“พลังวิญญาณ? นี่เขาเป็นนักบู๊!?”
สังเกตเห็นพลังวิญญาณบนตัวหยางซือเล่ย สีหน้าของฝูงชนรอบๆแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“ที่แท้เขาก็ปลุกจิตวรยุทธได้แล้ว มิน่าเล่าเจ้าหนูนี่ถึงแตกต่างจากเมื่อก่อนราวกับเป็นคนละคน”
“ข้าสงสัยว่าจิตวรยุทธแบบใดกันที่เขาปลุกขึ้นมา?”
“แต่ต่อให้เขาได้เป็นนักบู๊ การสร้างปัญหาในสภาหอการค้าจินไห่ ก็เท่ากับว่าเขาได้ตายไปแล้ว”
“จุ๊จุ๊ แต่ที่เจ้าหมูอ้วนตระกูลจูโดนทุบตีก็ถูกแล้ว กระทั่งเด็กสาววัย 5 ขวบยังคิดไม่ดี สมควรโดนฟ้าลงทัณฑ์”
ฝูงชนกำลังพูดคุย เผยสีหน้าท่าทียินดีในความโชคร้ายของผู้อื่น
เป็นไปตามที่คาดไว้ เสียงเอะอะดึงดูดยามที่อยู่ใกล้ๆ พวกเขาตรงมายังที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว
“ผู้ใดกล้าสร้างปัญหาที่นี่!”
ช่วงเวลานั้นเอง เสียงที่ห้าวและทุ้มดังขึ้น ฝูงชนแยกเป็นสองฝั่ง เปิดทางให้ยามประมาณสิบกว่าคนเข้ามาถึงที่ทันที
และในบรรดาพวกเขา มีเฉินซีที่เพิ่งตรวจสอบสินค้าเสร็จติดตามมาด้วย
เขามองไปยังใบหน้าของจูต้าซินซึ่งเต็มไปด้วยเลือด จากนั้นมองไปยังดวงตาที่ลุกโชนไปด้วยความโกรธหยางซือเล่ย เจ้าตัวอดขมวดคิ้วไม่ได้
“พี่เฉิน ท่านมาได้เวลาพอดี! ขอท่านสั่งทหารยามจับไอ้สารเลวนี่ซะ!”
เมื่อเห็นการปรากฏตัวของเฉินซีและยามของสภาหอการค้าจินไห่ ความตื่นตระหนกบนใบหน้าของจูต้าซินก่อนหน้านี้ก็เปลี่ยนเป็นเย่อหยิ่งจองหอง
“ผู้ใดก็ตามที่ทุบตีมันผู้นี้จนพิการ ข้าจูต้าซินจะตอบแทนด้วยหนึ่งร้อยตำลึงทอง!”
เขาชี้ไปที่หยางซือเล่ยด้วยความไม่พอใจ สายตาที่มองไปราวกับเห็นคนที่ตายไปแล้ว
“หนึ่งร้อนตำลึงทอง!”
ได้ยินคำนี้ ดวงตาของเหล่าทหารยามสว่างไสว บังเกิดความโลภบนใบหน้าพวกเขา
เงินเดือนของพวกเขาได้แค่เดือนละสิบตำลึงทองเท่านั้น
หากได้รับเงินรางวัลนี้ ก็หมดกังวลเรื่องอาหารการกินไปได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งของเฉินซีในสภาหอการค้าจินไห่นั้นสูงกว่าจูต้าซิน ดังนั้นเมื่อมีเขาอยู่ที่นี่ เลยต้องรอเขาอนุญาตเสียก่อน
นั่นเป็นเหตุผลที่ว่า ทหารยามทั้งหมดเบนสายตาไปยังเฉินซี รอดูว่าเขาจะตอบรับอย่างไร
“เหตุใดพวกเจ้ายังยืนนิ่งอยู่อีก? จับมันโยนออกไป!” เฉินซีกล่าวโดยไม่แสดงสีหน้าใดๆ
“ขอรับ!” ได้รับอนุญาตจากเฉินซี ทหารยามนับสิบแสดงสีหน้าดุร้าย ทั้งหมดเดินเข้าหาหยางซือเล่ย
เมื่อนึกถึงทองคำร้อยตำลึง สายตาของพวกเขาก็ยิ่งเร่าร้อน ราวกับว่าเหยื่ออยู่ใกล้แค่เอื้อม
“ข้าหมายถึงเจ้าหมูอ้วนตัวนี้ จับเขาโยนออกไป!”
เห็นการกระทำของทหารยาม เฉินซีชี้ไปยังจูต้าซิน ตะโกนเสียงดังด้วยความโกรธ