ตอนที่ 666 ถังเทียนปรากฏตัว
แสงฉายวาบออกมา
บึ้มมม!
ฝูตงคูรู้สึกว่าแสงสว่างเจิดจ้าและรุนแรงบดบังการมองของเขาทำให้เขาตาบอดแสงไปชั่วคราว เรือรบที่ใต้เท้าเขาสั่นสะเทือนรุนแรง และในขณะนั้นเขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถยืนได้อย่างมั่นคงราวกับว่าถูกพายุโหมกระหน่ำ ในช่วงเวลาต่อมานั้น เสียงระเบิดกึกก้องก็ดังตามมา ทำให้ทุกคนตาพร่าหูอื้อไปตามๆกัน
ใจของฝูตงคูว่างเปล่าไม่ใช่ความขี้ขลาด แต่เป็นธรรมชาติของมนุษย์
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที สายตาของเขาก็กลับคืนเป็นปกติ และเขาตกใจกับภาพที่เห็นทันที รอบๆตัวเขาออกไปสองกิโลเมตรก็คือเรือรบลำอื่น ตกอยู่ในท่ามกลางเปลวเพลิง ทหารต้องการจะวิ่งหนีออกมาจากเรือรบ แต่พวกเขาไม่สามารถดิ้นรนหนีออกมาจากเปลวเพลิงที่น่ากลัวได้
แครก แครก แครก!
เสียงแตกระเบิดที่น่ากลัวดังขึ้น ฝูตงคูรู้สึกผิวชาขณะที่เขาเห็นเรือรบข้างหน้าเขาเริ่มแตกเป็นสองเสี่ยง กลายเป็นกองไฟขนาดใหญ่สองกอง
ฝูตงคูไม่ใช่มือใหม่ แต่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นฉากภาพโศกนาฏกรรมแบบนั้น
นั่นคือเรือรบระดับเงิน!
เรือรบระดับเงินขนาดกลางมีความสามารถป้องกันที่โดดเด่น และด้วยโครงสร้างที่ทรงพลังพอๆ กันด้วยอาวุธของมัน จึงทำให้เรือรบระดับเงินนี้มีราคาอย่างน้อยสองแสนล้านคลาวด์
สองแสนล้านคลาวด์เผาไหม้อยู่ต่อหน้าเขาทำให้ฝูตงคูตะลึง
ความสูญเสียทำให้เขาเจ็บปวดหัวใจ
ซุ่มโจมตี!
เป็นการซุ่มโจมตีของศัตรู!
ฝูตงคูสั่นสะท้านและตะโกนทันที “ถอนกำลัง! ทุกคน ถอนกำลัง!”
ฝ่ายตรงข้ามควบคุมการโจมตีของพวกเขาไว้ได้ตั้งแต่ต้นบังคับให้เรือโจมตีเคลื่อนมาข้างหลังและให้เรือรบหลักเป็นโล่กันข้างหน้า จากนั้นพวกเขาจงใจลดกำลังยิงลงทำให้สำคัญผิดว่าอ่อนแอ ทำเหมือนกับว่าพวกเขาตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน เรือรบเข้าไปใกล้เกินไป ดังนั้นจึงไม่สามารถหลบพลังโจมตีได้ แผนทั้งหมดในแต่ละการเคลื่อนไหวมีความต่อเนื่อง ถ้าพวกเขาต้องกลับไปเริ่มใหม่ฝูตงคูคงถูกหลอกอีกครั้ง
เป็นแผนที่ทรงพลังอำนาจจริงๆ
ฝูตงคูบังคับตนเองให้สงบใจ ถ้ารายงานเป็นความจริง อย่างนั้นจะไม่มีประโยชน์อะไรกับอีกฝ่ายที่วางแผนซุ่มโจมตี เพราะพวกเขามีกำลังไม่เพียงพอ แผนอย่างนั้นไม่ทำให้พวกเขาได้รับชัยชนะแม้แต่น้อย
เว้นแต่...
ฝูตงคูใจเต้นแรง
‘ทั้งหมดนี้เป็นอุบาย? พวกเขาปล่อยข้อมูลว่าทวีปซางโจวว่างเปล่าไม่มีสิ่งสนับสนุน? และข้อมูลสะพานลอยเป็นข้อมูลเท็จ? ความคิดมากมายผ่านเข้ามาในใจของฝูตงคู ยิ่งคิดมากขึ้นก็ยิ่งรู้สึกกลัวความหวาดระแวงนี้ทำให้ความมั่นใจของเขาสั่นคลอน เขาตัดสินใจถอยไปดูสถานการณ์
พวกเขาถอยห่างออกไป 30กิโลเมตร
****************************
เรือรบของศัตรูใกล้เข้ามาทุกทีทำให้ถังเทียนสงบใจได้มาก ความเคลื่อนไหวของปู้จื้อเฟยสร้างความตกใจให้กับเขา แต่ในเวลาอันรวดเร็ว เขากลับประทับใจแทนที่ ‘ดูเหมือนว่าเจ้าคนหงุมหงิมนั่นจะมีมาตรฐานไม่เบา’ เขาไม่ได้หลับหูหลับตาป้องกันป้อมปราการถ่วงเวลาอย่างเดียวและยังสามารถทำลายเรือรบศัตรูได้ นี่ทำให้ถังเทียนรู้สึกนับถือเขา
เมื่อเห็นว่าโจรสลัดตกใจเหมือนฝูงนกและถอยไปอย่างจงใจ ถังเทียนรู้สึกดีใจมากขึ้น
ราวกับว่าพวกเขาอยู่บนแผ่นเงิน พวกเขาประหยัดเวลาในการเดินทางจนมาถึงด้านหลังกองเรือ ถังเทียนให้สัญญาณกับพวกที่เหลือ ทุกคนตื่นเต้นกันมาก ต่างถือสมบัติดวงดาวเอาไว้เพียงแต่ยังไม่กระตุ้นการทำงาน
“เริ่มได้”
ทันทีที่ถังเทียนสั่งการพวกเขา พวกเขากระตุ้นการทำงานของสมบัติดวงดาวในมือของพวกเขาพร้อมกัน
กลุ่มแสงสว่างวาบขึ้นอย่างรวดเร็ว บรรดาสมบัติที่หลับใหลถูกกระตุ้นให้ตื่นขึ้น และจิตวิญญาณยุทธซึ่งเดิมที่มาจากสวรรค์วิถีพอประสบกับพลังงานที่หนาแน่น ก็เริ่มทำงานอย่างยินดีทั้งหมด
พวกมันเริ่มสูบพลังงานอย่างเมามัน
พลังงานทั้งหมดเริ่มทะลักเข้าหาสมบัติเหล่านั้นอย่างคลุ้มคลั่ง พวกเขาอยู่ในทะเลพลังงานซึ่งไม่ใช่แหล่งขาดแคลนพลังงาน สมบัติทุกชิ้นจึงกลายเป็นเหมือนวังวน ครั้งนี้ถังเทียนใช้สมบัติค่อนข้างน้อย สมบัติในมือของพวกเขาเป็นสมบัติระดับเงินทั้งหมด
แต่พวกมันถูกเจ้าของข่มไว้ได้แล้ว
สมบัติที่ถูกข่มจะกระสับกระส่ายดิ้นรนอยู่ในมือเจ้าของๆพวกมัน สำหรับสมบัติระดับเงิน 700ชิ้นที่ดิ้นรนพร้อมกัน จะก่อให้เกิดความปั่นป่วนใหญ่ขนาดย่อมๆ ระยะห่างระหว่างทั้งสองฝ่ายใกล้กันมาก ดังนั้นจึงทำให้พวกเขาตรวจพบเจอ
“พวกเขาตามเรามาข้างหลัง!”
บริวารคนหนึ่งร้องลั่นทำให้ฝูตงคูต้องรีบมาดูที่หน้าต่าง
ด้านนอกเรือรบมีร่างมนุษย์หลายคนพร้อมกับปรากฏแสงจางๆ อยู่ในมือของพวกเขา
แย่แล้ว! ซุ่มโจมตี!
ฝูตงคูสีหน้าเปลี่ยน,น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไปทันที “เราต้องไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!”
ในขณะนั้นเองเสียงตะโกนดังมาจากด้านนอกกองเรือ “โยนเลย!”
คำสั่งของถังเทียนทำให้ทุกคนรู้สึกเหมือนกับว่าได้ปลดภาระออกจากบ่าพวกเขา สมบัติในมือของพวกเขากำลังเผาไหม้เหมือนกับเหล็กหลอมและพวกเขาโยนออกไปใส่กองเรือ หลังจากนั้นทุกคนหันหลังวิ่งโดยไม่ลังเล ทุกคนแตกกระเจิงเหมือนกับว่ามีหมาล่าเนื้อวิ่งไล่กวดพวกเขา และไม่ต้องสนใจภาพลักษณ์ว่าจะเป็นเช่นไร พวกเขาดูเหมือนจะกลัวบางอย่าง
กลุ่มแสงเดินทางไม่ไว แต่ระยะห่างระหว่างทั้งสองฝ่ายใกล้เกินไป
แสงไฟที่อยู่ในมือพวกเขาเริ่มบวมขึ้นในระดับที่น่าตกใจเมื่อพวกเขาโยนออกไป กลายเป็นขนาดเท่าอ่างอยู่ในกลางอากาศ แสงเหล่านั้นมีมากมายหลายสีมีวังวนอยู่ที่ปลายขอบ แสงไฟเหล่านี้ยังคงสว่างขึ้นอย่างรวดเร็ว!
ความรู้สึกถึงอันตรายที่รุนแรงครอบงำฝูตงคู ตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขารู้สึกเหมือนกับว่าเขาตกลงไปในบ่อที่เต็มไปด้วยคมมีด
พลังงานทั้งหมดโดยรอบกำลังทะลักเข้าหาแสงนั้น
สมบัติดวงดาวพอสูญเสียการควบคุมก็ดูดซับพลังงานอย่างบ้าคลั่งเกิดเป็นรัศมีแพรวพราวเต็มท้องฟ้า เหมือนกับดาวตกพุ่งผ่านท้องฟ้า
“เราต้องออกไปเดี๋ยวนี้!” ฝูตงคูคำราม ตาของเขาแดงก่ำเหมือนนักพนันที่เล่นจนหมดตัว
“เรือรบกำลังจะถูกดูดเข้าไป!”เสียงของบริวารดังขึ้นเต็มไปด้วยความกลัวและความสิ้นหวัง
หลังจากกระตุ้นสมบัติดวงดาวแล้ว พวกเขากำลังข่มสมบัติดวงดาวไม่ให้สูญเสียการควบคุม แต่หลังจากกดข่มแล้ว สมบัติชั้นเงินเหล่านี้สามารถดึงพลังมาจากรอบด้านอย่างไม่ถูกจำกัดพลังงานไร้ขอบเขตทำให้จิตวิญญาณยุทธภายในสมบัติเติบโตอย่างรวดเร็ว ขณะที่สมบัติเหล่านั้นเสริมพลังต่อไป การสูบพลังงานของสมบัติกลับทรงพลังมากยิ่งขึ้น
สมบัติชั้นเงิน 700ชิ้นดูดเก็บพลังงานพร้อมกันทำให้พลังงานในรัศมี 50 กิโลเมตรถูกดูดเข้ามา แม้แต่ภูมิภาคกระแสพลังใต้ซึ่งถังเทียนและพวกที่เหลือก็ยังไม่กล้าลองดู พลังงานเส้นสายสีดำคล้ายกับภูษาสีดำเริ่มถูกดึงดูดเข้าไปในแสง
กองเรือของฝูตงคูอยู่ที่ใจกลางวังวนพวกเขาจะหลบไปได้อย่างไร?
ถังเทียนและศิษย์ของตระกูลใหญ่ไม่ได้หันกลับไปดู พวกเขาพยายามเผ่นหนีอย่างสุดกำลังพยายามไปให้ไกลที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ พวกเขารู้ว่าแสงนั้นน่ากลัวเพียงไหน เพราะพวกเขาได้ดูดซับพลังงานในเกาะใต้มาก่อนครั้งหนึ่งแล้ว
ปัจจุบันนี้พวกเขาอยู่ในทะเลพลังงานที่ซึ่งในทุกตารางนิ้วหนาแน่นไปด้วยพลังงาน
‘หนี!’
‘หนีอย่างสุดกำลัง!’
นั่นคือความคิดที่อยู่ในใจของทุกคน พลังดูดที่น่ากลัวด้านหลังพวกเขาสั่นสะท้านพลังงานรอบตัวพวกเขา พวกเขาเป็นเหมือนปลาที่ว่ายน้ำทวนกระแส ทุกๆ ย่างก้าวทำได้อย่างยากลำบาก ความเร็วของพวกเขาตกลง
เสียงครางดังอยู่ข้างๆเขา ทำให้ถังเทียนหันไปดู เขาเห็นศิษย์ตระกูลคนหนึ่งสูญเสียการควบคุมตนเอง ในพริบตาที่จะถูกดึงไป ร่างถังเทียนกระพริบและมาปรากฏที่ข้างตัวศิษย์ผู้นั้นและคว้าคอเสื้อเขาไว้และตะโกน “ระวังตัวเจ้าเองไว้ด้วย!”
เพียงแค่นั้นเขาเหวี่ยงศิษย์ผู้นั้นไปอีกด้านหนึ่ง ถ้าเป็นวันธรรมดา ด้วยพลังของถังเทียนคงเหวี่ยงเขากระเด็นไป 300 เมตร แต่ขณะนั้นเขาเหวี่ยงออกไปได้ 30 เมตร
ศิษย์ตระกูลเริ่มแสดงอาการเหนื่อยล้าเพิ่มขึ้น ทำให้ถังเทียนตื่นตัว แรงดูดด้านหลังพวกเขาเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นถ้าพวกเขาไม่หลบไปให้พ้นรัศมี พวกเขาจะถูกดูดเข้าไปในวังวนทันที
“เกาะหลังข้าไว้!”
ถังเทียนคำราม เขาวิ่งมาอยู่ข้างหน้าของกลุ่มและระดมหมัดชกไปข้างหน้าอย่างดุดัน
บึ้ม!
พลังกลายเป็นปั่นป่วน และมีพื้นที่ว่างข้างหน้าเขา ถังเทียนก้าวไปข้างหน้า ก่อนที่กระแสพลังจะบรรจบอีกครั้ง เขาปล่อยหมัดออกไป
บึ้ม บึ้ม บึ้ม!
ถังเทียนเหมือนกับรถไถปรับพื้นที่พุ่งเข้าใส่ทุกอย่าง
ศิษย์ในตระกูลใหญ่ที่อยู่ด้านหลังเขารู้สึกพลังกดดันพวกเขาผ่อนคลายลงจึงได้สติกลับคืน
ทันใดนั้นมีหัวน้อยๆโผล่ออกมาจากชุดของถังเทียน เป็นหยาหยานั่นเองตาของมันสว่างวาบ ‘นี่เป็นสิ่งที่ข้าถนัดที่สุดไม่ใช่หรือ? ขุด ขุด ขุด?’ มันโห่ร้องและกระโดดออกมาจากอกถังเทียน ธงน้อยๆที่ก้นของมันโบกสะบัดอยู่ในอากาศ มันควงหมัดและเริ่มขุดทะลวง แม้ว่าหมัดของมันจะเล็ก แต่หมัดเหล่านั้นก็มีความรุนแรงและมีความถี่ในการโจมตีสูง มันสามารถเบิกทางสายหนึ่ง ในพริบตาก็มีคนกลุ่มหนึ่งตามหลังหยาหยาออกไป
‘เด็กๆ!’ เสี่ยวเอ้อมองดูหยาหยาผู้ตื่นเต้นกำลังคำรามอย่างบ้าคลั่งด้วยสายตาเย็นชา เขายังคงเฉยเมยขณะที่เขามาปรากฏที่ด้านหน้ากลุ่มเหมือนกับภูตพราย ด้วยกระบี่เซียนปราบสมุทรสีใสในมือ เขาแทงกระบี่ออกไป
ม่านพลังแสงในรูปร่มกางออกที่ปลายกระบี่ ร่มดวงดาวกลุ่มดาวหมีใหญ่
ดวงดาวโคจรอยู่บนผิวร่มสร้างละอองชั้นบางๆ เสี่ยวเอ้อยังคงใจเย็น กระบี่เซียนปราบสมุทรวิวัฒนาการแล้ว และกลายเป็นอาวุธทรงอานุภาพมาก แม้เผชิญหน้ากับกระแสพลัง เขาก็ยังใช้ออกได้ง่าย
ศิษย์ตระกูลใหญ่ติดตามด้านหลังเสี่ยวเอ้อทันที
จิ่งหาวหัวเราะ เขายกกระบี่ดื่มเลือดเซียนและฟันใส่กระแสพลังข้างหน้าเขา ซี่.....กระแสพลังงานข้างหน้าฉีกขาดจากกัน และศิษย์ประจำตระกูลด้านหลังของเขารู้สึกว่าแรงกดดันที่ตัวพวกเขาผ่อนคลายลง เมื่อเขาเห็นว่ากระแสพลังบรรจบกันอีกครั้งจิ่งหาวก็ฟันอีกครั้งหนึ่ง
หลังจากฟันอีกครั้งหนึ่ง จิ่งหาวใช้กระบี่ดื่มเลือดเซียนตามปกติ และกลุ่มคนก็มารวมอยู่ด้านหลังของเขา
ด้วยการมีพวกเขานำทาง ความเร็วของพวกเขาเพิ่มขึ้นอีกมาก แต่การเดินทางได้ 25กิโลเมตรจำเป็นต้องใช้เวลาถึงสิบนาที และในสิบนาทีนี้ รู้สึกเหมือนเป็นเวลาทั้งชีวิต ปกติ ระยะทางยี่สิบห้ากิโลเมตรจะใช้เวลาแค่เพียงพูดจบแล้วเท่านั้น
แรงดึงดูดด้านหลังพวกเขาเริ่มอ่อนลง พวกเขารู้ว่าพวกเขาหลบพ้นอันตรายได้แล้ว
หลายคนนั่งลงอ่อนแรงโดยไม่สนใจภาพพจน์ ขณะที่ศิษย์ในตระกูลที่ยังมีเรี่ยวแรงก็ยืนเท้าเข่าหอบหายใจ
“โอวพระเจ้า ดูสิ!”
เสียงหนึ่งดังขึ้นดึงดูดความสนใจของทุกคน ทุกคนหันหน้าไปดู ฉากภาพข้างหน้าของพวกเขาทำให้พวกเขาตกตะลึง บางคนก็เอามือกุมหัวด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