ตอนที่ 664 การสนับสนุนอย่างแข็งขันจากเย่ว์หวี่
การต่อสู้ในโลกวารียังดำเนินต่อไปเย่คงและเจ้าอ้วนไห่โชคดีที่ได้เห็นการสู้รบที่นักรบอื่นไม่สามารถเห็นได้ตลอดทั้งชีวิต
พวกเขาได้รับประโยชน์มากมายเกินกว่าพวกเขาจะเข้าใจตนเอง
อย่าว่าแต่พวกเขาเลยแม้แต่จงกวน ไป๋หม่าและเฮยถูสามคนที่แนะนำอยู่เสมอให้ยอมแพ้ก็ยังประทับใจลึกๆกับนักรบของหอทงเทียนและจำนวนของคัมภีร์อัญเชิญมากมาย อสูรศักดิ์สิทธิ์ คนพวกนั้นได้แก่จักรใต้พิภพ จักรพรรดิมังกรมารสัมฤทธิ์ฟ้า มารแค้นฟ้า มารฟ้าวิบัติและเป็นเจ้าของอสูรศักดิ์สิทธิ์โดยทั่วไป บรรดาพวกเขา จักรพรรดิมังกรและมารสัมฤทธิ์ฟ้าไม่เพียงแต่มีอสูรศักดิ์สิทธิ์ส่วนตัวถึงสองตนแต่ยังมีอสูรพิทักษ์ที่แข็งแกร่งที่สุดจนใกล้จะเป็นเทพอสูร
เมื่ออสูรศักดิ์สิทธิ์เข้ามาล้อมหย่งฮุยซึ่งเป็นถึงนักสู้ปราณฟ้าระดับที่สี่ทำให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่ากลัว
ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่ามารสัมฤทธิ์ฟ้าและพวกที่เหลือตั้งใจจะมาฝึกและพวกเขาไม่ต้องการฆ่าศัตรูที่ทรงพลังซึ่งหาได้ยากอย่างนั้นหัวหน้าหย่งฮุยผู้สูญเสียภูตแสงไปก็คงตายไปหลายครั้งแล้ว
ในกลุ่มรุ่นผู้เยาว์เสวี่ยทันหลางกับยักษ์พายุน้ำแข็งของเขาเย่คงกับวานรปีศาจชั้นเพชรและเจ้าอ้วนไห่กับนางนวลวายุของเขาไม่สามารถทำอันตรายเขาโดยตรงได้ แต่พวกเขาได้เรียนรู้ทักษะการสั่งการและประสบการณ์ในการรบ นั่นเหมือนสมบัติที่ไม่มีใครเคยได้มาทั้งชีวิต
จงกวนมีเหตุผลที่จะเชื่อว่าเมื่อพวกเขาเติบโตขึ้นเสวี่ยทันหลางและคนอื่นจะเป็นมารสัมฤทธิ์ฟ้าและจักรพรรดิมังกรคนต่อไป
และเขารู้สึกเสียดายที่สุดก็คือนักรบมนุษย์อย่างพี่น้องตระกูลหลี่ก็ยังมีคัมภีร์อัญเชิญ
นี่เป็นเรื่องเกินไปจริงๆ
ต้องรู้ไว้ก่อนว่าในแดนสวรรค์มีแต่นักรบที่มีคุณสมบัติที่ดีที่สุดจึงจะเป็นเจ้าของคัมภีร์อัญเชิญได้ นอกจากนี้ การยกระดับยังทำได้ยากมากเหมือนอย่างที่สาวน้อยหลิวเย่ฝึกไปชั่วขณะแล้วก็พักชั่วขณะจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะยกระดับ นางฝึกเพื่อเป้าหมายยกระดับคัมภีร์อัญเชิญ และยกระดับให้กวางทะลุมิติของนาง แม้กระทั่งระดับของทักษะแฝงเร้น อย่างไรก็ตามความเร็วในการยกระดับทำให้พวกเขาพูดไม่ออกอยู่ดี
