ตอนที่ 667 นี่คือการปล้น...
แดนสวรรค์
เพื่อรวบรวมวัตถุดิบปรุงยา พร้อมกับหาอสูรรบระดับปราณฟ้าเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้ทุกคน เย่ว์หยางตัดสินใจกลับไปแดนสวรรค์
ถ้าทุกคนสามารถครอบครองทานตะวันอมฤตเหมือนที่เจ้าเมืองโล่วฮัวมีอย่างนั้นความแข็งแกร่งของเขาจะก้าวหน้าขึ้นมากแน่นอน และเย่ว์หยางจะไม่มีความกังวลถึงความปลอดภัยของทุกคนอีกต่อไป เย่ว์หยางปรุงยาเม็ดพลังยุทธปราณฟ้าไว้แล้ว แต่เขาไม่มีวัตถุดิบมากพอปรุงยาเม็ดเทพยุทธซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพให้นักรบได้แน่นอนว่าเย่ว์หยางมีความปรารถนานี้นานแล้วตั้งแต่วางแผนเดินทางเที่ยวแดนสวรรค์
เรื่องอะไรอย่างอื่นวางไว้ก่อนชั่วขณะ
สำรวจแดนสวรรค์เป็นเรื่องที่ควรทำก่อน
เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนถูกจื้อจุนพาไปฝึกต่อ
เจ้าเมืองโล่วฮัวและอี้หนานฝึกปรืออยู่ด้วยกันพร้อมกับเย่ว์ปิงและสาวขี้เมา
นางเซียนหงส์ฟ้าหรือนางมารกฎฟ้าตัดสินใจอยู่โยงปกป้องทวีปมังกรทะยานเผื่อว่าจ้าวปีศาจโบราณและทหารรับจ้างแดนสวรรค์มาก่อเรื่องยุ่งยาก นอกจากนี้นางพยายามเข้าใจพลังกฎฟ้าดังนั้นจึงต้องมีสมาธิไม่ฟุ้งซ่าน
เย่ว์หวี่ไม่ยินดีร่วมทางกับเย่ว์หยางในแดนสวรรค์สองต่อสอง ดังนั้นนางกลับไปอยู่กับแม่สี่ที่มิติลวง
“โชคดีที่ข้ามีสาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์ที่ว่าง่ายมาด้วย” ก่อนที่เย่ว์หยางจะจากไป อู๋เหินห่วงว่าจะไม่มีคนคอยดูแลความเป็นอยู่ให้เขา ดังนั้นนางอนุญาตให้สาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์คอยอยู่ในโลกคัมภีร์เพื่อคอยปรนนิบัติดูแลเขา นางคาดว่าเย่ว์หยางคงไม่กลับมาในช่วงสองสามวันในช่วงเดินทางไปแดนสวรรค์ เขาต้องการเวลาสำรวจแดนสวรรค์ต่างจากครั้งก่อนที่เขาใช้เวลาท่องเที่ยวกับอี้หนานและตกลงใจแต่งงาน
“แม้ว่าแดนสวรรค์ใต้และแดนสวรรค์ตะวันตกจะห่างไกลกันมาก ถ้าข่าวว่าเจ้าเคยเจอกับโจรตัวตลกแพร่กระจายออกไปในแดนสวรรค์ เขาจะต้องสงสัยแน่” อู๋เหินบอกให้เย่ว์หยางให้ระมัดระวัง ที่สำคัญแดนสวรรค์ไม่ใช่ดินแดนของเขา และมีนักรบระดับปราณฟ้าอยู่มากมาย
“ไม่ต้องห่วง ครั้งนี้ข้าจะไม่ทำตัวให้โดดเด่น” เย่ว์หยางรีบปลอบนางอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้เมื่อกลับเข้าสู่แดนสวรรค์สาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์ก็ไม่ได้อยู่ด้วย เพียงแต่อยู่ในโลกคัมภีร์คอยดูแลความเป็นอยู่ให้เขา
ถ้าเพียงแต่เย่ว์หยางลงมือตามลำพัง อย่างนั้นหลายอย่างจะดีกว่ามาก นอกจากนี้ครั้งสุดท้ายเรื่องที่เกิดขึ้นก็คือเสี่ยวโฉ่ว (โจรตัวตลก)ร่วมมือกับนายพลปีศาจจื้อกวง, มนุษย์กระดูกราเชล แม่ทัพหลงเสียงและสาวยักษ์ลี่เยี่ยนปลดผนึกโบราณปล่อยมังกรปีศาจหมอหลงออกมา นี่เป็นเพราะสาวมังกรไร้เขาเจี้ยงอิงได้รับมรดกที่เหลืออยู่ของเทพมังกรทอง และเนื่องจากโชคชะตาจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเผชิญเหตุการณ์แบบนั้นอีกครั้ง
ใช้เข็มทิศสามดินแดนเย่ว์หยางกลับมายังแดนสวรรค์ใต้
ครั้งนี้เขาเปลี่ยนสถานะของตนเอง
เขาเรียกตนเองว่าจวินอู๋เย่ เมื่อเขาทำบัตรใหม่ชื่อนี้มาจากการหยอกล้อเมื่อเย่ว์หยางคุยกับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน นางบอกว่าถ้าเย่ว์หยางกลายเป็นจักรพรรดิ เขาอาจจะเป็นได้ดีกว่าจักรพรรดิเฒ่าจวินอู๋โหย่ว จากนั้นเขาจะเป็นผู้ปกครองที่บัดซบและเห็นแก่ตัว
ชื่อใหม่ของเย่ว์หยางไม่มีอะไรมากไปกว่าจะเอาเปรียบองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเล็กน้อย
ตามข้อสันนิษฐานของเขาเย่ว์หยางต้องการเข้าร่วมเป็นทหารรับจ้างผู้น้อย จากนั้นค่อยรับภารกิจยากๆ ทั้งหมด หาเงินเยอะๆ และซื้อวัตถุดิบปรุงยา
ความปรารถนาสวยหรูนี้ถูกจัดการอย่างหนักโดยกลุ่มทหารรับจ้างแดนสวรรค์
“พลังของเจ้าอ่อนแอเกินไป และเจ้าก็ยังเป็นคนใหม่เจ้ายังไม่ร่วมแม้กระทั่งกับกลุ่มทหารรับจ้าง ดังนั้นเราไม่มีภารกิจใดๆ ให้เจ้า” ในเมืองเล็กมนุษย์กุ้งพนักงานต้อนรับของสมาคมทหารรับจ้างแดนสวรรค์ปฏิเสธให้ภารกิจเย่ว์หยาง ในช่วงเวลาสั้นๆ เขาดูถูกเย่ว์หยางและรู้สึกว่าถ้าเขาไม่มีความสามารถในการดำเนินการรับภารกิจพื้นฐานสุดอย่างนั้นก็เป็นการเสียเวลาส่งคนไปเก็บศพของเขา นอกจากปล่อยให้เขาไปฆ่าตัวตาย... พูดอีกอย่างหนึ่งไม่ว่าเย่ว์หยางจะพูดอะไร มันก็ไม่ยินดีปล่อยภารกิจให้
“ข้าไม่สามารถทำภารกิจได้ใช่ไหม?” เย่ว์หยางไม่เคยถูกดูถูกมากมายขนาดนั้นมาก่อน
“ไม่,เว้นแต่เจ้าจะหากลุ่มทหารรับจ้างเข้าร่วมกลุ่ม ข้าจะไม่ให้ภารกิจเจ้า” เย่ว์หยางไปเมืองอื่น เมืองเบคอนและพนักงานต้อนรับมนุษย์กวางก็พูดอย่างเดียวกัน
“อย่างนั้นข้าจะซื้อข้อมูลเกี่ยวกับภารกิจได้ไหม?” แน่นอนเย่ว์หยางไม่ยอมรับการพ่ายแพ้ง่ายๆ เขาคิดหาวิธีที่ดีกว่า
นั่นคือการปล้น!
ใช่แล้ว!
ไม่มีทางร่ำรวยทำเงินได้อย่างรวดเร็วมากไปกว่าการปล้น
มิน่าเล่าในแดนสวรรค์ถึงได้มีกลุ่มทหารรับจ้างและกลุ่มโจรมีความเข้าใจกัน กลุ่มทหารรับจ้างทำหน้าที่ปกป้องเป้าหมาย และกลุ่มโจรพยายามปล้นเงินของเป้าหมายอย่างเห็นได้ชัด กฎที่เข้มงวดและการบังคับใช้อย่างเคร่งครัดในแดนสวรรค์บังคับให้เย่ว์หยางให้เข้าสู่หนทางปล้นที่ชั่วร้าย...แน่นอนเย่ว์หยางเองไม่ได้เป็นคนที่ดีอยู่แล้วถ้าเขาเห็นสมบัติ ต่อให้เขาเป็นทหารรับจ้าง บางทีเขาคงไม่ยอมปล่อยผ่านมือ!
เรื่องที่ทำให้เย่ว์หยางเหน็ดเหนื่อยแทบตายก็คือไม่ว่ายังไงก็ตามจากสมาคมทหารรับจ้างของเมืองเบคอน เขาไม่สามารถหางานหรือข่าวภารกิจได้เลย แต่เขาสามารถหาคนบนท้องถนนและถามอะไรๆ ก็ได้นอกจากนั้นยังเป็นการได้เปล่าอีกด้วย
บุรุษคนหนึ่งมีลักษณะอัปลักษณ์หลายอย่างพูดขึ้นอย่างเป็นนัย “พรุ่งนี้ตอนบ่ายขบวนสินค้าของท่านบาร์ตันจะออกเดินทางไปที่เมืองใบไม้เขียว มูลค่าสินค้าโดยรวมประมาณห้าล้าน ถ้าเจ้าซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาสุนัขป่าหอนส่งสัญญาณควันและส่งคนไปตัดหัวและท้ายขบวนปล้นสินค้าที่อยู่ตรงกลาง และโยกย้ายไปตามทางลับภูเขาที่แสดงในแผนที่นี้เจ้าจะทำได้สำเร็จแน่นอน ระวังให้ดีเจ้าต้องเตรียมเชือกรอกที่แข็งแรง เพราะมีหน้าผาตรงกลางหุบเขา ถ้าเจ้าต้องการถอนกำลังให้เร็ว เจ้าต้องขึงเชือกข้ามหน้าผา.. เคยมีสะพานแขวนที่นี่แต่ว่าถูกเจ้าหน้าที่ทำลายไปแล้ว บังเอิญว่าข้ามีข้อเสนอแนะโปรโมชันดีๆตรงนี้ เจ้าจงไปที่ร้านล้อโคและซื้อเชือก เจ้าของร้านที่นั่นจะให้ส่วนลด 20% เพราะข้าเป็นเพื่อนเก่าของเขา ข้าแนะนำลูกค้าให้เขามาหลายรายแล้ว”
“โอว, ข้าต้องการถามคำถามหนึ่ง” ขณะที่วางเงินห้าเหรียญทองในมือเป็นรางวัลสำหรับข่าวกรอง เย่ว์หยางถามด้วยความสงสัย “เจ้ารู้ได้ยังไงว่าข้ากำลังจะไปปล้นสินค้าท่านบาร์ตัน?”
“เมื่อเห็นพลังของเจ้าต่ำเตี้ยติดดินอย่างนี้เป็นไปไม่ได้หรอก หน้าอย่างนี้เหรอจะมีตำแหน่งใหญ่โตต่อให้อยู่ในกลุ่มโจรก็เถอะ มันไม่ใช่ที่ๆเจ้าจะออกไปสู้ได้ แต่ดูแล้วเจ้าน่าจะเป็นพวกหาข่าวสารข้อมูลเสียมากกว่า ข้าเห็นคนหนุ่มอย่างเจ้ามาเยอะแยะแล้ว แต่ยังไงก็เถอะ ตราบใดที่เข้าขยันทำงานก็มิใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ในอนาคตเจ้าอาจจะได้เป็นหัวหน้าก็ได้ ในอดีตเมื่อพันปีที่แล้ว ข้าเห็นคนหนุ่มเติบโตมามากมายหลายคน อย่าว่าแต่หัวหน้าโจรเลย เป็นหัวหน้านักสู้ปราณฟ้าก็ยังมีมาแล้ว!”
“ขอคำถามสุดท้าย” เย่ว์หยางวางอีกเหรียญทองหนึ่งลงบนมืออีกฝ่าย “ก่อนหน้าข้านี้ เจ้าขายข้อมูลนี้ไปกี่คนแล้ว?”
“อย่างน้อยก็ปาเข้าไปร้อยคนแล้ว!” “กองคาราวานของท่านบาร์ตันเดินทางไปล่วงหน้าแล้ว มิฉะนั้นข้าคงจะขายข้อมูลได้อีกมาก
“อะไรกันวะ...” เย่ว์หยางพูดไม่ออก
เย่ว์หยางคงไม่ไปที่ร้านกีบโคเพื่อซึ้อรอกและเชือกแน่เขาคาดว่าน่าจะมีโจรอย่างน้อยเป็นสิบคนรวมกลุ่มอยู่ที่หน้าผาแล้ว
อย่างน้อยเขาก็บินได้
พวกโจรใช้เชือกและรอกเคลื่อนไหวสินค้า แต่เขามีแหวนเก็บของ
โดยใช้คนประหลาดช่วยซื้อแผนที่เย่ว์หยางออกเดินทางไปที่หุบเขาสุนัขป่าหอนทันที
เขาตัดสินใจว่าถ้าสินค้าของขบวนสินค้าท่านบาร์ตันไม่มีค่ามาก อย่างนั้นเขาจะปล้นโจรแทน อย่างไรก็ตาม ต้องมีเงินมากอยู่แล้ว การปล้นใครสักคนเป็นเรื่องของภัยพิบัติ จะเป็นเรื่องเยี่ยมแค่ไหนถ้าเขาสามารถกินได้ทั้งดำและขาว มีข้อดีอีกอย่างในการปล้นและฆ่าก๊กโจรและฆ่าหัวหน้าโจร พวกเขาสามารถใช้ศีรษะของโจรเข้าเมืองไปแลกเปลี่ยนค่าหัวได้ และถ้าพวกเขาพบกับหัวหน้าก๊วนโจรที่มีค่าหัวร้อยล้าน อย่างนั้นปัญหาเรื่องเงินที่เย่ว์หยางมีอยู่จะได้รับการคลี่คลาย
แผนที่วาดไว้ใกล้มาก แต่แม้หลังจากบินตลอดทั้งวันเย่ว์หยางก็ยังไปไม่ถึงหุบเขาสุนัขป่าหอน
แม้แต่ก่อนที่เย่ว์หยางจะเข้าไปในหุบเขา เขาตระหนักว่ามีโจรหลายพันยืนอยู่ที่ปากทางเข้าหุบเขาอยู่แล้ว....การปล้นแบบนี้ต้องใช้ทักษะของเขาไม่ใช่หรือ? ไม่ว่ายังไงนี่คือการลอบจู่โจมดูแล้วถือว่าไม่เป็นมืออาชีพสำหรับเขาเสียเลยกับการปิดถนนปล้นคนอื่น ดังนั้นเขาจึงโดนอีกฝ่ายดูถูกอย่างช่วยไม่ได้
“ทำไมเจ้าถึงไปนานนักเล่า?” มนุษย์ร่างใหญ่เคราครึ้มเมื่อเห็นเย่ว์หยางมาหาเขาและถามเหมือนกับว่ากำลังโกรธ “เจ้าไปสืบดูทุกอย่างชัดเจนแล้วใช่ไหม?”
“....” เย่ว์หยางหลั่งเหงื่อพรั่งพรู แม้แต่คนสอดแนมของเขาก็ยังจำผิดพลาด นี่มันเป็นโจรประสาอะไร?
“อย่าบอกข้านะว่าเจ้าไม่ได้ข้อมูลอะไร ข้าจะฝังเจ้าจนตาย” อารมณ์ของบุรุษผู้นั้นร้อนแรงเหมือนไฟ
“อ่า..ท่านบาร์ตันจะออกเดินทางในวันพรุ่งนี้” เย่ว์หยางแน่ใจว่าเจ้ามนุษย์เข้าใจเขาผิด แต่เขาอาจผิดก็ได้ เนื่องจากอีกฝ่ายคิดว่าเขาเป็นคนสอดแนม จากนั้นมีอะไรที่เขาต้องคิดเล่า เขาก็ลอบเข้าไปด้วยเหมือนกัน เขาตัดสินใจลองดู ถ้าโจรกลุ่มนี้มีเงินน้อย อย่างนั้นหลังจากพวกวเขาปล้นคาราวาน แม้แต่โจรก็จะถูกกำจัด
“เจ้าแน่ใจนะ?” บุรุษเคราครึ้มถลึงตามองขณะถาม
“แน่นอน 100%” ความจริงเย่ว์หยางไม่รู้ว่าบาร์ตันเป็นใคร แต่เขาพูดอย่างจริงจัง “ข้าได้ยินคนใช้ของท่านบาร์ตันพูดด้วยตัวเอง!”
“ดี, อย่างนั้นภารกิจของเจ้าสำเร็จแล้ว เมื่อเราปล้นคาราวานได้แล้ว ข้าจะให้รางวัลเจ้าและเกราะจะเป็นรางวัล ดูสิดูเสื้อผ้าที่เจ้าสวมสิ เจ้าไม่มีเกราะแม้แต่ชิ้นเดียว ถ้าเจ้าต้องการให้คนอื่นเห็นก็อย่าให้ก๊กโจรทองของเราต้องขายขี้หน้าเล่า หลบไปก่อน ท่านหัวหน้ากลุ่มกำลังจะมาถึงเจ้าไม่มีคุณสมบัติพูดกับเขา การรายงานหัวหน้าก๊กโจรเราเป็นหน้าที่ของข้า!” คนไว้เคราร่างใหญ่ยื่นมือผลักเย่ว์หยางออกไปกลัวว่าเขาจะแย่งรายงานข่าวหัวหน้าและขอให้เย่ว์หยางหลบไปห่างๆ เขา
“....” เย่ว์หยางพูดไม่ออกอีกครั้ง ด้วยสมองอย่างเจ้ายังกล้าขโมยผลงานบริวารของเจ้าอีกหรือ? ก็ได้ แต่เจ้าไม่ต้องพูดถึงมันใช่ไหม?
การซ่อนพลังทำให้ทุกคนไม่รู้สึกถึงพลังเย่ว์หยางผู้ยังไม่ถึงระดับปราณฟ้า
ไม่มีใครให้ความสนใจเขา
สายลับแบบนี้ผู้ไม่มีคุณสมบัติร่วมรบใช้ได้แต่คอยรวบรวมข่าวกรองในเมืองเท่านั้น
บางคนก็กำลังดื่มหรือไม่ก็แทะกระดูก ขณะที่บางคนนอนอาบแดดอย่างเกียจคร้าน
ตอนแรกเย่ว์หยางคิดว่าพวกเขาใจเย็น แต่ไม่ถึงสิบนาทีเขาก็ตระหนักว่ากลุ่มโจรทองนั้นอ่อนแอมากและพวกเขาปล่อยให้กลุ่มโจรอื่นเข้าไปในหุบเขาสุนัขป่าหอน นอกจากหัวหน้ากลุ่มที่มีพลังปราณดินระดับเจ็ดที่กำลังเจรจาและต่อสู้เพื่อโอกาสเข้าร่วมรบ สมาชิกที่เหลือไม่มีใครมีพลังเกินกว่าปราณดินระดับห้า
หัวหน้าเคราที่มีสติปัญญาต่ำ สายตาสั้นน่าสมเพชและอารมณ์ร้อนก็มีพลังปราณดินระดับสี่เท่านั้น
พลังระดับเขาบางทีไม่มีคุณสมบัติพอจะกลายเป็นสมาชิกธรรมดาของก๊กโจรตัวตลกด้วยซ้ำ
แน่นอนว่าถ้าพวกเขามีพลัง พวกเขาคงไม่ต้องอยู่กลุ่มขโมยทองที่น่าสงสารนี้ก๊กขโมยทองนี้ไม่สมกับชื่อแน่นอน ไม่มีของระดับทองสักชิ้นอยู่ในกลุ่มพวกเขา
เย่ว์หยางเห็นว่าไม่มีใครสนใจเขา เขาจึงมองหาที่ไกลๆ
กลับเข้าไปในโลกคัมภีร์
หลังจากพักหนึ่งวัน
เมื่อเขาออกมาอีกครั้งเย่ว์หยางพบว่าหุบเขาสุนัขป่าหอนเต็มไปด้วยควันไฟและเสียงเข่นฆ่าดังก้องสะท้านไปทั่วท้องฟ้า กองทัพระดับสูงนับไม่ถ้วนรายล้อมสังหารกลุ่มโจรไม่ว่าจะเป็นกลุ่มโจรทองหรือสมาชิกกลุ่มโจรอื่นๆวิ่งพล่านไปโดยรอบเหมือนกับมดบนกระทะร้อน หัวหน้าโจรหลายคนถูกขุนทัพทหารสามคนไล่ทุบเล่นงาน และพวกเขากัดฟันสู้การเอาชนะเป็นเรื่องของเวลา
บุรุษอ้วนคนหนึ่งอ้วนยิ่งกว่าหมูในปากของเขาคาบบุหรี่ซิการ์
ในมือขวาถือแก้วเหล้า
เขานั่งอยู่บนเก้าอี้นุ่มหนังช้างแมมมอธมองดูการต่อสู้รุนแรงข้างหน้าของเขา
“เจ้าศักดินาผู้นี้ร่ำรวยหรือเปล่านะ?” ตาของเย่ว์หยางเป็นประกายเมื่อเห็นคนอ้วนสวมแหวนมรกตอยู่ในมือ ได้เรื่องแล้ว เนื่องจากเขาเตรียมจะหาปลาใหญ่ในน้ำ ความกลัวยากจนในแดนสวรรค์ทำให้เย่ว์หยางบินขึ้นไปอย่างตื่นเต้นแล้วชูมีดสั้นในมือ “ปล้น...นี่คือการปล้น...”