ตอน วิถีแห่งความมั่งคั่ง (2)
ตอน วิถีแห่งความมั่งคั่ง (2)
ผู้รับซื้อสังเกตเห็นว่าเจียงหลินแบกเป้ใบใหญ่ตั้งแต่เข้าประตู เขารู้ได้ทันทีว่าการรับซื้อครั้งนี้อาจมีจำนวนมาก ดวงตาของเขาจึงเต็มไปด้วยประกาย
ทุกท่านควรทราบใช่ไหมว่าทุกครั้งที่มีการรับซื้อ ผู้ประเมินจะได้รับกำไรส่วนหนึ่งด้วยเช่นกัน ยิ่งจำนวนรับซื้อมากเท่าไหร่ ก็ได้เงินเพิ่มมากเท่านั้น
ผู้รับซื้อตระหนักได้ทันทีว่าผลงานของเขาในเดือนนี้อาจขึ้นอยู่กับเจียงหลิน พนักงานขายได้รับสัญญาณจากผู้รับซื้อ เดินไปหยิบถ้วยน้ำอุ่นมอบแก่เจียงหลินอย่างใส่ใจด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
เจียงหลินกล่าวขอบคุณ ยกมันขึ้นจิบ และเริ่มหยิบผลิตภัณฑ์ทองคำและเงินที่ใส่ในกระเป๋าเป้ออกมา
รอยยิ้มบนใบหน้าของผู้รับซื้อยิ่งมองยิ่งขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ แต่เมื่อเจียงหลินไม่มีทีท่าว่าจะหยุดหยิบทองออกมาซักที รอยยิ้มเขาก็ค่อยๆหุบลง เพราะรู้ตัวว่าครั้งนี้คงต้องทำงานล่วงเวลาแน่ๆ กระทั่งพนักงานขายที่เดินผ่านไปผ่านมาก็ยังอดเหลียวมองไม่ได้
เอาจริงๆอาชีพนักประเมินรายได้ค่อนข้างดี แต่หลายครั้งต้องกังวลเกี่ยวกับผลงานประจำเดือนที่ไม่เพียงพอ หากไม่ถึงเป้า สิ้นเดือนก็ไม่มีโบนัส โบนัสปลายปียิ่งไม่ต้องกล่าวถึง
แต่วันนี้! ผู้รับซื้อรู้สึกว่าผลงานเดือนนี้ของเขา ... เกินมาตรฐานแน่ๆ
เหม่อมองไปยังกองวัตถุเงิน วัตถุทองตรงหน้า เขาใช้เวลาซักพักเพื่อตัดสินใจว่าจะเริ่มจากไหนดี สุดท้ายเริ่มจากชิ้นเล็กๆ
มองไปยังบนโต๊ะที่เต็มไปด้วยทองเศษเล็กเศษน้อย คนรับซื้อทั้งปวดใจและมีความสุข
แต่ปวดใจที่ต้องทำงานล่วงเวลาแล้วไง สุดท้ายนี่เป็นเครื่องการันตีว่าเขาจะได้รับรางวัลสิ้นปี!
ผู้รับซื้อขออนุญาตเจียงหลินซ้ำๆว่าจะใช้วิธีต่างๆในการตรวจสอบ
เจียงหลินเฝ้าดูผู้รับซื้อใช้ไฟแล้วผ่าทองอยู่พักหนึ่ง ดูไปสักพักก็เบื่อหันไปคว้าขนมที่พนักงานขายนำมาให้ พูดคุยกับพนักงานขายอยู่พักหนึ่ง แล้วหยิบมือถือขึ้นเปิดเกม
รอจนผู้รับซื้อเสร็จสิ้นการตรวจสอบรอบแรก
ครั้งนี้เมื่อเทียบกับครั้งก่อน มีหลายชิ้นที่ไม่ใช่ทองแท้หรือเงินแท้ มีกระทั่งทองแดงเลียนแบบ อัลลอยผสม หรือชุบทอง
นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์เงินมากมายที่ไม่ใช่เงินบริสุทธิ์ ไหนจะชุบเงิน หรือมีโลหะอื่นๆจำนวนมากเป็นส่วนผสม
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีของปลอมอยู่ไม่น้อย แต่ก็มีของจริงเป็นจำนวนมากเช่นกัน ด้วยอัตราส่วนระหว่างของจริงกับของปลอมที่เจอนี้ ทำให้ผู้รับซื้อค่อนข้างประหลาดใจ
แต่เมื่อคิดถึงธุรกิจสายนี้ที่มีตื้นลึกหนาบางแล้ว กระทั่งคนรวยยังถูกมิจฉาชีพหลอกขายได้ ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจไปมากกว่านี้ หันมามีสมาธิกับการประเมิน
หลังผลการประเมิน เนื่องจากต้องใช้เงินมหาศาล ผู้รับซื้อจึงโทรหาผู้จัดการร้านเพื่อรายงาน
ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา
ผู้จัดการร้านรีบวิ่งมา ช่วยกันตรวจสอบอีกครั้งกับผู้รับซื้อ
นี่คือการซื้อขายที่มีมูลค่าอย่างน้อยเกินล้านหยวน และยังเป็นครั้งแรกนับแต่ต้นปีที่มีปริมาณการรับซื้อมากขนาดนี้ ดังนั้นไม่อาจสะเพร่า
ทั้งผู้จัดการร้านและผู้รับซื้อทุ่มสมาธิเต็มกำลัง แม้ยุ่งวุ่นวายมากแต่ผู้จัดการก็ไม่ลืมนำน้ำอุ่นแก้วใหม่มาให้เจียงหลิน
เจียงหลินยกแก้วขึ้นจิบ ในใจคิดว่าการที่คนๆนี้ได้ขึ้นเป็นผู้จัดการร้านไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แล้วครู่ต่อมา ถ้วยต่อไปที่เสิร์ฟก็ถูกเปลี่ยนเป็นชากุหลาบ
จู่ๆทางร้านทองก็เปลี่ยนเครื่องดื่มให้เธอเป็นน้ำชาอย่างดี?
เจียงหลินสูดดมกลิ่นหอมของชา ในใจคิดว่านี่สินะความสุขของลูกค้า VIP
“คุณลูกค้า ทางเราได้ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ทองคำและเงินที่คุณต้องการขายแล้ว และพบว่ามีเพชรปะปนมาด้วย ต้องการให้พวกเรารับซื้อด้วยหรือไม่ ถ้าไม่ พวกเราสามารถถอดมันออกให้คุณได้” ผู้จัดการร้านถามความตั้งใจของเจียงหลินด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
“เพชร ...” เจียงหลินนึกถึงผลิตภัณฑ์ทองและเงินที่เธอรวบรวมมาจากวันสิ้นโลก ดูท่าพวกแหวน สร้อยคอ ฯลฯ บางชิ้นอาจมีการฝังเพชรไว้ข้างใน
“ถ้าขายพวกมันด้วย พวกคุณจะรับซื้อเท่าไหร่?”
