ตอนที่ 93 นี่เป็นบทกวีใหม่ของเจ้าหรือ?
แผนกหลอมอาวุธมีบันทึกของช่างตีเหล็กผู้เชียวชาญ? โจวชู ลืมเรื่องนี้ไปแล้ว
ส่วนใหญ่เป็นเพราะเขาไม่รู้จักคน ในแผนกหลอมอาวุธ นอกจากท่านเสนาบดีใหญ่ หยิน หวู่โหย่ว และผู้ใต้บังคับบัญชาของเธอแล้ว เขาไม่รู้จักใครเลยในระดับสูงของแผนกหลอมอาวุธ
แผนกหลอมอาวุธยังคงมีเอกสารสำคัญ หาก หยางหง ไม่ได้กล่าวถึง โจวชู ก็คงไม่รู้ด้วยซ้ำ
แต่พอมาคิดดูก็เข้าท่า
แม้ว่า ช่างตีเหล็กผู้เชียวชาญ จะไม่ใช่ทุกคนที่อยู่ภายใต้อำนาจของแผนกหลอมอาวุธ แต่แผนกหลอมอาวุธก็มีข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับพวกเขาอย่างแน่นอน ช่างตีเหล็กผู้เชียวชาญเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของราชสำนักอยู่แล้ว ดังนั้นราชสำนักจะไม่มีบันทึกของพวกเขาได้ยังไง?
โจว ชูคิดว่า เขาต้องหาวิธีดูเอกสารสำคัญของแผนกหลอมอาวุธ
เขาไม่ได้ถามเกี่ยวกับ จู ชวนเฟิง เฉยๆ เขากำลังตรวจสอบอย่างจริงจัง
แม้ว่า จู ชวนเฟิง จะไม่ได้ทำอะไรกับเขาตั้งแต่การตรวจสอบโรงหลอมประจำเดือน แต่เขารู้ว่า จู ชวนเฟิง จะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
ดังคำกล่าวที่ว่า ไม่ต้องนับถึง 3 ครั้งแรก จู ชวนเฟิง ส่ง เสี่ยวจงสุ่ยและ เจิ้นไค่มาแต่ทั้งคู่เสียชีวิตแล้ว
ครั้งที่สอง จู ชวนเฟิงได้ยุยงให้เสนาบดีทั้งสี่ของแผนกหลอมอาวุธโจมตีโรงหลอมที่ 0 แต่พวกเขาก็กลับไปมือเปล่าเช่นกัน
ถ้าเขาขยับเป็นครั้งที่สาม มันคงจะเหมือนฟ้าร้อง
ช่างตีเหล็กผู้เชียวชาญไม่ใช่คนธรรมดา ความสามารถของพวกเขาเหนือจินตนาการของคนทั่วไปอย่างแน่นอน
อาจกล่าวได้ว่าถ้าช่างตีเหล็กผู้เชียวชาญเต็มใจที่จะทำทุกอย่าง พวกเขาสามารถขอให้ปรมาจารย์ระดับสามช่วยพวกเขาได้!
ปรมาจารย์จะสามารถแก้ปัญหาได้ 99%!
ก่อนหน้านี้ จู ชวนเฟิง อาจดูถูก โจวชู เพราะเขาเป็นเพียง ช่างตีเหล็กฝึกหัด แต่หลังจากล้มเหลวถึงสองครั้ง เขาจะไม่คิดแบบนั้นอีกต่อไป เมื่อเขาโจมตีอีกครั้งเขาจะทำอย่างจริงจังอย่างแน่นอน
นี่คือเหตุผลที่ โจวชู พยายามอย่างเต็มที่ที่จะสอบสวน จู ชวนเฟิง
ถ้าเขาไม่จัดการกับมีดเล่มนี้ที่ห้อยอยู่เหนือหัว เขาก็จะไม่มีทางสบายใจได้เลย
พูดตามตรง ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าการฆ่าช่างตีเหล็กผู้เชียวชาญจะส่งผลต่อเขามากเกินไป โจว ชูก็คงฆ่าจู ชวนเฟิงไปแล้ว
การลอบสังหาร จู ชวนเฟิง ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับ โจวชู
ส่วนที่ยากของเรื่องนี้คือวิธีที่เขาจะหลบหนีหลังจากฆ่า จู ชวนเฟิง!
