ตอนที่ 668 ภูผาน้ำแข็ง
ลั่วซือเล่นกับชิ้นส่วนเต็มไปหมด เหมือนกับเด็กกำลังเล่นกับของเล่นและเขาหมกมุ่นไม่เงยหน้าขึ้นเลย ไม่มีพักเขาลืมตัวขลุกอยู่กับกองขยะ โชคดีสำหรับเขา เขาเป็นขุนพลวิญญาณ
ก่อนที่เซรีนจะออกไป นางบอกทุกคนไม่ให้ไปรบกวนเขา แต่ผู้เฒ่าของห้องวิจัยพลังสายเลือดก็อดเป็นห่วงเขาไม่ได้ และทุกวันพวกเขาจะผลัดกันมาดูลั่วซือ ผู้เฒ่าเฟ่ยนั่งจิบน้ำชา มองดูลั่วซือหมกมุ่นอยู่กับชิ้นส่วนประกอบและประหลาดใจเล็กน้อย ในเรื่องของอายุลั่วซือเป็นขุนพลวิญญาณจากเมื่อหมื่นปีที่แล้ว แก่กว่าทุกคนในห้องวิจัยพลังสายเลือดรวมกันมากมายเสียอีก แต่ลั่วซือตอนนี้มองดูเหมือนเด็ก ทำให้พวกผู้เฒ่าทั้งหลายรู้สึกผิดที่พวกเขาไม่รักษาเขาให้ดี
‘เขาเป็นขุนพลวิญญาณที่ไร้เดียงสาจริงๆ’
ผู้เฒ่าเฟ่ยมองดูเวลา ‘จวนได้เวลาแล้ว’
เป็นไปตามคาดลั่วซือโยนชิ้นส่วนที่ยังไม่สมบูรณ์ในมือลงและเดินไปที่ข้างสนามฝึกฝน ทุกๆ วันในเวลาเดียวกันลั่วซือจะวางชิ้นส่วนประกอบและเดินไปที่สนามฝึกและดูนักสู้สายจักรกลฝึกฝน
เขาจะสังเกตดูอาวุธจักรกลวิญญาณอย่างเงียบๆสังเกตดูอาวุธจักรวิญญาณวิ่งไปมา บ้างก็ตัวไถไปกับพื้นบ้างก็ปะทะกันรุนแรงและมีประกายในดวงตาของเขา มันคุ้นเคยอย่างแปลกประหลาดทำให้ลั่วซือสงสัย
ไม่มีใครรู้ แต่ทุกๆ วันในเวลานี้ความทรงจำจะผุดขึ้นมาในใจของเขา
‘หรือว่าข้าเคยเห็นภาพเช่นนั้นมาก่อนในอดีต?’
เขาอยู่ในอาการมึนงงสะบัดศีรษะเพื่อขจัดความคิดวุ่นวายออกไปจากใจของเขา จากนั้นเขาเพ่งมองสนามฝึกฝนอีกครั้ง สนามฝึกฝนจะมีการซ้อมฝีมือกัน ทหารหมายเลข 23 แพ้อีกแล้วเขาชอบเปิดชายโครงด้านขวาซึ่งทำให้คู่ต่อสู้ฉวยโอกาสจนเขาต้องเจ็บตัวบาดเจ็บและพ่ายแพ้
ความทรงจำสองสามอย่างผุดขึ้นมาอีกครั้ง ภาพที่ไม่ชัดทับซ้อนกับสิ่งที่เขาได้เห็น
เพราะเหตุผลบางอย่างเขารู้สึกว่าทหารหมายเลข 23 ไม่ควรแพ้ แม้ว่าเขาจะแพ้มาอย่างต่อเนื่องถึง 22รอบซึ่งเป็นจำนวนที่ห่างจากหมายเลขที่เขาได้รับมอบหมาย
ทันใดนั้นเขาเดินไปที่สนามฝึก
ผู้เฒ่าเฟ่ยเบิกตากว้าง ถ้วยน้ำชาที่จ่ออยู่ที่ปากชะงักอยู่กับที่ และเขาไม่เคลื่อนไหวเลยแม้แต่นิ้วเดียว หลังจากนั้นหลายวันนี่เป็นปฏิกิริยาแรกของลั่วซือ
ตวนมู่เป็นผู้อำนวยการฝึกฝนในสนามฝึกสั่งทหารที่กำลังฝึกหยุดทันที ทุกคนมองดูลั่วซือที่เดินเข้ามาในสนามฝึกอย่างประหลาดใจ ไม่มีใครกล้าว่าลั่วซือ พวกเขาทุกคนรู้จักขุนพลวิญญาณที่บาดเจ็บสาหัส แต่ก็ไม่เข้าใจว่าลั่วซือกำลังพยายามทำอะไร
เขาเดินไปที่หมายเลขที่23 “เจ้าต้องการชนะไหม?”
ในสนามฝึกเงียบเป็นป่าช้า ทุกคนตะลึงกับคำพูดของลั่วซือ
ทหารหมายเลข23 มองดูลั่วซืออย่างว่างเปล่า และตอบโดยไม่รู้ตัว “ขอรับ,อยากชนะ”
“สวมชุดจักรกลของเจ้า และตามข้ามา”
ลั่วซือพูดแค่นั้นจากนั้นหันหน้าเดินไปที่กองชิ้นส่วนอาวุธจักรกล
ตวนมู่รู้ตัวเร็วกว่าทหารคนนั้นและตวาดทันที “ยังจะยืนบื้ออยู่ทำไม? ไปสิ!”
หมายเลข23 รีบลุกขึ้นทันทีและติดตามลั่วซือไป ตาของตวนมู่เป็นประกายอิจฉา นับเป็นวาสนาแท้ที่โอกาสวิ่งมาหาโดยไม่ต้องแสวงหา แต่เขารีบกลับสงบได้โดยเร็ว ตวนมู่ในฐานะชั้นวางอาวุธกลายเป็นหัวหน้าอำนวยการอบรมของเมืองสามวิญญาณและรับผิดชอบถ่ายทอดวิทยายุทธให้ทหารและเขาพึงพอใจกับชีวิตของเขา
ขุนพลวิญญาณที่บาดเจ็บหนักและอาวุธจักรกลวิญญาณเดินไปด้วยกัน
**********************
ข่าวว่าปรมาจารย์วิศวกรจักรกลเซรีนจะกลับมาเยือนกลุ่มดาววัวแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว
กลุ่มดาววัวตกต่ำลงมาในช่วงไม่กี่ปีมานี้ และไม่มีคนสำคัญถือกำเนิดจากกลุ่มดาววัวดูเหมือนอัจฉริยะผู้มีพรสวรรค์จะหายไปหรือติดความสะดวกสบายก็มิทราบได้
ในฐานะหนึ่งในสิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคากลุ่มดาววัวคุ้นกับการแสดงถึงความรุ่งเรืองวังทอรัสสร้างล้อมด้วยผนังทองมีกิจกรรมคึกคักทุกวัน แต่ภายในกำแพง ภายในผนัง เริ่มมีรอยกัดเซาะรอยร้าวรอยแตก ใยแมงมุมและฝุ่นปกคลุมสถานที่
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ชื่อของเซรีนไม่เคยเกี่ยวข้องกับกลุ่มดาววัวเลย จนกระทั่งเมื่อเร็วๆ นี้ด้วยความแข็งแกร่งของกลุ่มดาวหมีใหญ่ เซรีนได้รับการเชิดชูว่าเป็นสุดยอดปรมาจารย์จักรกลรุ่นปัจจุบันชื่อเสียงของนางกระจายไปในวงกว้าง ดังนั้นข่าวว่ารากเหง้านางมากจากกลุ่มดาววัวจึงเป็นที่รู้กันอย่างกว้างขวางและทำให้ชื่อของเซรีนได้รับความนิยมในกลุ่มดาววัว
กลุ่มดาววัวส่งกองทัพขนาดใหญ่ออกมาต้อนรับ มีเจ้าชายแบร็ดลี่ย์นำกองทัพเป็นการส่วนตัว พวกเขามุ่งหน้าไปที่ประตูดวงดาวเพื่อเตรียมความพร้อม
ไม่เคยมีพิธีการขนาดใหญ่แบบนั้นในกลุ่มดาววัวและนั่นจึงนำมาซึ่งการวิจารณ์เป็นธรรมดา
“ข้าไม่เข้าใจญาติผู้พี่กะอีแค่สตรีคนเดียว เราต้องจัดขบวนใหญ่โตถึงเพียงนี้เชียวหรือ?” ออสตินบ่น เขาก็เป็นเจ้าชายพระองค์หนึ่ง และโตขึ้นมาพร้อมกับแบร็ดลีย์ ทั้งสองคนสนิทกันมากและพูดคุยกันเป็นปกติ เขายังคงบ่นต่อ “ข้าหวังว่านางคงงดงามนะ ถ้าไม่อย่างนั้นเสียเวลาแย่”
แบร็ดลีย์หัวเราะ “เจ้าไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ เซรีนเป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่านางงามมาก”
แตกต่างจากออสตินผู้ดูรูปงาม แบร็ดลีย์จริงใจและซื่อสัตย์มากกว่า “เจ้าชายหนุ่มป่าเถื่อนแบร็ดลีย์อาจนับได้ว่าเป็นสิ่งปลอบประโลมกลุ่มดาววัวในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แม้ว่าเขาจะไม่มีศักดิ์ศรีเท่ากับถังเทียนหรือซือหม่าเซี่ยว แต่ลักษณะการทำงานที่มั่นคงของเขาทำให้เขาได้รับการยกย่อง
ออสตินหัวเราะ “ยังหวังว่าตระกูลอีวานสามารถสร้างหญิงงามออกมาได้หรือ? ถ้าตระกูลอีวานมีสตรีงามได้สักครึ่งหนึ่งของสาวใช้พวกเขา ประตูบ้านตระกูลอีวานคงถูกเหยียบย่ำราบไปนานแล้ว”
แบร็ดลี่ย์หัวเราะ แต่ไม่พูดอะไร
“จริงๆแล้วพระราชาของเราต้องการอะไรกันแน่?” ทันใดนั้นออสตินถามด้วยความสงสัย “นี่เป็นการตบหน้าตระกูลอีวานโดยแท้ นักเลงเก่าแก่ในตระกูลอีวานทนกล้ำกลืนเรื่องตกต่ำนี้ได้ยังไง?”
“ทาวตันดุร้ายยิ่งกว่าเรา” แบร็ดลี่ย์ยังคงยิ้มเต็มหน้าและกล่าว “เจ้าสวะโจเซ่นั่นทำภารกิจล้มเหลวพวกเขาค้นพบว่าวางยาพิษมารดาของเซรีนในปีนั้น และจากนั้นยังพบว่ามีรายงานอีกว่าจางหมิงเฮ่อที่โจมตีเมืองสามวิญญาณก็มีความเกี่ยวข้องกับนาง ตระกูลซูและสมาพันธ์ชาวยุทธมีความสนิทกันมากดังนั้นคุณนายซูซี่จึงถูกจองจำ เพราะเหตุนี้ตระกูลซูถึงได้ไปหาถึงประตูบ้านตระกูลอีวาน ส่งผลให้ทาวตันเจ้านักเลงเก่านั่นออกมาและเกิดเรื่องวุ่นวายจนเกือบจะจบลงด้วยการต่อสู้
“ร้ายกาจนัก!” ออสตินสูดหายใจลึก ทันใดนั้นเขาจำบางอย่างได้ และเขาทำตาโต “โจเซ่คือผู้สืบทอดตำแหน่งของตระกูลอีวาน แต่ตอนนี้เขาถูกตัดสินโทษและพวกเขาบอกจะให้ใครแทนตำแหน่งเขา? หรือว่าจะเป็น... เจ้านักเลงเฒ่านั่นต้องการให้เซรีนรับตำแหน่ง?!”
“ถ้าเจ้าคิดอย่างนั้น ข้าคิดว่านักเลงเฒ่านั่นก็คงคิดเอาไว้เรียบร้อยแล้วเช่นกัน” แบร็ดลี่ย์พูดอย่างเฉยเมย
“ไร้สาระ, นั่นมันบ้าแท้ๆ!” ออสตินพึมพำ “ข้าไม่เข้าใจ สตรีคนนั้นมีอะไรดีมากมายขนาดนั้น? ทุกคนทำเกินไปหรือเปล่า ก็แค่คนกลุ่มดาวหมีใหญ่ไม่ใช่หรือ? สมาพันธ์ชาวยุทธยังไม่แพ้เลย!”
แบร็ดลี่ย์รู้ว่าญาติผู้น้องมีความรู้สึกที่ดีต่อสมาพันธ์ชาวยุทธ และเขาไม่คัดค้านเขาได้แต่หัวเราะ“นอกจากคนสองคนแล้ว คนอื่นๆ ในพวกนั้นเสร็จแน่นอน”
ออสตินแค่นเสียง “สมาพันธ์ชาวยุทธอยู่ในสวรรค์วิถีมาเกินกว่าร้อยปีแล้ว และหยั่งรากลึกคาดไม่ถึงที่นี่ กลุ่มดาวเล็กๆอย่างกลุ่มดาวหมีใหญ่จะไปเทียบกับพวกเขาได้ยังไง”
“ถ้ากลุ่มดาวหมีใหญ่เป็นกลุ่มดาวเล็ก อย่างนั้นดาววัวของเราจะนับอย่างไรได้?”แบร็ดลี่ย์กล่าวอย่างเฉยเมย
ออสตินสำลัก ความแข็งแกร่งอ่อนแอของกลุ่มดาวคือสิ่งที่ทุกคนรู้ และความขัดแย้งทั้งหมดเกี่ยวกับเรื่องที่เพิ่งเกิดมาเร็วๆ นี้ เพราะช่วงที่ผ่านมาไม่กี่ปี ไม่มีศิษย์จากตระกูลใหญ่ที่สามารถนับได้ว่าเป็นอัจฉริยะผู้มีพรสวรรค์เลย และเนื่องจากพวกเขามีทรัพยากรจำนวนมาก อัจฉริยะผู้มีพรสวรรค์จากคนธรรมดามักจะถูกสำรวจกวาดต้อนโดยกลุ่มดาวอื่น”
คนที่อยู่ข้างๆออสตินและแบร็ดลี่ย์ไม่ร่วมวงสนทนาด้วย แต่พวกเขาคิดถึงความหมายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังคำพูดของเจ้าชายแบร็ดลี่ย์
“พวกเขากำลังมา!”
มีบางคนตะโกน ประตูดวงดาวข้างหน้าพวกเขาเริ่มเปล่งรัศมีแพรวพราว
ขาจักรกลสีเงินยืดออกมาจากประตูดวงดาวตามมาด้วยอาวุธจักรกลวิญญาณชุดหนึ่งเดินออกมา คนพวกที่มีอิทธิพลในกลุ่มดาววัวรู้สึกอยากรู้อยากเห็นทันที อาวุธจักรกลวิญญาณที่อยู่ต่อหน้าพวกเขาแตกต่างจากที่มีวางขายในตลาดเห็นได้ชัดว่ากลุ่มดาวหมีใหญ่ได้ออกแบบอาวุธจักรกลวิญญาณเป็นพิเศษสำหรับทหารพวกเขาเองซึ่งคนภายนอกไม่มีทางซื้อได้
เทียบกับอาวุธจักรกลวิญญาณธรรมดาซึ่งมีความสูง4-5 เมตร อาวุธจักรกลวิญญาณที่อยู่ข้างหน้าพวกเขาบางกว่ามาก มันมีส่วนสูงสองเมตร สูงกว่าคนทั่วไปเล็กน้อย ไม่มีส่วนประกอบจักรกลที่ใหญ่และหนักอยู่บนร่างของมัน แต่ความโค้งมนสวยงามเหมือนกับน้ำไหลพันอยู่รอบร่างกายของนักสู้สายจักรกล ดูไม่อวบอ้วนเกิน ดูเหมือนกับเกราะเงิน ปีกสีโปร่งใสบนหลังดูสะดุดตาสิ่งที่ทำให้คนประหลาดใจที่สุดก็คืออาวุธจักรกลวิญญาณที่บางและสวยสง่าดูเหมือนจะหนักมาก ทุกย่างก้าวทำให้เกิดเสียงดังสั่นสะเทือน
ต้องเป็นอาวุธจักรกลวิญญาณรุ่นล่าสุดจากกลุ่มดาวหมีใหญ่ภูผาน้ำแข็ง
หลายคนอยากจะบันทึกทุกสิ่งทุกอย่างที่เห็นนี้ ข่าวของภูผาน้ำแข็งแพร่กระจายไปไกล กล่าวกันว่าเป็นงานที่ดีที่สุดของเซรีน ได้เห็นกับตาวันนี้ พวกเขาจะปล่อยโอกาสไปได้อย่างไร? และเมื่อเทียบกับกลุ่มดาวอื่น ความสำเร็จอย่างฉับพลันกลุ่มดาวหมีใหญ่นั้นลึกลับมาก พวกเขาปรากฏขึ้นมาในท้องฟ้าโดยไม่มีคำเตือนทำให้กลุ่มดาววัวสงสัยพวกเขามากขึ้น
ทหารชุดเกราะเงินคนแล้วคนเล่าเดินออกมาจากประตูดวงดาวเหมือนกับสายน้ำไหล
ตลอดกระบวนการทั้งหมดไม่มีเสียงดังกริ๊ก มีแต่เสียงสะเทือนของอาวุธจักรกลวิญญาณ
อาหลุนเดินออกมาจากประตูดวงดาว เมื่อกลุ่มคนในต่อหน้า เขาขมวดคิ้วระยะห่างระหว่างเขากับพวกมันใกล้กันมากและอุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ง่ายจากระยะขนาดนั้น สำหรับภารกิจ พวกเขาต่อสู้มาอย่างโชกโชน ในที่สุดก็เป็นอาหลุนและเฉินจื่อหลินที่เป็นคู่หูที่เข้าขากันได้รับหน้าที่คอยปกป้องเจ๊ใหญ่
อาหลุนไม่ต้องการให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น เขาควบคุมอาวุธจักรกลวิญญาณและเดินตรงไปที่กลุ่มผู้คน
แม้ว่าออสตินจะรู้สึกเครียด แต่เขาก็ยังฝืนยิ้มออกมา แต่ก่อนที่เขาจะสามารถพูดได้ นักสู้ที่เดินเข้ามาหาพูด “พวกท่านทุกคน ถอยออกไป 60 เมตร!”
ออสตินยิ้มค้าง สีหน้าของทุกคนแข็งค้างเช่นกัน
“พวกท่านทุกคนถอยออกไป 60 เมตรเดี๋ยวนี้!”
ในท่ามกลางความเงียบอาหลุนพูดย้ำอีกครั้ง น้ำเสียงของเขาไม่มีความลังเลสงสัย ง่ายๆ แต่มีประสิทธิภาพสำหรับผู้ที่ได้ยิน
ไม่มีใครเคลื่อนไหว อาหลุนหยีตา และร่องรอยรังสีฆ่าฟันฉายผ่านในดวงตาของเขา
แคล้ง! เขาชักดาบเงินออกมาจากด้านหลัง
แคล้ง! ทหารทุกคนที่ด้านหลังเขาก็ชักดาบเงินออกมาจากที่หลัง
“ทุกคนที่อยู่ตรงนี้ ถอยออกไป 60 เมตรเดี๋ยวนี้”
อาหลุนพูดเน้นทีละคำช้าๆ รังสีฆ่าฟันกระจายเต็มบริเวณ