คล้ายเตรียมตอบคำถามของเจียงหลินเอาไว้แล้ว ผู้จัดการร้านยิ้มแย้ม เขาตอบอย่างเรียบง่ายและชัดเจน “มีเพชรทั้งหมด 4 เม็ด ทุกเม็ดมีความสมบูรณ์ 3EX (Triple Excellent อันได้แก่การเจียระไน ความสมมาตร และการขัดเงา) ไม่มีสารเรืองแสงเจือปน เป็นเพชรเกรด G color ความกระจ่าง VVS2 เม็ดที่เล็กที่สุดมีขนาด 1 กะรัต ราคาประมาณ 35,000 หยวน ส่วนที่เหลือสูงกว่า 100,000 หยวน”
ผู้จัดการร้านมองเจียงหลินด้วยความหวัง กำไรจากการรับซื้อเพชรค่อนข้างสูง หากดีลสำเร็จ เขาสามารถสร้างรายได้มหาศาล
ในสายตาเขา เห็นแค่เพียงเจียงหลินพยักหน้าเล็กน้อย สงบนิ่งราวกับว่าเงินที่กล่าวถึงเป็นเพียงเงินเล็กน้อยสำหรับเธอ เอ่ยด้วยน้ำเสียงลึกล้ำว่า “ฉันตกลงขายมันทั้งหมด ขอทราบราคารวมด้วย”
“ทองบริสุทธิ์กรัมละ 335 หยวน ทองK กรัมละ 230 หยวน แพลเลเดียม 460 ต่อกรัม แพทินัม 174 ต่อกรัม เงินบริสุทธิ์ 3 หยวนต่อกรัม ราคาทองคำกับเงินรวมกันมูลค่า 3.2 ล้านหยวน ส่วนเพชร 4 เม็ดรวมกัน 460,000 หยวน สรุปทั้งสิ้น 3.66 ล้านหยวน”
“ตกลง โอนเงินผ่านธนาคารได้เลย” เจียงหลินกล่าว เธอรู้อยู่แก่ใจ ว่าถึงล้านหยวนจะดูเยอะมาก แต่สำหรับร้านขายเครื่องประดับดีๆ นั่นคือราคาสินค้าเพียง 1 - 2 ชิ้นของพวกเขาเท่านั้น สมัยนี้คนรวยมีเยอะที่ไม่ชอบเครื่องประดับ ถ้าทำหน้าตาตื่นเต้นคนรับซื้ออาจคิดว่าของพวกนี้ไม่ใช่ของเธอเดี๋ยวจะมีปัญหาเอาได้ ดังนั้นต้องทำตัวใจกว้างเข้าไว้
ผู้จัดการร้านก็รู้สึกว่าเจียงหลินเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่หาได้ยากมากๆ แม้บนตัวไม่ได้สวมเสื้อแบรนด์ใดๆ แต่ ... เมื่อเห็นกระดุมหยกที่ห้อยบนคอเจียงหลิน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป จากนั้นกลายเป็นรอยยิ้มกว้าง หยิบบัตรทองสีดำออกมามอบให้เจียงหลิน
“นี่คือบัตร VIP ทองเข้มของทางร้านเรา คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับบริการ VIP และส่วนลดพิเศษของทางเราได้ โปรดแวะมาทำธุรกิจกับทางเราบ่อยๆ”
เจียงหลินรับบัตรทองเข้มมาใส่ในกระเป๋า หลังจากรอเงินโอนเข้าธนาคาร เจียงหลินก็เดินออกจากร้านทองโดยมีผู้จัดการร้านมาส่งถึงทางออก
เจียงหลินเพิ่งออกจากร้านทองได้ไม่ถึงสามก้าว มุมปากเธอยกยิ้มอย่างบ้าคลั่ง
‘เชี่ยเอ๊ย! ฉันรวยแล้ว สามล้านหยวน ฮ๊าาาา!!’ เสียงนี้ดังก้องอยู่ในใจ เธอเกือบกลั้นหัวเราะออกมาไม่อยู่
ขณะเดียวกัน ผู้คนที่เดินผ่านเธอไป ต่างคิดเห็นเป็นเสียงเดียวกัน
‘ผู้หญิงคนนี้ ... หัวเราะกลางถนนคนเดียว ... เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?’
เจียงหลินเดินกระโดดอย่างมีความสุขไปตลอดทาง
แม้ก่อนหน้านี้เธอจะเคยแลกทองกับทางร้านมาก่อนแล้ว แต่หลักแสนกับหลักล้านมันต่างกันหลายเท่า!
กว่าจะสงบสติอารมณ์ได้ ก็ตอนเธอกลับมาถึงร้านขายของชำ
เจียงหลินหยิบมือถือขึ้นมาแล้วค้นหาบางอย่าง จากนั้นกดหมายเลขตัวแทนในแอพ “สวัสดี นายหน้าขายบ้านใช่ไหม ฉันเห็นในแอพว่าคุณมีบ้านเสนอขาย ....”