แม้ว่า โจวชู ถือได้ว่าเป็นคนที่จักรพรรดิหยวนเฟิง รู้จัก แต่เขาก็ยังเปรียบไม่ได้กับ ช่างตีเหล็กผู้เชียวชาญ
หากคนอื่นรู้ว่าเขาเป็นคนฆ่า จู ชวนเฟิง จะมีเพียงผลลัพธ์เดียวที่รอเขาอยู่ นั่นคือการชดใช้ด้วยชีวิตของเขา
โจวชู ยกถ้วยขึ้นและพูดกับ หยางหง และ เฉิงหย่ง ว่า "ขอบเจ้าสำหรับวันนี้ มาดื่มกันเถอะ”
เขาไม่ได้ถามคำถามเกี่ยวกับ จู ชวนเฟิง อีกต่อไป ถ้าเขาถามมากเกินไป มันจะกระตุ้นความสงสัยได้ง่าย
นอกจากนี้ ด้วยตำแหน่งของ หยางหง และ เฉิงหย่ง พวกเขาอาจจะไม่รู้อะไรมาก
ต่อจากนั้น ภายใต้คำแนะนำโดยเจตนาของโจว ชู บรรยากาศก็ผ่อนคลายมากขึ้นเรื่อยๆ ในท้ายที่สุด หยางหง และ เฉิงหย่ง ต่างก็เมาเล็กน้อย
หลังจากเรียกเกี้ยวเพื่อส่งพวกเขาไปแล้ว โจว ชูก็เดินโซเซออกจากร้านอาหาร
หลังจากเดินไปได้สองถนน หมอกสีขาวก็ลอยออกมาจากร่างกายของเขา มันคือกลิ่นแอลกอฮอล์
ครู่ต่อมา โจว ชูไม่ได้ดูเมาอีกต่อไป และดวงตาของเขาก็สดใสจนน่ากลัว
เขามองไปทางคฤหาสน์ จู หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เดินไปอีกทางหนึ่ง
เขาได้ตรวจสอบคฤหาสน์ จู แล้ว ถ้าเขาไปที่นั่นอีกครั้ง เขาคงจะไม่สามารถพบอะไรใหม่ๆได้
จากสิ่งที่เขาพบในคฤหาสน์ จู เพียงอย่างเดียว โจวชู ไม่สามารถอนุมานได้ว่าหลักฐานใดที่เขาสามารถใช้กับ จู ชวนเฟิง ได้
มีอาวุธระดับสวรรค์มากเกินไปในห้องลับ?
แม้ว่าสิ่งนี้จะถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ จู ชวนเฟิง ก็สามารถอธิบายได้เสมอว่าเขาแค่ซ่อนความแข็งแกร่งของเขาไว้ ไม่มีกฎว่าอาวุธทุกชิ้นที่ช่างตีเหล็กผู้เชียวชาญสร้างขึ้นจะต้องเปิดเผยต่อสาธารณ
ในท้ายที่สุด การรวบรวมอาวุธระดับสวรรค์ของ จู ชวนเฟิง ก็ไม่มีปัญหา สัญชาตญาณของ โจวชู บอกเขาว่าสิ่งนี้ไม่สมเหตุสมผล ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจตรวจสอบเพิ่มเติม
หากไม่ใช่เพราะเขาขัดแย้งกับจู ชวนเฟิง โจว ชูคงไม่ใช้เวลาสอบสวนเขาด้วยซ้ำ
…
“ฝ่าบาท ผู้ดูแลโจว ขอเข้าเฝ้า”
ในตำหนักขององค์หญิง หยิน หวู่โหย่ว กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงหน้าต่างและกำลังอ่านหนังสืออยู่ แสงเทียนที่ส่องมาด้านข้างของเธอ ทำให้เธอมีความงามที่เงียบสงบ
