ตอนที่แล้วตอนที่ 671 การเตรียมการต่างๆ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 673 สามก้าวโจมตี

ตอนที่ 672 ความผยองของเจโรม


“ข้างหน้าคือนครแซนดี”

แบร็ดลี่ย์ยังคงยิ้มเล็กน้อยขณะเร่งฝีเท้าขึ้นไปเคียงข้างกับอาหลุน  ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา  เขาไม่ได้พบหน้าเซรีนสักครั้ง  เซรีนเก็บตัวอยู่ในยานโดยสารไม่ปรากฏโฉมและปฏิเสธการขอเข้าพบทั้งหมด

ขุนนางและชนชั้นสูงในกลุ่มดาววัวกระอักกระอ่วนกันทุกคน  ในสายตาของพวกเขา แม้ว่ากลุ่มดาวหมีใหญ่ในปัจจุบันนี้จะทรงพลังก็ตาม  แต่รากฐานของพวกเขาตื้นเกินไป  และไม่มีประวัติอะไรเกี่ยวกับพวกเขา  เป็นแค่กลุ่มยึดอำนาจที่เพิ่งรุ่งขึ้นมาซึ่งส่วนใหญ่จะถูกดูแคลน

ในตอนต้นพวกเขารู้สึกว่าด้วยการต้อนรับยิ่งใหญ่ของพวกเขากลุ่มดาวหมีใหญ่คงจะปลาบปลื้มใจจนน้ำตาคลอ แต่ใครจะรู้กันว่าพวกเขาเมินเฉยโดยสิ้นเชิง ทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

พวกเขาจะไม่โกรธได้อย่างไร?

‘ถ้าเจ้าเป็นปรมาจารย์จักรกลแล้วยังไงเล่า? กองทัพที่เหลือซึ่งมีส่วนร่วมในการต้อนรับเฝ้ามองจากด้านข้าง  ทุกคนมองนางในแง่ไม่ดี

มีอยู่คนเดียวที่ยังคงความสุภาพก็คือแบร็ดลี่ย์

“ได้จัดเตรียมที่พักไว้สำหรับพวกเจ้าทุกคนไว้ที่เมืองแซนดี้  เราสามารถไปพักกันที่นั่นในช่วงเวลาสั้นๆก็ได้”  แบร็ดลี่ย์อธิบาย  “หลังจากผ่านเมืองแซนดี้แล้ว  เรายังจะต้องผ่านที่รกร้างว่างเปล่าอีกห้าวัน”

อาหลุนพยักหน้า  “ข้าจะถามนายผู้หญิงให้”

จากนั้นเขาเข้าไปในยานและรายงานการเดินทาง

ภายในยานโดยสาร เซรีนอยู่ในชุดนอน  ผมของนางกระเซิงตรงกันข้ามกับการวางตัวเป็นเทพธิดาสูงส่งก่อนหน้านั้น  ข้างหน้านางบนโต๊ะเต็มไปร่างภาพเขียนทุกอย่าง นางยังคงพึมพำกับตนเอง ตาของนางมีรอยเส้นเลือด นางไม่ได้หลับมาในช่วงสองสามวันนี้

‘ออกไปก็ยังมีประโยชน์  อย่างน้อยไม่มีใครบังคับข้าให้นอน’  เซรีนกัดลิ้นทำงานต่อ

รายงานของอาหลุนขัดจังหวะการทำงานของนาง

เมื่อได้ยินว่าผ่านเมืองแซนดีไปแล้วจะต้องเสียเวลาสูญเปล่าอีกตั้งสองสามวัน  เซรีนคิดอยู่ชั่วขณะและตัดสินใจพักผ่อนและจัดระเบียบที่นั่นใหม่ นางเป็นพวกบ้างานตอนที่อยู่ในรถก็ยังบรรจุเต็มไปด้วยวัสดุทุกอย่างเอกสารและแม้แต่อุปกรณ์อาบน้ำ ทุกอย่างที่นำมานางไม่ได้คิดอะไรไว้ก่อนทั้งนั้น  แต่เนื่องจากนางเป็นสตรีคนเดียว นางไม่เคยรู้สึกอะไรเมื่อหมกมุ่นอยู่กับงานของนาง  นางคิดว่าคงจะมีที่อาบน้ำดีๆ  อยู่ภายในเมือง อารมณ์ของนางแจ่มใสขึ้น

เมื่อได้ยินอาหลุนเห็นด้วยว่าจะมีการพักในเมืองแซนดี  แบร็ดลี่ย์ถอนหายใจโล่งอก

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาไม่ว่าเขาจะพยายามทำตัวให้โปรดปรานเพียงไหน  แต่ลงท้ายอย่างเปล่าประโยชน์  แต่เขายังคงติดตามอาหลุนอย่างเรื่อยเปื่อย  ในหมู่ตระกูลชั้นสูงมีการเยาะเย้ยถากถาง  “ถูกมองข้าม แม้จะมีความตั้งใจที่ดี”  แบร็ดลี่ย์เป็นเพียงคนเดียวที่ประทับใจลึกกับความเข้มแข็งของกองพลภูผาน้ำแข็ง

‘นี่คือกองกำลังที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง’

พวกเขาเคร่งครัดมีระเบียบวินัยไม่รู้จักเหนื่อยล้า ไม่ย่อหย่อนและน่ายำเกรงตลอด พวกเขาละเอียดและไม่มีข้อบกพร่องทำให้บางครั้งแบร็ดลี่ย์รู้สึกว่าพวกเขาแข็งเกินไปและจุกจิกในเรื่องเล็ก  แต่เขาก็ต้องยอมรับ กลุ่มดาววัวไม่มีกองทหารใดที่สามารถเทียบได้กับกองทัพที่เขากำลังดูอยู่นี้

เขารู้ว่าเมื่อเร็วๆ นี้กลุ่มดาวหมีใหญ่มีการสร้างกองทัพสองสามกองทัพทหารทั้งหมดเหล่านี้แยกมาจากกองทัพจักรกล พร้อมกับการจางหายไปของกองทัพดั้งเดิมกองพลจักรกลกลายเป็นกองกำลังหลัก กลุ่มดาวหมีใหญ่ถือว่าเป็นประเพณีที่ต้องให้ความสำคัญกับกลุ่มผู้เยาว์  ผู้บริหารระดับสูงทั้งหมดยังอายุเยาว์และนอกจากกองทัพสองสามกองพลแล้วมีเพียงกองทัพเดียวที่ได้รับการยกย่องก็คือกองพลทหารราบของแม่ทัพทาร์ตัน

แต่แบร็ดลี่ย์ไม่เคยคาดเลยว่าแม่ทัพเยาว์วัยจะมีความโดดเด่นมาก  โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหลุน แบร็ดลี่ย์มองไม่เห็นความเย่อหยิ่งและความประมาทในตัวเขาเลย เขาฝึกจนเหมือนกับแม่ทัพเก่าที่อยู่กับกองทัพมาเป็นเวลานับสิบปี

เมื่อกองทัพจักรกลถูกแยกออกมาแบร็ดลี่ย์ได้แต่ถอนหายใจ กลุ่มดาวหมีใหญ่มีกองทัพใหญ่อยู่สองกองพล กองทัพหมาป่านำโดยถังอี้ และอีกกองทัพหนึ่งคือกองทัพจักรกลนำโดยปิง เพราะกองทัพฝีมือดีและมีเกียรติเช่นนั้น พวกเขาควรจะรักษาประเพณีและกฎของพวกเขาไว้  กฎธรรมเนียมใช้ตัดสินการขัดเกลาของกองทัพ และเป็นทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดของกองทัพฝีมือดี

การแยกกองทัพหมายถึงการทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง และหน่วยหน้ากล้าตายไม่กี่คนไม่สามารถเทียบได้กับยอดฝีมือระดับสูง

ถังเทียนและปิงไม่ได้เผยโฉมมานานแล้วทำให้หลายคนสงสัยว่ามีการเปลี่ยนในระดับสูงของกลุ่มดาวหมีใหญ่

‘ใครจะรู้กันว่า...’

แบร็ดลี่ย์หันความสนใจกลับไปที่กองทัพ เขาแจ้งให้ทุกคนคนรู้เรื่องที่เซรีนตกลงใจจะพักในเมืองแซนดี้  จากนั้นออสตินอาสาไปเตรียมการล่วงหน้า

เห็นได้ชัดว่าออสตินมีความประสงค์ร้าย

เขาถูกเมินเฉยเย็นชา จึงรู้สึกโกรธ  ‘ข้าเคยถูกปฏิบัติแบบนั้นตั้งแต่เมื่อใด?’ ความหยิ่งยโสของกองทัพที่ไม่ให้ความสนใจเขาทำให้เขาโกรธมากยิ่งขึ้น  เขาตัดสินใจกระทำการบางอย่าง

‘พวกเขาอยู่ในกลุ่มดาววัว ไม่ใช่กลุ่มดาวหมีใหญ่’

ออสตินเดินทางเข้าเมืองแซนดี้ เนื่องจากเป็นเมืองสำคัญของส่วนเขาวัวของกลุ่มดาววัวมีกองทหารรักษาการณ์ฝีมือดีอยู่ที่นั่นกองทหารเขากระทิง  กองทหารเขากระทิงเป็นหนึ่งในกองกำลังฝีมือดีที่สุดของกลุ่มดาววัวอุปกรณ์เครื่องมือของพวกเขามีอย่างเหลือเฟือ

บังเอิญว่าผู้บัญชาการกองพลเขากระทิงเจโรมเป็นเป็นเพื่อนคู่หูของออสตินตั้งแต่เด็ก และทั้งสองสนิทกันมาก ตำแหน่งของเจโรมได้มาเนื่องจากออสตินใช้เส้นสายผลักดันอยู่เบื้องหลัง

เมื่อเจโรมเห็นออสตินมาถึง  เขาดีใจมาก “ออสติน  ลมอะไรพัดเจ้ามาถึงนี่?”

“อย่าพูดแบบนั้น ”บิดาข้าเกณฑ์คนมามากมายพร้อมกับแบร็ดลี่ย์เพื่อต้อนรับสตรีคนนั้น”

“สตรีที่เจ้าพูดถึงก็คืออาจารย์เซรีนสินะ”  เจโรมหัวเราะลั่น ข่าวเซรีนต้องการกลับมายังกลุ่มดาววัวกระจายไปทั่ว  เขามองดูออสติน  “เมื่อเห็นท่าทางของเจ้าแล้ว  หรือว่านางไม่งดงามเหมือนที่ร่ำลือกัน?”

ออสติส่ายหน้า  “ไม่เลย เซรีนเป็นหญิงงามที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็น!”

“งั้นทำไมอารมณ์เจ้าเป็นแบบนั้น?”  เขารู้จักสหายวัยเยาว์ของเขาตั้งแต่เด็ก  และรู้ว่าอารมณ์เขาชื่นชอบสตรี  ขอให้เป็นคนสวยออสตินหลงใหลได้หมด

“พวกมันข่มเหงเรา!”  หน้าของออสตินเขียวคล้ำขณะที่เขาอธิบายทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น

เจโรมแสดงอาการโกรธทันที  ไม่ว่าอาจารย์เซรีนจะฉลาดสวยยังไงก็ตาม  พวกเขาก็อยู่ในกลุ่มดาววัว พวกเขาจะทนปล่อยให้คนอื่นเดินไปมาตามอำเภอใจได้ยังไง?

“พวกเขาทำแบบนั้นจริงๆหรือ?”  เจโรมถามจริงจัง

ออสตินยืดตัวตรง  “เจโรม, เจ้านึกว่าข้าแค่มาพูดเรื่องไร้สาระที่นี่เท่านั้นหรือ?  ข้าเป็นเจ้าชายแห่งกลุ่มดาววัว  และอยู่ที่นี่มาหลายปี”

เจโรมนิ่งเงียบอยู่นาน  “แล้วแบร็ดลี่ย์เล่า?  ทำไมแบร็ดลี่ย์ไม่คัดค้านอะไรพวกเขาเลย?”

ออสตินแค่นเสียง  “แบร็ดลี่ย์น่ะหรือ? เขาหวังว่าจะได้รับความโปรดปรานจากกลุ่มดาวหมีใหญ่”

เขาทำล้อเลียนแบร็ดลี่ย์และกล่าว  “นอกจากสองคนแล้ว  คนที่เหลือตกแน่นอน”

เจโรมเลิกคิ้วข้างหนึ่ง  และแสดงร่องรอยหยิ่ง  “แบร็ดลี่ย์กำลังดูถูกตนเองมากเกินไป กลุ่มดาววัวตกต่ำจนถึงขั้นที่เราต้องประจบกลุ่มดาวหมีใหญ่ตั้งแต่เมื่อใด”

“ใช่แล้ว! เจโรม!” ออสตินพูดอย่างตื่นเต้น  “เจ้าเป็นคนที่พึ่งพาอาศัยได้อย่างแท้จริง!  แบร็ดลี่ย์โยนธรรมเนียมที่ล้ำค่าที่สุดของกลุ่มดาววัวของเราทิ้ง...”

“ข้าคิดว่าแบร็ดลี่ย์คงมีความคิดเป็นของตนเอง”  เจโรมตัดบทออสติน เขาไม่ต้องการเข้าร่วมชิงดีชิงเด่นในท่ามกลางผู้มีอำนาจวาสนา  แต่ในฐานะชายชาติทหาร  เขามีความหยิ่งภูมิใจในตนเอง เมื่อคิดว่ากองทัพจากที่ไหนไม่รู้มาเดินเล่นในมาตุภูมิของเขา  เขายิ่งรู้สึกร้อนรุ่มในใจ  “เมื่อเป็นผู้บัญชาการเขากระทิง  ไม่ว่ายังไงก็ตาม ข้าจะไม่ยอมให้กองทัพใดๆมาเพ่นพ่านต่อหน้าข้าแน่!”

ออสตินโบกมืออย่างตื่นเต้น  “เจโรม เราควรทำยังไงดี?”

เจโรมพูดน้ำเสียงจริงจัง “เนื่องจากอาจารย์เซรีนมาเยี่ยมกลุ่มดาววัวของเราในฐานะอาคันตุกะ อย่างนั้นปัญหาความปลอดภัยก็ย่อมตกอยู่ในมือของเรา  เราจะไปต้อนรับอาจารย์เซรีน  และต้องให้นางรู้สึกว่ามาถึงบ้านแน่นอน!”

ออสตินเข้าใจว่าเขาหมายความว่ายังไงจึงหัวเราะ

หึ หึ หึ!

เสียงแตรปลุกทุ้มดังขึ้นทั่วค่าย  และกองพลเขากระทิงมารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว

ออสตินยืนมองอยู่บนแท่นอย่างตะลึง  ทหารทั้งหมดมารวมตัวกันภายในห้านาที กองกำลังที่อยู่ข้างล่างเวทีตั้งแถวกันอย่างหนาแน่น  เป็นภาพสี่เหลี่ยมจัตุรัส  พวกเขาเงียบกริบและรังสีฆ่าฟันของพวกเขาแผ่ซ่านออกมา

ออสตินอดชื่นชมไม่ได้  “เจโรม ข้าเลือกเจ้าแน่!  เจ้าเป็นแม่ทัพชั้นดีอย่างแน่นอน! ไปสั่งสอนเจ้าพวกบัดซบจากกลุ่มดาวหมีใหญ่ให้รู้ว่านักรบฝีมือดีเป็นยังไง!”

ตาของเจโรมเป็นประกายหยิ่งผยอง  เขามีความสามารถให้หยิ่งผยองได้  กองพลเขากระทิงมีการเปลี่ยนแปลงในเงื้อมของเขา  และกลายเป็นทรงประสิทธิภาพมาก

“บางที่เราอาจแลกเปลี่ยนอะไรกันบ้างก็ได้”  เจโรมแค่นเสียง  และหน้าของเขาเขียวคล้ำทันที  “หน้า...เดิน!”

พรึ่บพั่บๆ!

คลื่นสีเงินวิ่งมาตามถนน เสียงฝีเท้าของพวกเขาททำให้ชาวเมืองแซนดี้หยุดอยู่กับที่ ที่เหนือคลื่นสีเงินคือเซียนสิบคนที่กำลังตามมาอย่างกระชั้น

กองพลเขากระทิงคือหน่วยเกราะหนัก  ทุกคนสวมใส่เกราะทอรัสระดับเงิน

ลักษณะเฉพาะที่โดดเด่นของกลุ่มดาววัวก็คือพวกเขามีการผลิตของเป็นจำนวนมากและอุปกรณ์ที่พวกเขามีเป็นที่รู้จักกันได้ง่าย เพราะเกราะหมวกของพวกเขามักจะมีเขากระทิงแหลมคมเสมอ  สำหรับกลุ่มดาวอื่น  สำหรับกลุ่มดาวอื่นปัญหาของพวกเขาคือขาดแคลนเกราะ แต่สำหรับกลุ่มดาววัวสามารถจัดให้มีได้ทั่วทั้งกองทัพ

ชุดเกราะสีเงินเหนือกว่าไม่มีใครเทียบได้สิ่งที่เห็นได้ยากในทั่วสวรรค์วิถี

ทันใดนั้นอาหลุนหยุด  เขารู้สึกถึงความสั่นสะเทือนบนพื้น  เขาตัดสินได้ทันทีว่ามีกลุ่มคนเข้ามาใกล้พวกเขา!

แค่เพียงชำเลือง, เช้ง,เขาชักดาบเงินหนักออกมาทั้งที “เตรียมรับการโจมตี!”

นี่คือประสบการณ์ที่อาหลุนได้รับมากับตนเองในสภาพแวดล้อมต่างถิ่น  ตราบเท่าที่เขาเผชิญหน้ากับสถานการณ์พิเศษ  วิธีการตรงที่สุดคือใช้คำว่า ‘เตรียมรับการโจมตี’ เพื่อเตือนสหาย  คำพูดนี้มีผลที่สุดและทำให้ทหารทั้งหมดเพ่งความสนใจเต็มที่ทันที

ในระยะห่างออกไป  คลื่นสีเงินวิ่งตรงเข้ามาหาพวกเขา

อาหลุนยังคงใจเย็นไม่หวั่นไหว

แต่ในเวลาอันรวดเร็ว  สายตาเขาหรี่ลง ฝ่ายตรงข้ามไม่มีความตั้งใจจะชะลอความเร็วลงแต่อย่างใด

4.5 กิโลเมตร 3.6 กิโลเมตร 3 กิโลเมตร...

ตาของอาหลุนเป็นประกายเยือกเย็นทันที  เขาชูดาบเงินสูงขึ้นในอากาศด้วยความเร็วของศัตรู  2.4 กิโลเมตรคือระยะปลอดภัย

2.4 กิโลเมตร!

อาหลุนไม่ลังเลใจชี้ดาบเงินไปข้างหน้าและคำราม “หน่วยหลังคอยปกป้องรถ แนวหน้าตามข้ามา เตรียมโจมตี!”

กองพลภูผาน้ำแข็ง 500 คนเคลื่อนไหว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด