ตอนที่ 39 รถตำรวจอีกคัน
ตอนที่ 39 รถตำรวจอีกคัน
“เอายังไงกับมันต่อดี” หลินถามอย่างสงสัย ขณะที่เธอก้มลงไปมองมันใกล้ ๆ
“สภาพของมันประหลาดมาก เราอย่าไปยุ่งกับมันจะดีกว่า” เรนบอกกับหลิน
ที่จริงแล้วเรนมีความคิดที่ว่าอยากจะเปลี่ยนมันให้กลายเป็นรูนิกซาก คล้ายกับรูนิกหมีดำภูเขาของเขา แต่ว่าเรนคิดว่าเขาไม่ควรทำมัน
อย่างแรกเลยสภาพของกวางตัวนี้มันเป็นพวกติดเชื้อที่กลายพันธุ์ไม่สมบูรณ์ โดยเฉพาะหัวที่สองของมัน ในตอนที่ต่อสู้ เขาเห็นอย่างชัดเจนว่าหัวที่เหมือนก้อนเนื้อที่งอกออกมาใหม่เป็นหัวที่สองนี้ คอยควบคุมกวางเอลก์ตัวนี้แทนหัวหลักของมัน แม้แต่ตอนที่สมองของหัวหลักที่ตายแล้วก็หัวที่งอกมาใหม่ก็ยังควบคุมได้อยู่
นี่เหมือนกับว่ากวางตัวนี้โดนยึดครองร่างไปทั้งอย่างนั้น ซึ่งถ้าเปลี่ยนมันเป็นรูนิกและใช้มัน มันอาจจะเป็นรูนิกที่อันตรายต่อผู้ใช้เองก็ได้
ผู้กองเชนลองใช้เศษไม้แถวนั้นจิ้มไปที่บาดแผลของมัน ซึ่งเลือดที่ไหลออกมานั้นเป็นสีดำอย่างชัดเจน พอลองใช้แหวนพลังตรวจสอบเลือดเหล่านั้นก็พบว่ามันมีการปนเปื้อนอีกด้วย
“เนื้อของมันติดเชื้อแล้ว คล้าย ๆ กับน้ำฝนที่ตกลงมา”
“หมายความว่าฝนที่ตกลงมาไม่ได้เปลี่ยนแค่ผู้ติดเชื้อให้กลายร่างรุนแรงมากขึ้น แต่ยังรวมถึงการทำให้สิ่งมีชีวิตอื่นกลายพันธุ์ด้วย” ธันวากล่าวด้วยสีหน้าตกใจและกังวล
“ดูเหมือนเราจะได้คำตอบแล้วว่าทำไมแหวนพลังถึงไม่ได้แจ้งว่าคนธรรมดาที่กินน้ำปนเปื้อนเข้าไปจะเป็นยังไง น้ำที่ปนเปื้อนไม่รุนแรงพอให้คนกลายเป็นผู้ติดเชื้อ แต่ถ้ากินมาก ๆ ก็คงทำให้กลายพันธุ์เหมือนกับกวางนี่” เรนพูดขึ้นมา ก่อนจะกลับสู้ร่างเดิม เขารู้สึกเหนื่อยล้าเพียงเล็กน้อย
ทุกคนนั้นรู้สึกขนลุก ถ้าพวกเขากินน้ำปนเปื้อนไปมาก ๆ วันดีคืนดีอาจจะมีหัวที่สองงอกออกมาและโดนหัวที่สองเข้าควบคุมมันคงสยองน่าดู
“ไปกันเถอะ ก่อนที่เลือดของกวางจะล่ออะไรมีอีก” เรนเตือนทุกคนให้รีบออกไปจากที่
พวกเขาเก็บของทุกอย่างขึ้นรถตำรวจ ก่อนจะพากันขับออกไปในทันที
ขณะที่ขับรถอยู่นั้นเรนที่นั่งข้างคนขับก็ถามผู้กองเชนขึ้นมาว่า
“ปืนที่คุณใช้มันคือรูนิกอย่างนั้นเหรอ”
“.357 สมิท แอน วิลสัน แม็กนั่ม สวยใช่ไหม” ผู้กองเชนเอารูนิกปืนลูกโม่ออกมาถือด้วยมือซ้ายเพื่อให้เรนดู
เรนพยักหน้าให้ ตอนนั้นเขาก็หันกลับไปมองทางเพราะมีบางอย่างอยู่ด้านหน้า
“คนอย่างนั้นเหรอ” ผู้กองเชนหรี่ตาลงมองไปด้านหน้าที่มีรถกระบะสีน้ำเงิน 4 ประตูจอดอยู่ข้างทางและมีชายที่แต่งตัวคล้ายผู้ใช้แรงงานกำลังโบกมือให้กับพวกเขา
แต่พอรถเข้าไปไกล ทำให้เห็นได้ชัดขึ้นปรากฏว่าคนที่พวกเขามองเห็นนั้นกลับเป็นผู้ติดเชื้อที่ทำท่าทางเรียนแบบมนุษย์อยู่ มันพยายามตะโกนเรียกให้รถจอด
ผู้กองเชนไม่สนใจรีบเบี่ยงหลบผู้ติดเชื้อที่เดินเข้ามาขวางถนน ก่อนจะขับเลยไปในทันที
หลังจากเลยมาได้เกือบ ๆ 50 เมตรเรนก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้
“เราควรหารถเพิ่ม รถคันนั้นน่าจะใช้ได้” เรนกล่าวพร้อมกับหันไปมองสภาพของคนสี่คนที่นั่งอัดกันอยู่เบาะหลังพวกเขาต้องเดินทางกันอีกไกลจะให้มานั่งเบียดกันแบบนี้มันก็ดูน่าอึดอัดจริง ๆ
ผู้กองเชนรีบเบรกและถอยหลังกลับไปที่รถกระบะคันนั้นทันที
“จอดตรงนี้แหละ”
ก่อนจะถึงรถกระบะที่ขับผ่านมา 30 เมตร เรนที่หันไปมองด้านหลังก็ให้ผู้กองเชนหยุดรถ
หลังจากรถหยุดเรนก็ลงไปพร้อมกับใช้รูนิกคันธนูออกมา แม้ตอนนี้เรนจะมีรูนิกหมีดำภูเขาและรูนิกปืนลูกซองอยู่กับตัว แต่ว่ารูนิกคันธนูก็ยังจำเป็นอยู่ เพราะว่ายิงแล้วไม่เสียงดัง
ปัก!
ลูกศรที่สร้างจากพลังงานพุ่งเข้าใส่หัวของผู้ติดเชื้อชายที่แต่งกายเหมือนผู้ใช้แรงงานที่กำลังวิ่งเข้ามาหาเรน จนล้มหงายหลังพื้นและตายในดอกเดียว
หลังจากนั้นเรนและธันวาก็ช่วยกันตรวจสอบ ปรากฏว่ารถนั้นยังขับได้อยู่ มันมีกุญแจรถยนต์เสียบคาไว้อยู่ด้วย
“ฉันเป็นคนขับรถคันนี้ก็แล้วกัน” ธันวาขึ้นไปที่นั่งคนขับและลองจับพวงมาลัยรถด้วยมือทั้งสองข้างและยิ้มออกมา ธันวารู้สึกว่ามันถนัดมือมากจริง ๆ จากนั้นเขาก็เริ่มปรับเบาะให้เข้ากับตัวเอง
ไอราไม่พลาดที่จะไปนั่งรถคันเดียวกับธันวา และอีกคนนั้นคือรินดาที่เห็นว่ามีรถมาเพิ่มเธอก็ย้ายไปนั่งรถกระบะด้วยอีกคน ทำให้ตอนนี้มีรถทั้งหมด 2 คันและแบ่งกันไป 3 คนต่อคัน
รถตำรวจของผู้กองเชนยังคงขับนำหน้าเหมือนเดิม
...
รถทั้งสองขับไปเรื่อย ๆ โดยผู้กองเชนนั้นพยายามเลี่ยงถนนเส้นหลัก เพราะถ้าไปทางนั้นพวกเขาต้องเจอกับรถจำนวนมากแน่นอน แม้แต่ถนนเส้นลองที่พวกเขาขับกันมาอยู่นี้ก็ยังพบเห็นรถหลายคันจอดอยู่ตามทาง ซึ่งบางคันก็มีผู้ติดเชื้ออยู่ด้านใน มันติดอยู่กับเข็มขัดนิรภัยทำให้ไม่สามารถลงมาได้และก็มีบางตัวที่เดินตามถนน
ผู้กองเชนพยายามขับเลี่ยงพวกมัน เพราะไม่ต้องการขับชนจนรถเกิดความเสียหาย
กระทั่งพวกเขามาถึงถนนสามแยก จุดนี้เป็นหนึ่งในเป้าหมายของพวกเขา เนื่องจากรถของผู้กองเชนนั้นมีน้ำมันไม่มาก เขาต้องแวะปั๊มและนี่เป็นหนึ่งในปั๊มที่อยู่บนเส้นทางพอดี
แต่ว่าผู้กองเชนไม่ได้ขับเข้าไปในทันที เนื่องจากว่าด้านหน้าของปั๊มมีรถตำรวจคันหนึ่งที่คุ้นตาจอดเสียหลักอยู่หน้าปั๊มน้ำมันและที่ตัวรถมีกลุ่มควันลอยขึ้นมาจากหม้อน้ำ ชัดเจนว่ารถคันนี้พึ่งพังได้ไม่นาน
“รถของสถานีตำรวจ” ผู้กองเชนจำรถได้ แม้จะยังอยู่ไกลจนมองเลขทะเบียนไม่ชัดก็ตาม แต่เพราะเขาคุ้นเคยตัวเลขของป้ายทะเบียนพวกนั้นและเห็นรถพวกนี้ทุกวัน ถ้าจะจำได้ก็ไม่แปลก
เรนมีท่าทีจริงจังในทันที เขาจำได้ถึงรถตำรวจคันนี้สองสามวันก่อนในตอนที่เกิดเรื่องที่ลานจอดรถใต้ดิน เขาเกือบจะโดนชนและทหารหนุ่มที่ชื่อแม็คผู้รู้ข้อมูลบางอย่างก็โดนรถคันนี้ชนตายด้วย
“จอดรถไว้ที่นี่ก่อนและแอบเข้าไป ถ้าเอารถไปพวกนั้นอาจจะเห็นและเราจะตกเป็นเป้าได้โจมตีได้ง่าย” ผู้กองเชนขับรถแอบเข้าข้างทางในทันที เพื่อหลบไม่ให้พวกนั้นเห็น ก่อนจะลงจากรถ
ผู้กองเชนต้องการแอบเข้าไปตรวจสอบ การขับรถเข้าไปตรง ๆ มันไม่ต่างจากประกาศให้คนที่อยู่ที่ปั๊มน้ำมันรู้ว่าพวกเขามา แถมยิ่งเป้าใหญ่ก็ยิ่งง่าย ตามจริงผู้กองเชนไม่ได้กลัวโดนยิง แต่กลัวว่าตอนที่ปะทะกันรถจะเกิดความเสียหายไปด้วย
เรนไม่รอช้าลงตามไป ส่วนหลินนั้นคอยเฝ้าอยู่ที่รถ
“เรนเกิดอะไรขึ้น?” ธันวาที่อยู่บนรถอีกคันถามขึ้นมา
“จำไอ้ตำรวจเมฆนั้นได้ไหม ตอนนี้รถมันจอดเสียอยู่ที่หน้าปั๊มน้ำมันด้านหน้า” เรนบอกกับธันวา ก่อนจะรีบตามผู้กองเชน
“ไอ้ตำรวจนั่น เธอรออยู่ที่นี่ก่อนนะ ฉันจะลงไปช่วยเรน” ธันวาหันไปบอกกับแฟนสาวของตนเอง เขาจำเป็นต้องลงไปช่วย เพราะถ้าเกิดปะทะกันขึ้นมา การมีคนเพิ่มขึ้นมาอีกคนก็ทำให้ได้เปรียบมากกว่า
“อืม” หลินที่นั่งอยู่ข้างคนขับพยักหน้า ก่อนจะจ้องมองไปที่ปั๊มน้ำมันที่อยู่ไกลออกไปตรงบริเวณสามแยก ซึ่งมีรถตำรวจจอดเสียหลักอยู่
กลุ่มพวกเขาวิ่งไปที่ปั๊ม ก่อนจะข้ามสามแยกไปและหาที่หลบ จากนั้นก็ค่อย ๆ แอบกันไปอีกประมาณ 100 กว่าเมตร
พวกเขามาหลบอยู่ที่กำแพงของปั๊มน้ำมัน ก่อนจะเข้าไปในปั๊ม ซึ่งห่างจากรถตำรวจที่จอดเสียและมีไอน้ำลอยขึ้นมาอยู่ไม่ห่างถึง 10 เมตร
“มีพวกมันไหม” เรนถามผู้กองที่นำทางอยู่ด้านหน้า
“ไม่มี” ผู้กองเชนตอบกลับ ก่อนจะพูดขึ้นมาต่อว่า “ฝากดูทางปั๊มน้ำมันที ฉันจะวิ่งไปตรวจสอบที่รถ”
“ฉันจะไปกับผู้กอง” เรนบอกกับธันวา
“วางใจได้” ธันวาใช้ปืนลูกซองของตนเองคอยระวังหลังให้
ส่วนเรนและผู้กองเชนพวกเขามองซ้ายขวากัน ก่อนจะรีบวิ่งข้ามไปที่รถตำรวจด้านขวา ซึ่งอยู่ด้านที่มีรถตำรวจที่จอดเสียขวางกั้นระหว่างปั๊มน้ำมันกับตัวรถพอดี ถ้าเกิดพวกนั้นเข้าไปแอบที่ปั๊มน้ำมันก็ลอบยิงจากที่นั่น พวกเขาก็สามารถใช้รถเป็นโล่กำบังกระสุนได้
เรนและผู้กองเชนใช้ปืนนำหน้า เรนพยายามทำตามผู้กองเชนที่เป็นตำรวจ เพราะเขารู้ว่าผู้กองเชนนั้นรู้กลยุทธ์ในการบุกเข้าจู่โจมแบบตำรวจ ผู้กองเชนมาถึงก็มองไปที่มองเข้าไปที่กระจกรถ ซึ่งไม่มีใครอยู่ด้านใน พอพวกเขาทั้งสองมองดูที่ด้านหน้ารถที่มีไอน้ำพุ่งขึ้นมาก็ไม่มีคนหลบอยู่ด้วยเช่นกัน
“น่าจะพึ่งเกิดเรื่องไม่เกิน 10-20 นาทีนี้ พวกนั้นน่าจะยังอยู่แถว ๆ นี้” ผู้กองเชนกล่าวขึ้นมา เพราะความร้อนจากเครื่องยังคงอยู่ มันแสดงว่าคนพวกนั้นพึ่งมาถึงแถวนี้และคงไปไหนไม่ไกล เพราะไม่มีรถ
“ไปดูในปั๊มน้ำมัน” ผู้กองเชนกล่าว
เรนพยักหน้าตกลง ก่อนจะส่งสัญญาณให้ธันวาเป็นการบอกว่าพวกเขาจะเข้าไปที่ปั๊มน้ำมันกัน ยังไงซะกลุ่มของเรนก็ต้องเติมน้ำมันที่ปั๊ม ถ้าพวกนั้นอยู่ที่ปั๊มน้ำมันพวกเขาก็ต้องจัดการอยู่ดี
พวกเขาบุกเข้าไปที่ปั๊มน้ำมันอย่างระวัง ในระหว่างนั้นเรนก็เปิดใช้งานรูนิกลางสังหรณ์อย่างเต็มที่ เพราะถ้ามีใครยิงใส่ เขาจะรู้ถึงการโจมตีก่อน 3 วินาทีในทันที
แต่พอเข้าไปที่ปั๊มน้ำมันก็ไม่เจอกับคนอยู่เลย
เคร้ง!
ตอนนั้นเองก็มีเสียงดังมาจากที่ร้านสะดวกซื้อ เสียงที่ว่านั่นดึงดูดความสนใจของเรนและอีกสองคนในทันที พวกเขารีบก้มต่ำ ก่อนจะเคลื่อนที่เข้าไปที่ร้านสะดวกซื้อ