ตอนที่ 19-27 เปลี่ยนแปลง
ศพของอ็อคคลัวนอนอยู่บนพื้นที่รกร้าง
“เขาตายแล้ว!” ลินลี่ย์ลอบถอนหายใจ “อ็อคคลัวเป็นยอดฝีมือระดับเดียวกับรีสเจม แม้แต่เทพชั้นสูงพารากอนยังพบว่ายากจะฆ่าเขา นอกจากมหาเทพลงมือกับเขา โดยทั่วไปต้องใช้กลุ่มยอดฝีมือจึงจะฆ่ายอดฝีมืออย่างเขาได้ แต่ทักษะเทพธรรมชาติ ‘กินเทพ’ ของบีบี...” ลินลี่ย์อดมองบีบีไม่ได้
ขณะนี้เองบีบีอยู่ข้างศพของเอลฟ์อ็อคคลัวเขาแค่นเสียงไม่พอใจ “เจ้าไม่สนใจข้าจริงๆด้วย!”
“ฮ่าฮ่า, บีบี,เจ้าลงมือตอบโต้ผู้เชี่ยวชาญวิญญาณที่ไม่ใช่พารากอนได้จริงๆ ด้วย” รีสเจมหัวเราะขณะเดินเข้ามาและใช้แขนโอบไหล่บีบี “ดูเหมือนเราจะเข้ากันได้เป็นอย่างดี! พลังโจมตีวิญญาณของเจ้าเป็นอันดับหนึ่ง ขณะที่พลังโจมตีวัตถุของข้าไม่ใช่อันดับหนึ่ง แต่ก็ยังนับว่าอยู่ชั้นต้นๆ ขอเพียงร่วมมือกัน ใครจะหยุดเราได้?”
รีสเจมชำเลืองศพที่อยู่บนพื้นจากนั้นแค่นเสียง “เฮ้, ยอดฝีมือ, ยอดฝีมือ..นี่แหละคือสิ่งที่เกิดขึ้น ตอนนี้ร่างที่ทรงพลังที่สุดของเขานอนตายไปแล้ว ต่อให้เขามีร่างแยกศักดิ์สิทธิ์เหลืออยู่ ก็จะมีคุณค่าสักแค่ไหน?”
ขณะนั้นเอง...
“ฮึ่ม!” เสียงแค่นเย็นชาดังขึ้นรีสเจมกลายเป็นร่างม่วงเลือนรางพุ่งผ่านท้องฟ้าทันที
“เกิดอะไรขึ้น?” ลินลี่ย์รีบหันไปมองเช่นกันเห็นแต่เพียงรีสเจมกำลังไล่ไปทางตำแหน่งอื่น เงาร่างดำเลือนรางพุ่งหนีเขาไป ลินลี่ย์อดรู้สึกตกใจไม่ได้ “มีคนอื่นอยู่ใกล้ด้วยหรือ? ดูเหมือนเมื่อครู่นี้ข้าเพ่งสมาธิอยู่กับอ็อคคลัวจนข้าไม่ได้สังเกตว่ามีคนลอบเข้ามาใกล้”
ลินลี่ย์มองดูรีสเจมไล่โจมตีคนที่กำลังหนีอย่างระมัดระวัง
รีสเจมที่อยู่ระหว่างไล่ตามปล่อยแสงสีม่วงจากร่างทันทีและแสงก่อตัวเป็นสนามพลังอะเมทิสต์ ร่างดำที่กำลังหนีเริ่มเคลื่อนไหวช้าลงทันทีหลังจากอยู่ในรัศมีแสง
“ควั่บ!”
แสงสีม่วงสายหนึ่งยิงออกมาจากมือของรีสเจมพุ่งไปข้างหน้าเหมือนกับดาวตก ไวมากจนร่างสีเงาดำข้างหน้าไม่อาจหลบได้ทัน “แครก...” แสงสีม่วงยิงออกไปอีกราวๆร้อยเมตรที่เป็นระยะห่างระหว่างรีสเจมและร่างเงานั้น มิติพื้นที่ใกล้ๆ เริ่มเป็นระลอกเหมือนน้ำ และบางที่ก็แตกเลือนรางมองเห็นได้ มีเสียงดังปัง แสงม่วงทะลวงเข้าไปในร่างเงาดำนั้นและมันระเบิดทันทีเศษชิ้นส่วนแตกกระจายไปทุกทิศทาง ขณะที่แสงม่วงแข็งตัวในที่สุด
นี่คือทวนอัศวินที่ยาว 1.5 เมตรที่มีรัศมีม่วงเข้มคลุมไว้ถือว่าค่อนข้างสั้น
แต่แน่นอนว่า สามารถใช้เป็นหอกได้สำหรับสู้ระยะประชิดตัว
“อาวุธมหาเทพ!” ลินลี่ย์เข้าใจว่านี่เป็นเพียงอาวุธมหาเทพเพียงชิ้นเดียวที่รีสเจมมี “เมื่อรีสเจมขว้างหอกนี้พลังจะน่ากลัวมากสามารถสร้างรอยแตกมิติได้!”
เห็นได้ชัดว่าลินลี่ย์จำได้ว่ามีรอยแตกในพื้นที่มิติเล็กน้อยมากเมื่อหอกถูกพุ่งออกไป
นี่เป็นครั้งแรกที่ลินลี่ย์เคยเห็นคนสามารถทำให้เกิดรอยแตกแยกของมิติปรากฎให้เห็นที่นี่ในสมรภูมิมหาพิภพ! “รีสเจมผู้นี้ฝึกมาในสายวิถีทำลายล้าง และความเข้าใจในเคล็ดลึกลับก็น่ากลัวตั้งแต่แรก เขายังคงแข็งแกร่งด้วยเช่นกัน เมื่อจับคู่กับอาวุธมหาเทพ...อาจกล่าวได้ว่าพลังโจมตีวัตถุของเขาในบรรดาผู้บัญชาการ อาจไม่ถึงกับดีที่สุดแต่ก็นับได้ว่าอยู่ในสระดับสุง”
ลินลี่ย์ในตอนนี้เข้าใจได้อย่างเต็มที่ว่ารีสเจมทรงพลังแข็งแกร่งขนาดใหน
พลังโจมตีวิญญาณและพลังโจมตีวัตถุเขาถึงระดับเชี่ยวชาญทั้งสอง ถ้ามีคนต้องชี้จุดอ่อน..เป็นไปได้ว่านั่นก็คือเขาค่อนข้างกลัวทักษะกลืนเทพของบีบี ทักษะกลืนเทพของบีบีเป็นดาวข่มของเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ เว้นแต่รีสเจมจะได้รับสมบัติเทพประเภทปกป้องวิญญาณ น่าเสียดายแม้ว่ามารดาของเขาจะเป็นถึงมหาเทพ แต่นางไม่อาจให้สมบัติเทพกับเขาอีกชิ้นหนึ่ง เขาจำเป็นต้องสร้างผลงานทางทหารเพิ่ม
“แม่มเอ๊ยย.. โกเลมมัจจุราช!”รีสเจมระเบิดเสียงสบถด่า ขณะที่เขาเดินเข้ามา
“เป็นแค่โกเลมมัจจุราช โกรธไปก็ไม่มีประโยชน์” ลินลี่ย์พูด“ใครจะรู้กันได้เล่าว่าคนที่อยู่เบื้องหลังนั้นซ่อนตัวอยู่ที่ไหน หลังจากรู้ว่าท่านมีพลังมากเพียงไหน บางทีเขาคงหนีไปไกลแล้ว”
“แต่ละครั้งที่ข้าเห็นเป้าหมายก็จะฆ่ามันและจากนั้นก็จะพบว่า มันเป็นโกเลมมัจจุราช ข้ารู้สึกหงุดหงิด”
รีสเจมชี้ไปที่ตราสีทองบนพื้น “มีป้ายทองเพียงชิ้นเดียว ขณะที่เรามีกันสี่คน เราควรจะแบ่งกันทุกคนหรือเปล่า?”
ลินลี่ย์และบีบีอดมองหน้ากันเองไม่ได้
ป้ายผู้บัญชาการ!
สำหรับลินลี่ย์ป้ายผู้บัญชาการทุกป้ายเป็นเครื่องหมายแทนว่าเขาจะสามารถช่วยครอบครัวหรือสหายของเขาได้! ลินลี่ย์ลึกๆแล้วปรารถนาจะได้รับป้ายผู้บัญชาการนี้ แต่ลินลี่ย์ยังคงเข้าใจว่าเนื่องจากพวกเขาตั้งกลุ่มเป็นทีมล่าสี่คน พวกเขาต้องปฏิบัติตามกฎเขาไม่ต้องการให้คนอื่นยอมสละผลประโยชน์สงครามให้เขาเช่นกัน
“ลินลี่ย์ เจ้าสองคนคิดว่ายังไง?” รีสเจมมองดู
ขณะที่รีสเจมมองดูอยู่ ไม่จำเป็นต้องให้เขาแบ่งแยกระหว่างเขาเองกับเรย์โฮม เนื่องจากทั้งสองสนิทกันมาก แม้ว่าบีบีและลินลี่ย์จะเพิ่งเข้าร่วมกลุ่มล่า แม้ว่าพวกเขาจะเป็นคนที่รู้จักกัน แต่พวกเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์สที่ลึกซึ้ง ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ตัดสินใจทันที
“เราทำตามที่ได้ตกลงกันไว้ก่อน” ลินลี่ย์พูดพลางหัวเราะ “เราสี่คนแบ่งรางวัลเท่าๆ กัน อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่าเรามีป้ายทองแค่ชิ้นเดียวในตอนนี้ เอาอย่างนี้เป็นไง? รีสเจม ท่านกับเรย์โฮมจะแบ่งกันเป็นส่วนหนึ่ง ข้ากับบีบีก็จะแบ่งเป็นส่วนหนึ่ง ข้าคิดว่าท่านทั้งสองคงไม่คัดค้านเรื่องนี้ใช่ไหม?”
“แน่นอนว่าไม่” รีสเจมหัวเราะเช่นกัน
รีสเจมและเรย์โฮมคงไม่พูดคลุมเครือเรื่องผลงานทางทหาร ก็เหมือนกับลินลี่ย์กับบีบี
“สำหรับป้ายตราของผู้บัญชาการนี้ฝ่ายเราสองคนสามารถรับนี่ไว้ แต่ถ้าท่านจะรับไว้ครั้งนี้ อย่างนั้นเราจะรับป้ายในครั้งต่อไป ถ้าจะให้เรารับป้ายในครั้งนี้ต่อไปท่านจะเป็นฝ่ายรับป้ายไปบ้าง” ลินลี่ย์พูดพลางหัวเราะอย่างใจเย็น
“เอาอย่างนั้นก็ได้” รีสเจมพูดตรงไปตรงมา จากนั้นเอื้อมมือไปหยิบป้ายตราผู้บัญชาการ จากนั้นโยนป้ายให้ลินลี่ย์ “เจ้าทั้งสองร่วมทีมเราแล้ว ดังนั้นเราจะให้เจ้าได้ป้ายแรกไปก่อน ส่วนป้ายผู้บัญชาการต่อไปที่เราได้จะเป็นของข้า”
ลินลี่ย์รับไว้ อย่างไม่เกรงใจมากมารยาทและหัวเราะขณะพยักหน้า “ตามนั้นครั้งต่อไปจะเป็นของท่าน”
ลินลี่ย์กำป้ายทองไว้แน่น เขาอดรู้สึกตื่นเต้นในใจไม่ได้ “ยังขาดอีกหนึ่ง!” ลินลี่ย์ต้องการช่วยบิดาของเขา เยลจอร์จและดิ๊กซี่ที่ตายอย่างไม่เป็นธรรม ที่สำคัญดิ๊กซี่เป็นพี่ชายเพียงคนเดียวของเดเลีย ขณะที่คนซึ่งตายอย่างธรรมดาผู้ตายโดยไม่มีความเสียใจ ลินลี่ย์ไม่เห็นความจำเป็นต้องฟื้นคืนความทรงจำพวกเขา
อย่างเช่นลุงฮิลแมนมีชีวิตอยู่หลายร้อยปีมีลูกหลานเต็มบ้าน พวกเขามีชีวิตอย่างอิสระ จากนั้นจึงแก่ตาย
เนื่องจากพวกเขาตายอย่างไม่มีอะไรต้องเสียใจทำไมต้องไปรบการความสงบของพวกเขา?
แต่ขณะที่เยล จอร์จและฮ็อกบิดาของเขา พวกเขาตายอย่างทุกข์ทรมาน ตายอย่างคับแค้น
“ลินลี่ย์! ก็แค่ป้ายผู้บัญชาการหนึ่งป้ายเจ้าถึงกับทำหน้าอย่างนั้นด้วยหรือ?” รีสเจมที่อยู่ใกล้ๆ อดยิ้มขณะพูดไม่ได้
“อือ” ลินลี่ย์ค่อยตื่นจากภวังค์ เขาหัวเราะทันที จากนั้นเก็บป้ายทองไว้ “ข้าแค่คิดเรื่องสองสามเรื่องเพลินๆ”
บีบีที่อยู่ใกล้ๆ ถอนหายใจอย่างมีอารมณ์เช่นกัน “รีสเจม, เจ้ามาที่นี่เพื่อรวบรวมป้ายประจำตัวเพื่อเอาไปแลกสมบัติมหาเทพ แต่พี่ใหญ่และข้ามารวบรวมป้ายประจำตัวด้วยวัตถุประสงค์ที่แตกต่าง ท่านไม่เข้าใจว่าป้ายเหล่านี้สำหรับพี่ใหญ่ข้ามีความสำคัญมากมายเพียงไหน”
“โอว?” รีสเจมยิ่งสงสัยมากขึ้น “สำคัญยังไง?”
บีบีเริ่มคุยกับรีสเจมทันที ขณะที่ลินลี่ย์แค่ส่ายหน้าและหัวเราะ
“รีสเจม! เราควรจะทำยังไงกับสมบัติมหาเทพเหล่านี้?” ลินลี่ย์กล่าว
“จะทำยังไงน่ะหรือ? โยนมันไว้ตรงนั้นแหละ” รีสเจมกล่าว
ลินลี่ย์กับบีบีตะลึงทั้งคู่
“โยนมันไป?” บีบีสะดุ้งทวนคำ
รีสเจมเตะออกไปตามธรรมดา จากนั้นแค่นเสียง “แน่นอน อะไร,พวกเจ้าคิดว่าเราควรจะเก็บมันไว้กับเราน่ะหรือ? มหาเทพจะตามมาทวงคืนได้ในที่สุด อย่างไรก็ตามไม่มีประโยชน์ที่จะเก็บมันไว้กับเรา นอกจากนี้อ็อคคลัวยังมีร่างแยกอื่นอยู่ข้างนอก ดังนั้นไม่มีทางที่เราจะใช้สมบัติมหาเทพได้ ไม่มีประโยชน์ที่จะนำไปด้วย”
ลินลี่ย์และบีบีเมื่อได้ยินเช่นนี้ได้แต่มองหน้ากันเอง พวกเขาต้องยอมรับว่าคำพูดของรีสเจมมีเหตุผล
“ไปกันต่อเถอะ” รีสเจมพูดพร้อมกับหัวเราะ “ด้วยพลังหน่วยล่าของเรา ฮ่าฮ่า...มีอะไรต้องกลัว ในสมรภูมิมหาพิภพ? ฮ่าฮ่า”
ลินลี่ย์ได้แต่หัวเราะเช่นกัน ทีมล่าสี่คนของพวกเขามุ่งหน้าไปต่อโดยแบ่งออกเป็นสองกลุ่มอีกครั้งและทอดระยะห่างกันราวสามกิโลเมตร
ในเนินเขาเล็กภายในสมรภูมิมหาพิภพ
บุรุษชุดดำผมทองมีแววตาท่าทางประหลาดใจ “ใครจะคาดคิดกันว่าข่าวที่ปล่อยกันในหมู่ผู้บัญชาการเรื่องเบรุตมาถึงจะเป็นข่าวปลอม! คนที่ใช้ทักษะเทพธรรมชาตินั้นไม่ใช่เบรุต แต่เป็นคนอื่น นอกจากเบรุตแล้วยังมีคนอื่นที่สามารถใช้ไม้ตายนั้นได้! นี่น่ากลัวจริงๆ และเท่าที่ดูเด็กหนุ่มหมวกฟางผู้นั้นไม่ถูกจำกัดอย่างสมบูรณ์ ไม่ได้ถูกห้ามกีดกันต่างจากเบรุตที่ใส่ใจสถานะของเขาเป็นอย่างมาก”
คนผู้ใช้โกเลมมัจจุราชและเห็นบีบีฆ่าอ็อคคลัวก็คือคนผู้นี้
“ข้าต้องเอาข่าวนี้ไปบอกเหล่าสหาย!”
บุรุษผมทองกัดฟันและบินไปทันที
ในบรรดาผู้บัญชาการในสมรภูมิมหาพิภพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกที่อยู่ในกลุ่มพันธมิตรเดียวกัน ล้วนมีความสัมพันธ์กับกันและกันทั้งนั้น พวกเขาจะแบ่งปันข่าวสำคัญให้กันและกัน ตัวอย่างเช่นเมื่อบีบีและลินลี่ย์มาถึงในสมรภูมิมหาพิภพ ผู้บัญชาการในหน่วยก็วางแผนจะร่วมกำลังกับลินลี่ย์และบีบี และแบ่งปันข่าวบางอย่างกับพวกเขา เพียงแต่เพราะเขาไม่รู้จักสองคนนี้ เขาจึงไม่ได้ทำ
ข่าวว่าคนผู้ใช้ทักษะเทพธรรมชาติ ‘กินเทพ’เป็นเด็กหนุ่มที่สวมหมวกฟางไม่ใช่เบรุตแพร่กระจายไปในกลุ่มผู้บัญชาการด้วยความรวดเร็วอย่างน่าประหลาด
ที่ริมฝั่งทะเลดวงดาวภายในฐานพันธมิตร ภายในสิ่งก่อสร้างซึ่งสร้างขึ้นด้วยแก่นธาตุ บุรุษคนหนึ่งในชุดสีฟ้าสาวเท้าเดินผ่านประตู
“ใต้เท้า”
ทหารยามเปิดทางให้ทันที พวกเขาทุกคนรู้ว่า..คนผู้นี้ก็คือยอดฝีมือระดับผู้บัญชาการและสหายของเจ้านายเขา
“เบรย์! เจ้ากลับมาทำไม?” สตรีชุดแดงภายในลานว่างกำลังนั่งดื่มเหล้า นางยิ้มขณะที่นางมองดูบุรุษชุดสีฟ้ากำลังเดินเข้ามา “เจ้าไม่ออกไปฆ่าผู้บัญชาการสักสองสามคนแล้วเอาป้ายพิเศษมาหรอกหรือ?”
“ไม่อีกต่อไปแล้ว ข้าไม่คาดเลยว่ายังมีตัวแปรอื่นเข้ามาเล่นด้วย” บุรุษชุดฟ้าแค่นเสียงจากนั้นนั่งลง เขาคว้าขวดเหล้าแหงนหน้าดื่มแล้วกระแทกขวดวาง
“ตัวแปร?” สตรีชุดแดงสงสัย
บุรุษชุดฟ้าบ่นอย่างไม่พอใจ “มีข่าวลือในช่วงนี้มาก่อนแล้วว่าเบรุตมาไม่ใช่หรือ? ถ้าเป็นเบรุตมาจริงๆ ข้าคงไม่กลัว เบรุตกับข้าเคยพบกันมาก่อน และเรานับได้ว่ามีสัมพันธ์บางอย่างต่อกัน ถ้าข้าพบกับเขา เขาก็คงไม่ลงมือกับข้า นอกจากนี้คนที่หยิ่งในศักดิ์ศรีอย่างเบรุตคงไม่ลดตัวเองมาฆ่าผู้บัญชาการธรรมดา ตราบเท่าที่พวกเขาไม่ล่วงเกินเขา”
“บอกตามตรงเพราะข้าอยู่ภายใต้แรงกดดันนี้จนต้องเที่ยวไปทั่วสมรภูมิมหาพิภพ! แต่ใครจะคิดกันว่าเมื่อไม่นานนี้สหายคนหนึ่งของข้าส่งข่าวมาว่าคนที่ใช้ทักษะเทพธรรมชาติกินเทพไม่ใช่เบรุตแต่เป็นเด็กหนุ่มหมวกฟาง!” บุรุษชุดฟ้าส่ายศีรษะ “ช่างมันเถอะข้าไม่มีสมบัติมหาเทพประเภทปกป้องวิญญาณ ดีที่สุดข้าคงไม่เพ่นพ่านออกไปข้างนอกอีกแล้ว ถ้าข้าไปพบเจอเด็กหนุ่มนั่นข้าคงตายอย่างไม่ยุติธรรมแน่นอน!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้สตรีชุดแดงก็เข้าใจ
“มีอสูรเทพหนูกินเทพตัวที่สองจริงๆ หรือนี่?” สตรีชุดแดงเข้าใจว่าข่าวนี้หมายความว่ายังไง
ในบรรดาเทพชั้นสูงมีหลายคนที่เข้าใจความสำคัญของการรู้แจ้งระดับสูงในเรื่องของพลังวิญญาณ และมีหลายคนที่มีทักษะโจมตีวิญญาณและพลังป้องกันวิญญาณที่สูงส่ง นอกจากนี้ แม้แต่ในบรรดาอาวุธมหาเทพสมบัติมหาเทพประเภทปกป้องวิญญาณทำได้ยากที่สุด โดยทั่วไป ต่อให้มหาเทพให้สมบัติมหาเทพแก่ทูตมหาเทพไม่ค่อยมีใครให้สมบัติมหาเทพประเภทปกป้องวิญญาณ
ดังนั้นสมบัติมหาเทพประเภทปกป้องวิญญาณจึงหาได้ยากมาก
นอกจากนี้ผู้บัญชาการหลายคนมั่นใจมากในความสามารถในการป้องกันพลังวิญญาณของพวกเขา ตัวอยางเช่นอยางรีสเจมและอ็อคคลัวก็ยังสามารถทนรับได้ ถ้าแค่เป็นพลังโจมตีวิญญาณแม้จากพารากอนก็ตาม เท่าที่พวกเขาเห็น ไม่มีประโยชน์กับการได้รับสมบัติมหาเทพประเภทปกป้องวิญญาณ ดังนั้นการได้รับสมบัติมหาเทพประเภทอื่นๆจะดีกว่า
แต่หลังจากเบรุตโดดเด่นขึ้นมาทันที หลายคนจึงได้รู้ว่า...พลังโจมตีวิญญาณที่น่ากลัวที่สุดในหมู่เทพชั้นสูง ไม่ใช่พลังของพารากอน แต่เป็นทักษะเทพธรรมชาติของเบรุตแทน
แต่เนื่องจากสถานะที่เบรุตมีอยู่ เขาจึงยากจะลดตัวลงมาฆ่าผู้บัญชาการธรรมดาด้วยตนเอง
ดังนั้น ไม่มีใครกังวลเรื่องเขา
แต่ตอนนี้มีอีกคนหนึ่งผู้สามารถใช้ทักษะเทพธรรมชาติกินเทพโผล่ออกมาเป็นคนที่ไม่มีใครรู้จัก ยอดฝีมือผู้ไม่ใช่พารากอนทั้งไม่มีสมบัติมหาเทพประเภทปกป้องวิญญาณ...ตอนนี้พวกเขาเริ่มกังวล
พวกเขาไม่กล้าเที่ยวไปข้างนอกอย่างมั่นใจได้เหมือนเมื่อก่อน คนที่ออกไปซ่อนตัวอยู่ข้างนอกจะใช้โกเลมมัจจุราชให้คอยสอดแนมแทนพวกเขา
“ฮ่าฮ่า.. การปรากฏตัวขึ้นของเด็กหนุ่มนี้...” สตรีชุดแดงเริ่มหัวเราะ “ไม่มีผู้บัญชาการหลายกล้าออกไปเดินข้างนอกสมรภูมิมหาพิภพอย่างอิสระ ตอนนี้แม้แต่คนอย่างเจ้าก็ยังก้มหน้ายอมรับ เป็นไปได้ว่าพวกที่เที่ยวไปอยู่ข้างนอกสมรภูมิมหาพิภพจะเป็นพวกหน่วยล่าที่ทรงกำลังไร้เทียมทาน”
“ช่างมันเถอะ รอให้สงครามสุดท้ายมาถึงก่อน ข้าคงจะได้รับความดีความชอบทางทหารระหว่างสงครามขั้นสุดท้าย ถ้าผลักดันกันแบบนี้ข้าสามารถรอสงครามมหาพิภพครั้งต่อไปจะได้รวบรวมความดีความชอบทางทหารได้มากพอ เจ้าเด็กนี่โผล่มาจากไหนกัน? หลังจากออกจากสมรภูมิมหาพิภพ ข้าต้องไปสืบหาข้อมูลเพิ่มเติมบ้าง” บุรุษชุดฟ้าพูดพลางถอนหายใจ