มิน่าเล่ากลุ่มของคุณชายสามตระกูลเย่ว์จึงผิดธรรมดากันทุกคน
ขณะที่พวกเขาไม่พอใจเรื่องนี้ เย่ว์หยางยังคงทดลองอยู่ที่ปราสาทสายรุ้ง
“สาวน้อย,เจ้าคิดว่าเจ้าตัวน้อยนี้คืออะไร?” เย่ว์หยางเรียกสาวกิเลนปิงหยินและถามนางพลางถือตัวประหลาดน้อยที่ฉลาดขณะที่ไม่สนใจท่าทีที่น่าสงสารและบีบน้ำตาของมัน สีหน้าของเขาทำราวกับว่าพร้อมจะย่างมันกินถ้ามันไม่แสดงความเป็นมิตร
“อสูรตาทองขับน้ำ ยังเป็นลูกอสูรอยู่เลย ดูเหมือนจะเป็นเผ่าปีศาจ”สาวกิเลนอ้าปากหาวและกลับไปนอน
“ปิ้งกินซะดีไหม?” เย่ว์หยางถามอสูรตาทองขับน้ำ
พอได้ยินเช่นนั้น
อสูรตาทองขับน้ำกลิ้งตัวลงบนพื้นทันที
มันพยายามดึงดูดความสนใจต่อหน้าสาวๆด้วยการทำตัวน่าสงสารเต็มที่
ถ้ามีแต่เพียงเย่ว์หยางอยู่ที่นั่นมันคงจะยืนนิ่งหนักแน่นเหมือนสิงโตหิน ไม่ได้รับอนุญาตจากเขามันคงไม่กล้าก้าวขาแม้แต่ก้าวเดียว
เสวี่ยอู๋เสียรู้ว่าเย่ว์หยางแค่ขู่แต่ไม่ได้ตั้งใจจะทำ อย่างไรก็ตามนางไม่ชอบอสูรปีศาจแบบนี้นางส่ายศีรษะแสดงว่าไม่ต้องการมัน
เจ้าเมืองโล่วฮัวไม่ปฏิเสธก็ไม่ได้เพราะนางได้รับทานตะวันอมฤตอสูรปราณฟ้าระดับห้ามาแล้วซึ่งจะช่วยให้นางเพิ่มพลังขึ้นอย่างมากมาย ในกรณีนี้การทำสัญญากับอสูรตาทองขับวารีจะช่วยนางได้เล็กน้อย สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับนางก็คือนางบำรุงเลี้ยงภูตจิ้งจอกสาวซึ่งทำให้นางไม่สามารถเลี้ยงดูอสูรอื่นก่อนภูตจิ้งจอกสาวจะยกระดับขึ้นเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์หรือเป็นอสูรเทพได้เจ้าเมืองโล่วฮัวทำได้แต่เพียงทำสัญญากับเขี้ยวแสงเมื่อเย่ว์หยางหลอมรวมเขี้ยวแสงเข้ากับแสงอุษา นางจะได้รับประโยชน์อย่างมาก ดังนั้นนางไม่ต้องการลูกอสูรตัวนี้ ซึ่งมันก็น่ารักจริงๆ
“พี่สาม,ข้าถนัดแต่เลี้ยงอสูรพฤกษาเท่านั้น” เย่ว์ปิงโบกมือปฏิเสธพี่ชาย นางต้องการเพิ่มพลังให้พญาไม้ไตตันเป็นที่สุด ถ้ามีตะวันฉายทานตะวันอีกนางอาจจะทำสัญญาในอนาคต แต่ว่าอสูรสัตว์ประหลาดนี้ไม่สามารถช่วยอะไรนางได้นัก
“หมาน้อยน่าเกลียด” หนูน้อยเย่ว์ซวงหันหน้าและเดินหนี
