บทที่ 13 - หงสาเยือกแข็ง
2/5
บทที่ 13 - หงสาเยือกแข็ง
“นายน้อยหยาง ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะขอเป็นตัวแทนธุรกิจของท่าน ไม่ว่าจะเป็นอาวุธปืนหรืออาหารชนิดนี้ ข้าจะเป็นคนจัดหาช่องทางการขายให้แก่ท่านเอง”
เฉินซีตบหน้าอกรับประกัน แทบอดใจรอไม่ไหวที่จะกรีดเลือดสาบานกับหยางซือเล่ย
“ไม่ต้องเร่งร้อน รอการประมูลสิ้นสุดลงก่อน ข้าจะหารือเรื่องนี้กับท่านอีกครั้ง”
ว่าจบ หยางซือเล่ยยกจอกเหล้าขึ้น เขาจิบมัน ไม่เอ่ยอะไรอีก แต่ก็แอบคำนวณอยู่ในใจ
ไม่ว่าจะจิตวรยุทธหรือการพัฒนาฐานบำเพ็ญเพียร ทั้งคู่จำเป็นต้องใช้แต้มเสริมพลัง ตอนนี้เขามีทองคำเพียง 500 ตำลึงเท่านั้น อย่างมากที่สุด สามารถรับซื้อโลหะได้ราวๆพันจิน ได้แต่หวังว่าปืนพกไทป์54ที่ถูกขายในการประมูล จะสามารถเสนอราคาได้สูง
“เข้าใจแล้ว ไม่รีบร้อน ไม่รีบร้อน!”
เฉินซีพยักหน้าซ้ำๆเหมือนไก่จิกข้าว จากนั้นเดินไปรินเหล้าให้หยางซือเล่ย สีหน้าท่าทีที่แสดงออก เสมือนได้พบผู้มีพระคุณอย่างยิ่ง
แต่ ณ ขณะนี้เอง หยางซือเล่ย สังเกตเห็นระลอกคลื่นพลังงานวิญญาณจางๆที่ผันผวนข้างกาย เขาตื่นตัว กวาดสายตาไปทางซ้ายอย่างระแวดระวัง แต่กลับพบว่าระลอกคลื่นเหล่านั้นแผ่ออกมาจากหยางเฉินเฉินผู้เป็นบุตรสาว
และในเวลานี้ เนื้อกระป๋องของหยางเฉินเฉินกินไปได้แค่ครึ่งเดียว เด็กสาวฟุบหลับบนโต๊ะ
‘เกิดอะไรขึ้น? หรือนี่คือผลข้างเคียงที่ได้รับจากการเสริมแกร่งของเนื้อกระป๋อง? มันส่งผลร้ายต่อเด็กงั้นหรือ?’
หยางซือเล่ยขมวดคิ้ว ร่องรอยความกังวลปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา
“หืม? นี่มัน......”
เห็นสถานการณ์ เฉินซีงงงวยเล็กน้อย แต่ไม่นานก็คิดอะไรบางอย่างออก ดวงตาสว่างไสวขึ้นทันใด เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ขอแสดงความยินดีกับนายน้อยหยาง บุตรสาวท่านเกิดสัญญาณของการปลุกจิตวรยุทธ”
“ปลุกจิตวรยุทธ?”
หยางซือเล่ยนิ่งงัน สายตาจับจ้องไปยังบุตรสาวที่กำลังหลับใหล อดประหลาดใจไม่ได้
“จุ๊ จุ๊ ปลุกจิตวรยุทธได้ตั้งแต่วัย 5 ขวบ สามารถกล่าวได้ว่าเป็นอัจฉริยะโดยแท้!”
เฉินซีชื่นชมอย่างช่วยไม่ได้ “และหากสามารถปลุกจิตวรยุทธขั้น 6 ขึ้นไป จะถูกแย่งตัวจากเหล่าทำเนียบยุทธต่างๆนับไม่ถ้วน”
ได้ยินแบบนั้น หยางซือเล่ยก็เริ่มตื่นเต้นขึ้นมาบ้างเช่นกัน เริ่มอยากรู้ว่าเฉินเฉินจะปลุกจิตวรยุทธระดับไหนขึ้นมา
กระบวนการเฝ้ารอใช้เวลาไม่นาน
ไม่กี่นาทีต่อมา หยางซือเล่ยรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงพลังงานวิญญาณจากสวรรค์และปฐพี
ภายในห้องส่วนตัว จู่ๆก็เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
หึ่ง หึ่ง——!
รัศมีแห่งสวรรค์และปฐพีอันยิ่งใหญ่ หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของหยางเฉินเฉินอย่างต่อเนื่องด้วยความเร็วอันน่าอัศจรรย์
ไม่กี่ลมหายใจต่อมา เห็นแค่เพียงเหนือหัวของหยางเฉินเฉิน ภาพเสมือนจริงของจิตวรยุทธรูปแบบสัตว์ร้ายคล้ายวิหค ค่อยๆก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ
หากมองให้ดีๆ จะพบว่าวิหคตัวนี้ แท้จริงแล้วเป็นรูปแบบหงสา!
ดวงตาหงสาเปล่งประกายแวววาว ทั้งดูสูงส่งและเย็นชาในเวลาเดียวกัน เป็นความสง่างามที่บอกไม่ถูก ขนนกสีฟ้าเปล่งประกายศักดิ์สิทธิ์ แผ่กลิ่นอายเย็นยะเยือกอย่างหาที่เปรียบมิได้
“หงสาเยือกแข็ง! จิตวรยุทธขั้นเก้า!”
เห็นภาพนี้ หัวใจของเฉินซีเต้นแรง ดวงตาเบิกกว้าง จ้องมองร่างเงาจิตวรยุทธหงสาเยือกแข็งด้วยสายตาตกตะลึง
ทุกคนรู้ ว่าระดับจิตวรยุทธไม่เพียงเป็นตัวบ่งบอกถึงพรสวรรค์ที่ติดตัวมาแต่กำเนิดเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวกำหนดความสำเร็จในเส้นทางการบำเพ็ญเพียรอีกด้วย
ตัวอย่างเช่น จิตวรยุทธขั้นสองที่เฉินซีปลุกได้คือหนูเนตรทองคำ ทั้งชีวิตนี้ไม่มีโอกาสยิ่งใหญ่ ฐานบำเพ็ญเพียรสูงสุดสามารถขึ้นไปได้แค่ขอบเขตกระตุ้นชีพจร
ด้านอายุขัยยืนยาวกว่าคนทั่วไป แต่ก็ไม่มากมายอะไร อยู่ได้ถึงประมาณ 120 ปีเท่านั้น
แต่เป็นเพราะจิตวรยุทธของเขาคือหนูเนตรทองคำ ทำให้ได้รับความสามารถในการประเมินสมบัติ นั่นคือเหตุผลที่เฉินซีสามารถแสดงศักยภาพของเขาออกมาได้อย่างเต็มที่เช่นปัจจุบันนี้
อย่างไรก็ตาม เวลานี้ เด็กสาววัยห้าขวบเบื้องหน้าเขา ไม่คาดฝันเลยว่าสามารถปลุกจิตวรยุทธขั้นเก้าประเภทสัตว์ร้ายขึ้นมาได้ พรสวรรค์โดยกำเนิดเรียกได้ว่าระดับสัตว์ประหลาด ในอนาคต นางต้องเป็นใหญ่ในโลกแห่งศิลปะการต่อสู้อย่างแน่นอน!
คิดได้แบบนี้ เฉินซีสูดหายใจลึก สายตาของเขามองไปที่หยางซือเล่ยอย่างอิจฉา
ต่อให้หยางซือเล่ยไม่ทำอะไร แต่ด้วยความสามารถของบุตรสาว เขาย่อมมีอนาคตที่สดใสเช่นกัน
“ช่างเป็นจิตวรยุทธที่งดงามเสียนี่กระไร ไม่เลว เหมากับบุตรสาวข้ามาก”
สำหรับแนวความคิดเรื่องระดับขั้นของจิตวรยุทธ หยางซือเล่ยไม่สนใจ เพราะเขาสามารถอัพเกรดมันได้อยู่แล้ว เขาจ้องไปยังหงสาเยือกแข็งที่กำลังเปล่งแสงสีฟ้าคราม อดไม่ที่จะยิ้มและทอดถอนหายใจด้วยความชื่นชม
ได้ยินคำนี้ เฉินซีตัวแข็งทื่อ
เดิมเขานึกว่าหยางซือเล่ยจะแสดงท่าทีตื่นเต้นดีใจสุดๆ แต่ไม่นึกว่าปฏิกิริยาของอีกฝ่ายจะเบามาก
‘เป็นไปได้ไหมว่านายน้อยหยางก็มีจิตวรยุทธขั้นเก้าด้วย?’
เฉินซีแอบเดาในใจ ลมหายใจเริ่มถี่ขึ้นเล็กน้อย
หากเป็นเช่นนั้น พ่อลูกคู่นี้ จะน่าสะพรึงเกินไปแล้ว!
เห็นได้ชัดว่าหยางซือเล่ยไม่รู้ว่าเฉินซีที่อยู่ข้างๆ กำลังคิดอะไร หลังจากเริ่มสงบอารมณ์ได้ เขาก็เพ่งความสนใจไปกับการเปลี่ยนแปลงของบุตรสาว
เห็นแค่เพียงร่างเงาของจิตวรยุทธลอยอยู่เหนือหัวของหยางเฉินเฉินอย่างเงียบๆ แต่ปรากฏว่าไม่นาน มันก็เปลี่ยนเป็นแสงสีฟ้า แล้วเจาะเข้าสู่ร่างกายของหยางเฉินเฉิน
และเนื่องจากการตื่นขึ้นของจิตวรยุทธ ทำให้หยางเฉินเฉินก้าวเข้าสู่ขอบเขตบำเพ็ญเพียรอย่างเป็นทางการ ยกระดับขึ้นสู่ขอบเขตรวบรวมลมปราณขั้นต้น
แต่ถึงอย่างนั้น ... เหตุใดเฉินเฉินยังไม่ตื่นขึ้นเสียที?