ตอนที่ 673 สามก้าวโจมตี
เมื่อเห็นกองพลเขากระทิงเข้ามาใกล้ แบร็ดลี่ยอดยิ้มไม่ได้ เจโรมมีความโดดเด่นจริงๆ กระแสคลื่นเงินเคลื่อนตัวมาเป็นกระบวนหนาแน่น แรงกระตุ้นที่น่าประทับใจทำให้ความหนาวเหน็บเย็นชาที่แบร็ดลี่ย์เจอมาในช่วงไม่กี่วันนี้ค่อยรู้สึกดีขึ้น ‘ข้าเองก็มีปรมาจารย์และนักสู้ฝีมือดีอยู่ในกลุ่มดาววัวอยู่มากมาย และข้ายังมีแม่ทัพผู้แข็งแกร่งทรงพลัง!’
เขาไม่ทันได้ตระหนักว่า แรงกดดันบนตัวเขาจากกองพลภูผาน้ำแข็งเพิ่มขึ้นมาก
ไม่ใช่แต่เพียงแบร็ดลี่ย์เท่านั้น แม้แต่ขุนนางอื่นก็พากันยินดีทั้งหมด
“ใครจะสามารถหยุดแรงเฉื่อยนั้นได้!”
“น่าตื่นเต้นเหลือเกิน! โอว..พระเจ้า.. คลื่นสีเงินช่างทรงพลังมากมายแท้จริง!”
“ท่านเจโรมโดดเด่นอย่างแท้จริง เมื่อมีเวลาพอ เขาอาจสร้างกองพลทอรัสขึ้นมาอีกก็ได้!”
เสียงสนทนารอบด้านทำให้แบร็ดลี่ย์ปลาบปลื้มใจ ก็เหมือนอย่างกองทัพแกะน้ำแข็งเงินของกลุ่มดาวแกะ ในประวัติศาสตร์กลุ่มดาววัวที่ยาวนาน ครั้งหนึ่งพวกเขาเคยมีกองทัพที่น่าเกรงขามมีชื่อเสียงเลื่องลือในสวรรค์วิถี กองพลทอรัส กองพลทอรัสคือกองพลเกราะหนักที่มีความแข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ ชุดเกราะทอรัสทองของพวกเขาไร้เทียมทาน
นั่นคือช่วงเวลาที่กลุ่มดาววัวรุ่งเรืองสุดขีดเกราะทอง 160 ชุดเป็นเรื่องที่คนรุ่นหลังคิดไม่ออก
เกราะทองคือสัญลักษณ์ของกองพลทอรัส เขากระทิงสีทองมีรัศมีพร่างพรายรูปลักษณะคมชัดสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งสวรรค์วิถี
แต่เมื่อเวลาผ่านไป กลุ่มดาววัวเริ่มตกต่ำ กองพลทอรัสเริ่มจางหายไปตามกาลเวลาเกราะทองนับวันมีแต่จะหายาก และเมื่อกองพลเกราะหนักที่แข็งแกร่งที่สุดหายไปตามกระแสกาลเวลา สำหรับทหารที่รู้จักกลุ่มดาววัว การทำให้กองพลทอรัสปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งเป็นเป้าหมายสุดท้ายของพวกเขา
‘กลุ่มดาววัวตกต่ำมายาวนาน’ แบร็ดลี่ย์ถอนหายใจอีกครั้ง สถานะของพวกเขาที่ยังคงเหลืออยู่ทำให้กลุ่มดาววัวสูญเสียความปรารถนาที่จะพัฒนาให้ก้าวหน้า ผู้มีอำนาจระดับสูงติดอยู่กับความสุขและความเพลิดเพลิน พญาอุสภราชานี้นับวันมีแต่จะผอมลงและอ่อนแอลงทุกที
ในสิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคาในปัจจุบันนี้ กลุ่มดาวที่มีสถานการณ์คล้ายกันมากที่สุดก็คือกลุ่มดาวแกะ กลุ่มดาวแกะมียอดฝีมือที่แข็งแกร่งทรงพลังอยู่คนหนึ่งอยู่แล้ว นั่นคือหลิงซิ่วการแบกภาระในฐานะผู้สืบทอดของกองกำลังแกะน้ำแข็งเงินและมีผนึกเขาแกะน้ำแข็งเงินอยู่ในมือ แม้ว่าเขาจะไม่เคยกลับไปที่กลุ่มดาวแกะมาก่อน แต่หลิงซิ่วกลายเป็นแบบอย่างที่พลเมืองชาวดาวแกะสรรเสริญชื่นชม
แบร็ดลี่ย์ได้ลอบศึกษาเรื่องราวของกลุ่มดาวแกะมาแล้ว เขาแอบปลื้มและไม่พอใจคนรุ่นหลังแห่งกองกำลังกวางขนดำที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในเงามืด กล่าวกันว่าพวกเขากำลังสร้างกองกำลังแกะน้ำแข็งเงินขึ้นใหม่ ข่าวลือว่าผู้นำกองกำลังแกะน้ำแข็งเงินก็คือหลิงซิ่ว!
‘อย่างน้อยกลุ่มดาวแกะยังมีหลิงซิ่ว’
แบร็ดลี่ย์สูญเสียความคิดของเขาไป แต่เสียงฮือฮารอบๆ ทำให้เขาตื่นตัวขึ้น
‘แต่เจโรมก็ยังทำได้ค่อนข้างดี’
“เราต้องให้พวกเศรษฐีใหม่นี้ได้เห็นว่าเราเป็นยังไง!”
“ต้องให้พวกเขาได้ประจักษ์ตาว่านักรบฝีมือดีเป็นเช่นไร!”
“โค่นพวกมัน!”
ฝูงชนมีอารมณ์ร่วม เริ่มคุยกันเสียงจอแจ แบร็ดลี่ย์เข้าใจว่าทุกคนไม่พอใจต้องทนอึดอัดมาในช่วงไม่กี่วันจึงยิ้มให้ นอกจากนี้เขายังคิดว่าจะให้เซรีนและทหารของนางได้เห็นดีเพื่อข่มการกระทำที่กองพลภูผาน้ำแข็งแสดงออกมา ถ้าไม่อย่างนั้น พวกเขาคงถูกดูหมิ่นและถูกเหยียดหยามหมดแน่
ครืน ครืนคลื่นสีเงินของกองพลเขากระทิงเคลื่อนตัวมาอย่างเมามัน พื้นสั่นสะเทือนยิ่งขึ้น ความเร็วของพวกเขามากขึ้น
แบร็ดลี่ย์หันไปมองกองกำลังภูผาน้ำแข็งด้วยความกระตือรือร้น เขาต้องการดูหน้าของกองพลที่หยิ่งผยอง สายตาของเขามองดูอาหลุน เขาอดหัวเราะไม่ได้ หน้าของพวกเขาปิดคลุมแน่นหนา และเขาไม่เห็นสีหน้าพวกเขาแต่อย่างใด ‘น่าเสียดาย’
ทันใดนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาสลายไป เพราะเขาเห็นว่าอาหลุนชักดาบเงินใหญ่ออกมาทันที
‘พวกเขา...’
ก่อนที่เขาจะทันตั้งตัว, อาหลุนระเบิดเสียงคำรามลั่น
“กองหลังปกป้องยานโดยสาร แถวหน้าตามข้าไปโจมตี!”
‘เดี๋ยวก่อน!’
หน้าของแบร็ดลี่ย์ขาวซีดราวกับกระดาษ หน้าของเขาเปลี่ยนจากสับสนเป็นความกลัว
ก่อนที่เขาจะทันส่งเสียง เสียงกึกก้องก็ดังขึ้น
กองกำลังภูผาน้ำแข็งทั้ง 500ทะยานขึ้นจากพื้นพร้อมกันทำให้เกิดเสียงสั่นสะเทือนจนทุกคนไม่สามารถทรงตัวได้มั่นคง เสียงทุ้มต่ำจนหูอื้อ และผงคลีฟุ้งขึ้นในท้องฟ้า
ร่างสีเงินร่างแล้วร่างเล่าพุ่งออกมาจากผงคลีเหมือนกับลูกธนู
ครืน ครืน!
พวกขุนนางหน้าซีดปราศจากสีเลือดโดยสิ้นเชิง สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยอาการตกใจตัว เทียบกันสองกองทัพ การโจมตีของกองพลเขากระทิงสามารถทำให้พวกเขารู้สึกพื้นสั่นสะเทือน แต่ตอนนี้พวกเขาไม่สามารถยืนหยัดได้มั่นคง บางคนล้มพับกับพื้นและสองสามคนถึงกับปัสสาวะอุจจาระราด
“พวกเขามีเซียนสิบคนเราจะขึ้นไปช่วยด้วยไหม?” มอนตามาถึงข้างยานโดยสารและถาม
แม้ว่าพวกเขาจะมีเซียนเพียงแปดคน ขณะที่กองพลเขากระทิงมีเซียนสิบคน แต่มอนตาไม่กลัวแม้แต่น้อย เพราะในช่วงเวลาที่ผ่านมาการได้อาศัยอยู่ที่กลุ่มดาวหมีใหญ่ ทำให้พลังของพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย
“ไม่จำเป็น” เซรีนพูดอย่างเกียจคร้าน“ ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีให้พวกเขาได้ทดสอบฝีมือ เรามาดูว่ากองพลภูผาน้ำแข็งจะสามารถก้าวหน้าได้ไหม?”
ภูผาน้ำแข็ง
อาวุธจักรกลวิญญาณรุ่นล่าสุดของกลุ่มดาวหมีใหญ่สร้างมาจากห้องวิจัยค้นคว้าจักรกลของกลุ่มดาวหมีใหญ่ วิทยาการล่าสุดที่เกิดจากการกลั่นควบรวมกันเซรีนทุ่มเทเลือดเนื้อและความพยายามอย่างเต็มที่ จึงสร้างให้มีขนาดที่เล็กลงทั้งยังแข็งแกร่งและคล่องแคล่วมากขึ้นและเป็นอาวุธจักรกลวิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดก่อนวันที่นางจะคิดเรื่องเกราะเซียนเพื่อนักสู้ระดับเซียน
แค่เพียงชื่อว่าภูผาเป็นตัวแทนของพลังอันยิ่งใหญ่ และน้ำแข็งแทนความเยือกเย็นและคมกล้า
เช่นเดียวกับนางอาหลุนมีความเชื่อมั่นต่อภูผาน้ำแข็ง เขาไม่สามารถเข้าใจว่าเกราะเซียนที่เซรีนคิดจะเป็นอย่างไร เขารู้สึกว่าภูผาน้ำแข็งคืออาวุธจักรกลวิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดแล้ว
พวกเขาเป็นกองทัพที่เอาชนะกองทัพอื่นอย่างต่อเนื่องในการซ้อมรบภายในจึงได้รับภูผาน้ำแข็งเป็นกลุ่มแรก ทำให้กองพลอื่นรู้สึกอิจฉา และนี่เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจในชีวิตของอาหลุนเป็นที่สุด
ในขณะเร่งฝีเท้า ดาบเงินใหญ่ลากอยู่ข้างตัวพวกเขา ปลายดาบชี้ลงพื้น
“ผ่อนคลายข้อมือ!”
“ผ่อนคลายไหล่!” “มองดูฝีเท้าของพวกเจ้า!” “ควบคุมจังหวะลมหายใจให้ดี!”
อาหลุนยามอยู่ในสภาพพร้อมรบมีบุคลิกแตกต่างเป็นคนละคน เสียงคำรามของเขาดังก้องทุกที่ และเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น ทหารที่อยู่ภายในบังคับบัญชาเขาพากันคำรามโห่ร้องเหมือนเขา แม้ว่าพวกเขาจะคุ้นเคยกับกิจวัตรมานาน แต่เสียงคำรามของผู้บัญชาการของพวกเขาเพิ่มกำลังใจให้มากขึ้น และรู้สึกเหมือนมีเปลวไฟร้อนรุมอยู่ในอก
และรองผู้บัญชาการของพวกเขากลับตรงข้าม เขาหายไปมองไม่เห็น ราวกับว่าเขาไม่ได้อยู่ที่นั่นเลย
แต่ทันทีที่เฉินจื่อหลินไม่อยู่รอบๆ นี่กลับให้ผลที่แตกต่าง นั่นคือความรู้สึกที่ราบรื่นและสะดวกสบาย กลายเป็นเหมือนกับเครื่องฝืดราวกับเครื่องที่ไม่ได้หยอดน้ำมัน
การวิ่งถาโถมของคนห้าร้อยคนพร้อมกับรัศมีของพวกเขาที่พร้อมเพรียงกันโดยไม่มีพลังรั่วไหลนี่คือเงินเหลวอย่างแท้จริง
ระยะห่างระหว่างทั้งสองฝ่ายใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว
ม่านตาของเจโรมหรี่แคบ ตอนแรกเขาตั้งใจจะหยุดในระยะ 90เมตรห่างจากอีกฝ่าย แต่เขาไม่คาดเลยว่าอีกฝ่ายจะพุ่งเข้าหาพวกเขาเช่นกัน! แต่ก็เอาตามนั้นก็ได้
ตอนนี้เขารู้สึกโกรธ เขาเชื่อคำของออสตินแล้วพวกเขาเหิมเกริมมากเกินไป
‘พวกเขาอยู่ในแผ่นดินของกลุ่มดาววัวยังกล้าทำเช่นนั้น พวกเขาไม่เห็นเราอยู่ในสายตา!”
ในนาทีต่อมาเขาตัดสินใจ ต่อให้เขาต้องเจ็บตัวจากการถูกลงโทษ เขาก็ยังต้องการสั่งสอนคนกลุ่มนี้ที่มีความเห็นแก่ความสามารถตนเองเป็นใหญ่ให้ได้รับบทเรียนเสียบ้าง
“โจมตีเต็มกำลัง!”
คำสั่งที่แฝงไปด้วยความโกรธดังก้องทั่วกองทัพ กองกำลังเขากระทิงเพิ่มความเร็วขึ้นทันที
อาหลุนรู้สึกได้ทันทีถึงความเร็วที่อีกฝ่ายเร่งเพิ่มขึ้น เขาแค่นเสียง และจากนั้นตวาดลั่น“เตรียมใช้กระบวนศึกสามก้าว!”
กองพลที่กำลังเร่งความเร็วย่อเอวพวกเขาทันที
“สามก้าว!”
เสียงคำรามของอาหลุนเหมือนฟ้าผ่าดังก้องเหมือนอยู่บนหัวทุกคน
ทุกคนก้าวเท้าอย่างหนักพร้อมกัน พลังมหาศาลของกองกำลังภูผาน้ำแข็งแสดงออกมาเต็มประสิทธิภาพเหมือนกับค้อนยักษ์ห้าร้อยด้ามกระแทกใส่พื้นพร้อมกัน
บึ้ม!
ถ้าใครมองข้ามจากฟากฟ้า พวกเขาจะประหลาดใจที่เห็นว่าพื้นตรงที่อาหลุนยืนอยู่ยุบลงไปครึ่งเมตรเกิดเป็นรอยบุ๋มแบนกว้างใหญ่
กลุ่มร่างสีเงินกลุ่มใหญ่พุ่งไปข้างหน้าจะหลุมยุบเหมือนกับสายฟ้า ในขณะนั้นพวกเขาปรากฏในระยะห่างกัน 60เมตรจากตำแหน่งเดิม และพวกเขากระแทกพื้นอีกครั้ง
บึ้ม!
พื้นยุบลงไปอีกครั้ง และพวกเขาก็พุ่งขึ้นไปอีกครั้ง และแล้วพวกเขาก็กระแทกพื้นอีกครั้ง!
บึ้ม!
ก้าวที่สามไวกว่าฟ้าแล่บ หนักเหมือนฟ้าผ่าเสียงย่างสามก้าวดังเหมือนเป็นหนึ่ง ทุกคนหูอื้อไปหมด ฉากภาพข้างหน้าพวกเขาแพรวพราว กองพลภูผาน้ำแข็งประกฎในระยะ 300 เมตรห่างจากตำแหน่งเดิมของพวกเขา
เจโรมตกใจหนัก เขาเห็นแต่ฉากข้างหน้าพร่าเลือน พอเขาตาลายอีกฝ่ายหนึ่งก็มาอยู่ห่างจากพวกเขาไม่เกิน300 เมตร
‘นี่มันเวทมนตร์อะไรกัน?’
ก่อนที่เขาจะรู้ตัวเสียงคำรามเหมือนฟ้าผ่าก็ดังข้างหน้า “ฆ่า!”
พอก้าวสุดท้ายพลังของพวกเขาก็ถึงระดับสุดยอด!
กองกำลังภูผาน้ำแข็งทะยานขึ้นไปในอากาศและปรากฏในท้องฟ้าระยะ30 เมตรในทันที กองกำลังภูผาน้ำแข็งถือดาบยักษ์ลอยตัวสูงอยู่ในอากาศ และทหารกองกำลังภูผาน้ำแข็งร่างบางแต่ขณะนั้นเองทหารทั้ง 500 คนเต็มไปด้วยพลังต่างยกดาบขึ้นสูงด้วยความกราดเกรี้ยว
เวลาดูเหมือนจะหยุดนิ่งกับที่
“ฆ่า!”
เสียงคำรามของอาหลุนทำลายความเงียบ ดาบยักษ์เงินทั้งห้าร้อยเล่ม ยืมพลังแรงเหวี่ยงพุ่งกระแทกข้างล่าง
รังสีทั้งห้าร้อยเชื่อมบรรจบกันเหมือนแม่น้ำสายใหญ่
แม่น้ำสายใหญ่เต็มไปด้วยรอยแสงที่เข้าไปในดาบอาหลุน
ทั่วทั้งตัวของอาหลุนมีรังสีแสงหุ้มครอบคลุมมองดูเหมือนกับเทพเจ้าหรือผู้เหี้ยมหาญผู้มีรัศมีมั่นคงให้ความรู้สึกเหมือนกับภูเขาไท่ซานมีพลังสะกดข่มจนทุกคนหายใจไม่ออก
สามก้าวโจมตี ของกองกำลังภูผาน้ำแข็ง!
พวกที่มีสีหน้าเปลี่ยนไปก่อนก็คือเซียนแห่งกองกำลังเขากระทิงผู้ซึ่งสงบมั่นคงต่างจากเจโรม ความสนใจของพวกเขาอยู่ที่แปดเซียนที่อยู่รอบยานโดยสารเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งให้ความรู้สึกที่น่าสงสัย ตอนแรกพวกเขาไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไร เมื่อคิดว่าแค่เจโรมก็คงรับมือได้ แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายหนึ่ง พวกเขาหวังว่าพวกแปดเซียนคงไม่ลงมือทำอะไร
แต่วิชาฝีมือของอาหลุนทำให้พวกเขาต้องทิ้งแผนเดิมทันที
ร่างของพวกเขาหายไปทันที และมาปรากฏตัวที่ด้านหน้ากองทัพ
รังสีดาบของอาหลุนเข้ามาถึงแลว รังสีดาวที่กว้างหนา 90 เมตร พลังที่เหี้ยมหาญนี้ดูเหมือนสามารถผ่าสวรรค์และโลกออกเป็นสองส่วน
เสียงหวีดหวิวของรังสีดาบที่ธรรมดาคมชัด แต่รังสีหวีดหวิวของดาบนี้ทำให้เกิดพลังสั่นสะเทือนนับไม่ถ้วนเกิดเป็นเสียงกึกก้องกระตุ้นความรู้สึกกดดันในหัวใจผู้คน ทุกๆตารางนิ้วของผิวพวกเขาสั่นสะท้านและพวกเขารู้สึกชาหนังศีรษะ
เซียนทั้งสิบคนลงมือพร้อมกัน!
รัศมีต่างๆ มาปรากฏอยู่ต่อหน้ารังสีดาบ
บึ้ม!
แสงรังสีแพรวพราวฉายแสงเจิดจ้าเหมือนกับดวงอาทิตย์ แสงรัศมีแสบตาทำให้พื้นที่ทั้งหมดขาวโพลนไปหมด
แสงสีขาวที่น่ากลัวดูเหมือนจะกั้นขวางเสียงไว้ทั้งหมดได้
อาหลุนที่รับพลังตอบโต้รู้สึกถึงพลังที่สามารถกระแทกเขาแตกเป็นเสี่ยงๆกำลังทะลักเข้าหาเขา และในขณะเดียวกัน เฉินจื่อหลินที่อยู่เบื้องหลังเขามีนัยน์ตาทอประกายวูบ พลังที่ถาโถมเข้ามาข้างหน้าเขาแตกกระจายทันทีแตกกระจายเป็นชิ้นๆ กระจายไปทั่วกองทัพ
สองสามวินาทีต่อมาเจโรมที่ตกใจยังคงรักษาความสงบไว้ ทั้งหน่วยของเขากำลังโยกโคลงจากด้านหนึ่งไปด้านหนึ่ง เซียนทั้งสิบคนที่ลงมือพร้อมกันสามรถป้องกันพลังดาบไว้ได้ แต่พลังดาบที่ตามหลังก็เพียงพอจะฉีกแยกกระบวนทัพได้ทำให้พวกเขาตกอยู่ในความยุ่งเหยิง
ทันใดนั้น ม่านตาของเจโรมหดลีบเล็กทันที
ต่อหน้าของเขาเป็นกองกำลังภูผาน้ำแข็งยังคงถือดาบถือพวกเขายืนตรงเหมือนรูปสลักเทพเจ้าสงคราม 500ร่างมีไอพลุ่งออกมาจากร่างพวกเขา ปลดปล่อยความหลงใหลต้องการต่อสู้ของพวกเขาออกมาทันที
ตาของเจโรมถึงกับแดงทันที