"ตอนนี้?" หยิน หวู่โหย่ว เลิกคิ้ว “นี้เวลาไหนแล้ว”
“1ทุ้ม” ไห่ถังตอบ
“มันดึกแล้ว มีเรื่องด่วนอะไรกัน” หยิน หวู่โหย่ว ขมวดคิ้ว
1ทุ้ม ไม่ดึกเกินไปในโลกก่อนหน้าของ โจวชู
แต่โลกนี้ก็คล้ายกับสมัยโบราณบนโลก ผู้คนทำงานเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นและพักผ่อนเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน 1ทุ้มไม่ถือว่าเร็ว
“ผู้ดูแลโจวไม่ได้พูด” ไห่ถังส่ายหัว
"ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?" หยิน หวู่โหย่วถาม
“เขารออยู่ที่ห้องโถงด้านหน้า”
“ไปพบเขากันเถอะ” หยิน หวู่โหย่ว วางหนังสือในมือของเธอแล้วยืนขึ้น
ขณะที่เธอยกเท้าขึ้น เธอหยุดชั่วขณะและขอให้ ไห่ถัง เอาปิ่นสีทองมาให้เธอ เธอรวบผมขึ้นอย่างเรียบง่ายก่อนจะเดินต่อไป
โจวชู กำลังนั่งอยู่ในห้องโถงด้านหน้าของคฤหาสน์ขององค์หญิง จิบชา จากหางตาของเขา เขาเห็น หยิน หวู่โหย่ว เดินเข้ามา
ไม่ใช่ครั้งแรกที่ โจวชู เห็น หยิน หวู่โหย่ว แต่ทุกครั้งที่เขาเห็นเธอ เขาจะต้องตกตะลึงทุกครั้ง
วันนี้ หยิน หวู่โหย่ว แต่งตัวแตกต่างออกไป อาจเป็นเพราะเธออยู่ในคฤหาสน์ของเธอ เธอเลยแต่งตัวสบายๆ
เธอสวมชุดสีขาวเรียบๆ และผมของเธอถูกมัดไว้ด้านหลังศีรษะแบบสบายๆ เผยให้เห็นลำคอระหงของเธอ
“ค่ำคืนอันเงียบสงบ แสงจันทร์ถูกปกคลุมด้วยหมอกหนา ความหนาวเย็นเข้ารุกราน สลายแสงจากดวงจันทร์” โจว ชูอดไม่ได้ที่จะพูดและจมอยู่ในห้วงความคิด(เกลียดพวกบทกวีมากแปลยากห้องหาแหล่งอ้างอิงหลายแหล่งแล้วก็มาแปลตามความเข้าใจของผมเอง)
"เจ้าพูดอะไร?" หยิน หวู่โหย่ว อยู่ห่างจาก โจวชู สามฟุตแล้ว กลิ่นหอมอ่อน ๆ เข้าสู่จมูกของ โจวชู
"ไม่ได้พูดอะไร" โจวชู ส่ายหัวของเขา เขาเคยเห็นอะไรมามากในชาติที่แล้ว เขาจะไม่เคยเห็นความงามแบบนี้ได้ยังไง? เธอเป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ!
ถึงกระนั้น โจวชู ก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมอง หยิน หวู่โหย่ว อีกสองสามที
หยิน หวู่โหย่ว ไม่ได้ซักถามต่อและถามแทนว่า “ทำไมเจ้ามาอยู่ที่นี่ตอนดึก? โรงหลอมที่ 0 ได้พัฒนาอาวุธใหม่หรือ?”
