ตอนที่แล้วตอนที่ 662 เข้าถึงหัวใจปราณราชันย์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 664 การสนับสนุนอย่างแข็งขันจากเย่ว์หวี่

ตอนที่ 663 เทพองครักษ์ศึก


เมื่อกลับมาจากผนึกหลุมดำที่อยู่ของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีเย่ว์หยางนั่งเหม่อไร้อารมณ์ความรู้สึกไปสามวัน

ทุกคนสงสัยว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นกับเขา

ตอนแรกพวกเขาคิดว่าเขากำลังศึกษาอักษรรูน

จากนั้นต่อมาทุกคนจึงตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติแน่นอนจึงส่งเย่ว์หวี่ไปตรวจสอบดู

เย่ว์หวี่เตรียมข้าวต้มให้เย่ว์หยางและถามอย่างสุภาพ“เจ้ากำลังเผชิญกับปัญหาในการฝึกฝนหรือเปล่า?  ข้าเองก็นึกไม่ออกมาพักนึงแล้ว แต่ข้าจะพบทางออกเสมอหลังจากบอกเล่าให้คนอื่นฟัง”  ความจริงเย่ว์หวี่ก็มีปมใหญ่ในใจนางความลึกลับของสถานะยังไม่ได้รับการคลี่คลาย อย่างไรก็ตามนางไม่กล้าคิดมากเกินไป นางแกล้งทำเป็นลืมการสนทนาโต้เถียงระหว่างเย่ว์ซานบิดานางและปู่ห้าของนาง ตอนนี้นางต้องแกล้งทำเป็นลืมและมาปลอบโยนเย่ว์หยาง เพราะนางกลัวว่าน้องชายนางจะไม่สามารถพบทางออก  นางกลัวว่าเขาจะไม่สามารถบรรลุผ่านคอขวดของการฝึกปรือได้ทำให้ทุกคนต้องเป็นกังวล  แน่นอนว่านางเชื่อว่าน้องชายนางฉลาด ไม่มีอะไรในโลกจะทำให้เขางุนงงได้อุปสรรคนี้เล็กน้อยและคงอยู่ชั่วคราวเท่านั้น

“ข้าสบายดี!”  เย่ว์หยางตะลึงตอนแรกจากนั้นยิ้มและโบกมือให้  “ข้าเพียงแต่กำลังแยกแยะความรู้ระดับใหม่ของข้าเท่านั้น  อ๋า!  ข้านั่งอยู่นานไหม?”

“สามวัน” เย่ว์หวี่กล่าว  เมื่อนางเห็นว่าเย่ว์หยางกลับคืนเป็นปกตินางรู้สึกดีใจและสบายใจ

“ข้าเพ่งความสนใจมากเกินไปหน่อย”  เมื่อเย่ว์หยางกลับมา เขาไม่อาจรอได้และดื่มด่ำกับขอบเขตปราณราชันย์  ดังนั้นเขาลืมฝากคำพูดให้กับเจ้าเมืองโล่วฮัวและสาวๆ  เขาเพ่งอยู่กับการแยกย่อยความรู้ถึงสามวันทำให้ทุกคนเป็นห่วง

“เจ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว...เจ้าสามารถฝึกต่อไปได้นะ ข้าแค่มาดูเท่านั้นเอง” เย่ว์หวี่คิดว่านางรบกวนการฝึกปรือของเย่ว์หยางจึงมีความรู้สึกผิดอยู่บ้าง

“ข้ายังไม่รีบร้อนฝึก  แต่ข้าเพียงแต่เข้าใจเคล็ดหัวใจปราณราชันย์ดังนั้นก็เลยตื่นเต้นเกินไป นั่นคือสาเหตุที่ข้าเป็นแบบนี้ ขอสัญญาว่าจะไม่เป็นแบบนี้อีก” ก่อนที่เย่ว์หยางจะพูดจบ เย่ว์หวี่ร้องอย่างตื่นเต้น  “หัวใจปราณราชันย์?เจ้าบอกว่าเจ้าเข้าใจหัวใจปราณราชันย์? อา.. นั่นยอดเยี่ยมจริงๆ !”  เย่ว์หวี่เผลอตัวกอดเย่ว์หยางแน่น  โดยไม่ทันให้เย่ว์หยางได้รู้ตัวนางรีบออกไปป่าวประกาศข่าวดีให้เจ้าเมืองโล่วฮัวและสาวๆ ที่เหลือทราบ

แน่นอนว่านั่นเป็นเรื่องกระทบความรู้สึก

เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนแกล้งทำเป็นฝึกแต่ความจริงกำลังลอบฟังอยู่ก็วิ่งเข้ามาหาเช่นกัน

เจ้าเมืองโล่วฮัว,ไห่หลาน (ไห่อิงอู่), เย่ว์ปิงและอี้หนานก็ได้ยินข่าวและรู้สึกดีใจ  นางเซียนหงส์กำลังอาบน้ำอย่างสบายใจถึงกับลืมทุกอย่างนางกระโดดขึ้นมาจากน้ำและอดใจไม่ได้ที่จะจูบเย่ว์หยางเป็นรางวัลการกระทำที่กล้าเกินไปของนางทำให้เย่ว์หวี่ถึงกับตาโต ขณะที่นางมีข้อจำกัดที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้

มารเคราะห์ฟ้าค่อนข้างจะสงวนตัวนางรีบเช็ดตัวก่อนจะรีบสวมชุดคลุมโชกน้ำตะโกนลั่น “พี่เขยจงเจริญ”และวิ่งออกมาร่วมสนุกด้วย

พี่สาวจอมขี้เมาอดรู้สึกกระวนกระวายไม่ได้

นางเม้มปากค้อน

เพื่อแสดงว่านางไม่สนใจ

อย่างไรก็ตามนางไม่อาจห้ามหนูน้อยแพนด้าหนิวหนิวจึงติดตามเด็กหญิงไปดูเย่ว์หยาง นางแสร้งทำเป็นฝึกปรือและแอบฟังเสียงรื่นเริงดีใจของกลุ่มผู้คน

แม้ความจริงที่ว่าเย่ว์หยางจะเข้าใจเคล็ดหัวใจปราณจักรพรรดิ  อย่าว่าพวกนางจะรู้สึกดีใจเท่านั้นเลย  แม้แต่จักรพรรดินีราตรีและจื้อจุนก็พลอยดีใจไปด้วย

พวกเขามากันคนแล้วคนเล่า  จักรพรรดินีราตรีคุยกับเย่ว์หยางมากมาย

ไม่ว่าเย่ว์หยางจะสามารถจำได้หรือไม่  นางจะเพิ่มเติมความรู้ให้กับเขา

จื้อจุนไม่พูดอะไรมากนางว่ากล่าวเพียงไม่กี่คำ “นี่เป็นแค่เพียงจุดเริ่มต้น!”  นับเป็นคำชมเชยที่ยอดเยี่ยมจากนางแล้วต่างจากจักรพรรดินีราตรี จื้อจุนพาสองสาวพี่น้ององครักษ์มังกรจากเผ่าภูตบูรพามาด้วยเย่ว์หยางมีความเข้าใจหัวใจปราณราชันย์จึงได้รับการยอมรับอย่างแท้จริง

แน่นอนว่าเย่ว์หยางคิดออกได้โดยไม่ต้องเดาเลย

ตราเงินพระจันทร์เสี้ยวที่เขาได้รับก่อนหน้านั้นจะต้องใช้เคล็ดหัวใจปราณราชันย์จึงจะใช้งานหรือผนึกได้

สาวมังกรไม่เคยติดตามเย่ว์หยางเจ้านายของพวกนางเหมือนกับองครักษ์อื่นซึ่งเป็นเพราะยังไม่มีประโยชน์อะไรก่อนที่เย่ว์หยางจะบรรลุระดับปราณราชันย์ เย่ว์หยางไม่คาดเลยว่าพลังของตราเครื่องหมายพระจันทร์เสี้ยวจะถูกส่งมาเพื่อตัวเขา  แต่ตอนนี้เขาตระหนักแล้วว่าจื้อจุนจักรพรรดินีราตรีและสาวมังกรสองพี่น้องรอให้เขาก้าวเข้าสู่ระดับปราณราชันย์  พวกนางไม่ต้องการให้เขากังวลไปก่อนจึงไม่ได้อธิบายอะไรแก่เขา

“ข้าชื่ออาเหยาท่านเป็นนายของเราสองพี่น้อง และเราจะปกป้องท่านด้วยชีวิตของเรา” เสียงจริงจังของมังกรสาวผู้พี่นามว่าอาเหยาดังขึ้น

“เรามีความสามารถที่แข็งแกร่ง!”  เสียงน่ารักของมังกรสาวคนน้องดังขึ้น นางชื่อว่าอาหยู

จื้อจุนไม่พูดอะไร แต่เมื่อเย่ว์หยางดึงตราเงินพระจันทร์เสี้ยวออกมา  นางพยักหน้าเล็กน้อย

และจากนั้นนางก็จากไป

และเมื่อนางไปแล้ว

เจ้าอุปกรณ์เงินนี่ใช้ประโยชน์อะไรได้?

เย่ว์หยางงุนงง  แต่ก็รู้สึกสะดุดความคิดอย่างหนึ่ง

หรือว่าสิ่งนี้จะเหมือนกับจี้หยกดำที่ผนึกนางพญาเฟ่ยเหวินหลีไว้?

มีศัตรูหรือยอดฝีมือที่ทรงพลังแข็งแกร่งถูกผนึกเอาไว้ข้างในหรือเปล่า?หรือว่าเป็นสมบัติ? หรือเป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์? หรือเป็นอสูรเทพ?  อาจจะเป็นเลือดเทพหรือวิญญาณยุทธ?

หัวใจเย่ว์หยางเต้นแรง พี่น้องมังกรสองสาวรายงานตัวกับเขาเป็นเรื่องดีไม่น้อยกว่าเรื่องตราเงินของเขา

“พลังปัจจุบันของเราเทียบเท่ากับพลังปราณก่อกำเนิดระดับแปดของนักรบมนุษย์  ไม่มีคัมภีร์อัญเชิญเราไม่สามารถช่วยท่านได้มากนัก อย่างไรก็ตามเราในฐานะองครักษ์แห่งเผ่าภูตบูรพาตราบเท่าที่เราหยดเลือดทำสัญญากับนายท่านโทษเนรเทศของบรรพบุรุษเผ่าเราจะได้รับการอภัยโทษ เมื่อเราสืบทอดสายเลือดอมตะพลังของเราจึงจะเพิ่มขึ้นอีกมาก  ข้าเชื่อว่าเราจะปกป้องท่านได้ดีกว่า” สาวมังกรคนพี่บอกว่าสายเลือดอมตะถูกผนึกอยู่ภายในตราเงินในมือของเย่ว์หยาง

“เอ่อ..เทพองครักษ์ของเราพอได้ตกทอดสายเลือดอมตะแล้วจะสามารถเปลี่ยนเป็นอาวุธเทพเต็มวัยใช้ในการรบ!”  คำพูดของสาวมังกรผู้น้องทำให้เย่ว์หยางตะลึง

นางฟ้าปีกโลหิตที่อยู่ข้างจื้อจุนก็คือเทพองครักษ์ของนาง!

อย่างไรก็ตามนางฟ้าปีกโลหิตจะเป็นเผ่าพันธุ์ภูตบูรพาได้อย่างไร?  และเขาจะมีเทพองครักษ์ถึงสองคนได้อย่างไร?

ยิ่งเย่ว์หยางคิดเรื่องนี้แล้วเขายิ่งมีความรู้สึกลึกลับมาก และเขาไม่ต้องการ เพราะมีหลายอย่างที่เขาไม่สามารถค้นพบได้ในตอนนี้  ตอนนี้มีเพียงสิ่งเดียวที่ต้องทำคือผูกสัญญาหยดเลือดกับพี่น้องมังกรสองสาวและลบคำสาปบรรพบุรุษให้พวกนาง

กระบวนการหยดเลือดทำสัญญามีความซับซ้อนมาก เป็นครั้งแรกที่ต้องเขียนอักษรรูนสัญญาบนคัมภีร์อัญเชิญและบนหน้าผากของสองสาวมังกรด้วยเช่นกัน

จากนั้นเย่ว์หยางใช้ปราณราชันย์ทำสัญญากับพวกนาง....

เป็นไปไม่ได้ที่จะทำสำเร็จโดยไม่ใช้ความเข้าใจหัวใจปราณราชันย์ มิน่าเล่าพวกนางถึงไม่มาตามหาเย่ว์หยางในแต่ก่อน กลับเลือกที่จะมาพร้อมกับเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเพื่อช่วยการฝึกปรือของพวกนาง เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้เรื่องสัญญาหยดโลหิตทั้งหมด  และพวกนางถอยออกมานอกประตูบอกทุกคนถึงสิ่งที่พวกเขาต้องทำ

เมื่อได้ยินคำของพวกนาง  สาวๆ แยกย้ายกระจายตัวทันที

พวกเขากำลังยุ่ง

เย่ว์หยางพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อคงอยู่ในสภาวะปราณราชันย์และพบว่าพลังงานไหลเข้าไปในร่างของสาวมังกรทีละคนๆ  ใจของเขาหลอมรวมกับของพวกนางและพลังปราณก่อกำเนิดของเขาโคจรเข้าร่างนาง

เปลวเพลิงอมฤตเผาร่างของพี่น้องมังกรสองสาวทำให้ผลัดร่างและชำระร่างเก่า

สัญญาโลหิตดำเนินไปเป็นเวลานาน

อย่างไรก็ตามการผสานพลังคราวนี้จะไม่ล้มเหลวโดยทำทีละคนโดยเย่ว์หยางเป็นผู้นำและสองสาวมังกรเป็นผู้สนับสนุน ทั้งสามคนผสานพลังเป็นหนึ่ง

เย่ว์หยางเห็นภาพจำแลงว่าสองสาวเป็นส่วนหนึ่งของร่างเขามีการเติบโตอย่างพิเศษ จริงจังยิ่งกว่าอสูรพิทักษ์ ความคิดของเขามังกรสองสาวไม่อาจเข้าใจได้ แต่ความคิดของสองสาวสะท้อนมาจากใจของเย่ว์หยางอย่างชัดเจน  อาจกล่าวได้ว่าไม่ว่าเย่ว์หยางต้องการให้ทำอะไรเขาไม่จำเป็นต้องพูด ตราบเท่าที่เขาคิด พวกนางสามารถรับและปฏิบัติตามอย่างซื่อสัตย์ได้  ตราบเท่าที่องครักษ์นี้ต้องอาศัยปณิธานของเจ้านาย  เขาสามารถเรียกเทพองครักษ์ออกมาได้

แสงสีทองฉายออกมาจากคัมภีร์อัญเชิญ

คัมภีร์อัญเชิญพลิกหน้าทันที

เนื้อหาที่แสดงแตกต่างจากอสูรรบตามปกติ  และยังแตกต่างจากอสูรพิทักษ์

เทพองครักษ์ศึกคือสถานะคงอยู่ที่พิเศษมาก  พวกนางจงรักภักดีพอๆกับอสูรพิทักษ์และแยกออกจากความเป็นความตาย พวกนางมีอิสระในการเติบโตเหมือนกับนักสู้ธรรมดา พวกนางไม่จำเป็นต้องมีส่วนร่วมในการรบของเจ้านาย  และพวกนางสามารถฝึกปรือตนเองได้

สิ่งที่พิเศษที่สุดเป็นเพราะใจของพวกนางสงบเหมือนกับของเจ้านายเทพองครักษ์สามารถเปลี่ยนเป็นอาวุธวิเศษและช่วยเจ้านายต่อสู้

นี่คือความสามารถที่อสูรรบธรรมดาและอสูรพิทักษ์ไม่อาจมีได้

เพราะการชำระของเปลวเพลิงอมฤตมังกรสองสาวไม่รู้สึกอาย พวกนางกลับกอดกันและกันแน่น ปีกมังกรบนหลังของนางค่อยๆปรากฏเมื่อคำสาปบรรพบุรุษเริ่มหลอมละลายเข้าวิญญาณของนางขณะที่ปีกมังกรของนางจางหายไปจนมองไม่เห็น อักษรรูนโบราณสามอักขระที่เย่ว์หยางเขียนไว้บนตัวนางเย่ว์หยางเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจึงทำอย่างนั้นเป็นแรงบันดาลใจอย่างหนึ่งเหมือนกับว่าเขามีพลังและสติปัญญาที่จะทำ

เมื่อเย่ว์หยางหยดเลือดลงบนตราพระจันทร์เสี้ยวเงิน  มันแตกกระจาย

พลังที่อธิบายไม่ถูกทะลักออกมา

มันทะลุผ่านเย่ว์หยางไปอย่างง่ายดาย

อย่างไรก็ตามสิ่งที่แปลกประหลาดก็คือเย่ว์หยางไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย  ตรงกันข้ามร่างของเขาดูเหมือนรู้สึกมีความสุขสบายราวกับว่าได้รับข้อสรุปบางอย่าง และเหมือนกับว่าวิญญาณของเขาฟ่องฟูจากความเข้าใจเคล็ดหัวใจปราณราชันย์....

เย่ว์หยางหลับตา แต่เขายังคงเห็นชัดถึงการรับตกทอดพลังของทั้งสองคน ไม่ใช่คนเดียว

พวกนางทั้งสองมีพลังสมบูรณ์มีสองแต่เป็นหนึ่งเดียว

เหมือนกับนกตัวหนึ่งมีปีกเดียวซ้ายกับขวา

ช่างงดงามจริงๆ

ขณะที่ร่างของเย่ว์หยางกำลังลอยกลับไปมาสาวกิเลนก็วิ่งออกมาและร้องอย่างไม่ตั้งใจ “นกเป็ดน้ำคู่ มีพลังของนกเป็ดน้ำคู่ได้ยังไง?”  มีศึกใหญ่อยู่ต่อหน้าหรือ?”

ทั้งสองผสานรวมตัวในร่างเย่ว์หยาง

พลังกระจายไปทั้งแขนซ้ายและขวาเป็นการส่งพลังผ่านไปที่สาวมังกรทั้งสอง

สาวมังกรสองพี่น้องส่งเสียงกรีดร้องเมื่อพวกนางได้รับมรดกพลังนกเป็ดน้ำคู่  เสียงของพวกนางไพเราะพอๆกับดุริยางค์สวรรค์ทำให้วิญญาณสั่นสะท้าน

แม้แต่เสวี่ยอู๋เสียที่อยู่ข้างนอกก็ยังตะลึงอยู่นานเมื่อได้ยินเสียงนี้  และใจของพวกเขาฟื้นคืนปกติ  สาวกิเลนปิงหยินบุ้ยปากน้อยๆของนางอย่างน่ารักและช่วยเย่ว์หยาง นางเหยียดมือไปที่ร่างเขาและถ่ายพลังบริสุทธิ์ปริมาณมหาศาลในตัวนางช่วยให้เขาจบการทำสัญญาได้อย่างรวดเร็วมังกรสองสาวเปลี่ยนเป็นแสงสีทองขณะที่พวกนางคำนับให้สาวกิเลนและกลับเข้าไปพักในโลกคัมภีร์...ก่อนที่จะเข้าใจพลังของมรดกทั้งหมดพวกนางเชื่อว่าพวกนางจะต้องพักอย่างยาวนาน แน่นอนว่าเทียบกับเจี้ยงอิงที่ได้รับมรดกพลังของเทพมังกรทองพวกนางยังดีกว่ามาก เนื่องจากพวกนางเป็นเทพองครักษ์สงคราม

“ขอบคุณสาวน้อย, บางครั้งเจ้าก็น่ารักดีนะ!”  เย่ว์หยางคิดว่าคงจะตายเพราะความอ่อนเพลียเสียแล้ว  แต่เขาคาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะทำพิธีได้สำเร็จ

“ว้าย... เจ้าคนอุบาทว์...” สาวกิเลนปิงหยินเห็นร่างเปลือยเย่ว์หยางนางปิดหน้าและเผ่นหนีทันที

นางรู้สึกอาย!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด