ตอนที่แล้วทาสแห่งเงา บทที่ 126 เอฟฟี่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปทาสแห่งเงา บทที่ 128 ราชาแห่งเนินเขา

ทาสแห่งเงา บทที่ 127 สิ้นความหวังทั้งหมด


… ด้วยความตกใจกับคำพูดของเธอ พวกเขาทั้งสามคนจ้องมองหญิงสาวด้วยใบหน้าซีดขาว ซันนี่รู้สึกถึงบางสิ่งที่เปราะบางและล้ำค่าแตกเป็นเสี่ยงในใจของเขา เสียดแทงด้วยความรู้สึกเจ็บปวดที่แทบจะสมจริง

'ไม่ ไม่ เป็นไปไม่ได้'

มันไม่จริง เป็นไปได้ยังไง… สิ่งที่ทำไปทั้งหมดนี้ไม่มีค่าอะไรเลยได้อย่างไร?

ความหวัง ความฝันและความปรารถนาทั้งหมดของเขาจะพังทลายลงด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำได้อย่างไร?

เป็นไปได้อย่างไร?!

ที่ไหนสักแห่งข้างกายเขา แคสซี่พลันพูดด้วยเสียงแผ่วเบาหวิว

"เธอหมายความว่าอะไร ไม่มีทางเชื่อมมิติ?"

เอฟฟี่ยักไหล่

"มันธรรมดามาก จริงๆ ฉันขอโทษที่เป็นคนทำลายความหวังของพวกเธอ แต่ลึกลงข้างใน พวกเธอน่าจะรู้อยู่แล้ว ไม่ใช่เหรอ? ชายฝั่งที่ถูกลืม… มันไม่ใช่สถานที่จริงๆ ที่ซึ่งมนุษย์ควรจะอยู่รอด นั่นจึงเป็นเหตุผลที่พวกเธอไม่เคยได้ยินเรื่องของสถานที่แห่งนี้มาก่อนในโรงเรียนหรือสถาบัน"

ใบหน้าของซันนี่บิดเบี้ยวด้วยความโกรธ แน่นอน! แน่นอนคำตอบอยู่ในมือของเขาเสมอ เขาเพียงแค่ไร้เดียงสาเกินไปและโง่เง่าเกินกว่าที่จะทำความเข้าใจมัน

ดินแดนแห่งความฝันนั้นกว้างใหญ่และแปลกประหลาด ด้วยพื้นที่ส่วนใหญ่ที่แทบจะไม่มีมนุษย์เข้าไปสำรวจ แต่อย่างไรก็ตาม อย่างน้อยก็มีข้อมูลเกี่ยวกับพวกมันอยู่เล็กน้อย บางส่วนก็อยู่ภายใต้การควบคุมของมนุษย์อย่างสมบูรณ์ ด้วยป้อมปราการขนาดใหญ่อย่างเช่นบาสตันที่ให้ที่พักพิงแก่ผู้ตื่นนับแสนคน

แต่ถึงกระนั้น เมื่อเขามาที่ชายฝั่งที่ถูกลืมเป็นครั้งแรก ซันนี่ก็ไม่รู้จักลักษณะเฉพาะใดๆ ของที่นี่เลย ในตอนนั้น เขาคิดว่าการศึกษาที่บกพร่องของเขาคือต้นเหตุ

เขาควรจะได้รู้ความจริงเมื่อทั้งเนฟฟีสหรือแคสซี่ก็ไม่ประสบความสำเร็จในจุดที่เขาล้มเหลว ทำไมภูมิภาคที่มีเอกลักษณ์เช่นนี้ถึงไม่เป็นที่รู้จัก? คำอธิบายที่มีเหตุผลที่สุดก็คือไม่มีใครเคยกลับไปจากเหวแห่งความตายนี้สู่โลกแห่งความเป็นจริงเพื่อบอกให้คนอื่นรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้

เขาช่างโง่เขลา! เพียงไม่กี่สัปดาห์ของชีวิตอันแสนสุขสบายในสถาบัน และเขาก็ลืมไปเสียสนิทว่าโลกไม่เคยยุติธรรมกับผู้คนอย่างเขา ความจริงนั้นเลวร้ายยิ่งกว่าความคาดหวังที่เลวร้ายที่สุดของเขาเสมอ แล้วทำไมครั้งนี้จึงจะต่างออกไป?

โลกนี้เป็นนักล่าที่เฝ้ารอโอกาสที่จะกลืนกินเราอยู่เสมอ

ทำไมเขาถึงคาดหวังอย่างอื่นอีก?

รสขมที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นในปากของเขา

ในขณะเดียวกัน เอฟฟี่ก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

"เมื่อสิบห้าปีก่อนหรือประมาณนั้น กลุ่มผู้หลับไหลที่ทรงอำนาจและสิ้นหวังได้เข้าถึงเมืองนี้และยึดครองปราสาทเป็นของตนเองได้ แต่ไม่ใช่เพราะมีทางเชื่อมมิติ แต่เพราะเป็นสถานที่เดียวที่สามารถปกป้องพวกเขาให้ปลอดภัยได้ อย่างน้อยก็ชั่วขณะหนึ่ง ตั้งแต่นั้นมา ผู้โชคดีหรือผู้มีไหวพริบสองสามคนก็จะหาทางไปที่ปราสาทจากเหตุการณ์ประตูแห่งความฝันครั้งแรกแต่ละรอบ เพียงเพื่อจะติดอยู่ที่นี่พร้อมกับคนที่มาก่อน"

เนฟฟีสนั่งเงียบๆ มีเพียงหมัดที่กำแน่นของเธอเท่านั้นที่ทรยศต่อพายุแห่งอารมณ์ที่โหมกระหน่ำอยู่ในใจ แคสซี่รับข่าวอย่างยากกว่าพวกเขาทั้งคู่ ไม่ว่าอย่างไร เป็นนิมิตของเธอที่นำพวกเขาเข้าสู่กับดักนี้

ใบหน้าเธอเหมือนคนตาย ด้วยความเจ็บปวดและความตกใจที่บิดเบี้ยวจนเป็นเส้นบางๆ เธอหลับตา กระซิบว่า

"แต่นั่น… นั่นไม่แฟร์เลย!"

เอฟฟี่มองอีกฝ่ายด้วยความสงสาร จากนั้น เธอก็หัวเราะขำ ยิ้มอย่างมืดมนและพูดว่า

"เมื่อไรที่มีอะไรแฟร์?"

… เธอพูดถูก แน่นอน ความยุติธรรมไม่มีอยู่จริงนอกเหนือจากในจินตนาการของมนุษย์ ซันนี่ได้เรียนรู้บทเรียนนั้นเมื่อเนิ่นนานมาแล้ว

ในขณะที่เขาจมอยู่กับความสิ้นหวัง รอยยิ้มของเอฟฟี่ก็พลันสูญเสียความเคร่งเครียดและกลายเป็นรอยยิ้มที่มีความสุขอีกครั้ง เธอเอนตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย พูดว่า

"แต่นั่นก็ไม่ได้เลวร้ายไปทั้งหมด! อย่างน้อยพวกเธอก็ได้พบกับฉัน พวกเธอโชคดีอย่างมากมายมหาศาลจริงๆ ถ้าพวกเธอบังเอิญไปเจอคนท้องถิ่น พวกเธอคงตายไปแล้ว"

เนฟฟีสจ้องไปที่อีกฝ่ายและถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

"ใช่แล้ว? ทำไมถึงเป็น… เช่นนั่น?"

กิริยาท่าทางที่เงอะงะของเธอกลับมามีสง่าราศีอีกครั้ง

เอฟฟี่ถอนหายใจ

"เมืองแห่งความมืดเป็นสถานที่ซึ่งปลอดภัยที่สุดในชายฝั่งที่ถูกลืม และก็ยังเป็นสถานที่อันตรายที่สุดอีกด้วย มันปลอดภัยเพราะไม่มีสัตว์อสูรจากทะเลสามารถข้ามกำแพงมาได้ นับประสาอะไรกับการเข้าไปถึงปราสาท แต่ในเวลาเดียวกัน มันอันตรายกว่าเขาวงกตมาก เพราะสิ่งมีชีวิตแห่งฝันร้ายเกือบทุกตัวที่นี่เป็นระดับผู้ล้มเหลว"

ซันนี่กระพริบตา รู้สึกว่าความหนาวสะท้านแทรกซึมไปทั้งตัว สิ่งมีชีวิตระดับผู้ล้มเหลว… สิ่งมีชีวิตระดับผู้ล้มเหลวนั้นทรงพลังมากเกินกว่าผู้ตื่น ผู้หลับไหลอย่างพวกเขาไม่มีความสามารถที่จะต่อสู้กับผู้ตื่น อย่าว่าแต่ผู้ล้มเหลว อสูรระดับผู้ตื่นเพียงหนึ่งตัวก็มากเกินกว่าที่พวกเขาจะจัดการได้โดยไม่ต้องเรียกมารตัวจริงจากส่วนลึกของทะเลต้องสาป

บางสิ่งที่ทรงอำนาจกว่าอสูรเกราะเหล็กจะลบล้างตัวตนของพวกเขาออกไปในเวลาไม่กี่วินาที เมื่อนึกถึงตัวตนนับไม่ถ้วนที่เคลื่อนผ่านซากปรักหักพังนี้ไป เขาก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน

หรือว่าแต่ละ… แต่ละร่างเหล่านี้เป็นสัตว์อสูรผู้ล้มเหลวงั้นหรือ? จะมีใครรอดชีวิตได้แม้เพียงวันเดียวในเมืองต้องคำสาปนี้ได้? พวกเขาต้องเสียสติหากคิดจะลอง!

อย่างช้าๆ ขนาดของกับดักอันตรายที่พวกเขาพบว่าตัวเองหลงเข้าไปนั้นเริ่มแทรกซึมเข้าไปในจิตใจของพวกเขา

เอฟฟี่ยิ้ม

"แต่พวกเธอก็สะดุดเข้าเข้ามาเจอฉันก่อนที่จะลงไปจากกำแพง ไม่อย่างนั้น พวกผู้ล้มเหลวคงจะกินวิญญาณของพวกเธอไปแล้ว โชคดี โชคดีมาก! มีผู้คนไม่กี่คนในปราสาทที่ออกไปล่าสัตว์ในซากปรักหักพัง นับประสาอะไรกับการออกไปให้ไกลจากปราสาท การพบกับนักล่าที่มีประสบการณ์อย่างฉันอาจเป็นโอกาสเดียวที่พวกเธอจะได้หลีกเลี่ยงการค้นหาใบหน้าที่แท้จริงของเมืองแห่งความมืดในวินาทีที่สายเกินไป"

เธอส่ายหน้า

"นั่นแหละ อย่างเช่น… หนึ่งต่อหนึ่งพัน? หนึ่งหมื่น? หนึ่งล้าน? ไม่ว่าอย่างไร โอกาสก็ไม่เข้าข้างพวกเธออย่างแท้จริง โชคชะตาแน่นอนว่าต้องตกหลุมรักกับพวกเธออย่างน้อยก็สักหนึ่งคนแน่ๆ ดังนั้น… ฉลองกันหน่อย! พวกเธอต้องการเนื้อบ้างไหม ฉันได้มีการล่าที่น่าประทับใจในวันนี้จนฉันไม่ถือที่จะได้แบ่งปันบ้าง”

เนฟฟีสไม่แม้แต่จะมองไปที่เนื้อย่างและโน้มตัวไปข้างหน้าแทน คำพูดของเธอเปี่ยมไปด้วยความเข้มข้น

"ถ้าที่นี่ไม่มีทางเชื่อมมิติ ทำไมเธอไม่พยายามลองที่จะออกไปล่ะ?"

เอฟฟี่กระพริบตาสองสามครั้งและมองอีกฝ่ายด้วยความสับสนอย่างจริงใจ

"… ออกไปเหรอ? ออกไปไหน?"

เนื้อกำลังจะไหม้ เธอจึงโน้มตัวไปทางกองไฟและเอาเนื้อไม้ออก แล้วแทนที่ด้วยเนื้อไม้ใหม่อีกสองสามไม้ จากนั้นก็ถอนหายใจ เธอหันไปหาดาราผันแปรและพูดว่า

"เธอเคยไปที่เขาวงกตมาแล้ว ดังนั้นเธอต้องรู้ว่ามันเป็นอย่างไร ไม่มีอะไรอื่นอีกนอกจากปะการังบัดซบและทะเลต้องสาปนั่นนับเป็นเดือนๆ จากการเดินทางในทุกสารทิศ เธอจะเดินเท้าไม่ได้ เธอว่ายน้ำไม่ได้ แม้แต่จะบินก็ไม่ได้ เพราะมีฝูงบินที่น่าสะอิดสะเอียนน่ากลัวซ่อนอยู่ในเมฆ ว่าแต่ลองออกไปดูงั้นเหรอ? ใช่แล้ว หลายคนพยายามแล้ว ตอนนี้พวกเขาตายหมดแล้ว อันที่จริง นั่นคือวิธีที่เจ้าของคนแรกของปราสาทเสียชีวิต"

ซันนี่กัดฟัน

"แล้วยังไง? พวกเธอเอาแต่ซ่อนตัวอยู่ในปราสาทรอความตายเหรอ?"

สาวสวยหัวเราะ

"แน่นอนว่าไม่ใช่ งี่เง่า!"

จากนั้นเธอก็ทิ่มแทงเขาด้วยดวงตาสีน้ำตาลแดงที่ดูเคร่งเครียดและพูดว่า

"คนส่วนใหญ่เข้าไปในปราสาทไม่ได้อีกด้วย ราชาเรียกร้องภาษี นายรู้ไหม? ดังนั้น พวกเราจึงได้แค่รอความตายอยู่ข้างนอก"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด