ตอนที่ 669 ในสายตาของแบร็ดลี่ย์
ดาบยักษ์เงินแพรวพราวสะท้อนประกายเยือกเย็น
ออสตินอ้าปากกว้าง เขาจ้องมองทหารชักดาบที่เต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟันอย่างว่างเปล่า รังสีฆ่าฟันครอบคลุมตัวเขา และในขณะนั้น เขารู้สึกเหมือนกับว่าตกอยู่ในพายุหิมะผิวของเขารู้สึกชาทันที
กึกๆ กึกๆ กึกๆ
เสียงฟันกระทบดังออกมาจากตัวออสติน หน้าของเขาเหยเกด้วยความกลัว
แบร็ดลี่ย์ถอนหายใจในใจ มันเป็นดินแดนของเขาเอง แต่เขาก็ยังถูกดาบชี้คุกคาม และข้างๆตัวเขาก็ประพฤติตัวอย่างงุ่มง่าม กลุ่มดาววัวตกต่ำจริงๆ สายตาของเขาจับจ้องมองดูรูปขบวนของอีกฝ่ายหนึ่งขณะที่เขากวาดตามองไปมา
ในกลุ่มทหารเป็นคนสำคัญที่เป็นแกนหลักที่แท้จริงของอีกฝ่ายหนึ่ง
การเข้มงวดอย่างมากและไม่อนุญาตให้ใครเข้ามา รังสีฆ่าฟันของเขาพร้อมเพรียงกันไม่มีข้อบกพร่อง พวกเขาเป็นยอดฝีมือ!
แบร็ดลี่ย์ใจสั่นสะท้าน เขาไม่เคยได้ยินชื่อกองพลภูผาน้ำแข็งที่อยู่ต่อหน้ามาก่อน เมื่อคิดว่าต้องเป็นหน่วยตั้งขึ้นใหม่ในกลุ่มดาวหมีใหญ่ แต่พวกเขาเป็นยอดฝีมือแน่นอน! บุรุษที่เป็นผู้นำมีอำนาจและกล้าหาญ มีแนวโน้มว่าจะเป็นผู้บัญชาการกองพลภูผาน้ำแข็ง และคนที่อยู่ด้านหลังของเขาน่าจะเป็นผู้ช่วยของเขา
เมื่อเห็นทั้งหน่วยนิ่งไม่หวั่นไหวแบร็ดลี่ย์รู้เต็มที่ว่าพวกเขาเป็นปัญหา พวกเขาไม่มีเหตุผลและกำลังข่มศัตรูของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง ความได้เปรียบของพวกเขาจะเพิ่มมากขึ้นๆทุกทีโดยไม่รู้ตัว ศัตรูเช่นนั้นน่ากลัวเป็นที่สุด ผู้ช่วยอย่างนั้นสามารถจะรับมือได้และสามารถปลดปล่อยความอาจหาญของผู้บัญชาการของพวกเขาได้
‘กองพลที่ไม่มีชื่อเสียงนี้นำไปใช้อย่างฟุ่มเฟือยมาก ในกลุ่มดาวหมีใหญ่มีอัจฉริยะเหลือล้นหรือไง?’
แบร็ดลี่ย์ไม่รู้สึกโกรธ และหน้าของเขามีรอยยิ้มเล็กน้อย เขายกมือเพื่อแสดงความไม่เป็นปรปักษ์ และค่อยเดินมาอยู่ข้างออสติน เขาจับมือของออสตินที่กำลังสั่น แบร็ดลี่ย์รู้สึกแย่ และพูดเสียงดัง “ทุกคน ก้าวถอยหลัง!”
กองทหารต้อนรับตื่นตัวจากภวังค์และถอยออกไปอย่างตั้งใจ กระบวนของเขาอยู่ในสภาพย่ำแย่เหมือนกลุ่มทหารแตกแถว แบร็ดลี่ย์อดมองทหารที่อยู่ข้างหน้าเขาอย่างช่วยไม่ได้ พวกเขาดูเหมือนถูกตรึงไว้กับพื้น กองทัพที่เข้มงวดและแหลมคมเหมือนดาบทำให้หน้าของเขาแดง ‘มีความเหลื่อมล้ำมากเกินไป’
เขาคิดถึงกองทัพของสมาพันธ์ชาวยุทธโดยไม่รู้ตัวนั่นเป็นหนึ่งของกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดในสวรรค์วิถี กองทัพของสมาพันธ์ชาวยุทธเข้มงวดและเรียบร้อยแต่สิ่งที่แตกต่างกันก็คือทหารของพวกเขามีราศีที่หยิ่งยโสและโอ้อวดตัว แต่กองพลภูผาน้ำแข็งที่อยู่ต่อหน้าเขาให้ความรู้สึกที่ดึงดูดความสนใจพวกเขา
ฝ่ายหนึ่งเป็นเหมือนขุนนางผู้คุ้นเคยกับวิทยายุทธ อีกฝ่ายหนึ่งเหมือนกับผู้อพยพที่ต่อสู้เพื่อชีวิต
‘ใครแข็งแกร่งกว่ากัน?’ แบร็ดลี่ย์ไม่รู้แต่เขาต้องยอมรับว่าทหารกลุ่มดาววัวไม่มีผู้ใดแข็งแกร่งพอจะสู้กับอีกฝ่าย
ครืน ครืน
ร่างสีเงินทั้งหมดเริ่มเดินหน้าข้ามาอย่างรวดเร็ว การแปรขบวนซึ่งคล้ายกับของเหลวสีเงินเพิ่มพื้นที่บรรยากาศป้องกันรอบตัวพวกเขา พวกเขาแปรขบวน
รูปขบวนเสร็จสิ้น
อาหลุนที่อยู่ในเกราะแสดงให้เห็นถึงความพอใจ ไม่สำคัญว่าฝ่ายอื่นจะโจมตีมาจากไหน พวกเขาก็สามารถป้องกันได้ แม้ว่าอาหลุนจะรู้ว่าไม่มีคนกล้าทำ แต่เขาจะไม่ยอมทำผิดพลาดแน่นอน
เมื่อมาจากกลุ่มดาวหมาป่า เขาเกิดมายากจน แต่คาดไม่ถึงเลยว่าเขาได้เข้าสถาบันนักสู้หมาป่าฟ้า แต่เขาไม่เคยพอใจตัวเอง เขารักและใส่ใจชีวิตมาก ชีวิตที่ไม่เคยคิดว่าจะมีได้ในอดีต
อาหลุนคือหนึ่งในอัจฉริยะผู้มีพรสวรรค์จากสถาบันนักสู้หมาป่าฟ้าด้วยอารมณ์ของแม่ทัพผู้มีศักยภาพ แม้ว่าในชีวิตประจำวันโดยปกติเขาจะเป็นคนอ่อนโยนและเงียบทั้งวัน แต่เมื่อถึงเวลารบเขาจะกลายเป็นคนเหี้ยมหาญ เข้ากันได้กับเฉินจื่อหลินผู้เงียบเป็นส่วนใหญ่แต่ปัญญาไวทั้งสองคนอยู่ภายใต้การจับตามองและแข่งขันกันอยู่ในกลุ่มดาวหมีใหญ่
ถังโฉ่วมอบหมายงานง่ายๆ ให้กับพวกเขานอกจากนี้ยังเป็นการให้พวกเขาได้ขัดเกลาตนเอง
อาหลุนหันกลับมามองที่ด้านหลัง พยักหน้ารับรองยืนยันว่าปลอดภัย
ประตูดวงดาวสว่างวาบอีกครั้งทำให้แบร็ดลี่ย์มองดู เขาสงสัย ชื่อของเซรีนก็เป็นชื่อมาจากครอบครัวในกลุ่มดาววัว แต่แบร็ดลี่ย์รู้มากกว่านั้น เขาเคยเห็นภาพเซรีนมาก่อน และรู้ว่านางงดงามมาก
ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าเซรีนเตรียมจะปรากฏ กลุ่มคนที่เดินนำออกมาสองสามคนเป็นกลุ่มคนที่ดูเย็นชามาก
เมื่อปรากฏตัวออกมาพวกเขากวาดมองไปรอบๆ อย่างช้าๆ
หัวใจของทุกคนสั่นสะท้าน ทุกคนก้มหน้า ใบหน้าของพวกเขาแสดงความเคารพ
เซียน!
แต่ละคนในกลุ่มนี้เป็นนักสู้ระดับเซียน!
หน่วยเซียนของกลุ่มดาวหมีใหญ่เป็นที่รู้จักกันดี จำนวนของเซียนที่พวกเขามียังมากกว่าของกลุ่มดาวราชสีห์เสียอีก และแค่เป็นรองวิหารเซียนของสมาพันธ์ชาวยุทธเพียงแต่หน่วยเซียนของกลุ่มดาวหมีใหญ่ส่วนใหญ่เป็นเซียนอิสระและไม่ได้ทรงพลังมากนัก ดังนั้นพลังสู้รบจึงยังด้อยกว่ากลุ่มดาวราชสีห์ และปัจจุบันนี้รู้จักกันดีว่าแข็งแกร่งเป็นอันดับสาม
แต่เซียนอิสระก็ยังเป็นเซียนอยู่ดี
พลังกดดันที่ปล่อยออกมาจากเซียนครอบคลุมทั่วพื้นที่ทันที ถ้าเราต้องพูดถึงกองพลภูผาน้ำแข็งให้ความรู้สึกที่น่าตกใจ อย่างนั้นพลังจากเซียนที่อยู่ข้างหน้านี้กลับข่มพวกเขาให้อ่อนลง
การรวมตัวของเซียนแปดคนเป็นเรื่องใหญ่และคุกคามให้ทุกคนกลัว
ถังโฉ่วรู้ว่าเซรีนสำคัญต่อกลุ่มดาวหมีใหญ่ขนาดไหน และในความเป็นจริงไม่มีใครเต็มใจให้เซรีนกลับไปที่กลุ่มดาววัว สำหรับเขา แม้ว่ากลุ่มดาววัวจะยังเป็นสมาชิกสิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคา แต่พลังความแข็งแกร่งของพวกเขาไม่ใช่สิ่งที่สามารถเทียบกับกลุ่มดาวหมีใหญ่ได้อีกต่อไป และพวกเขาสามารถปฏิเสธพวกกลุ่มดาววัวได้โดยไม่รู้สึกว่าได้ทำอะไรผิดพลาด
แต่เนื่องจากเป็นการตัดสินใจของถังเทียน ถังโฉ่วจึงตัดสินใจทำให้ดีที่สุด
แบร็ดลี่ย์ไม่ยิ้มอีกต่อไปแล้ว เขาสูดหายใจเข้า เขารู้พลังของกลุ่มดาวหมีใหญ่มานานแล้ว แต่เมื่อเห็นกับตาตนเอง เขาตะลึงกับพลังที่กลุ่มดาวหมีใหญ่แสดงออกมา
‘พวกเขาเป็นเซียนอิสระไม่ใช่หรือ? ทำไมรังสีที่เปล่งออกมาจากตัวพวกเขาจึงทรงพลังมากกว่าเหล่าผู้เฒ่าในวังทอรัส?’
แบร็ดลี่ย์สงสัย
ทันใดนั้นแสงสว่างเจิดจ้าเข้ามาบดบังทัศนวิสัยของเขา ทำให้เขาอดเงยหน้าขึ้นมองไม่ได้
ร่างของนางอยู่ในชุดราตรีสีดำมองดูเหมือนกับดอกไม้ดำที่เบ่งบานภาพของนางเป็นภาพเงาย้อนแสงที่สมบูรณ์ คางของนางคมสันรับกับใบหน้าของนาง ริมฝีปากนางอิ่มเป็นมันตัดกับสีผิวที่ไร้ตำหนิของนางผมสีแดงเพลิงเป็นลอนคลื่นของนางยาวคลุมถึงบ่า เข้ากับแนวคิดที่เฉื่อยชาไม่ใส่ใจใคร ใต้คิ้วเรียวยาว เป็นดวงตาสีฟ้าที่ทรงเสน่ห์ แต่ยากจะเข้าใกล้และค่อนข้างเย็นชาใต้ตาซ้ายมีไฝขี้แมลงวันสามจุดยิ่งเพิ่มความเย็นชาผสานความเย้ายวนใจ
แบร็ดลี่ย์จ้องมองเซรีนอย่างว่างเปล่า ภาพของนางไม่อาจเทียบกับคนจริงได้ นางงดงามเกินไป
เวลาดูเหมือนจะหยุดเดิน
ทุกคนตะลึง พวกเขาเคยได้ยินความงามของเซรีนกันทุกคน แต่เมื่อเห็นนางด้วยตาตนเอง กลับมีผลกระทบรุนแรง แม้แต่ออสตินก็ยังลืมกลัวไปชั่วขณะ ปากของเขาอ้ากว้าง เขามองเซรีนอย่างงมงาย ขณะที่น้ำลายไหลจากปาก
เซรีนไม่ได้มองพวกเขา นางเดินตรงเข้ามาอย่างสบายๆพร้อมกับกล่าวด้วยเสียงเย็นชา “ยานพร้อมหรือยัง?”
‘การใส่ส้นสูงทำให้รู้สึกเจ็บ’ เซรีนอดบ่นในใจไม่ได้
‘ถังเทียนเจ้าเด็กบ้า, เจ้าจงใจให้ข้าทำแบบนี้หรือ?’ ยิ่งนางคิดเรื่องนี้มากเท่าใดก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปได้มากขึ้น นางรู้สึกแย่เมื่อถูกจ้องมองจากแบร็ดลี่ย์และพวกที่เหลือ ‘ข้ายังไม่เสร็จงานข้าที่ห้องวิจัยเลย และเจ้าต้องการให้ข้ามาเสียเวลาที่นี่อีก..’
‘เจ้าเด็กบ้าถังเทียน!’
เมื่อคิดถึงเรื่องที่ถังเทียนตั้งเงื่อนไขงบประมาณของนางให้มีความเกี่ยวข้องกับการนอนของนาง เซรีนก็ยิ่งหงุดหงิด
“อาจารย์เซรีนผู้งดงาม!” แบร็ดลี่ย์เดินขึ้นมาหาและคำนับจากนั้นพูดอย่างให้เกียรติ “ข้าคือเจ้าชายแบร็ดลี่ย์ เรายินดีต้อนรับอาจารย์เข้าสู่กลุ่มดาววัว พาหนะเตรียมพร้อมแล้ว กำลังรอให้ท่านออกคำสั่ง”
ด้านหลังเขา ยานราชวงศ์ทอรัสทองจอดรออย่างเงียบสงบ
เซรีนไม่สนใจเขาและหันไปหาอาหลุน “เสี่ยวอาหลุน, ยานอยู่ที่ไหน?”
‘เสี่ยวอาหลุน...’
อาหลุนคือบุรุษเหล็ก แต่ยังถูกเรียกว่า “เสี่ยวอาหลุน” ต่อหน้าทุกคนหน้าของเขาแดงเล็กน้อย เขาลอบบอกตัวเองว่าก็แค่โชคร้ายได้แต่คิดอย่างจนใจ ‘เจ๊ใหญ่เราไม่ใช่คนที่ล่วงเกินได้’ นี่กลายเป็นกฎที่รู้กันทั่วในกองทัพ ทุกคนเห็นเซรีนเหมือนแม่เสือหิว นางไม่มีเหตุผลและเอาแต่ใจ และใครก็ตามที่กล้าตอแยนาง เห็นได้ชัดว่าคงเบื่อหน่ายในชีวิต
อาหลุนรู้สึกว่าเป็นเรื่องแปลกทำไมพวกกลุ่มดาววัวถึงไม่เห็น และยังตอแยนางอีก
“เตรียมไว้พร้อมแล้ว” อาหลุนพูดโดยไม่ลังเล
ยานเงินง่ายๆ ถูกดึงออกมา นั่นคือพาหนะรบที่ใช้กันบ่อยๆ ส่วนใหญ่ใช้ขนส่งทหารหรือสัมภาระ ไม่ใช่ว่าทุกกองทัพจะมีนักสู้กลุ่มดาวกุมภ์เว้นแต่พวกเขาเป็นนักสู้กลุ่มดาวกุมภ์ แจกันอควาเรียสและสมบัติที่เกี่ยวข้องสามารถใช้ศักยภาพของมันได้ดีที่สุด ถ้าไม่อย่างนั้นพาหนะก็เป็นเพียงเครื่องมือขนส่งอย่างหนึ่ง ไม่เคยถูกนำมาใช้เต็มศักยภาพของมันเลย
กลุ่มดาวหมีใหญ่มักพยายามสรรหานักสู้จากกลุ่มดาวกุมภ์ แต่ไม่ได้อะไรเลย ความทะเยอทะยานในธุรกิจของพวกเขาเป็นที่รู้จักกันดี และนักสู้ก็ทำได้ดีเช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงมองกลุ่มดาวหมีใหญ่อย่างเหยียดหยาม
เมื่อเห็นพาหนะที่อาหลุนเตรียมไว้ให้ ออสตินและพวกที่เหลือทุกคนแสดงความรังเกียจ
‘กลุ่มพวกคนบ้านนอกอย่างแท้จริง!’
อยู่ต่อหน้าพาหนะที่สง่างามของกลุ่มดาววัว พาหนะทหารดูค่อนข้างยากจน พวกเขาหลายคนยิ่งแสดงความหยิ่งมากขึ้น ‘กลุ่มดาวหมีใหญ่เพิ่งจะร่ำรวยขึ้นมาเร็วๆนี้ ต่อหน้าตระกูลเก่าที่มีประวัติศาสตร์ยืนยาว พวกเขานับว่ายากจนมาก’
ในสายตาพอใจของคนทั้งหลายเหล่านี้ เซรีนเลือกขึ้นพาหนะทหารโดยไม่ลังเลเลย
ปัง!
เสียงกระแทกปิดประตูปลุกให้แบร็ดลี่ย์และคนที่เหลือตื่นขึ้น สีหน้าทุกคนเต็มไปด้วยความตกใจและรู้สึกเหลือเชื่อ
‘สตรีผู้นี้บ้าหรือเปล่า?’
“หยาบคายเกินไป! นางเสียมารยาทเกินไป!”
“นางไม่ให้เกียรติเราแม้แต่น้อยเชียวหรือ? นางคิดว่าเมื่ออยู่ต่อหน้ากลุ่มดาววัวของเรา นางยังสามารถแสดงความหยิ่งลำพองได้อีกหรือ?”
“เราต้อนรับสตรีที่ป่าเถื่อนก้าวร้าวและหยาบคายขนาดนั้น...”
“นางคิดว่าตัวเองเป็นใคร?”
……
คำพูดที่บ่นออกมาอย่างไม่พอใจและโกรธเคืองทำให้แบร็ดลี่ย์หงุดหงิด เขาคำราม “เงียบเถอะน่า!”
เสียงฮือฮาไม่พอใจหยุดทันที ทุกคนมองดูแบร็ดลี่ย์ สำหรับพวกเขาแล้ว เจ้าชายจะต้องโกรธการกระทำของเซรีน
แบร็ดลี่ย์หายใจเข้าลึกๆ เขาบังคับตนเองให้สงบใจลง เขารู้มานานแล้วว่าภารกิจจะไม่ง่าย ความเกลียดระหว่างเซรีนกับตระกูลอีวานไม่ได้ลดน้อยลงเลย ดังนั้นความรู้สึกของนางที่มีต่อกลุ่มดาววัวจึงไม่ค่อยดี แต่ในสายตาของเขากลุ่มดาววัวยังเป็นผู้ปกครองเก่าแก่ และสำหรับกลุ่มดาวหมีใหญ่ พวกเขายังไม่สำคัญมาก ถ้าพวกเขาล่วงเกินกลุ่มดาววัวจริงๆกลุ่มดาวหมีใหญ่ก็จะสร้างศัตรูที่แข็งแกร่งทรงพลังโดยไม่มีเหตุผล และแบร็ดลี่ย์เชื่อว่าเซรีนสามารถเข้าใจตรงจุดนั้น ดังนั้นนางคงจะประพฤติตนเองไม่เกินเลยมากไป
แต่...
ปัจจุบันเขาสงสัยว่าการตัดสินใจของเขาคงผิดพลาดตรงไหนสักแห่ง เซรีนประพฤติตัวเองเกินคาดไปอย่างสิ้นเชิง
เซรีนไม่ไว้หน้าพวกเขาเลยและไม่สนใจเหมือนกับพวกเขาเป็นอากาศ
ช่างไร้เหตุผล
แบร็ดลี่ย์บอกตนเองว่าเซรีนจงใจกระทำเช่นนั้น แต่เพราะเหตุผลบางอย่าง หัวใจเขารู้สึกว่ายังต้องมีอีกเรื่องหนึ่ง
สายตาของเขามืองดูยานพาหนะทหาร
ต่อมาเขาก็เข้าใจ
กลุ่มดาววัวใช้ยานพาหนะราชวงศ์อย่างฟุ่มเฟือย มันดูสวยงามแต่เปราะบางและอ่อนแอ ขณะที่กลุ่มดาวหมีใหญ่ใช้ยานพาหนะทหารด้านนอกอาจดูไม่สวยและน่าเกลียด แต่ความจริงแล้วมันแข็งแรงและทรงพลัง