“ข้าจะไปงีบก่อนนะ..ข้าคงไม่มีการฝึกตอนกลางคืนนะ” นางเซียนหงส์ฟ้าบิดตัวอย่างเกียจคร้าน สิ่งที่นางพูดทำให้อี้หนานหน้าแดง
อี้หนานเข้าใจสิ่งที่นางมารกฎฟ้าพูดถึง เพราะสองสามคืนแรกนางไม่รบกวนการกระซิบรักของพวกเขาเลย แต่หลังจากผ่านไปสองสามคืนนางเข้าร่วมศึกรักโดยตรงสองสามครั้ง และศึกรักที่ยิ่งใหญ่ดังกล่าวทำให้อี้หนานตระหนักว่านางยังไม่ใช่ภรรยาที่มีคุณสมบัติพอ อี้หนานตะลึงในคืนแรกเมื่อเห็นศึกโรมรันของนางเซียนหงส์ฟ้านางถึงกับเผ่นไปขอนอนกับเย่ว์ปิงทั้งคืน นางไม่กล้าร่วมศึกรักแบบนั้นเป็นศึกใหญ่ที่ร่างกายนางยังไม่ทนทานได้ถึงขนาดนั้น
อี้หนานค่อยๆพบว่านางมีความพึงพอใจกับศึกรักเพียงสิบนาทีและไม่สามารถฝืนสู้ได้อีกต่อไป นางอ่อนแอที่สุดในบรรดานวลนางภรรยาทั้งหลาย
เมื่อไห่หลาน(ไห่อิงอู่) ราชินีทะเลเริ่มแสดงฝีมือบ้าง
ช่างยอดเยี่ยมน่าทึ่ง
แน่นอนว่าแม้จะรู้สึกอายอยู่บ้างแต่อี้หนานก็ยังสนับสนุนวิธีที่นางเข้ากันได้กับเย่ว์หยาง ไม่ใช่กระหน่ำใส่กันเป็นพายุบุแคมแต่นุ่มนวลและเป็นธรรมชาติ นั่นคือสิ่งที่นางต้องการและคาดหวัง
นางชอบความนุ่มนวลของเขา ความดิบเถื่อนล่ะ? นั่นยกให้คนอื่นไปเถอะ
อี้หนานและเย่ว์ปิงออกไปแล้ว แม้ว่าอสูรตาทองขับน้ำจะเป็นอสูรชั้นดี แต่ก็ยังไม่ใช่สิ่งที่พวกนางต้องการ...ภายในห้อง, เหลืออยู่แต่เพียงเย่ว์หวี่และองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน เมื่อเห็นน้องชายของนางเย่ว์หวี่โบกมือปฏิเสธและยิ้ม “ข้ามีอสูรคลื่นวายุแล้ว นอกจากนี้เจ้ายังตั้งใจจะหลอมรวมภูตแสงกับดาบนางฟ้าของข้าไม่ใช่หรือ? ถ้ามันไม่แย่ เจ้าสามารถทำสัญญากับมันก็ได้!”
ไม่ว่าเย่ว์หยางจะเพิ่มพลังรบมากเพียงไหน เย่ว์หวี่รู้สึกว่าก็ยังไม่พอ นางหวังว่าเขาจะกลายเป็นยอดฝีมือปราณราชันย์ในโลกได้!
จากนั้นนางจะรู้สึกสบายใจ
อสูรตาทองขับวารีแสนรู้ เมื่อได้ยินว่าเย่ว์หยางจะทำสัญญากับมันเองมันรีบส่ายหัว
มันแสดงให้เห็นว่ามันไม่ต้องการทำสัญญากับเย่ว์หยางเพราะไปขู่ขวัญมันก่อน! มันจึงกลัวมาก
“แม้ว่าข้าไม่ต้องการทำสัญญากับอสูรอื่น เพราะข้ามีพยัคฆ์ขาวก็เพียงพออยู่แล้ว แต่เนื่องจากทุกคนไม่ต้องการมันงั้นข้าจะทำสัญญากับมันเอง แต่เอ่อ.. ข้าจะทำกับมันเหมือนว่าเป็นสัตว์เลี้ยงของข้าก็แล้วกัน!”
นางไตร่ตรองถึงกลยุทธต่างๆและดูเหมือนว่าตราบใดที่นางมีพลัง ทุกอย่างก็ไม่เป็นไร
แต่ในโลกวารีนางแทบไม่สามารถทำอะไรมันได้
ในเจดีย์ดำ
เมื่อเห็นอีกามีกลยุทธมากมายและเก็บรวบรวมอสูรรบไว้มากเป็นพิเศษ นางมองเห็นจุดอ่อนของนางและนางมีความคิดจะเสริมระบบอสูรรบของนาง ถ้ามันเป็นอสูรรบธรรมดา นางคงไม่สามารถเห็นมัน แต่นี่เป็นสาวกิเลนปิงหยินแนะนำว่าเป็นอสูรตาทองขับวารีชั้นดี อสูรที่มีชื่อในเผ่าภูตบูรพานางตัดสินใจทำสัญญากับมันทันที
นั่นคือการเสริมความแข็งแกร่งให้ตนเอง อีกอย่างหนึ่งก็คือเสริมสร้างทางยุทธวิธี
ถ้าใครๆมีอสูรตาทองขับวารี พวกเขาอย่างน้อยจะได้เปรียบในการสู้ทางน้ำ
ในเจดีย์ดำหรือในโลกวารีมีวิทยายุทธหลากหลายรูปแบบ สามารถนำไปใช้ในที่ต้องห้ามการใช้วิทยายุทธ
“ฮูวววว!” เจ้าอสูรตาทองขับวารีตัวน้อยทำตัวว่าง่ายและวิ่งมาเลียนิ้วขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเคล้าแข้งเคล้าขาทำตัวให้ดูเป็นสัตว์เลี้ยงน่ารัก
“ฮุยไท่หลางออกมา ช่วยข้าฝึกมันหน่อย ถ้าเจ้าจับมันได้ อนุญาตให้กินมันได้” หลังจากทำสัญญาเรียบร้อยองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกลายเป็นเลือดเย็นรังสีอำมหิตคละคลุ้งรุนแรงยิ่งกว่าเย่ว์หยางเป็นร้อยเท่า นางเรียกฮุยไท่หลางมาช่วยฝึกอสูรตาทองขับวารี แน่นอนฮุยไท่หลางคงยินดีแน่เจ้าตัวเล็กเจ้ากล้าท้าทายกับสุนัขตัวโปรดของเจ้านายเจ้าหรือ เจ้าไม่กลัวหรือว่าเผ่าภูตบูรพาคืออะไร?
“ฮูววว!” อสูรตาทองขับวารีพบว่ามันโชคร้าย เจ้านายที่ทำสัญญาคนใหม่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนน่ากลัวและโหดร้ายยิ่งกว่าเย่ว์หยางเสียอีก
หลั่งน้ำตาไปก็ไร้ประโยชน์ และมันเผ่นหนีทันที
สิ่งที่น่าตลกก็คือเจ้าหมานั่นเป็นเทพอสูร ดังนั้นจึงไม่มีทางเอาชนะได้
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเห็นอสูรตาทองขับวารีตัวน้อยครางน่าสงสาร นางยิ้มทำหน้าดุ “เจ้าตัวน้อยนี้ฉลาดมากและรู้จักวิธีซ่อนความแข็งแกร่งของมัน! ถ้าไม่ใช่เพราะปิงหยินบอก มันคงไม่ได้ทำสัญญากับข้าแน่...ถ้าเจ้าต้องการข่มมัน อย่างน้อยต้องใช้เวลาช่วงหนึ่ง!”
เย่ว์หยางรู้ว่าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจะต้องมีหนทางแน่และยิ้ม “ปล่อยมันไว้สักสองสามวันก่อน จากนั้นเมื่อมันเห็นอสูรต่างๆ มากขึ้น มันจะเคลื่อนไหวตามธรรมชาติ”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนชนหมัดของเย่ว์หยางก่อนจะเดินออกมา
เย่ว์หวี่ทำเป็นไม่เห็น
อย่างไรก็ตามนางรู้ความหมาย
ถ้านางคิดถึงเย่ว์หยางหรือถ้านางต้องการฝึกปรือหลอมรวมร่างกับเขา นางจะหยอกล้อเขาเมื่อไม่มีใครอยู่ต่อหน้า
เมื่อเย่ว์หวี่เห็นเช่นนี้สองครั้ง นางเข้าใจความหมายการชนหมัดครั้งนี้ ในอนาคตนางคงแกล้งเป็นว่านางไม่รู้เพราะกลัวว่าเย่ว์หยางกับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจะอึดอัดนอกจากนี้นางยังรู้ว่าน้องชายนางใช้นางเป็นร่างต้นแบบสร้างอิกกะเขาคงสำรวจร่างนางเมื่อตอนฝึกผสานกายแล้ว และตอนนี้เขาสามารถค้นพบแล้ว
นางเป็นคนเดียวที่ช่วยให้เขาฝึกสายหยินธาตุน้ำได้ถ้าเขาสูญเสียตนเอง การฝึกของเขาจะช้า
เย่ว์หวี่ค่อนข้างละอายใจตนเองที่ตัวนางเป็นอุปสรรคต่อการฝึกฝนของเขา
การยกระดับของเขาเป็นเรื่องสำคัญยิ่งกว่าชีวิตของเขา
นอกจากนี้นี่เป็นคำขอร้องของเสวี่ยอู๋เสีย องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเจ้าเมืองโล่วฮัว พวกนางจะบอกว่าจะร่วมฝึกคู่กับเย่ว์หยางโดยไม่ต้องขอการสนับสนุนของแม่สี่เงียบๆ
จริงหรือที่นางไม่ใช่ธิดาของบิดานาง? หรือบางทีนางเข้าใจผิดไปในสนามรบ?
บิดาจริงๆของนางตายไปในสนามรบแล้วหรือ?
ทำไมบิดานางกับปู่ห้าจึงขัดแย้งกันมากมายขนาดนั้น?
ถ้านางไม่ใช่...ก็หมายความว่า... ไม่, ข้าเป็นธิดาของท่านพ่อจริงๆ!
เย่ว์หวี่สะบัดศีรษะอย่างแรงราวกับว่านางต้องการจะสลัดไล่ความคิดที่ผุดขึ้นมาในใจนาง ความคิดนี้ยากจะทนได้ นางรู้สึกว่าไม่ว่ายังไงนางต้องเป็นพี่สาวรองของเขา นางไม่มีอะไรกับเขาแน่นอน นางไม่อาจเป็นคนแปลกหน้าได้ บางทีอาจมีอะไรผิด แต่นางต้องเป็นธิดาของบิดานางแน่!
“เป็นอะไรไป?” เย่ว์หยางถาม เมื่อเห็นเย่ว์หวี่มีท่าทางแปลก
“ไม่, ข้าไม่เป็นไร!” เย่ว์หวี่ตกใจ นางรีบโบกมือพัลวัลกลัวว่าเย่ว์หยางจะเป็นห่วงกังวล
“ท่านไม่สบายหรือเปล่า?” เย่ว์หยางแตะหน้าเย่ว์หวี่และใช้มือของเขาแตะเทียบกับหน้าผากเขา และพยักหน้าโล่งใจ “ไม่มีไข้, ท่านร่างกายอ่อนแอไปหน่อย อย่าละเลยร่างกายตามปกตินะ ไม่อย่างนั้นจะป่วยได้”
“ข้าไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น...”เย่ว์หวี่ถลึงตามองเย่ว์หยาง ดูเหมือนว่านางจะไม่เห็นด้วยกับคำพูดของเขา แต่นางรู้สึกวาบหวามใจ
เขาใส่ใจตนเองมากและเขากังวลมากกว่าที่เขาเป็นอยู่
แม้ว่าภายนอกนางจะปฏิเสธความห่วงใยเขา แต่นางก็ชอบให้เขาห่วงใยเช่นกัน
รู้สึกดีที่มีน้องที่โง่เขลาอย่างนั้น!
เย่ว์หยางปล่อยภูตแสงออกมา
เขามีความคิดพิเรนพร้อมจะฟื้นฟูสติให้กับภูตแสงและดาบนางฟ้าระดับเงินของเย่ว์หวี่ ทั้งสองจะหลอมรวมเป็นหนึ่งสร้างเป็นอสูรรบที่ไม่เคยมีมาก่อน
ถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้เย่ว์หวี่คงปฏิเสธเขา เพราะการหลอมรวมนี้จำเป็นต้องฝึกปรือการผสานกาย ถ้าทำได้ไม่ดีเสื้อผ้าจะขาดกระจายเป็นผุยผง นางรู้ว่าเรื่องเขาฝึกปรือ เขาสามารถสำรวจร่างของนาง แต่นางไม่สามารถทนต่อการมองสำรวจร่างนางของเขาแม้ว่าตอนนี้นางจะยอมรับแผนของเขา เพราะนางไม่สามารถทนปฏิเสธความกังวลห่วงใยของเขา
เขาหลอมรวมกับภูตแสงสร้างเป็นอสูรรบชนิดใหม่
นี่คือการดูแลอย่างระมัดระวังของเขา!
เขาให้โอกาสนาง เพราะอะไร? ก็เพื่อปกป้องนางได้ดียิ่งขึ้น ถ้านางยังจะปฏิเสธเขา เขาจะผิดหวังมากขึ้น
นางไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร
แต่ตอนนี้นางต้องสนับสนุนเขา!
เขาคือน้องชายที่นางภูมิใจมากที่สุด ตราบใดที่เขาชอบใจ ก็จะเป็นประโยชน์กับเขา ชีวิตของนางเองยังเสียสละให้เขาได้!
ไม่ว่าต้องทุ่มเทคุณค่าอะไรไป นางยินดีจะตายโดยไม่กลัว
ในฐานะพี่สาวนี่คือการสนับสนุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนาง!