ตอนที่ 663 เทพองครักษ์ศึก
เมื่อกลับมาจากผนึกหลุมดำที่อยู่ของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีเย่ว์หยางนั่งเหม่อไร้อารมณ์ความรู้สึกไปสามวัน
ทุกคนสงสัยว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นกับเขา
ตอนแรกพวกเขาคิดว่าเขากำลังศึกษาอักษรรูน
จากนั้นต่อมาทุกคนจึงตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติแน่นอนจึงส่งเย่ว์หวี่ไปตรวจสอบดู
เย่ว์หวี่เตรียมข้าวต้มให้เย่ว์หยางและถามอย่างสุภาพ“เจ้ากำลังเผชิญกับปัญหาในการฝึกฝนหรือเปล่า? ข้าเองก็นึกไม่ออกมาพักนึงแล้ว แต่ข้าจะพบทางออกเสมอหลังจากบอกเล่าให้คนอื่นฟัง” ความจริงเย่ว์หวี่ก็มีปมใหญ่ในใจนางความลึกลับของสถานะยังไม่ได้รับการคลี่คลาย อย่างไรก็ตามนางไม่กล้าคิดมากเกินไป นางแกล้งทำเป็นลืมการสนทนาโต้เถียงระหว่างเย่ว์ซานบิดานางและปู่ห้าของนาง ตอนนี้นางต้องแกล้งทำเป็นลืมและมาปลอบโยนเย่ว์หยาง เพราะนางกลัวว่าน้องชายนางจะไม่สามารถพบทางออก นางกลัวว่าเขาจะไม่สามารถบรรลุผ่านคอขวดของการฝึกปรือได้ทำให้ทุกคนต้องเป็นกังวล แน่นอนว่านางเชื่อว่าน้องชายนางฉลาด ไม่มีอะไรในโลกจะทำให้เขางุนงงได้อุปสรรคนี้เล็กน้อยและคงอยู่ชั่วคราวเท่านั้น
“ข้าสบายดี!” เย่ว์หยางตะลึงตอนแรกจากนั้นยิ้มและโบกมือให้ “ข้าเพียงแต่กำลังแยกแยะความรู้ระดับใหม่ของข้าเท่านั้น อ๋า! ข้านั่งอยู่นานไหม?”
“สามวัน” เย่ว์หวี่กล่าว เมื่อนางเห็นว่าเย่ว์หยางกลับคืนเป็นปกตินางรู้สึกดีใจและสบายใจ
“ข้าเพ่งความสนใจมากเกินไปหน่อย” เมื่อเย่ว์หยางกลับมา เขาไม่อาจรอได้และดื่มด่ำกับขอบเขตปราณราชันย์ ดังนั้นเขาลืมฝากคำพูดให้กับเจ้าเมืองโล่วฮัวและสาวๆ เขาเพ่งอยู่กับการแยกย่อยความรู้ถึงสามวันทำให้ทุกคนเป็นห่วง
“เจ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว...เจ้าสามารถฝึกต่อไปได้นะ ข้าแค่มาดูเท่านั้นเอง” เย่ว์หวี่คิดว่านางรบกวนการฝึกปรือของเย่ว์หยางจึงมีความรู้สึกผิดอยู่บ้าง
“ข้ายังไม่รีบร้อนฝึก แต่ข้าเพียงแต่เข้าใจเคล็ดหัวใจปราณราชันย์ดังนั้นก็เลยตื่นเต้นเกินไป นั่นคือสาเหตุที่ข้าเป็นแบบนี้ ขอสัญญาว่าจะไม่เป็นแบบนี้อีก” ก่อนที่เย่ว์หยางจะพูดจบ เย่ว์หวี่ร้องอย่างตื่นเต้น “หัวใจปราณราชันย์?เจ้าบอกว่าเจ้าเข้าใจหัวใจปราณราชันย์? อา.. นั่นยอดเยี่ยมจริงๆ !” เย่ว์หวี่เผลอตัวกอดเย่ว์หยางแน่น โดยไม่ทันให้เย่ว์หยางได้รู้ตัวนางรีบออกไปป่าวประกาศข่าวดีให้เจ้าเมืองโล่วฮัวและสาวๆ ที่เหลือทราบ
แน่นอนว่านั่นเป็นเรื่องกระทบความรู้สึก
เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนแกล้งทำเป็นฝึกแต่ความจริงกำลังลอบฟังอยู่ก็วิ่งเข้ามาหาเช่นกัน
เจ้าเมืองโล่วฮัว,ไห่หลาน (ไห่อิงอู่), เย่ว์ปิงและอี้หนานก็ได้ยินข่าวและรู้สึกดีใจ นางเซียนหงส์กำลังอาบน้ำอย่างสบายใจถึงกับลืมทุกอย่างนางกระโดดขึ้นมาจากน้ำและอดใจไม่ได้ที่จะจูบเย่ว์หยางเป็นรางวัลการกระทำที่กล้าเกินไปของนางทำให้เย่ว์หวี่ถึงกับตาโต ขณะที่นางมีข้อจำกัดที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้
มารเคราะห์ฟ้าค่อนข้างจะสงวนตัวนางรีบเช็ดตัวก่อนจะรีบสวมชุดคลุมโชกน้ำตะโกนลั่น “พี่เขยจงเจริญ”และวิ่งออกมาร่วมสนุกด้วย
พี่สาวจอมขี้เมาอดรู้สึกกระวนกระวายไม่ได้
นางเม้มปากค้อน
เพื่อแสดงว่านางไม่สนใจ
อย่างไรก็ตามนางไม่อาจห้ามหนูน้อยแพนด้าหนิวหนิวจึงติดตามเด็กหญิงไปดูเย่ว์หยาง นางแสร้งทำเป็นฝึกปรือและแอบฟังเสียงรื่นเริงดีใจของกลุ่มผู้คน
แม้ความจริงที่ว่าเย่ว์หยางจะเข้าใจเคล็ดหัวใจปราณจักรพรรดิ อย่าว่าพวกนางจะรู้สึกดีใจเท่านั้นเลย แม้แต่จักรพรรดินีราตรีและจื้อจุนก็พลอยดีใจไปด้วย
พวกเขามากันคนแล้วคนเล่า จักรพรรดินีราตรีคุยกับเย่ว์หยางมากมาย
ไม่ว่าเย่ว์หยางจะสามารถจำได้หรือไม่ นางจะเพิ่มเติมความรู้ให้กับเขา
จื้อจุนไม่พูดอะไรมากนางว่ากล่าวเพียงไม่กี่คำ “นี่เป็นแค่เพียงจุดเริ่มต้น!” นับเป็นคำชมเชยที่ยอดเยี่ยมจากนางแล้วต่างจากจักรพรรดินีราตรี จื้อจุนพาสองสาวพี่น้ององครักษ์มังกรจากเผ่าภูตบูรพามาด้วยเย่ว์หยางมีความเข้าใจหัวใจปราณราชันย์จึงได้รับการยอมรับอย่างแท้จริง
แน่นอนว่าเย่ว์หยางคิดออกได้โดยไม่ต้องเดาเลย
ตราเงินพระจันทร์เสี้ยวที่เขาได้รับก่อนหน้านั้นจะต้องใช้เคล็ดหัวใจปราณราชันย์จึงจะใช้งานหรือผนึกได้
สาวมังกรไม่เคยติดตามเย่ว์หยางเจ้านายของพวกนางเหมือนกับองครักษ์อื่นซึ่งเป็นเพราะยังไม่มีประโยชน์อะไรก่อนที่เย่ว์หยางจะบรรลุระดับปราณราชันย์ เย่ว์หยางไม่คาดเลยว่าพลังของตราเครื่องหมายพระจันทร์เสี้ยวจะถูกส่งมาเพื่อตัวเขา แต่ตอนนี้เขาตระหนักแล้วว่าจื้อจุนจักรพรรดินีราตรีและสาวมังกรสองพี่น้องรอให้เขาก้าวเข้าสู่ระดับปราณราชันย์ พวกนางไม่ต้องการให้เขากังวลไปก่อนจึงไม่ได้อธิบายอะไรแก่เขา
“ข้าชื่ออาเหยาท่านเป็นนายของเราสองพี่น้อง และเราจะปกป้องท่านด้วยชีวิตของเรา” เสียงจริงจังของมังกรสาวผู้พี่นามว่าอาเหยาดังขึ้น
“เรามีความสามารถที่แข็งแกร่ง!” เสียงน่ารักของมังกรสาวคนน้องดังขึ้น นางชื่อว่าอาหยู
จื้อจุนไม่พูดอะไร แต่เมื่อเย่ว์หยางดึงตราเงินพระจันทร์เสี้ยวออกมา นางพยักหน้าเล็กน้อย
และจากนั้นนางก็จากไป
และเมื่อนางไปแล้ว
เจ้าอุปกรณ์เงินนี่ใช้ประโยชน์อะไรได้?
เย่ว์หยางงุนงง แต่ก็รู้สึกสะดุดความคิดอย่างหนึ่ง
หรือว่าสิ่งนี้จะเหมือนกับจี้หยกดำที่ผนึกนางพญาเฟ่ยเหวินหลีไว้?
มีศัตรูหรือยอดฝีมือที่ทรงพลังแข็งแกร่งถูกผนึกเอาไว้ข้างในหรือเปล่า?หรือว่าเป็นสมบัติ? หรือเป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์? หรือเป็นอสูรเทพ? อาจจะเป็นเลือดเทพหรือวิญญาณยุทธ?
หัวใจเย่ว์หยางเต้นแรง พี่น้องมังกรสองสาวรายงานตัวกับเขาเป็นเรื่องดีไม่น้อยกว่าเรื่องตราเงินของเขา
“พลังปัจจุบันของเราเทียบเท่ากับพลังปราณก่อกำเนิดระดับแปดของนักรบมนุษย์ ไม่มีคัมภีร์อัญเชิญเราไม่สามารถช่วยท่านได้มากนัก อย่างไรก็ตามเราในฐานะองครักษ์แห่งเผ่าภูตบูรพาตราบเท่าที่เราหยดเลือดทำสัญญากับนายท่านโทษเนรเทศของบรรพบุรุษเผ่าเราจะได้รับการอภัยโทษ เมื่อเราสืบทอดสายเลือดอมตะพลังของเราจึงจะเพิ่มขึ้นอีกมาก ข้าเชื่อว่าเราจะปกป้องท่านได้ดีกว่า” สาวมังกรคนพี่บอกว่าสายเลือดอมตะถูกผนึกอยู่ภายในตราเงินในมือของเย่ว์หยาง
“เอ่อ..เทพองครักษ์ของเราพอได้ตกทอดสายเลือดอมตะแล้วจะสามารถเปลี่ยนเป็นอาวุธเทพเต็มวัยใช้ในการรบ!” คำพูดของสาวมังกรผู้น้องทำให้เย่ว์หยางตะลึง
นางฟ้าปีกโลหิตที่อยู่ข้างจื้อจุนก็คือเทพองครักษ์ของนาง!
อย่างไรก็ตามนางฟ้าปีกโลหิตจะเป็นเผ่าพันธุ์ภูตบูรพาได้อย่างไร? และเขาจะมีเทพองครักษ์ถึงสองคนได้อย่างไร?
ยิ่งเย่ว์หยางคิดเรื่องนี้แล้วเขายิ่งมีความรู้สึกลึกลับมาก และเขาไม่ต้องการ เพราะมีหลายอย่างที่เขาไม่สามารถค้นพบได้ในตอนนี้ ตอนนี้มีเพียงสิ่งเดียวที่ต้องทำคือผูกสัญญาหยดเลือดกับพี่น้องมังกรสองสาวและลบคำสาปบรรพบุรุษให้พวกนาง
กระบวนการหยดเลือดทำสัญญามีความซับซ้อนมาก เป็นครั้งแรกที่ต้องเขียนอักษรรูนสัญญาบนคัมภีร์อัญเชิญและบนหน้าผากของสองสาวมังกรด้วยเช่นกัน
จากนั้นเย่ว์หยางใช้ปราณราชันย์ทำสัญญากับพวกนาง....
เป็นไปไม่ได้ที่จะทำสำเร็จโดยไม่ใช้ความเข้าใจหัวใจปราณราชันย์ มิน่าเล่าพวกนางถึงไม่มาตามหาเย่ว์หยางในแต่ก่อน กลับเลือกที่จะมาพร้อมกับเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเพื่อช่วยการฝึกปรือของพวกนาง เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้เรื่องสัญญาหยดโลหิตทั้งหมด และพวกนางถอยออกมานอกประตูบอกทุกคนถึงสิ่งที่พวกเขาต้องทำ
เมื่อได้ยินคำของพวกนาง สาวๆ แยกย้ายกระจายตัวทันที
พวกเขากำลังยุ่ง
เย่ว์หยางพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อคงอยู่ในสภาวะปราณราชันย์และพบว่าพลังงานไหลเข้าไปในร่างของสาวมังกรทีละคนๆ ใจของเขาหลอมรวมกับของพวกนางและพลังปราณก่อกำเนิดของเขาโคจรเข้าร่างนาง
เปลวเพลิงอมฤตเผาร่างของพี่น้องมังกรสองสาวทำให้ผลัดร่างและชำระร่างเก่า
สัญญาโลหิตดำเนินไปเป็นเวลานาน
อย่างไรก็ตามการผสานพลังคราวนี้จะไม่ล้มเหลวโดยทำทีละคนโดยเย่ว์หยางเป็นผู้นำและสองสาวมังกรเป็นผู้สนับสนุน ทั้งสามคนผสานพลังเป็นหนึ่ง
เย่ว์หยางเห็นภาพจำแลงว่าสองสาวเป็นส่วนหนึ่งของร่างเขามีการเติบโตอย่างพิเศษ จริงจังยิ่งกว่าอสูรพิทักษ์ ความคิดของเขามังกรสองสาวไม่อาจเข้าใจได้ แต่ความคิดของสองสาวสะท้อนมาจากใจของเย่ว์หยางอย่างชัดเจน อาจกล่าวได้ว่าไม่ว่าเย่ว์หยางต้องการให้ทำอะไรเขาไม่จำเป็นต้องพูด ตราบเท่าที่เขาคิด พวกนางสามารถรับและปฏิบัติตามอย่างซื่อสัตย์ได้ ตราบเท่าที่องครักษ์นี้ต้องอาศัยปณิธานของเจ้านาย เขาสามารถเรียกเทพองครักษ์ออกมาได้
แสงสีทองฉายออกมาจากคัมภีร์อัญเชิญ
คัมภีร์อัญเชิญพลิกหน้าทันที
เนื้อหาที่แสดงแตกต่างจากอสูรรบตามปกติ และยังแตกต่างจากอสูรพิทักษ์
เทพองครักษ์ศึกคือสถานะคงอยู่ที่พิเศษมาก พวกนางจงรักภักดีพอๆกับอสูรพิทักษ์และแยกออกจากความเป็นความตาย พวกนางมีอิสระในการเติบโตเหมือนกับนักสู้ธรรมดา พวกนางไม่จำเป็นต้องมีส่วนร่วมในการรบของเจ้านาย และพวกนางสามารถฝึกปรือตนเองได้
สิ่งที่พิเศษที่สุดเป็นเพราะใจของพวกนางสงบเหมือนกับของเจ้านายเทพองครักษ์สามารถเปลี่ยนเป็นอาวุธวิเศษและช่วยเจ้านายต่อสู้
นี่คือความสามารถที่อสูรรบธรรมดาและอสูรพิทักษ์ไม่อาจมีได้
เพราะการชำระของเปลวเพลิงอมฤตมังกรสองสาวไม่รู้สึกอาย พวกนางกลับกอดกันและกันแน่น ปีกมังกรบนหลังของนางค่อยๆปรากฏเมื่อคำสาปบรรพบุรุษเริ่มหลอมละลายเข้าวิญญาณของนางขณะที่ปีกมังกรของนางจางหายไปจนมองไม่เห็น อักษรรูนโบราณสามอักขระที่เย่ว์หยางเขียนไว้บนตัวนางเย่ว์หยางเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจึงทำอย่างนั้นเป็นแรงบันดาลใจอย่างหนึ่งเหมือนกับว่าเขามีพลังและสติปัญญาที่จะทำ
เมื่อเย่ว์หยางหยดเลือดลงบนตราพระจันทร์เสี้ยวเงิน มันแตกกระจาย
พลังที่อธิบายไม่ถูกทะลักออกมา
มันทะลุผ่านเย่ว์หยางไปอย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ตามสิ่งที่แปลกประหลาดก็คือเย่ว์หยางไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามร่างของเขาดูเหมือนรู้สึกมีความสุขสบายราวกับว่าได้รับข้อสรุปบางอย่าง และเหมือนกับว่าวิญญาณของเขาฟ่องฟูจากความเข้าใจเคล็ดหัวใจปราณราชันย์....
เย่ว์หยางหลับตา แต่เขายังคงเห็นชัดถึงการรับตกทอดพลังของทั้งสองคน ไม่ใช่คนเดียว
พวกนางทั้งสองมีพลังสมบูรณ์มีสองแต่เป็นหนึ่งเดียว
เหมือนกับนกตัวหนึ่งมีปีกเดียวซ้ายกับขวา
ช่างงดงามจริงๆ
ขณะที่ร่างของเย่ว์หยางกำลังลอยกลับไปมาสาวกิเลนก็วิ่งออกมาและร้องอย่างไม่ตั้งใจ “นกเป็ดน้ำคู่ มีพลังของนกเป็ดน้ำคู่ได้ยังไง?” มีศึกใหญ่อยู่ต่อหน้าหรือ?”
ทั้งสองผสานรวมตัวในร่างเย่ว์หยาง
พลังกระจายไปทั้งแขนซ้ายและขวาเป็นการส่งพลังผ่านไปที่สาวมังกรทั้งสอง
สาวมังกรสองพี่น้องส่งเสียงกรีดร้องเมื่อพวกนางได้รับมรดกพลังนกเป็ดน้ำคู่ เสียงของพวกนางไพเราะพอๆกับดุริยางค์สวรรค์ทำให้วิญญาณสั่นสะท้าน
แม้แต่เสวี่ยอู๋เสียที่อยู่ข้างนอกก็ยังตะลึงอยู่นานเมื่อได้ยินเสียงนี้ และใจของพวกเขาฟื้นคืนปกติ สาวกิเลนปิงหยินบุ้ยปากน้อยๆของนางอย่างน่ารักและช่วยเย่ว์หยาง นางเหยียดมือไปที่ร่างเขาและถ่ายพลังบริสุทธิ์ปริมาณมหาศาลในตัวนางช่วยให้เขาจบการทำสัญญาได้อย่างรวดเร็วมังกรสองสาวเปลี่ยนเป็นแสงสีทองขณะที่พวกนางคำนับให้สาวกิเลนและกลับเข้าไปพักในโลกคัมภีร์...ก่อนที่จะเข้าใจพลังของมรดกทั้งหมดพวกนางเชื่อว่าพวกนางจะต้องพักอย่างยาวนาน แน่นอนว่าเทียบกับเจี้ยงอิงที่ได้รับมรดกพลังของเทพมังกรทองพวกนางยังดีกว่ามาก เนื่องจากพวกนางเป็นเทพองครักษ์สงคราม
“ขอบคุณสาวน้อย, บางครั้งเจ้าก็น่ารักดีนะ!” เย่ว์หยางคิดว่าคงจะตายเพราะความอ่อนเพลียเสียแล้ว แต่เขาคาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะทำพิธีได้สำเร็จ
“ว้าย... เจ้าคนอุบาทว์...” สาวกิเลนปิงหยินเห็นร่างเปลือยเย่ว์หยางนางปิดหน้าและเผ่นหนีทันที
นางรู้สึกอาย!