ตอนที่แล้วบทที่ 11 การดักซุ่มโจมตีครั้งแรก หวังปลิดชีพกลางสายฝน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 13 ธนูแดงดาวตกและเศียรเสือดาว หลินชง

บทที่12 สามจักรพรรดิดาบและบุรุษรูปหล่อ ฮัวหยง


“นายน้อย!”

เตียนอุยและชีซีท่าทีเปลี่ยนไป เมื่อเห็นว่าฝูซูได้รับบาดเจ็บ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเตียนอุยเขาโกรธเป็นอย่างมาก

อ๊าก!

ดวงตาของเตียนอุยเป็นสีแดงชาดและปราณที่ทรงพลังกำลังพวยพุ่งขึ้นมา ในขณะนี้เตียนอุยกลายเป็น อสุรากระหายเลือดผู้บ้าคลั่งแล้ว

กลุ่มมือสังหารที่กำลังล้อมเตียนอุย ถูกรังสีอำมหิตที่เตียนอุยปล่อยออกมา ทำให้พวกเขายืนแข็งทื่อ

“ตายซะ”

เตียนอุยคำรามและง้าวในมือของเขามีออร่าสีแดงชาดรอบอาวุธ เตียนอุยตัดหัวมือสังหารที่ยืนแข็งทื่อรอบตัวเขาทั้งหมด

แขนและขามือสังหารที่ถูกตัดกระจายอยู่ทั่วพื้น รอบๆตัวเตียนอุย

ชีซีกวัดแกว่งดาบจงเจิ้งในมือราวกับเขากำลังเต้นรำไปในอากาศ การกวัดแกว่งบางครั้งก็งดงาม บางครั้งก็ดูทรงพลัง บางครั้งก็ดูรุนแรงราวกับกำลังคุ้มคลั่ง

ชายชราเคราแพะเปลี่ยนสีหน้า เมื่อเขาเห็นเตียนอุยและชีซีกำลังจัดการเหล่ามือสังหารคนแล้วคนเล่า เขารู้ว่าเตียนอุยแข็งแกร่งมาก

แต่เขาไม่คิดว่าชีซีที่ดูเป็นนักปราชญ์แบบขงจื้อจะมีศิลปะการต่อสู้ที่ทรงพลังขนาดนี้ แบบนี้แผนการลอบสังหารอาจจะยุ่งยากขึ้นไปอีก

ชายชราเคราแพะไม่มีเวลามาคิดมาก เขามองไปที่ฝูซูที่นอนอยู่บนพื้น

มือของเขามีกรงเล็บและสีเหมือนเหล็กปรากฏขึ้นบนนิ้วทั้งห้า มีสีที่แตกต่างจากตัวเล็บ อยู่ที่ปลาบกรงเล็บมันคงจะเคลือบพิษเอาไว้

ขณะที่เตียนอุยและชีซีกำลังพัวพันกับพวกมือสังหารอยู่ ชายชราก็พุ่งทะยานไปหาฝูซู แม้เขาจะต้องตาย เขาก็ต้องเอาเด็กหนุ่มคนนี้ไปกับเขาด้วย นี่คือคำสั่งที่เขาได้รับมา

แค่ก แค่ก

ฝูซูกระแอมเบาๆเลือดไหลจ่ากมุมปากของเขาอีกครั้งและมองไปที่ชายชราที่กำลังทะยานมาหาเขา ปราณในร่างกานของเขากำลังไหลเวียนอย่างบ้าคลั่ง

เขาอาจไม่มีปราณพอจะใช้วรยุทธ์จักรพรรดิมังกรแห่งจักรราศีแล้ว แต่เขายังมีปราณพอจะใช้วรยุทธ์อีกในตัวของเขา

ฝูซูแกล้งทำเป็นบาดเจ็บมากและจ้องไปที่ชายชราที่กำลังพุ่งเข้ามาหาเขาอย่างใกล้ชิด

“ตอนนี้แหละ วิชาดาบสามจักพรรดิ —ซวนหยวนเจินเทียน”

เมื่อชายชรากำลังพุ่งกระโจนใกล้เข้ามาถึงตัวฝูซู ดวงตาของฝูซูเป็นประกายและเขารวบรวมลมปรานทั้งหมดในร่างกายของเขาและเขวี้ยงดาบยาวในมือไปทางชายชรา

มันคงเป็นการยากสำหรับคนที่กำลังพุ่งอยู่ในอากาส ที่จะหลบเลี่ยงบางสิ่งที่พุ่งเข้ามาเหมือนกัน ทำให้เป็นเป้านิ่งลอยอยู่ในอากาศ

กระบวนท่าซวนหยวนเจินเทียนถูกคิดค้น คือ มาจากการล่ากวางของนายพราน เนื่องจากกวางมีประสาทรับรู้ที่ดีและสัญชตญาณในการระวังภัยสูง ต้องใช้ธนูยิงจากระยะไกล หรือกล่าวได้ว่า

กระบวนท่าซวนหยวนเจินเทียนคือ ท่าโจมตีระยะไกลด้วยท่าการดึงคันศรและยิงลูกศรเพื่อเจาะทะลวงหวังสังหารเป้าหมาย

ชายชราไม่คาดคิดว่าฝูซูจะยังมีปรานหลงเหลือพอจะใช้วรยุทธ์โจมตีกลับมา ดาบยาวพุ่งเข้ามาดุจลูกศรที่ถูกเหนี่ยวคันศรมาเป็นดาวตกพุ่งผ่าน เจาะเข้าที่คอของชายชราโดยตรง

แค่ก แค่ก

เลือดไหลจากมุมปากของฝูซูอีกครั้ง แต่เนื่องจากเขาใช้ลมปรานในร่างมากเกินไป

หลังจากรอดพ้นเหตุการณ์นี้ ฝูซูสาบานกับตัวเองเขาจะต้องแข็งแกร่งมากขึ้นกว่านี้อีก

และสองมือสังหารที่ถูกฝูซูเล่นงานไป ก็ได้กินยาพิษฆ่าตัวตายไปและไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ

แม้ว่าฉินหวางเจิ้งจะโกรธอย่างมากและสั่งให้มีการสวบสวนเรื่องนี้ตามสืบใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังส่งมือสังหารเข้ามา แต่ก็ไม่มีเงื่อนงำหรือเบาะแสสิบหาผู้อยู่เบื้องหลังได้

ดังนั้นเขาทำได้แต่ต้องปล่อยเรื่องนี้ไป มีเพียงฝูซูเท่านั้นที่รู้ว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในเรื่องนี้

นี่ไม่ใช่ครั้งเดียว ตลอดเก้าปีที่ผ่านมาฝูซูประสบพบเจอการลอบสังหารมากมาย ทั้งเล็กและใหญ่ และบางเหตุการณ์ก็เข้ามาในจุดที่เขาต้องรับมือคนเดียวและอยู่ระหว่างความเป้นความตาย

แต่ก็ให้ฝูซูได้มีประสบการณ์ในการต่อสู้มากขขึ้นและแข็งแกร่งไวและมากขึ้นเรื่อยๆ

ในช่วง 9 ปีที่ผ่านมาฝูซูได้เห็นศักยภาพในการเป็นจักรพรรดิราชวงศ์ฉินของฉินหวางเจิ้ง ไม่ว่าจะการดูแลปกครองบ้านเมืองและการเพิ่มความแข็งแกร่งของกองทัพฉิน

และยังได้พบเจอคนที่มีชื่อในประวัติศาสตร์หลายคนในยุคนี้ เช่น เมิ่งเถียน,เมิ่งอี้,เจ้าเกา,หลี่ซือ และอื่นๆ

ในเวลา9ปี ฝูซูก็เติบโตขึ้นจากเด็กน้อยเป็นชายหนุ่มรูปงามอย่างที่ในชีวิตเก่าเขาเคยเป็นอยู่

ในพระราชวังของเมืองเสียนหยาง ฝูซูยืนอยู่บนชายคาที่มองเห็นภูเขาและแม่น้ำอันงดงาม โดยกำลังชื่อชมกับบรรยากาศอย่างเงียบๆ

เวลานี้เขากำลังจะอายุ 16 ปี เมื่อเขาอายุครบ16ปี เขาก็จะสวมมงกุฤแสดงความเป็นผู้ใหญ่ และจะไม่ต้อองอยู่แต่ในกรงขันที่เขาเติบโตมานี้อีก เขาสามารถออกไปนอกพระราชวังและมีอิสระมากขึ้นหลายอย่าง

ด้านหลังฝูซูมีบุคคลยืนอยู่ นอกจากเตียนอุยและชีซีแล้วยังมีอีกสามคน

หนึ่งในนั้นมีสายคันธนูพาดไว้บนลำตัวของเขา ธนูทำจากวัสดุที่ภายนอกดูไม่รู้ว่าใช้วัสดุอะไร แต่มันดูเรียบง่ายมาก และใหญ่กว่าคันธนูปกติ

นอกจากคันธนูที่จะใหญ่จนสะดุตาแล้ว ยังมีซองธนูที่ใส่ลูกธนูห้อยอยู่ที่เอวมีหัวลูกศรต่างๆโผล่ออกมาจากซองธนู หัวลูกศรทำด้วยเหล็กกล้าอย่างดี หัวลูกศรที่ทำด้วยไม้ไผ่และหัวลูกศรที่ทำด้วยทองสัมฤททธิ์ผสมเหล็ก

อีกคนหนึ่งถือหอกยาวสีเงินขาว หน้าตาหล่อเหลาและมีรูปร่างที่งดงาม

ในประวัติศาสตร์ บุคคลที่มีชื่อเสียง ที่สวมชุดเกราะต่อสู้สีขาวคือนายพลฉางเซิง— จูล่ง

และชายที่มีคันธนูยาวอยู่บนหลังไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก —ฮัวหยง

ฮัวหยง เป็นผู้นำของ8เสือทหารม้าและแม่ทัพของกองทัพม้า เคยเป็นรอเจ้าเมืองของเมืองชิงเฟิง

ผู้ซึ่งใช้หอกสีเงินและเกาทันฑ์ใหญ่ที่ดูไม่มีวันหัก เขามีดวงตาที่มีเสน่ห์ ฟันขาว ปากแดง คิ้วปลิวว่อน เอวและแขนบาง

สวมหมวกเงินและชุดเกราะและชำนาญการขี่ม้าอย่างมาก

เขามีชื่อเสียงในการทำศึกเทียบได้กับหลี่กวงขุนศึกแห่งราชวงศ์ฮั่นตะวันตก   เป็นที่รู้จักในชื่อ“หลี่กวงน้อย”

เมื่อต่อมาฮัวหยงได้เป็นส่วนหนึ่งของเขาเหลียงซาน ก็ได้ออกรบอีกมากมายในหลายสมรภูมิ

จนเขาได้เป็น 1 ใน 8 ขุนพลทัพหน้าที่โด่งดัง อีกทั้งเป็นหนึ่งในผู้กล้าที่รอดตายจากศึกสงครามใหญ่ๆมากมายและได้รับรางวัลจากฮ่องเต้โดยตรง

เมื่อฮัวหยงรู้ว่าซ่งเจียงถูกวางยา(1ใน8 ขุนพลทัพหน้าและเป็นพี่น้องร่วมสาบาน) จึงตัดสินใจไปที่เมืองชูโจวพร้อมกับอู๋ย่ง และได้ผูกคอตายข้างสุสานของซ่งเจียงและหลี่ขุย

ฮัวหยงมีทักษะการยิงธนูที่ยอดเยี่ยมไม่เพียงแต่สามารถยิงได้เร็วและไว แต่ยังสามารถเจาะทะลวงทุกสิ่งได้ด้วยกระบวนท่าร้อยคันศร

และคันศรในมือของฮัวหยงไม่ใช่คันศรทั่วไป แต่เป็นสมบัติที่มีชื่อในประวัติศาสตร์

ที่ฝูซูได้จากการอัญเชิญของระบบ —ธนูพระจันทร์เทียนสิริ

0 0 โหวต
Article Rating
2 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด