ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 160 ข่มขู่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 162 ของขวัญวันเกิด

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 161 บังคับให้ยายประจิมล่าถอย


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 161 บังคับให้ยายประจิมล่าถอย

แปลโดย iPAT  

ยายประจิมโบกมือ “คุณหนูฮัว ข้าจะแสดงความเคารพต่อตระกูลฮัวของเจ้า แต่อย่ากัดคำโตเกินกว่าที่เจ้าจะสามารถเคี้ยว นี่เป็นเรื่องสำคัญของนิกายเมฆาพิรุณ เจ้าอย่าเข้ามายุ่งจะดีที่สุด พาคนเหล่านั้นออกไปจากที่นี่ซะ!”

ฮัวเฉิงลู่ปฏิเสธ “ตั้งแต่เขาเป็นผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ เขาก็เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของพี่ใหญ่ของข้า ข้าไม่สามารถเพิกเฉยต่อเรื่องนี้ หากเจ้ามีความสามารถก็ฆ่าข้าไปพร้อมกัน มิฉะนั้นเจ้าจะกลายเป้นคนร้ายลักพาตัวเด็กและสังหารผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์”

ใบหน้าของยายประจิมกลายเป็นยิ่งเย็นชา นางคิดเรื่องนี้หลายรอบแล้ว หากฮัวเฉิงลู่เป็นสมาชิกทั่วไปของตระกูลฮัว นางคงทำไปนานแล้ว มันไม่เป็นไรตราบเท่าที่นางไม่ทิ้งหลักฐานเอาไว้

อย่างไรก็ตามฮัวเฉิงลู่เป็นองค์หญิงน้อยของตระกูลฮัว แม้จะไม่มีหลักฐานโดยตรง แต่ตระกูลฮัวจะไม่มีวันไว้ชีวิตนางตราบเท่าที่พวกเขาพบว่านางเดินทางมายังเกาะบุปผา แม้แต่นิกายเมฆาพิรุณก็ไม่สามารถปกป้องนาง

ทั้งหมดทำให้ยายประจิมต้องเปลี่ยนทัศนคติ นางกล่าวกับหลี่ฉิงซานอย่างจริงจังว่า “เด็กน้อย เจ้าช่างไร้เดียงสา หญิงงามที่มีกลิ่นหอมแห่งสวรรค์จะนำหายนะมาสู่เจ้า หากเจ้ามอบนางให้ข้า เจ้าจะสามารถยุติข้อสงสัยทั้งหมดของนิกายเมฆาพิรุณ ยิ่งไปกว่านั้น ข้าสามารถมองทุกสิ่งที่เจ้าต้องการไม่ว่าจะเป็นเม็ดยาหรือสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณ”

เสี่ยวอันคว้ามุมเสื้อของหลี่ฉิงซานขณะที่หลี่ฉิงซานกล่าวเพียงไม่กี่คำกับยายประจิม “ไปตายซะ!”

ยายประจิมโกรธมาก นางยกมือที่ไม่ต่างจากเล็บไก่ขึ้นและส่งพลังปราณพุ่งออกไปเฉี่ยวแก้มของหลี่ฉิงซาน

ฮัวเฉิงลู่กระทืบเท้าตวาด “กล้าดีอย่างไร!”

ยายประจิมลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะหยุดมือ เห็นได้ชัดว่านางไม่กล้าพอที่จะกระทำการรุนแรงมากไปกว่านี้ “เด็กนี่จะต้องลงเอยกับนิกายเมฆาพิรุณ! ข้าจะดูว่าเจ้าจะซ่อนตัวอยู่หลังผู้หญิงได้ถึงเมื่อใด?” จากนั้นนางก็ปีนขึ้นรถม้าและจากไปท่ามกลางสายหมอก