“มันไม่ง่ายเลยที่จะพัฒนาอาวุธใหม่” โจว ชู อยากจะกลอกตา อาวุธมาตรฐานไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะมากนัก ยังไงก็ตาม จากมุมมองหนึ่ง มันต้องใช้ทักษะเช่นกัน
ไม่ใช่สิ่งที่พัฒนาได้ในวันเดียว
“โรงหลอมที่ 0 เพิ่งผลิตดาบขนนกฤดูใบไม้ร่วง ท่านเสนาบดี ท่านต้องรีบเร่งข้าถึงเพียงนี้เชียวหรือ?” โจว ชู กล่าว
“ถ้าอย่างนั้นเจ้ามาที่นี่ทำไม” หยิน หวู่โหย่วถาม
“มีเรื่องเล็กน้อยที่ข้าอยากรบกวนท่าน” โจว ชู พูดขณะป้องมือ
"พูด." หยิน หวู่โหย่ว เดินไปที่เก้าอี้ในห้องโถงและนั่งลง ตามการเคลื่อนไหวของเธอ เงาที่สง่างามก็แวบผ่านไป
“มันเป็นแบบนี้ ข้าต้องการดูข้อมูลที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับ ช่างตีเหล็กผู้เชียวชาญ ของแผนกหลอมอาวุธของเรา” โจวชู เดินตรงไปยังจุดนั้น
เขาต้องการเห็นแม้ว่า จู ชวนเฟิง มันอาจจะน่าสงสัยเล็กน้อย แต่ จู ชวนเฟิง ไม่ใช่ช่างตีเหล็กผู้เชียวชาญเพียงคนเดียวใน อาณาจักรต้าเซี่ย
“ข้อมูลเกี่ยวกับ ช่างตีเหล็กผู้เชียวชาญ? เพื่ออะไร?” หยิน หวู่โหย่ว ไม่สงสัยอะไรเลย
“แม้ว่าตอนนี้ข้าจะเป็นเพียงช่างตีเหล็กฝึกหัด แต่ข้าก็มีความฝัน ข้ายังฝันที่จะเป็นช่างตีเหล็กผู้เชียวชาญในสักวันหนึ่ง” โจว ชู กล่าว
“ตามคำกล่าวที่ว่า การได้เห็นคนที่มีพรสวรรค์ทำให้คนคิดทบทวน ข้าต้องการเห็นประสบการณ์ของช่างตีเหล็กผู้เชียวชาญทุกคนเพื่อที่ข้าจะได้เรียนรู้จากพวกเขา”
นี่เป็นข้อแก้ตัวที่ โจวชู คิดขึ้นมา แม้ว่ามันจะฟังดูเสแสร้งไปหน่อย แต่มันก็สมเหตุสมผลเช่นกัน
“ข้าเข้าใจแล้ว” หยิน หวู่โหย่ว พูดเบา ๆ
เป็นสิ่งที่ดีที่ โจวชู ต้องการปรับปรุง หากเขาสามารถเป็นช่างตีเหล็กผู้เชียวชาญได้ มันจะเป็นพรสำหรับอาณาจักรต้าเซี่ย
สำหรับการมองผ่านประสบการณ์ของช่างตีเหล็กผู้เชียวชาญ มันยากที่จะบอกว่ามีประโยชน์หรือไม่
หยิน หวู่โหย่ว ไม่สงสัยในความตั้งใจของ โจวชู แม้ว่าข้อมูลเกี่ยวกับ ช่างตีเหล็กผู้เชียวชาญ จะถือเป็นความลับ แต่ โจวชู เป็นสมาชิกของแผนกหลอมอาวุธ ดังนั้นจึงไม่มีอันตรายใด ๆ ในการดู
“นับตั้งแต่ อาณาจักรต้าเซี่ย ก่อตั้งขึ้น มี ช่างตีเหล็กผู้เชียวชาญ ทั้งหมด 1,398 คน แต่ละคนมีประสบการณ์มากพอที่จะเขียนหนังสือได้เล่มหนา เจ้าต้องการอ่านข้อมูลทั้งหมดของพวกเขาหรือไม่” หยิน หวู่โหย่ว กล่าวอย่างเคร่งขรึม
มีช่างตีเหล็กผู้เชียวชาญมากมายในประวัติศาสตร์ของ อาณาจักรต้าเซี่ย? โจว ชูรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
แต่หลังจากที่เขาคิดเกี่ยวกับมัน มันก็เป็นเรื่องปกติ อาณาจักรต้าเซี่ย มีมาเกือบพันปีแล้ว แม้ว่าจะมีช่างตีเหล็กผู้เชียวชาญเพียงหนึ่งคนทุกปี แต่ก็จะมีอย่างน้อยหนึ่งพันคน พวกเขานับพันกระจัดกระจายไปตามแม่น้ำสายยาวแห่งประวัติศาสตร์ นี้ไม่มากนัก
เราต้องรู้ว่าในชีวิตที่แล้วของ โจวชู จีนก่อตั้งขึ้นเมื่อหลายสิบปีก่อน และมีนักวิชาการหลายพันคนทั้งในสถาบันวิทยาศาสตร์จีนและสถาบันวิศวกรรมจีน
ช่างตีเหล็กผู้เชียวชาญมีค่ามากกว่านักวิชาการของทั้งสองสถาบัน
“มีมากมายเหลือเกิน ข้าแน่ใจว่าข้าคงไม่สามารถจัดการทั้งหมดให้เสร็จได้ในระยะเวลาอันสั้น” โจว ชู กล่าว
ข้อมูลของ ช่างตีเหล็กผู้เชียวชาญ มากกว่าหนึ่งพันคนเทียบเท่ากับหนังสือมากกว่าหนึ่งพันเล่ม หนึ่งปีอาจไม่เพียงพอหากเขาอ่านทั้งหมดในครั้งเดียว
“ข้าจะเลือกสองสามเล่มเพื่ออ่านก่อน”
“บอกข้าว่าเจ้าต้องการอ่านเกี่ยวกับใคร ข้าจะให้คนนำข้อมูลมาให้”
ในการแบ่งผู้ใต้บังคับบัญชา โจว ชู เป็นคนเดียวที่อยู่ภายใต้การควบคุมโดยตรงของเธอ เธอย่อมไม่ปฏิเสธคำขอเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้
นี่ไม่ใช่อะไรสำหรับเธอเลย
โจว ชู ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาไม่รู้จักช่างตีเหล็กผู้เชียวชาญของ อาณาจักรต้าเซี่ย มากนัก
“ท่านเสนาบดี มีช่างตีเหล็กผู้เชียวชาญที่มาจากภูมิหลังธรรมดาหรือไม่?” โจว ชู ถาม
หยิน หวู่โหย่ว มองไปที่ โจวชู และเข้าใจ
ตัว โจวชู เองก็เป็น ช่างตีเหล็กฝึกหัด และมาจากภูมิหลังที่ต่ำต้อย เขาต้องการค้นหา ช่างตีเหล็กผู้เชียวชาญ บางคนที่มีจุดเริ่มต้นคล้ายกับเขาและดูว่าพวกเขากลายเป็น ช่างตีเหล็กผู้เชียวชาญ ได้ยังไง
หยิน หวู่โหย่ว ตกอยู่ในความคิดลึก ๆ หลังจากได้เป็นเสนาบดีใหญ่ของแผนกหลอมอาวุธ หยิน หวู่โหย่ว ก็ตรวจสอบมาบ้าง แม้ว่าเธอจะไม่รู้จักช่างตีเหล็กผู้เชียวชาญทั้งหมดในประวัติศาสตร์ของ อาณาจักรต้าเซี่ย แต่เธอก็รู้จักผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่
“มีเพียงไม่กี่คนที่มาจากภูมิหลังธรรมดาและพึ่งพาการทำงานหนักของตนเองเพื่อก้าวไปสู่ ช่างตีเหล็กผู้เชียวชาญ แม้ว่าจะมีไม่มากนัก แต่ก็ยังมีอยู่บ้าง” หยิน หวู่โหย่ว กล่าว “ตัวอย่างเช่น ช่างตีเหล็กผู้เชียวชาญ จู ชวนเฟิง ช่างตีเหล็กผู้เชียวชาญ จาง ติงหยวนเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว และช่างตีเหล็กผู้เชียวชาญ โมฮันผู้มีชื่อเสียงเมื่อร้อยปีก่อน”
หยิน หวู่โหย่ว พูดชื่อไม่กี่ชื่อ นอกจาก จู ชวนเฟิง แล้ว โจวชู ไม่เคยได้ยินชื่อคนอื่นมาก่อน
แต่ตราบใดที่ จู ชวนเฟิง อยู่ท่ามกลางพวกเขา เขาก็ไม่สนใจใครอื่น
“เพียงไม่กี่คน ขอบคุณท่านเสนาบดี!” โจวชู ป้องมือของเขาและแสดงความขอบคุณ
“เอาล่ะ ข้าจะให้คนส่งข้อมูลของพวกเขาไปที่โรงหลอมที่ 0 ระวังอย่าให้ใครเห็น ส่งคืนหลังจากอ่านแล้ว” หยิน หวู่โหย่ว กล่าว
โจวชู ตกลงและจากไป
เขากำลังจะก้าวออกจากคฤหาสน์ขององค์หญิง จู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงของ หยิน หวู่โหย่ว ดังมาจากข้างหลังเขา
“ค่ำคืนอันเงียบสงบ แสงจันทร์ถูกปกคลุมด้วยหมอกหนา..นี่คือบทกวีใหม่ของเขาหรือ?”
ฝากติดตามเพจ "นักแปลลูกอ่อน" ด้วยนะครับ ผิดพลาดประการใดเม้นบอกกันได้นะครับ จะพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น