ตอนที่ 678 สัตว์ประหลาดอัปลักษณ์!
โคลินมักจะรู้สึกอยู่เสมอว่าตนเองมีพรสวรรค์น้อย
พิสูจน์ได้จากการฝึกฝน ผลการฝึกของเขามักจะคาบเส้น ถ้าไม่ใช่เพราะความอดทนของตวนมู่แล้วเขาคงโดนไล่ออกไปนานแล้ว
โคลินรู้ตัวเองดี นั่นเป็นเหตุผลให้เขาฝึกฝนอย่างหนักหวังจะใช้การฝึกฝนอย่างหนักของตนชดเชยพรสวรรค์ที่ขาดหาย เขาเป็นนักเรียนที่ฝึกฝนหนักที่สุดในค่ายฝึกฝนซึ่งเป็นเหตุผลให้อาจารย์อย่างตวนมู่ไม่เคยทอดทิ้งเขา แต่ความเป็นจริงช่างโหดร้าย ไม่ว่าเขาจะฝึกหนักเพียงไหน ผลสอบของเขามักจะวนเวียนคาบเส้นอยู่เสมอ
‘นักเรียนที่มีคุณสมบัติหรือ?’
โคลินมักจะหัวเราะเยาะอย่างขมขื่นกับผลการฝึกของตนเอง การฝึกฝนในค่ายฝึกมีความรุนแรงมากกว่าที่คนภายนอกจะคิดได้ หลายปีของการตกต่ำซึ่งนักสู้สายจักรกลต้องอดทน ความปรารถนาของพวกเขากลายเป็นเหมือนภูเขาไฟที่พ่นพลังออกมาอย่ารุนแรง นักสู้สายจักรกลทุกคนจากกลุ่มดาวต่างๆในสวรรค์วิถี ตราบเท่าที่พวกเขามีความทะเยอทะยานเพียงเล็กน้อย พวกเขาจะเดินทางกว้างไกลผ่านความยากลำบากเพื่อมาให้ถึงเมืองสามวิญญาณ ด้วยหวังจะบรรลุผลสำเร็จของความฝันในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้
ค่ายฝึกฝนหมายเลขหนึ่งสำหรับนักสู้สายจักรกล!
ไม่มีแห่งที่สอง
ไม่มีแม้แต่การพูดถึงว่าจะมีที่เสมอเหมือน ไม่มีสถานที่ฝึกฝนอื่นที่มีความสามารถใกล้เคียงกับเมืองสามวิญญาณ เมื่อกลุ่มดาวอื่นๆ ทั้งหมดยังคงคิดว่าไม่ว่าจะเป็นเวลาที่วิชาจักรกลตกต่ำหรือไม่ก็ตามแต่กองทัพจักรกลของกลุ่มดาวหมีใหญ่ที่ประสบความสำเร็จ เข่นฆ่าไปได้ทุกคนจนถึงจุดที่พวกเขาสามารถนับได้ว่าเป็นผู้บุกเบิกริเริ่มวิชาจักรกล
ด้วยอาจารย์ที่ดีที่สุดและกลยุทธที่ทันสมัยที่สุดสำหรับอาวุธจักรกลวิญญาณ นักสู้จักรกลทุกคนต่างเชื่ออย่างหนักแน่นว่านักสู้สายจักรกลที่เดินออกมาจากค่ายฝึกเมืองสามวิญญาณจะเป็นนักสู้สายจักรกลที่โดดเด่นที่สุด!
ความจริงโคลินไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางไป เขาสามารถจบการศึกษาจากการฝึกฝนในค่ายฝึกได้อย่างสบาย เมื่อเขาเดินออกมาจากประตูบรอนซ์อย่างสง่างาม พวกเขาก็กลายเป็นนักสู้สายจักรกลที่ร้อนแรงที่สุดในตลาด มีคนนับไม่ถ้วนต้องการใช้เงินจำนวนมากมายเพื่อจ้างพวกเขา และเงินเดือนพวกเขาก็แทบจะเทียบเท่ากับนักสู้ระดับทอง มีบางกลุ่มดาวยินดีจะหยิบยื่นตำแหน่งแม่ทัพเพื่อดึงดูดพวกเขาด้วยซ้ำ
ลาภ ยศ สรรเสริญ พวกเขาไม่ขาดแคลนสิ่งเหล่านี้เลย
แต่สมาชิกทุกคนในค่ายฝึกมีเพียงเป้าหมายเดียวคือเข้าร่วมกองทัพจักรกลของกลุ่มดาวหมีใหญ่!
กองทัพจักรกลที่มีชื่อเสียงและแข็งแกร่งที่สุด
มีแต่เข้าร่วมเป็นสมาชิกคนหนึ่งของกองทัพจักรกลของกลุ่มดาวหมีใหญ่พวกเขาจึงจะได้ควบคุมอาวุธจักรกลวิญญาณที่ก้าวหน้าที่สุด อาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดซึ่งสร้างขึ้นโดยปรมาจารย์เซรีน! อาวุธยุทโธปกรณ์ที่เยือกเย็นและอำมหิต มีระดับที่แตกต่างจากที่มีการซื้อขายกันในตลาด
ขอเพียงแต่ควบคุมอาวุธจักรกลวิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดจึงจะคุ้มค่ากับการประสบผลสำเร็จทางทหารมากที่สุด!
ไม่รู้ว่าใครพูดวางยาไว้แบบนั้นจึงทำให้ความกระตือรือร้นกระจายไปทั่วค่ายฝึกฝน
โคลินก็เป็นหนึ่งในผู้ได้รับผลกระทบจากคำพูดเช่นนั้น
แต่ในความเป็นจริงแล้วเขาหดหู่ใจอย่างแท้จริง ทุกครั้งที่เขาฝึกเขาจะรู้สึกเหนื่อยล้า และรู้สึกหดหู่มากยิ่งขึ้น ปัญหาใหญ่ที่สุดของเขาก็คือเขาไม่สามารถประสานกับจิตวิญญาณยุทธในอาวุธจักรกลได้ดี อาวุธจักรกลวิญญาณทั้งหมดจะมีจิตวิญญาณยุทธอยู่หนึ่ง และอาวุธจักรกลวิญญาณยิ่งแข็งแกร่ง จิตวิญญาณยุทธย่อมมีระดับสูง จุดแข็งของอาวุธจักรกลวิญญาณก็คือไม่จำเป็นต้องให้นักสู้ควบคุมอาวุธจักรกลวิญญาณโดยตรง
จิตวิญญาณยุทธมีสติปัญญาเป็นของตนเอง และจำเป็นที่นักสู้ต้องใช้ความพยายามมากมายเพื่อฝึกมันให้เชื่องและให้มันเชื่อฟังเขา ในสนามรบ อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้และนักสู้จำเป็นต้องมีปฏิกิริยาในระยะสั้นที่สุดและนี่ยังจำเป็นต้องมีความเข้าใจโดยปริยายระหว่างนักสู้และจิตวิญญาณยุทธ
การประสานงานนี้เป็นเกณฑ์ที่สำคัญที่สุดสำหรับนักสู้สายจักรกล
แต่โคลินมีปัญหาในเรื่องนี้ เขาไม่สามารถควบคุมจิตวิญญาณยุทธภายในอาวุธจักรกลวิญญาณได้อย่างสมบูรณ์แบบดังนั้นในการต่อสู้เขามักจะช้ากว่าเพื่อนหนึ่งจังหวะ แม้ว่าเขาจะตัดสินใจได้ถูกและการโต้ตอบของเขาจะง่ายและตรงไปตรงมา แต่แค่เพียงเล็กน้อยนี้ทำให้จังหวะผิดพลาดทุกอย่าง เขารู้สึกว่าในสนามรบเขาเป็นเหมือนเต่างุ่มง่าม
แต่.. เขากับถูกลั่วซือเลือก
ลั่วซือ ใช่แล้ว เป็นชื่อที่แปลกมาก โคลินได้ยินมาจากคนอื่น กล่าวกันว่าลั่วซือเป็นนายทหารซ่อมบำรุงของกองทัพดาวกางเขนใต้ โคลินสืบดูมากยิ่งขึ้น และกล่าวได้ว่าในยุคกองทัพดาวกางเขนใต้ ต้องเป็นวิศวกรจักรกลจึงจะเป็นนายทหารที่รับผิดชอบงานซ่อมบำรุง
นี่ทำให้โคลินตื่นเต้นมาก
อาวุธจักรกลวิญญาณที่เซรีนสร้างขึ้นมีความคล้ายคลึงกับอาวุธจักรกลของกองทัพดาวกางเขนใต้ และทุกคนคาดเดาว่าปรมาจารย์เซรีนสามารถสร้างอาวุธจักรกลวิญญาณสายเลือดใหม่ได้เป็นเพราะได้รับมรดกของกองทัพกางเขนใต้
ยุคของสามกองทัพใหญ่เป็นยุคที่วิชาจักรกลรุ่งเรืองที่สุด
‘ลั่วซือต้องทรงพลังอำนาจในยุคนั้น’ เมื่อคิดเรื่องนั้นแล้ว โคลินยิ่งตื่นเต้นมาก ‘บางทีลั่วซืออาจแก้ปัญหาที่ข้ามีอยู่ได้’ แต่หลังจากนั้นเมื่อได้ยินว่าลั่วซือสูญเสียความทรงจำ ทำให้ความคาดหวังระดับสูงของเขาสูญสลายไป
‘ขุนพลวิญญาณที่สูญเสียความทรงจำจะใช้ประโยชน์อะไรได้?’
การกระทำของลั่วซือหลังจากนั้นทำให้เขารู้สึกย่ำแย่ ลั่วซือเอาชิ้นส่วนจากกองขยะและเริ่มเปลี่ยนอาวุธจักรกลวิญญาณของเขา
ไม่ใช่ของที่อยู่ในห้องวิจัยค้นคว้า แต่กองเศษวัสดุ
ไม่ใช่ปรมาจารย์ในตำนาน แต่เป็นขุนพลวิญญาณผู้สูญเสียความทรงจำ
ไม่ว่ามองยังไงก็ไร้สาระชัดๆ
โคลินพยายามถามลั่วซือ แต่ลั่วซือไม่ยอมพูดอะไรสักคำ และไม่สนใจเขาโดยสิ้นเชิง แต่โคลินไม่กล้าเดินออกมา เพราะลั่วซือไม่ได้สั่งให้เขาออกมา ตำแหน่งของลั่วซือยังสูงกว่าอาจารย์ตวนมู่ ดังนั้นโคลินไม่กล้าฝ่าฝืนแค่เพียงเพราะลั่วซือเป็นขุนพลวิญญาณ
กลุ่มดาวหมีใหญ่จะแตกต่างจากที่อื่น ในบุคคลวงในของกลุ่มดาวหมีใหญ่ขุนพลวิญญาณจะเป็นคนสำคัญ และทุกอย่างที่เกี่ยวกับเรื่องการทหารจะดำเนินการสั่งการโดยขุนพลวิญญาณ และพวกเขาก็ทำเช่นนั้นมานานแล้ว
เมื่อโคลินคิดว่าลั่วซือคงลืมเรื่องเขาไปนานแล้ว ลั่วซือจัดการออกอาวุธจักรกลวิญญาณใหม่ได้สำเร็จอีกครั้ง
โคลินมองดูอาวุธจักรกลวิญญาณที่แสนสุดจะน่าเกลียดอย่างตะลึง หัวใจของเขาเจ็บปวดราวกับมีเลือดหยาดหยด
‘น่าเกลียดโคตร!”
หลายจุดใหญ่ทำจนดูเหมือนอาวุธจักรกลวิญญาณของพวกยาจก ความเพรียวบางที่งดงามถูกแทนที่ด้วยรอยโป่งพองหนา ข้อต่อที่งดงามทั้งหมดถูกแทนที่ด้วยข้อต่อที่บวมปูดราวกับลูกซาลาเปา
เมื่ออาวุธจักรวิญญาณของเขาปรากฏอยู่ในสนามฝึก สายตาของทุกคนที่มองมาที่โคลินปรากฏแววสงสารและเห็นอกเห็นใจ แม้แต่ตวนมู่ที่เมตตาต่อเขาก็ยังเอามือปิดตา เขาไม่อาจทนดูได้ เขารู้สึกว่าความอิจฉาที่มีต่อโคลินก่อนหน้านั้น ‘เฮ้อ.. ข้าอุตส่าห์นักว่าเป็นพรฟ้าประทาน... เด็กที่น่าสงสาร!’
ภายในอาวุธจักรกลวิญญาณ โคลินต้องการแทรกแผ่นดินหนีไปซ่อนตัวจริงๆ!
แต่ลั่วซือยังคงปราศจากอารมณ์รอให้เขาทดสอบอาวุธจักรกลวิญญาณ
ไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วยโคลิน
โคลินทำได้แต่ทำมึนขณะควบคุมเจ้าอาวุธจักรกลวิญญาณสัตว์ประหลาดและเคลื่อนที่ไปยังสนามฝึกฝน หลังจากเดินไปได้หกเจ็ดก้าว ความสนใจของเขาก็อยู่ที่อาวุธจักรกลวิญญาณใหม่เต็มที่
เพราะเขาตระหนักว่าอาวุธจักรกลวิญญาณดูเหมือนจะไม่ยุ่งยากเท่าที่เขาคิดไว้แม้ว่ามันจะไม่งามสง่า แต่ว่ามันไม่ยุ่งยากเลยแม้แต่น้อย
จากนั้นโคลินดูเหมือนจะเข้าใจเหตุผล เพราะจิตวิญญาณยุทธอ่อนแอลง เดิมทีมีจิตวิญญาณยุทธระดับงิน กลายเป็นจิตวิญญาณยุทธระดับบรอนซ์ จิตวิญญาณยุทธที่อ่อนแม้ว่าจะไม่มีความฉลาดเท่าที่ควร แต่ในขณะเดียวกันความต้องการที่มันจำเป็นต้องได้จากนักสู้ ก็อ่อนลงไปด้วย
‘เพียงแค่นั้น...’
‘ถ้าจิตวิญญาณยุทธอ่อนแอลง ไม่ได้หมายความว่าอาวุธจักรกลวิญญาณอ่อนแอด้วยหรือ?’
‘อย่างนั้นข้าก็แค่เหมาะกับจิตวิญญาณยุทธที่อ่อน...’
เขาหยุดที่เส้นขาวข้างสนามฝึกซ้อมและเขายังคงอยู่ในความมึนงงชั่วขณะ
สนามฝึกที่อยู่ต่อหน้าเขาเป็นที่คุ้นเคยที่สุดสำหรับเขา มันคือสถานที่ให้เขาได้อาบเหงื่อภายใต้แสงอาทิตย์ล้มลุกคลุกคลานมาหลายครั้ง ล้มเหลวก็หลายครั้ง และยังเป็นที่ซึ่งเขาใช้ฝึกฝนตอนกลางคืนอีกด้วย
บุรุษคนหนึ่งไม่มีปีก แต่โหยหาต้องการบินขึ้นไปในท้องฟ้า ตั้งใจก้มหน้าขนานกับพื้น
แม้ว่าเขาจะต้องดิ้นรนต่อสู้ให้เป็นอิสระจากแรงโน้มถ่วง แต่จะเป็นเพียงไม่กี่วินาที
โคลินสงบใจและสูดหายใจลึก เขาคุ้นเคยกับจิตวิญญาณยุทธระดับบรอนซ์ในอาวุธจักรกลวิญญาณ มันคืออาวุธจักรกลวิญญาณระดับบรอนซ์ที่ใช้ในการฝึกฝน
แก็ก แก็ก แก็ก!
สัตว์ประหลาดที่น่าเกลียดและบวมครึ่งตัวส่งเสียงตอนเดิน
เรื่องนี้จะต้องสิ้นสุด
วลีนี้ผ่านเข้ามาในใจของโคลินรอยยิ้มเยาะเย้ยตัวเองปรากฏที่ริมฝีปากเขาซึ่งหายไปในเวลาไม่นาน อย่างน้อยเขาก็ไม่เสียใจแม้แต่น้อย เขาเก็บงำความฝันและเข้าดินแดนสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ และด้วยพลังทั้งหมดของเขา เขายังคงฝึกทุกวันไม่มีย่อหย่อน ไม่เคยยอมแพ้นั่นคือเหตุผลที่เขาไม่เสียใจเลย
‘มาเถอะ เจ้าตัวประหลาดอัปลักษณ์!’
โคลินคำราม ทันในนั้นเขาใช้แรง และวิ่งเข้าไปในสนามฝึกทันที
บึ้ม!
เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังขึ้นด้านหลังของเขา แต่โคลินไม่ทันรู้สึก สีหน้าเขาชะงักค้างไปชั่วขณะ ตาของเขาเบิกโพลง ไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น
กระบังกันลมของหมวกหน้ากลายเป็นสีแดงโดยไม่รู้ตัวประกายไฟฟ้าพุ่งใส่กระบังหมวกเหมือนเหล็กหลอมละลายที่พุ่งออกจากเตาหลอม กระเซ็นไปทุกที่
‘ประกาย.. ประกาย..เหล่านี้เกิดจากแรงเสียดทานในอากาศ...’
อาวุธจักรกลวิญญาณความเร็วสูงมากร่วงลงมาจากฟ้าเหมือนกับก้อนหินพร้อมกับเกิดเปลวไฟรอบๆ
พลังงานที่หนาแน่นทำให้เขาสูญเสียการควบคุมอาวุธจักรกลวิญญาณ
ทันในนั้นเขาสังเกตเห็นบางอย่างที่เป็นบรอนซ์กำลังเข้ามาใกล้ เขาสั่นสะท้าน ‘นั่นคือกำแพงบรอนซ์... เป็นไปได้ยังไง... ความกว้างของสนามฝึก...’
‘เดี๋ยวก่อน กำแพงบรอนซ์
‘ซวยแล้ว!’
หน้าของโคลินซีดขาว ถ้าเขาปะทะเข้ากับกำแพงบรอนซ์ เขาคงกลายเป็นกองเนื้อเหลวกองหนึ่งแน่
เขาบังคับตนเองให้เลี้ยว การถ่ายพลังของเขาเข้าไปในอาวุธจักรกลวิญญาณพลังหลายเท่าทะลักออกมาเหมือนคลื่น ในทันใดนั้นก็กลืนเขาไปทั้งตัว
เขาสูญเสียการควบคุมตัวอีกครั้ง!”
เจ้าร่างที่น่าเกลียดและใหญ่นี้พุ่งไปรอบๆพลางส่งเสียงแสบแก้วหู ขณะที่วิ่งไปเกิดประกายแสงรูปโค้งและกระแทกกับพื้นสนามฝึกอย่างรวดเร็ว
บึ้ม!
ระลอกสายหนึ่งเกิดจากแรงปะทะ ฝุ่นฟุ้งกระจายไปทุกแห่งและมีประกายแสงวูบวาบอยู่ในกลางอากาศ
นักเรียนทุกคนในสนามฝึกพากันตกตะลึง พวกเขาถูกความตกใจครอบงำ สีหน้าของตวนมู่กลายเป็นเซื่องซึม ดวงตาของเขาแสดงอาการตกใจ
สีหน้าเฉยเมยของราชสีห์เลโอนเต็มไปด้วยความตกใจเหลือเชื่อ เขาเหมือนกับเป็นรูปปั้นยืนอยู่กับที่
ระลอกพลังกวาดไปทั่วสนามฝึก และเม็ดกรวดร่วงกราวตกใส่ร่างทุกคนราวกับสายฝนเปลวเพลิงในอากาศไม่ทันจางหายไป
ในสนามฝึกอาวุธจักรกลวิญญาณที่คล้ายกับสัตว์ประหลาดที่ร้ายกาจยืนอยู่กับที่อย่างไม่สนใจอะไร