ฮัวเฉิงลู่ถอนหายใจ หลี่ฉิงซานก็ผ่อนคลายลงเช่นกัน เขาหันหลังกลับและกล่าวว่า “ขอบคุณที่ผดุงความยุติธรรมและให้ความช่วยเหลือ” หากไม่ใช่เพราะฮัวเฉิงลู่ เขามั่นใจว่ายายประจิมจะไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆ สถานะปีศาจของเขาและความสามารถของเสี่ยวอันจะถูกเปิดเผยซึ่งจะนำปัญหาเข้ามาอย่างไม่รู้จบสิ้น สำหรับการฆ่ายายประจิม นั่นเป็นไปไม่ได้สำหรับเขาในตอนนี้

ฮัวเฉิงลู่พยักหน้ารับเหมือนผู้ใหญ่ใจดี “ไม่มีปัญหา” หลังจากนั้นนางก็โบกมือ “ไปคุยกันบนเรือเถอะ”

หลี่ฉิงซานขึ้นเรือรบคลื่นทำลายล้างพร้อมกับเสี่ยวอันและฮัวเฉิงลู่ เหล่าจอมยุทธ์ยังลงเอยด้วยการรื้อค้นซากปรักหักพังบนเกาะเนื่องจากพวกเขาปฏิเสธที่จะเชื่อว่าทั้งหมดเป็นแผนการของเด็กหนุ่มผู้หนึ่ง อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่าพวกเขาจะไม่ได้รับสิ่งใด

บางคนถามด้วยความประหลาดใจ “เหตุใดไม่มีศพอยู่เลย?”

“อย่าบอกว่าพวกเขาถูกปืนใหญ่ทำลายเป็นฝุ่นผงไปแล้ว?”

“แต่มันก็ไม่ควรถูกทำลายจนไม่เหลือสิ่งใดเลย”

หลี่ฉิงซานระวังตัวมากขึ้น การกินเลือดและเนื้อจำนวนมากอาจดึงดูดความสงสัยของคนมีไหวพริบ เขาจะกลายเป็นผู้ต้องสงสัยไม่เร็วก็ช้า โชคดีที่เสี่ยวอันได้รับร่างใหม่แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รีบร้อนที่จะรวบรวมศพเพิ่มขึ้น พวกเขาสามารถหยุดการบ่มเพาะเคล็ดวิชากระดูกขาวและความงามอันเป็นนิรันดร์ไว้ชั่วคราว

หลี่ฉิงซานลูบศีรษะของเสี่ยวอันและคิดว่าเด็กน้อยเช่นนางเข้ามาพัวพันกับการเข่าฆ่าและต่อสู้ทุกวันหลังจากที่นางติตดามเขาได้อย่างไร ตอนนี้เมื่อนางสามารถกู้คืนร่างกาย มันก็ถึงเวลาที่นางจะได้เพลิดเพลินกับความสุขเช่นเด็กธรรมดาแล้ว การแสวงหาพลังอันยิ่งใหญ่เพื่อปกป้องนางคือความรับผิดชอบของเขา

เสี่ยวอันเงยหน้าขึ้นมองหลี่ฉิงซาน เมื่อเห็นหลี่ฉิงซานยิ้ม นางก็พยายามกระตุกริมฝีปากขึ้นแต่มันดูค่อนข้างผิดธรรมชาติ

หลี่ฉิงซานบีบแก้มของนางและยิ้ม “เจ้าต้องฝึกให้มากกว่านี้ ในฐานะมนุษย์ เจ้าจะดีขึ้นหากเจ้ายิ้มให้มากขึ้น”

เสี่ยวอันก้มหน้าลงด้วยใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีแดง

แม้หลี่ฉิงซานจะไม่รู้ว่าหญิงงามที่มีกลิ่นหอมแห่งสวรรค์หมายถึงสิ่งใด แต่เขาก็รู้สึกว่าเสี่ยวอันน่ารักมาก เขานึกย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่เสี่ยวอันยังเป็นวิญญาณ ใบหน้าของนางซีดขาวมาก นางดูไม่มีเสน่ห์เหมือนตอนนี้

หลังจากทั้งหมดร่างกายที่สร้างขึ้นจากเคล็ดวิชากระดูกขาวและความงามอันเป็นนิรันดร์กล่าวได้ว่าเป็นร่างกายที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลก

ฮัวเฉิงลู่ตะโกนไปที่ชายฝั่งน้ำ “หากพวกเจ้าไม่ขึ้นเรือตอนนี้ ข้าจะไปแล้ว!” จอมยุทธ์ทั้งหมดเลิกค้นหาสมบัติและรีบร้อนขึ้นเรือ

ในคืนที่มืดสนิทและมีฝนตกปรอยๆ

“เชิญ” ฮัวเฉิงลู่เชิญหลี่ฉิงซานเข้าไปในห้องโดยสาร พวกเขาเดินเข้าไปยังห้องอาหารสุดหรูหรา

ในห้องอาหารไม่มีตะเกียงแม้แต่ดวงเดียวแต่มันกลับสว่างไสว คริสตัลกึ่งโปร่งใสถูกฝังอยู่บนเพดานและมอบแสงสว่างที่นุ่มนวลสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายให้กับห้องโถง มันไม่แห้งหรือชื้นเกินไป ไม่หนาวหรือร้อนเกินไป นี่แสดงให้เห็นถึงความหรูหราอย่างเต็มที่ของเรือลำนี้

ฮัวเฉิงลู่และหลี่ฉิงซานนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวหลักขณะที่เหล่าจอมยุทธ์นั่งอยู่สองข้าง พวกเขาพูดคุยกันอย่างอารมณ์ดี แม้พวกเขาจะไม่พบยาวิเศษใดๆแต่การได้เห็นศัตรูของพวกเขาถูกระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย นั่นก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีมากแล้ว

วีรบุรุษอวี๋ตะโกน “นำสุรามา! เราสามารถกำจัดคนเลว เราต้องฉลอง!”

ทุกคนตอบรับเสียงดัง ท่ามกลางพวกเขา บางคนคิดว่าหน้าตาของวีรบุรุษอวี๋ยังดูชั่วร้ายยิ่งกว่ากลุ่มคนโฉดที่อยู่บนเกาะแต่เขามีลูกสาวที่ดีที่สามารถผูกมิตรกับคนตระกูลฮัว นี่ทำให้เขาได้รับการสรรเสริญแม้คนเหล่านั้นจะลอบเย้ยหยันเขาอยู่ภายในก็ตาม

ฮัวเฉิงลู่ชำเลืองมองเขาอย่างเอือมระอาก่อนจะสั่งให้คนรับใช้เตรียมชาและของว่างมาให้แขก

วีรบุรุษอวี๋รีบหุบปากและเผยรอยยิ้มแห้งๆ “มาดื่มชากันเถอะ ชาก็ไม่ต่างกัน”

หากเป็นคนที่โตแล้วทำตัวเหมือนฮัวเฉิงลู่ หลี่ฉิงซานอาจรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องปกติ แต่นางอายุเพียงสิบสามหรือสิบสี่ปี นางยังมีส่วนที่ดูเด็กแต่นางพยายามทำตัวเหมือนผู้ใหญ่ นี่เป็นเรื่องที่ค่อนข้างตลก

และไม่จำเป็นต้องออกคำสั่งใดๆ นางเพียงโบกธง จากนั้นหุ่นจักรกลสองสามตัวก็โผล่เข้ามาในห้องอาหารพร้อมกับน้ำชาและของว่าง สิ่งนี้ยิ่งตอกย้ำถึงความเป็นเด็กของนาง

อย่างไรก็ตามนี่เป็นครั้งแรกที่หลี่ฉิงซานพบเห็นหุ่นเชิดเช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงรู้สึกอยากรู้อยากเห็นและต้องประหลาดใจกับความมหัศจรรย์ของโลกใบนี้อีกครั้ง หุ่นจักรกลเหล่านี้ดูเหมือนจะสร้างขึ้นจากไม้แต่การเคลื่อนไหวของพวกมันกลับไม่แข็งกระด้าง ในความเป็นจริงพวกมันสามารถเคลื่อนที่ได้รวดเร็วราวกับสายลมหากถึงคราวจำเป็น

ด้านเสี่ยวอัน นางสนใจหุ่นเหล่านี้มากยิ่งกว่าเขา เมื่อหุ่นจักรกลเดินออกไป นางต้องถอนสายตากลับมาอย่างไม่เต็มใจ

หลี่ฉิงซานนึกถึงบางสิ่งและจดจำเอาไว้

ฮัวเฉิงลู่จิบชาและถามอย่างจริงจังว่า “เจ้าทำให้แม่มดเฒ่านั่นขุ่นเคืองได้อย่างไร?”

ด้วยเหตุนี้หลี่ฉิงซานจึงเล่าเรื่องทั้งหมดเกี่ยวกับหอเมฆาพิรุณให้นางฟัง แต่เขายังปิดบังความจริงเรื่องจ้าวเหลียงฉิง บางทีฮัวเฉิงลู่อาจสนิทกับจ้าวจื่อป๋อ การร้องเรียนต่อผู้บังคับบัญชาจะไม่จบลงด้วยดีโดยไม่ต้องกล่าวถึงเด็กสาวเช่นฮัวเฉิงลู่

เมื่อฮัวเฉิงลู่ได้ยินว่าหอเมฆาพิรุณบังคับเด็กหญิงค้าประเวณี นางโกรธจนหน้าแดงก่ำ อย่างไรก็ตามเมื่อนางได้ยินว่าหลี่ฉิงซานฆ่าแม่เล้าและทำกับพวกเขาอย่างไร นางก็กล่าวชมเชย “เจ้าทำได้ดีมาก ผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ต้องคนดีที่ปราบปรามความชั่วร้ายเช่นเจ้า ข้าไม่ได้ช่วยคนผิดจริงๆ”

หลี่ฉิงซานยิ้มแต่มันเป็นการฝืนยิ้ม “นั่นเป็นความรับผิดชอบของข้า!”

ฮัวเฉิงลู่ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “เจ้าเคยทำภารกิจใดมาก่อนหน้านี้อีกบ้าง?”

“ข้าทำภารกิจร่วมกับผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์คนอื่นๆเมื่อเร็วๆนี้ ในความเป็นจริงข้ายังไม่ได้ทำภารกิจมากนัก” จากนั้นหลี่ฉิงซานก็เล่าภารกิจที่เมืองวายุบรรพกาลและแผนการของเขาที่เกาะบุปผาให้นางฟัง

ฮัวเฉิงลู่ถูกล่อลวงอย่างสมบูรณ์ นางใช้ชีวิตที่ดีมาตลอด แต่ด้วยเหตุผลบางประการ นางรู้สึกกระหายเลือดมาก เมื่อนางได้ยินเกี่ยวกับการทำลายล้างครั้งใหญ่ นางรู้สึกตื่นเต้นมากและบังคับให้หลี่ฉิงซานลงลึกในรายละเอียดมากขึ้น

ในตอนท้าย นางกล่าวด้วยความเสียดาย “น่าเสียดายที่พี่ใหญ่ของข้าไม่ยอมให้ข้าเข้าร่วมหน่วยผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์เร็วๆนี้ หากข้าเป็นเจ้า ข้าจะออกไล่ล่าขุนพลปีศาจ!”

หลี่ฉิงซานกล่าว “นั่นเป็นเพราะผู้บัญชาการฮัวห่วงใยเจ้า เมื่อเจ้าแข็งแกร่งพอ เจ้าจะกลายเป็นผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ที่เหนือกว่าข้าอย่างแน่นอน”

ฮัวเฉิงลู่กล่าว “ถูกต้อง นั่นคือสิ่งที่พี่ใหญ่พูดกับข้า”

หลี่ฉิงซานคิด ‘ดังนั้นพี่ใหญ่ของเจ้าก็หว่านล้อมเจ้าเช่นนี้เช่นกัน’

จอมยุทธ์ทั้งหมดเฝ้ามองคนทั้งสองด้วยความสับสนอยู่ภายใน ท่ามกลางคนที่อยู่ที่นี่ นอกจากเสี่ยวอัน คนทั้งสองอายุน้อยที่สุด แต่พวกเขากลับเป็นจอมยุทธ์ขั้นสองที่แข็งแกร่งที่สุดบนเรือลำนี้

อย่างไรก็ตามพวกเขายอมรับว่าไม่ว่าพวกเขาจะได้ยินเรื่องราวของหลี่ฉิงซานสักกี่ครั้ง พวกเขาก็ยังรู้สึกประหลาดใจ พวกเขานึกถึงคนนอกรีตที่ภูมิใจในตัวเองที่ชื่อของพวกเขาได้ขึ้นบัญชีดำและต้องเรียกคนเหล่านั้นว่าคนงี่เง่า หลังจากนี้พวกเขาตัดสินใจว่าจะไม่ทำให้ชื่อของตนึ้ขึ้นบัญชีดำไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นก็ตาม มิฉะนั้นใครจะรู้ว่าเมื่อใดที่พวกเขาจะถูกกวาดล้างโดยการล่อลวงให้ไปงานชุมนุมเช่นที่เกิดขึ้น

หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเกาะบุปผา จอมยุทธ์ที่อยู่ในรัศมีหลายร้อยกิโลเมตรรอบๆเมืองเจียเผิงมีทัศนคติที่ดีขึ้นมาก พวกเขาทำตัวเป็นคนดีและปฏิบัติตามกฎหมาย แม้พวกเขาจะเข้าไปพัวพันกับงานสกปรกแต่พวกเขาก็จะกระทำการอย่างลับๆและระมัดระวังเป็นอย่างมาก กล่าวได้ว่าครั้งนี้หลี่ฉิงซานทำภารกิจได้ดีมาก

เพียงไม่นานเรือก็มาถึงฝั่ง ฮัวเฉิงลู่โบกมือขณะที่เรือลำใหญ่หดตัวลงอย่างรวดเร็วและตกลงมาในมือของนาง จากนั้นนางก็เก็บมันไว้ในกระเป๋าร้อยสมบัติ นางคร่ำครวญว่า “ทะเลสาบเล็กเกินไป เราไม่สามารถเร่งความเร็วได้มากกว่านี้”

ดวงตาของหลี่ฉิงซานและเสี่ยวอันส่องประกายขึ้นอีกครั้ง

ก่อนที่พวกเขาจะออกเดินทาง เหล่าจอมยุทธ์บอกว่าพวกเขาเตรียมงานฉลองไว้ที่โรงเตี้ยมในเมืองริมทะเลสาบแล้ว

หลี่ฉิงซานถอนหายใจเบาๆ ‘ข้ายังต้องติดตามพวกเขาไป ครั้งนี้นางช่วยข้าไว้มาก อย่างน้อยข้าก็ต้องสร้างความเพลิดเพลินให้นาง’

ในความเป็นจริงหลี่ฉิงซานสัมผัสได้ว่ายายประจิมยังอยู่ใกล้ๆ เขาเกรงว่ายายประจิมจะมาเอาชีวิตเขาทันทีที่เขาแยกทางกับฮัวเฉิงลู่

การอยู่กับเด็กสาวย่อมดีกว่าการเอาชีวิตไปเสี่ยงกับหญิงชราอย่างไม่ต้องสงสัย แม้เขาจะต้องการฆ่ายายประจิมแต่มันไม่ใช่เวลานี้ ยายประจิมแก่มากแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่นางจะมีความก้าวหน้าในการบ่มเพาะ ในทางกลับกัน เขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตราบเท่าที่เขามีเวลา เขาจะสามารถฆ่านางได้โดยไม่ทำให้ตนเองได้รับบาดเจ็บ แล้วเหตุใดเขาต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงในเวลานี้?