ตอนที่ 670 ศิลาแดงสระหงส์
ก่อนจะประมูลทางตลาดมืดมักจะแสดงสมบัติทั้งหมดในอาคารพาณิชย์ทองเพื่อที่ว่าให้ทุกคนทำความคุ้นเคยกับสมบัติและจะได้มีการแข่งขันกันในระหว่างประมูล
แน่นอนว่าสมบัติก็เหมือนตอนจบของการประมูลบ้านจะไม่แสดงออกมาง่ายๆ
เว้นแต่เจ้าของจะเห็นด้วยให้ทำเช่นนั้น
การประมูลครั้งใหญ่ที่สุดของปีจะเกิดขึ้นในอีกหนึ่งเดือน
กล่าวกันว่าที่นั่งที่ด้านหลังเวทีประมูลต้องสงวนเอาไว้และราคาของตั๋วจะสูงกว่าปกติถึงสิบเท่า แม้แต่ที่นั่งด้านหลังอย่างเย่ว์หยางจำเป็นต้องจ่ายถึงร้อยเหรียญทอง
เย่ว์หยางไม่สนใจการประมูลแบบนี้ เขาไม่มีเวลามากนัก
เวลาเป็นเงินเป็นทอง ใครจะมีเวลารอกันเป็นเดือน? ถ้าเถ้าแก่ร้านชราไม่ให้เงินเขาหมื่นเหรียญช่วยแก้สถานการณ์ที่น่าอายของเย่ว์หยาง เขาคงได้ใช้เงินช่วงเวลาสั้นๆและคงต้องเปิดฉากปล้นฆ่าในสถานที่นี้ แน่นอนด้วยทองหมื่นหนึ่งในมือของเย่ว์หยางทำให้เขาไม่ต้องรีบต่อไป เขาเป็นคนแรกที่เข้าไปในโรงประมูลและดู แม้ว่าเขาต้องการจะหยิบฉวยยกเค้าบางอย่างก็ต้องรู้เป้าหมาย
วันนี้ตลาดมืดจะขายของเพียง 100 ชิ้น
นอกจากนี้สมบัติหลายอย่างที่แสดงอยู่ไม่ได้เข้าโรงประมูลกลายเป็นว่าวันนี้ไม่ใช่วันยิ่งใหญ่
ขณะที่เย่ว์หยางกำลังวางแผนจะปล้นห้องแสดงสินค้า จู่ๆ เขาได้ยินข่าวที่ทำให้เขาลอบดีใจ ห่างออกไปไม่ไกลนัก มีสองคนที่คล้ายกับนักธุรกิจพูดคุยกันเกี่ยวกับสมบัติที่เย่ว์หยางโหยหาอยู่ในตอนนี้นั่นคือผลมังกรเปลือกแข็ง
ผลมังกรเปลือกแข็งเป็นหนึ่งในส่วนผสมที่สำคัญที่สุดสำหรับยาเม็ดพลังยุทธ ไม่มีส่วนผสมนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะปรุงยาเม็ดพลังยุทธ
“มันอายุสามพันปีแล้วหรือ? เจ้าแน่ใจนะ?”
พ่อค้าทางด้านซ้ายที่อยู่ในชุดลายปักถามสหายและลดเสียงขณะเดินผ่านเย่ว์หยาง
“สามพันปีย่อมมีคุณภาพสุดยอดแน่นอน ข้าคาดว่ามันมีอายุมากกว่าสามพันปี เพราะหุบเขามังกรซ่อนและสำนักจันทราส่งคนมาหาข่าวกันแล้ว” พ่อค้าคนขวามือทำท่าราคาแสนเหรียญทอง และส่งสัญญาณให้สหายของเขาและพูดเบาๆ“ข้าคาดว่าคงจะเริ่มที่ราคาห้าหมื่น นี่อาจเป็นราคาสุดท้าย”
“นี่ค่อนข้างมากไป ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นของสุดยอดในสามพันปี เราคงเสียเปรียบ” พ่อค้าคนซ้ายมือส่ายศีรษะที่ดูโลภและน่าเกลียด
“....”เย่ว์หยางลอบหัวร่อในใจ สองคนนี้ไม่รู้จักสมบัติ
ผลมังกรเปลือกแข็งสามพันปี แม้ว่าจะไม่ใช่ของเขาก็สามารถผลิตยาเม็ดพลังยุทธที่ดีกว่ายาเม็ดพลังยุทธธรรมดาได้
แสนเหรียญทองจะมีอะไร?
สมบัติที่ทรงค่าขนาดนั้นจะเอามานับเป็นเงินได้อย่างไร?
นอกจากนี้แม้แต่ผลมังกรเปลือกแข็งสามารถใช้ให้มีผลข้างเคียงของยาเม็ดพลังยุทธ แม้ว่าจะยังห่างไกลจากการเป็นส่วนผสมหลักแต่ก็ยังเป็นหนึ่งในส่วนผสมสำคัญยิ่งกว่า ถ้ามียาไม่เพียงพอ ผลมังกรเปลือกแข็งสามพันปีก็สามารถทดแทนได้ชั่วคราว ต้องเป็นผลมังกรเปลือกแข็งอายุเกินห้าพันปีในมือของเย่ว์หยางสามารถแทนยาหลักบางส่วนได้ ถ้ามีผลมังกรเปลือกแข็งหมื่นปี เย่ว์หยางสามารถยืนยันได้โดยตรงเลยว่าเป็นส่วนผสมหลัก จากตรงนี้คงพอจะทราบกันแล้วว่าผลมังกรเปลือกแข็งทรงคุณค่ามากเพียงไหน!
ผลมังกรเปลือกแข็งสามารถดูดซับปราณวิญญาณจากฟ้าและดินนานสามพันปี นั่นควรจะถูกมองว่าเป็นอะไร?
สำหรับเย่ว์หยางมันคือสมบัติประมาณค่ามิได้
ถ้าใครบางคนขอให้เย่ว์หยางควักเงินสิบล้านเหรียญทองแลกกับผลมังกรเปลือกแข็งอายุสามพันปี
เขาจะไม่ลังเลทำ ภายในหอทงเทียนอย่าว่าแต่เป็นผลมังกรเปลือกแข็งสามพันปีเลย ต่อให้เป็นผลมังกรเปลือกแข็งพันปีก็พบได้เป็นบางโอกาสเท่านั้น มิฉะนั้นต่อให้เผ่าพันธุ์ในหอทงเทียนรวมพลังกัน พวกเขาก็คงไม่สามารถได้รับวัตถุดิบเพื่อปรุงยาเม็ดพลังยุทธได้หรอกหรือ? ถ้าจอมปีศาจบารุธยังคงมีผลมังกรเปลือกแข็งเขาจะส่งให้เย่ว์หยางปรุงยาโดยไม่ลังเล โชคไม่ดีที่ผลมังกรเปลือกแข็งไม่ใช่มันฝรั่งหวาน ขนาดเสาะหาไปทั่วทั้งหอทงเทียนเขาก็ยังไม่สามารถหาได้แม้สักน้อย
หัวใจของเย่ว์หยางเต้นแรงเมื่อเขาได้ยินข่าวเกี่ยวกับผลมังกรเปลือกแข็งสามพันปี
แค่ไม่สนใจทุกคนปล้นของสิ่งนี้อย่างเดียวก็ทำให้การเดินทางมาแดนสวรรค์ครั้งนี้คุ้มค่า...ไม่ว่ายังไงเขาต้องได้ผลมังกรเปลือกแข็งสามพันปีมาให้ได้!
สามชั่วโมงต่อมา
การประมูลสำหรับการประมูลใต้ดินจะเริ่มอย่างเป็นทางการ
เมื่อเย่ว์หยางนั่งลงและเตรียมดูแกะอ้วนในอนาคตที่เขาจะปล้น มีคนเหล่านั้น เขาประหลาดใจเมื่อพบว่าหนึ่งในคนที่ปะปนอยู่กับเขามีสองที่นั่งเป็นบุรุษหัวกลมที่เขาได้พบในตอนแรก เมื่อคนผู้นั้นเห็นเย่ว์หยาง เขามีปฏิกิริยาและเข้ามาทักทายเย่ว์หยางอย่างจริงใจสิ่งที่ทำให้เย่ว์หยางพูดไม่ออกก็คือนักธุรกิจตัวเล็กที่นั่งถัดจากเย่ว์หยาง เมื่อเห็นว่าสองคนรู้จักกันและมีอัธยาศัยที่ดีก็เริ่มแลกที่นั่งกับบุรุษหัวกลม
บุรุษหัวกลมไม่คาดเรื่องนี้มาก่อน
เขาตะลึงเล็กน้อย
เขามานั่งข้างเย่ว์หยางและรีบแนะนำตัวเองอีกครั้ง “ข้าชื่อเปากู่ ข้าเป็นหนึ่งในศิษย์กิตติมศักดิ์ชั้นนอกของสำนักประตูหินสลัก”
เย่ว์หยางเห็นว่าเขามีพลังแค่ปราณดินระดับสามดังนั้นศักยภาพของเขาต่ำมาก แต่ก็ไม่เลวแล้วที่เขาได้เป็นศิษย์ชั้นนอก
เขาตอบตามปกติ “จวินอู๋เย่ จากแดนสวรรค์ตะวันตก”
“ตายโหง!”
หัวกลมๆ ของเปากู่ซีดลง แดนสวรรค์ตะวันตกไกลจากนี้เท่าใดกัน? ด้วยพลังของเจ้าเด็กหนุ่มนี้ต่อให้ใช้ประตูเทเลพอร์ต เขายังจะต้องใช้เวลาเดินทางหนึ่งเดือน ด้วยพลังของเขาทำไมเขาต้องเดินทางมาไกลนักเล่า? ทำไมเจ้าต้องวิ่งมาเอาสินค้าเสียไกลด้วยเล่า? ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการทำเงินเลย แม้แต่ค่าธรรมเนียมขนส่งก็คงจะไม่พอแน่นอน!
เย่ว์หยางยิ้มและไม่สนใจเขา
การประมูลเริ่มขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว
บุรุษชุดเทาคนหนึ่งยืนอยู่ที่แท่นประมูลกล่าวต้อนรับเปิดงานประมูลด้วยคำพูดที่ยาวนาน
คนจากตระกูลมีชื่อเสียงอิทธิพลสองสามคนพอๆกับเจ้าเมืองลมดำเริ่มเร่งเวลาก่อนที่การประมูลจะเริ่มขึ้น
ทุกครั้งที่ขึ้นรายการประมูลสิ่งของบุรุษชุดเทาจะให้คำอธิบายโดยละเอียดถึงประโยชน์ของสิ่งนี้ จากนั้นจะอธิบายกติกาพื้นฐานและการเสนอราคาแต่ละครั้งเพราะทักษะการพูดที่ยอดเยี่ยมและสร้างแรงจูงใจได้ดีเยี่ยม ของประมูลสิบรายการแรกหลายครั้งจึงได้ราคาสูงมากกว่าราคาเดิม แน่นอนว่ามีบางรายการที่ประมูลไม่ออก นี่ไม่ใช่เรื่องผิดปกติในตลาดมืดเพราะราคามันสูงมากเกินไป จึงเป็นเหตุการณ์ปกติอยู่แล้ว
เปากู่บุรุษหัวกลมสงสัยเย่ว์หยางเล็กน้อย มนุษย์หนุ่มน้อยนี้ดูเหมือนจะมีสายตาที่ดี
นอกจากนี้เขายังอยู่ไกลถึงแดนสวรรค์ตะวันตกดังนั้นทำไมเขาไม่เสนอราคาประมูล?
เป็นไปได้ไหมว่าเขากำลังรอสมบัติชิ้นสุดท้ายของวัน
“รายการประมูลต่อไปเป็นศิลาแดงที่ได้รับมาจากนักผจญภัยในพื้นที่อันตรายที่สุดของแคว้นมรกตแม่น้ำมังกรปีศาจ หลังจากทดสอบดูแล้วคุณภาพของวัตถุชนิดนี้อย่างน้อยก็ระดับหก เต็มไปด้วยพลังงานและค่อนข้างจะมีแสงพลังงานธาตุน้ำที่แข็งแกร่ง...” ราคาเริ่มต้นของสินค้านี้คือหนึ่งพันเหรียญทองเสนอราคาเพิ่มครั้งละร้อยเหรียญทอง ใครต้องการศิลาแดงที่งดงามนี้บ้าง? กรุณายกป้ายในมือท่านราคาเพียงหนึ่งพันเหรียญทอง ก็จะตกเป็นของท่าน หนึ่งพันเหรียญทอง มีใครยินดีเสนอราคาหนึ่งพันเหรียญทองบ้าง?” บุรุษชุดเทาพยายามพูดหว่านล้อม แต่ไม่มีใครสนใจในแร่เหล่านี้ ถ้าเป็นอัญมณี อย่างนั้นคงเป็นอีกเรื่อง แร่แปลกแบบนี้ใหญ่กว่ากำปั้น ประโยชน์ของมันก็ไม่ชัดเจน ไม่มีใครยอมจ่ายพันเหรียญทองเพื่อศิลาแดงที่งดงาม
“พันเหรียญทองมีใครยินดีเสนอราคาไหม? พันเหรียญทอง ราคาเพียงพันเหรียญทอง, สหาย,พันเหรียญทองท่านจะได้ศิลาที่งดงามนี้ไปทันที!” บุรุษชุดเทาพยายามพูดปลุกใจอย่างดีที่สุด แต่ไม่มีใครเสนอ
“ถ้ามันเป็นแร่ที่มีใบรับรองแหล่งที่มา อย่างนั้นก็คงดี ใครอยากได้เจ้าสิ่งนั้นกันแน่?” เปากู่มนุษย์หัวกลมเบะปาก
“ใช่แล้วต่อให้เป็นอัญมณีก็ยังต้องได้รับการรับรองจากผู้ผลิต ถ้าไม่ใช่สินค้าหลอกลวงก็อาจเป็นสินค้าราคาไม่สูง”พ่อค้าที่นั่งอยู่ข้างๆ เห็นด้วย
หลังจากเงียบไปประมาณครึ่งนาที บุรุษชุดเทาผู้คอยจี้ถามไม่หยุดยั้งก็ตระหนักว่าของประมูลกำลังจะถูกถอดออกไป
เพื่อความสมบูรณ์ของมืออาชีพ เขาถามเป็นครั้งสุดท้าย “มีใครต้องการศิลาแดงไหม?” แค่เพียงพันเหรียญทอง ใครต้องการยกมือขึ้น?”
เมื่อบุรุษชุดเทาเตรียมจะเคาะศิลาแดงเย่ว์หยางยกมือขวาขึ้น
การเสนอราคาของเขาทำให้คนหัวกลมตะลึง
เจ้าเด็กนี่พยายามจะทำอะไร?
เก็บของไร้ประโยชน์?
หลังจากการประเมินของผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมไม่มีทางที่คนผู้นั้นจะสามารถเอาวัตถุอย่างพวกแร่มาประมูลขายได้ การประมูลหินไร้ชื่อได้ราคาต่ำอย่างนั้นจะตัดโอกาสให้ได้พบว่านั่นคือสมบัติหายาก ในแดนสวรรค์ได้แต่ฝันเท่านั้น!
ไม่ต้องพูดถึงการประเมินที่มีชื่อเสียง แม้แต่ร้านค้าธรรมดาก็สามารถใช้อสูรรบชนิดพิเศษตรวจสอบกลิ่นได้อย่างเช่นสุนัขทองก็สามารถตัดสินคุณภาพของอัญมณีได้
ถ้าเขาต้องการเก็บของขวัญ เขาก็ต้องทำการค้ากับพวกลูกจ้างในป่าผู้ซึ่งไม่รู้จักของขวัญ
ไม่มีใครรู้ว่ามีกี่คนกันแน่ที่เข้ามาในโรงประมูล แต่เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะหาประโยชน์จากของสิ่งนี้ได้
“ขอบคุณที่ท่านอุดหนุน ขอบคุณมากแต่ท่านสามารถอุดหนุนข้าในราคาที่สูงกว่านี้ได้ไหม ท่านสุภาพบุรุษ? ถ้าไม่มีใครอื่นเรียกราคา อย่างนั้นหลังจากขานเรียกสามครั้งศิลาแดงระดับหกจะเป็นของสุภาพบุรุษท่านนี้ สหาย, มีใครจะเสนอราคาสูงกว่านี้อีกไหม?” บุรุษชุดเทาก็ประหลาดใจที่เย่ว์หยางกล้ายกมือ อย่างไรก็ตามเขาสนองตอบได้ดีและดำเนินการประมูลต่อทันที
ไม่ว่าปากเขาจะพูดวนเวียนกี่ครั้งก็ตามก็ไม่มีใครร่วมเสนอราคา
ในที่สุดเย่ว์หยางก็จ่ายหนึ่งพันเหรียญทองเพื่อศิลาแดง
บุรุษหัวกลมเปากู่ต้องการจะแนะนำเขาจริงๆ แต่เมื่อเขาเห็นว่าการประมูลสำเร็จแล้ว เขาไม่รู้จักจวินอู๋เย่ผู้นี้ดีพอ ดังนั้นเขาหุบปากไม่พูด
ศิลาแดงไม่ใช่ของดีสำหรับคนอื่น อย่างไรก็ตามนี่เป็นสมบัติล้ำค่าสำหรับเย่ว์หยาง
ก่อนหน้านี้ในการชมสินค้าที่จัดประมูล เย่ว์หยางจับตาดูศิลาแดงนี้
สำหรับคนธรรมดาศิลาแดงนี้เป็นแร่ชิ้นหนึ่ง ไม่ใช่อัญมณี อย่างไรก็ตามสำหรับเย่ว์หยางมันมีประโยชน์มากกว่าอัญมณี ตามความรู้ที่ได้ตกทอดมาจากมารดาสหายผู้น่าสงสาร มีความทรงจำหนึ่งกล่าวถึงเรื่องศิลาแดงหรือมีชื่อเต็มว่าศิลาแดงสระหงส์ซึ่งเป็นสมบัติพิเศษ เพราะเป็นศิลาที่มีความอ่อนมากจึงไม่สามารถฝังได้เหมือนหินที่มีค่าอื่นไม่อาจถลุงได้เหมือนแร่ แต่การใช้งานไม่ได้เพิ่มพลังอาวุธหรือเกราะเหมือนกับอัญมณีไม่ได้เป็นเครื่องประดับ ไม่ได้เป็นวัตถุทำเครื่องมือ
นี่คือสมบัติธรรมชาติที่ใช้ผสานกับทหารเทพร่างมนุษย์ และทหารเทพสวรรค์เพื่อให้เพิ่มพลังรบได้
แน่นอนว่าคนธรรมดาไม่สามารถใช้ศิลาแดงนี้ได้ พวกเขาต้องใช้ความรู้วงเวทอักษรรูนเพื่อปรับแต่งคุณภาพของศิลาแดงสระหงส์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และคนธรรมดาไม่มีทหารเทพร่างมนุษย์หรือทหารเทพสวรรค์ แม้ว่าพวกเขาจะได้รับสมบัติเช่นนั้นแต่พวกเขาก็ใช้ไม่เป็น
แต่มันมีประโยชน์มากสำหรับเย่ว์หยาง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระบวนการใช้ภูตแสงเพื่อผสานเข้ากับดาบนางฟ้า เย่ว์หยางจำเป็นต้องใช้บางอย่างมาช่วยจึงจะสามารถจัดการได้