บทที่ 12 - เนื้อกระป๋อง
1/5
บทที่ 12 - เนื้อกระป๋อง
“ท่านพ่อ ข้าหิว”
หยางเฉินเฉินลูบท้องน้อยๆของตัวเอง ดวงตากลมโตจ้องตรงไปที่อาหารบนโต๊ะ
เนื่องจากหยางซือเล่ยยังไม่ได้ขยับตะเกียบ เธอที่อยู่ข้างๆจึงต้องรักษามารยาท ไม่อาจเริ่มรับประทานได้เช่นกัน
“นังเด็กโง่ ......” หยางซือเล่ยยิ้ม แตะหัวลูกสาวเบาๆ เขากำลังจะบอกบุตรสาวให้กินได้เลย แต่จู่ๆก็เปลี่ยนใจ เลือกเสบียงกรังบางส่วนจากร้านค้าแทน
“ติ๊ง! ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์สำหรับการแลกเปลี่ยน แต้มเสริมพลัง -10”
แทบจะในทันทีหลังจากนั้น เนื้อกระป๋องสองกระป๋องปรากฏขึ้นบนโต๊ะอาหาร
ตอนเขาอยู่ในห้องใต้ดินของบ่อน หยางซือเล่ยเคยได้รับพลังที่แข็งแกร่งขึ้นเมื่อกินเนื้อกระป๋อง คราวนี้เลยอยากให้ร่างกายบุตรสาวแข็งแกร่งขึ้นด้วย
“ท่านพ่อ เจ้าสิ่งนี้คืออะไร?” หยางเฉินเฉินกระพริบตาคู่โต เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“มันคือเนื้อกระป๋อง เจ้าลองชิมดู”
หยางซือเล่ยเปิดฝากระป๋อง กลิ่นหอมของเนื้ออบอวลอยู่ในอากาศทันที กระตุ้นความอยากอาหารของหยางเฉินเฉิน มือเล็ก ๆ ของเธอจับช้อน เริ่มตักกิน
“เนื้อกระป๋อง?”
เห็นกล่องโลหะที่บรรจุอาหารแบบใหม่ ร่องรอยความประหลาดใจปรากฏขึ้นในดวงตาของเฉินซี
มันยากที่จะจินตนาการ ว่าในกล่องเหล็กปิดสนิทใบนี้ จะใส่อาหารลงไปได้จริงๆ และกลิ่นยังค่อนข้างหอม
เฉินซีอดไม่ได้ เอ่ยถามด้วยความสงสัย “นายน้อยหยาง ข้าไม่เคยเห็นอาหารแปลกใหม่เช่นนี้ในเมืองชิงหยางมาก่อน ขอถามได้หรือไม่ว่าซื้อมันมาจากที่ใด?”
หยางซือเล่ยพูดอย่างตรงไปตรงมา “สิ่งนี้เดิมข้าตั้งใจรอให้การประมูลสิ้นสุดลงก่อน จากนั้นค่อยหารือเรื่องการซื้อขายกับท่าน แต่ในเมื่อนำมันออกมาแล้ว ข้าก็ยินดีให้ท่านทดลองชิมมันก่อน”
หารือเรื่องการซื้อขาย?
เจ้าสิ่งเล็กๆ หน้าตาแบบนี้น่ะหรือ?
เฉินซืออึ่งงัน เขาเป็นคนระมัดระวังเรื่องการกินเป็นพิเศษ ดังนั้นรู้สึกว่าอาหารที่อยู่ในกล่องเหล็กมาเป็นเวลานาน ไม่เพียงส่งผลต่อรสชาติเท่านั้น แต่ก็ไม่สดเช่นกัน ดูเหมือนธุรกิจนี้จะไม่ไปได้ไม่ดีนัก
เฉินซีแอบส่ายหัวในใจ เดิมเขาคิดว่าหยางซือเล่ยจะขอร่วมมือกับเขาในธุรกิจอาวุธปืน แต่ไม่นึกว่าจะเป็นเรื่องนี้
ดูท่าการพยายามเอาใจใส่ที่ทำไปเมื่อครู่ จะเปล่าประโยชน์เสียแล้ว
เห็นสีหน้าผิดหวังเล็กน้อยของเฉินซี หยางซือเล่ยขี้เกียจเกินกว่าจะอธิบาย เขาเอ่ยอย่างใจเย็นว่า “ท่านลองชิมดูก่อน”
เฉินซีไม่ปฏิเสธ เลียนแบบวิธีการเปิดฝากระป๋องหยางซือเล่ย คีบเนื้อตุ๋นชิ้นหนึ่งใส่ปาก
เนื้อนุ่มหนึบละลายบนลิ้น รสชาติซอสเข้มข้นฟุ้งไปทั้งปากทันที
ดวงตาของเฉินซีสว่างขึ้นทันใด
อื้อหือ! มันอร่อยมาก!
เหมือนได้ค้นพบดินแดนใหม่!
และสิ่งที่ทำให้เฉินซีรู้สึกตกใจยิ่งกว่านั้นคือ เมื่อเนื้อไหลลงท้อง กระแสไออุ่นจากกระเพาะได้แพร่กระจายไปตามร่างกายอย่างรวดเร็วเช่นกัน
บำรุงตับ กล้ามเนื้อ เอ็นและกระดูก
ความรู้สึกนี้ยอดเยี่ยมมาก!
ราวกับได้กินโอสถกระตุ้นจิตวิญญาณที่มีฤทธิ์เพิ่มความแข็งแกร่ง ร่างกายเต็มไปด้วยพลังงาน
เฉินซีคีบเนื้อวัวอีกชิ้นขึ้นมาเคี้ยวทันที ยิ่งกินยิ่งกระปรี้กระเปร่า
เมื่อกินจนหมด เฉินซีหยิบกระป๋องขึ้นมาแล้วเทเศษน้ำเข้าปากอย่างเอาเป็นเอาตาย
วิธีการกินของเขาตอนนี้ เหมือนขอทานที่อดอยากมาหลายวัน ไม่คำนึงถึงภาพลักษณ์ของตัวเอง
“นายน้อยหยาง! เนื้อกระป๋องนี้น่าทึ่งจริงๆ! ตอนนี้ข้ารู้สึกว่าร่างกายข้ามีอายุน้อยลงเป็นสิบปี!”
หลังรับประทานอาหาร เฉินซีจ้องมองหยางซือเล่ยด้วยท่าทีตื่นเต้น กล่าวด้วยใบหน้าที่ร่าเริง ลองขยับแข้งขยับขาดู
เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะอายุมากขึ้น กล้ามเนื้อบางส่วนจึงหย่อนคล้อย แต่ตอนนี้เริ่มตึงและกระชับขึ้น
หยางซือเล่ยเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เอ่ยเสียงเรียบว่า “เช่นนั้นท่านคิดว่าธุรกิจนี้ของพวกเราเป็นไปได้หรือไม่?”
“แน่นอน! ย่อมเป็นไปได้!” เฉินซีลุกพรวด ใบหน้าเขาแดงก่ำและพูดว่า “สิ่งนี้ไม่เพียงทำให้อิ่มท้อง แต่ยังมีรสชาติดี และมีฤทธิ์วิเศษในการทำให้ร่างกายแข็งแรง ยอดเยี่ยมกว่ายาขมอย่างพวกโอสถเป็นไหนๆ”
“ข้ารับประกันได้ เมื่อเปิดตัวสู่ตลาดแล้ว มันจะเป็นที่นิยมในหมู่ทหารรับจ้างและเหล่าผู้พเนจรมากมายอย่างแน่นอน!” เฉินซีข่มความตื่นเต้น อดไม่ได้ที่จะถาม “นายน้อยหยาง เนื้อกระป๋องนี้ ท่านคงได้มาจากนิกายหนึ่งอีกแล้วใช่หรือไม่?”
“ใช่ ผู้ผลิตมันคือศิษย์ร่วมนิกกายของช่างฝีมือระดับปรมาจารย์ เขาเป็นนักกลั่นโอสถแปลกๆ ชอบสร้างอะไรประหลาดๆเช่นนี้”
หยางซือเล่ยพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม สร้างผู้แข็งแกร่งสมมติขึ้นอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม การโกหกพกลมเช่นนี้ สำหรับเฉินซือมันสร้างความตื่นตะลึงแก่อีกฝ่ายอย่างไม่ต้องสงสัย
สายตาของเขาที่มีต่อหยางซือเล่ยเริ่มเปลี่ยนจากความอิจฉาริษยากลายเป็นความหวาดกลัว