ตอนที่ 658 ทานตะวันอมฤต
เย่ว์หวี่ไม่สามารถตอบคำถามนางเซียนหงส์ฟ้าได้ และนางไม่ต้องการพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับงานแต่งงานเมื่อคืนนี้ของน้องชายนางอีกต่อไป
“เขาสามารถเปลี่ยนได้อีกหรือ?” แม้แต่เย่ว์ปิงที่เคารพเย่ว์หวี่ที่สุดก็ยังรู้สึกคลางแคลงใจอยู่ภายใน
“ใช่แล้ว, ตามทฤษฎีแล้ว มีความเป็นไปได้” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตอบ
“ทำได้จริงหรือ?” หลิวเย่และเป่าเอ๋อพากันเข้าไปใกล้ด้วยความสงสัยทั้งหมดตะวันฉายทานตะวันเพิ่มแสงเจิดจ้าเหมือนดวงอาทิตย์ จากนั้นเปลี่ยนเป็นแสงสนธยา พวกนางรู้สึกว่าในขีดจำกัดของขีดจำกัดก็ยังเปลี่ยนไปได้อีกครั้งหรือ? เพลิงแบบไหนกันที่จะทำให้ดอกสนธยาพัฒนาคุณภาพได้อีก
“หัวใจของเพลิงอมฤต” เสวี่ยอู๋เสียคิดเล็กน้อยและพยักหน้า “ถ้าสามารถใช้เพลิงอมฤตปรับแต่งจนก้าวหน้าได้แบบภูตเพลิงฟ้าก็นับว่าสำเร็จแล้ว”
“ภูตเพลิงฟ้าเป็นเรื่องของอุบัติเหตุ” ครั้งนี้แม้แต่เย่ว์หวี่ก็ยังร้องเตือน
แม้ว่าภูตเพลิงฟ้าจะเป็นเรื่องของอุบัติเหตุ
แต่ภพชาติเดิมของนางเป็นสาวร้านขายเหล้าผู้สละชีวิตเพื่อแม่สี่และซวงเอ๋อ ลักษณะของนางไม่เหมือนใคร
เป็นไปได้ไหมว่าเย่ว์หยางต้องการใช้เพลิงอมฤตปรับสภาพดอกสนธยา?
เขาไม่กลัวว่าจะแผดเผาทานตะวันจนกลายเป็นควันหรือ?
เย่คงและเจ้าอ้วนไห่เหงื่อไหลพรั่งพรูขณะมองเห็นเหตุนี้ พวกเขากังวลห่วงใยเย่ว์หยางกันทุกคน ถ้าดอกสนธยาอสูรปราณฟ้าระดับสามถูกทำลาย พวกเขาคงมีความรู้สึกหัวใจสลาย! ดอกสนธยาน่าประทับใจมากอยู่แล้ว นั่นคืออสูรปราณฟ้าระดับสามแล้วและมันคือระดับสูงสุดในบรรดาอสูรรบต่างๆ ทั้งยังมีระดับสูงกว่านางพญาซัคคิวบัสผู้มีพลังกฎฟ้าถึงหนึ่งระดับ
เจ้าต้องไม่ทำลายมัน มิฉะนั้นความพยายามทั้งปวงจะต้องสูญสลายไป!
แน่นอนว่าเป็นไม่ได้ที่พวกเขาจะกล้าพูดคำเช่นนั้นกับเย่ว์หยาง เหตุผลหนึ่งก็คือเย่ว์หยางเป็นคนที่ดื้อรั้นและเมื่อไม่จำเป็นเขาจะไม่ฟังนาง
ถึงโอกาสสำเร็จจะมีน้อยเพียงไหน พวกเขาทุกคนก็ต้องเชื่อมั่นในเย่ว์หยาง
ในมือของเขาสร้างปาฏิหาริย์มานับครั้งไม่ถ้วน
ครั้งนี้เขาจะทำสำเร็จอย่างแน่นอน
ทุกคนกำลังมองไปข้างหน้า
ปัญหามีอยู่เพียงประการเดียวก็คือเขาเหนื่อยอ่อน
หรือว่าเขาอดทนชั่วขณะที่จะประสบความสำเร็จปรับแต่งดอกสนธยา? ในช่วงเวลาปกติเย่ว์หยางสามารถพักและรอให้ฟื้นพลังก่อนจะทำต่อไป แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ไม่เพียงแต่เย่ว์หยางเท่านั้นแต่ทุกคนก็รู้สึกเหมือนกัน แม้ว่าต้นดอกสนธยาจะมีระดับพลังที่มั่นคงแล้วและเพิ่มขึ้นแล้วแต่ถ้าจะเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกจะต้องทุ่มเทคุณค่าเป็นสิบเท่าและจะยากลำบากมากขึ้น
แน่นอนว่าไม่ว่าเย่ว์หยางจะเหน็ดเหนื่อยเพียงไหนเขาได้แต่กัดฟันทำต่อไป
“ทุกคน! มาเร็ว” เจ้าเมืองโล่วฮัวถ่ายพลังให้เย่ว์หยางกำลังหลั่งเหงื่อพรั่งพรูขณะที่นางเรียกความช่วยเหลือจากกลุ่มคนข้างล่าง
“อดทนไว้” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเหาะขึ้นไปในท้องฟ้า
จากนั้นเป็นเสวี่ยอู๋เสีย
ไม่เพียงแต่พวกนางเท่านั้นยังมีนางเซียนหงส์ฟ้าและอี้หนาน ไห่อิงอู่ เย่ว์หวี่ เย่ว์ปิง และสาวขี้เมาแม้กระทั่งมารเคราะห์ฟ้า พวกนางบินขึ้นไปช่วยสนับสนุนเย่ว์หยาง หลังจากได้รับพลังจากสาวๆเย่ว์หยางผู้เหนื่อยล้าก็ฟื้นคืนพลังได้มาก เขาเพ่งจิตใจเพื่อควบคุมเพลิงอมฤต เปลี่ยนเพลิงอมฤตเป็นหงส์เพลิง และพยายามแปลงต้นดอกสนธยาเป็นเพลิงอมฤต แต่ไม่ว่าหงส์เพลิงอมฤตผ่านไปตรงส่วนใด ต้นดอกสนธยาจะหลอมละลายเหมือนน้ำแข็งไม่สามารถทนพลังของเพลิงอมฤตได้
ที่สำคัญเพลิงอมฤตเป็นเพลิงทรงพลังที่สุดในโลก
ไม่มีอะไรสามารถต้านทานได้
ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าเย่ว์หยางประคองตนเองด้วยพลังปราณก่อกำเนิดของเขาสาวๆ ทุกคน และต้นดอกสนธยาจะถูกทำลาย
แม้ว่าเย่ว์หยางจะวาดวงเวทอักษรรูนไว้บนผิวของมันแล้วก็ตามก็ยังไม่สามารถต้านทานเพลิงอมฤตที่บริสุทธิ์ได้
ต้นดอกสนธยาตายภายใต้เพลิงอมฤต
จะทิ้งดีไหม?
เย่ว์หยางไม่ยินดีจะยอมรับผลเช่นนี้ ถ้าเขาสามารถทำได้สำเร็จ อย่างนั้นเขาจะมีประสบการณ์ในการทำซ้ำเพื่อวิวัฒนาการอสูรรบได้ แต่ถ้าเขายอมแพ้ตอนนี้ อย่างนั้นก็จะกลายเป็นว่าการค้นคว้าของเขาถึงทางตันและคงรู้สึกอึดอัดใจแทบตาย
แต่ถ้าเขาไม่ยอมแพ้ต้นสนธยาจะตายก่อน ไม่สามารถสนับสนุนมันได้
“เจ้า..โง่ขนานแท้จริงๆ” ทันใดนั้นสาวกิเลนปิงหยินปรากฏตัว เมื่อนางเห็นเย่ว์หยางใช้เพลิงอมฤตนางสบถด่าอย่างดีใจ
“หา, ทำแบบนั้นไม่ได้หรือ?” เย่ว์หยางตะลึง
“มีใครบอกเจ้าบ้างไหมว่าเพลิงอมฤตสามารถทำลายได้แม้กระทั่งวิญญาณอย่างสิ้นเชิงอย่าว่าแต่ทานตะวันต้นเดียวเลย ต่อให้เป็นเผ่าภูตบูรพาและแม้แต่สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งก็ไม่สามารถปรับสภาพได้ ทั้งสองมีระดับที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เจ้าเอาอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ไปตัดไม้ ไม้ก็ต้องใช้ขวานตัดสิ เจ้าทึ่ม!” สาวกิเลนพูดขณะปิดปากหัวเราะ
“ทำไมเจ้าไม่บอกให้เร็วกว่านี้เล่า!” เย่ว์หยางโกรธ “บิดาวุ่นวายตั้งครึ่งค่อนวัน เจ้าถึงโผล่มาบอกว่าไม่ถูกงั้นหรือ?”
“ก็เมื่อครู่นี้ผู้อื่นที่เหลือใครจะรู้บ้างว่าเจ้าทำเรื่องโง่อย่างนั้น” สาวกิเลนแกล้งเป็นไม่เห็นเย่ว์หยางที่ถลึงตาด้วยความโกรธ
ถ้าไม่ใช่เพราะทุกคนกำลังจับตามอง เย่ว์หยางคงจับนางมาตีก้นแล้วต้องสั่งสอนให้นางรู้จักเชื่อฟัง
“มันเสียเวลาทำไปแล้ว และจะเสียเวลาเปล่าถ้าเจ้าจะหยุด ถ้าเจ้าอารมณ์ดีก็ดีแล้ว จะช่วยเจ้าก็ได้” เมื่อสาวกิเลนปิงหยินเห็นเขามีสีหน้าบูดบึ้ง นางรู้สึกว่านางยิ่งอารมณ์ดีขึ้น นางพูดช้าๆ
เย่ว์หยางต้องการจะตีหลังนาง แต่พอได้ยินเช่นนั้นอารมณ์โกรธของเขาหายไปทันที
ตอนนี้เขาอยากกอดสาวกิเลนและหอมแก้มนาง
นางกำลังรอเวลานี้
ตราบเท่าที่นางทำได้สำเร็จ นางจะภูมิใจอยู่สักสองนาทีโดยไม่ทำอะไรเมื่อไม่มีใครเอาชนะนางได้ นางจะถอยหลังและกลับไป
สาวกิเลนปิงหยินคว้ามือของเย่ว์หยางและฝังเขี้ยวน้อยๆทันที เกือบจะทำให้เย่ว์หยางรู้สึกโกรธ เขารู้สึกว่าสาวกิเลนนี้ต้องการแก้เผ็ด ครั้งก่อนเขายังหุนหันตีก้นนางระหว่างทะเลาะกันซึ่งทำให้นางหงุดหงิดจนแอบซ่อนและปฏิเสธที่จะออกมาอยู่หลายสัปดาห์ นางต้องเอาคืนต่อหน้าธารกำนัลในคราวนี้ มิฉะนั้นนางคงไม่กัดหนักแน่
“คอยดูเถอะต่อไปอย่าให้ถึงทีข้าบ้างก็แล้วกัน!”
เย่ว์หยางกล้าขู่นาง
เหรอ!
ข้าไม่กลัวเจ้า!
สาวกิเลนปิงหยินไม่สนใจการขู่นี้และนางบีบเลือดที่นิ้วของเย่ว์หยางออกมา จากนั้นเขียนอักษรรูนที่ลึกซึ้งลงบนดอกสนธยา
ก่อนที่เย่ว์หยางจะเห็นได้ชัดวงเวทอักษรรูนก็แสดงผลเปล่งแสงและเชื่อมโยงกับเพลิงอมฤตอย่างคาดไม่ถึงไฟลุกโชนรุนแรงและในที่สุดก็ผสานเข้ากับต้นดอกสนธยาเข้าไปถึงวิญญาณและกลายเป็นแหล่งกำเนิดของวิญญาณแหล่งที่มาของภูตเพลิงฟ้าก็คือสายเพลิงอมฤต และมีคุณภาพเหมือนกัน แต่ไม่เหมือนกันเสียทีเดียว เย่ว์หยางมีเวลาไม่พอจะคิดอะไรมากต้นดอกสนธยาลอยขึ้นไปในท้องฟ้า ทั้งลำต้นเต็มไปด้วยเพลิง และเปลี่ยนมันให้เป็นเปลวเพลิง จากนั้นเพลิงอมฤตก็เกิดออกมาพร้อมกับแกนหลักที่เป็นร่างเหมือนบัวเพลิงสวรรค์,เพลิงสนธยาและร่างเป็นเพลิงน้ำเงินบริสุทธิ์
บัวเพลิงสวรรค์เป็นเปลวเพลิงอยู่ชั้นนอก เพลิงสนธยาเป็นก้านดอก เพลิงน้ำเงินบริสุทธิ์เป็นใบ
เพลิงทั้งสามผสานลงตัวกลายเป็นกลีบดอก
แกนลำต้นเป็นเพลิงอมฤต
ดอกสนธยาซึ่งมีขนาดเล็กกว่าสิบเท่าตอนนี้เปลี่ยนเป็นทานตะวันอมฤต อสูรปราณฟ้าระดับห้า
เป็นการวิวัฒนาการก้าวกระโดดถึงสองระดับ! เย่คงและเจ้าอ้วนไห่ตะลึงพูดไม่ออก พวกเขากำลังฝันหรือเปล่า?
ทานตะวันอมฤตตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงพลังโจมตีแค่พูดถึงพลังป้องกัน จะมีอสูรรบสักเท่าใดในโลกนี้ที่สามารถโจมตีได้? ด้วยเพลิงอมฤตที่ลำต้นของมันมันมีบัวเพลิงสวรรค์, เพลิงสนธยาและเพลิงน้ำเงินบริสุทธิ์ จะมีพลังแบบไหนในโลกที่ฆ่ามันได้?
เจ้าเมืองโล่วฮัวประหลาดใจมากจนแทบลืมหายใจ เมื่อนางอ่านเนื้อหาในคัมภีร์อัญเชิญ นางกรี๊ดกร๊าดด้วยความตื่นเต้นทันที
ทานตะวันอมฤต : อสูรพิทักษ์สายธาตุหลัก ชั้นแพลตตินัมระดับสิบ(เทียบเท่าอสูรปราณฟ้าระดับห้า) ร่างเป็นธาตุหลัก ราชาแห่งทานตะวัน มีภูมิคุ้มกันความเสียหายกลีบดอกไม่มีวันเหี่ยวแห้ง พื้นที่มีไฟและแสงจะคืนพลังให้มันโดยอัตโนมัติ
สิ่งที่ทำให้เจ้าเมืองโล่วมีความสุขที่สุดไม่ใช่เพราะนางได้อสูรปราณฟ้าระดับห้า แต่เป็นเพราะนางได้รับอสูรพิทักษ์เพิ่ม
สิ่งที่มีค่ามากที่สุดในโลกก็คืออสูรพิทักษ์!
แม้ว่ามันอาจจะดูเหมือนน่ากลัว แต่มันไม่มีทางหักหลังและไม่มีทางตาย ไม่มีอะไรที่คุ้มค่ามากเท่ากับการฝึกอสูรพิทักษ์
“ฮือออ..!” เจ้าเมืองโล่วฮัวตื่นเต้นจนหลั่งน้ำตานองหน้านางโผเข้าอ้อมกอดเย่ว์หยางพลางร้องไห้ไหล่สะท้าน ทันใดนั้นนางเงยหน้าและจูบเขาต่อหน้าทุกคน เย่ว์หยางแทบหายใจไม่ออก จากนั้นนางคลายกอดเขา และร้องขึ้นอย่างดีใจ “ว้ายๆๆ ข้าดีใจที่สุด ทานตะวันอมฤต! ข้าได้ทานตะวันอมฤตที่ไม่เหมือนใครเลย!”
“มันกลายเป็นอสูรพิทักษ์ไปได้ยังไง?” เสวี่ยอู๋เสียมองสาวกิเลนปิงหยินและหวังว่านางจะมีคำตอบ
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน” สาวกิเลนผายมือ สรุปว่านางเองก็งงเหมือนกัน
“ข้าเดาว่าอาจเป็นเพราะเลือดของเจ้าผู้นี้!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมองดูเย่ว์หยาง สายตาของนางคล้ายกับนักวิทยาศาสตร์ผู้บ้าคลั่งที่กำลังอยากผ่าศึกษาชิ้นส่วนมนุษย์ เมื่อเห็นนางดังนั้นเย่ว์หยางรู้สึกเย็นยะเยือกในหัวใจ และรีบเผ่นไปพร้อมกับอี้หนานทันที
เย่ว์หยางยังคงรู้สึกว่ามีบางอย่างเกี่ยวกับเลือดของเขาเอง แต่เขาไม่แน่ใจ
เขาต้องหาเวลาที่แน่นอนไปพบกับนางพญาเฟ่ยเหวินหลีและถามปัญหาข้อสงสัยกับนาง
เขาเชื่อว่านางพญาเฟ่ยเหวินหลีจะมีคำตอบ
พอถึงตอนนี้เจ้าอ้วนไห่และเย่คงรู้สึกเหนื่อย ทุกคนนั่งลงกับพื้นทั้งตกใจและตื่นเต้น ถ้าเย่ว์หยางสามารถทำซ้ำได้สำเร็จวิชาลับนี้สามารถช่วยระดับของอสูรรบพวกเขาทั้งหมดทีละตน แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เท่าทานตะวันอมฤตก็ตามแต่ขอให้ได้เท่าทานตะวันฉายหรือต้นดอกสนธยาก็ยังดี
ทุกคนจะต้องกลัวอะไรกับพลังปราณก่อกำเนิด? พวกนักสู้ระดับปราณฟ้าก็ยังไม่มีพลังสู้ขนาดนี้
ที่สำคัญพลังของเจ้านายจะเกี่ยวข้องกับพลังของอสูรรบ
ยิ่งอสูรรบมีพลังมากขึ้น เจ้าของก็ยิ่งมีพลังเพิ่มขึ้น
ขณะที่เย่ว์หยางก้าวหน้าเขายิ่งรู้ยิ่งเข้าใจ อสูรรบยิ่งแข็งแกร่งขึ้นในมือเขานั่นเป็นเรื่องที่แน่นอน
ดูเหมือนว่าทุกคนต้องฝึกให้มากและเร็วมิฉะนั้นจะปล่อยให้เย่ว์หยางทิ้งห่างออกไปเรื่อย เมื่อคิดเช่นนั้นแล้ว เย่คงและเจ้าอ้วนไห่มองหน้ากันเอง ร่างที่อ่อนล้าของพวกเขาพลันรู้สึกตื่นเต้น พวกเขากระโดดลุกขึ้น กำหมัดแน่น และค่อยๆปลีกตัวไปด้านข้างและเริ่มฝึกกันอีก พลังของเย่ว์หยางเพิ่มขึ้น พลังของอสูรรบของเขาก็เพิ่มขึ้น และการเพิ่มขึ้นทุกอย่างเพิ่มแรงกดดันให้พวกเขา แม้ว่าพวกเขาจะฝึกกันหลายชั่วโมงพวกเขาก็ยังรู้สึกว่าไม่เพียงพอ
“เรากลับกันเถอะ” เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมองหน้ากันเองและพยักหน้าเข้าใจ พวกนางกลับไปฝึกกันต่อ
เพื่อให้ก้าวหน้าได้เร็วและตามเย่ว์หยางให้ทัน พวกนางฝึกกันหนักจริงๆ
จักรพรรดินีราตรีก็หวังว่าจะไล่ตามจื้อจุนและเย่ว์หยางให้ทัน
พวกนางตั้งใจ
เย่ว์หวี่ขัดใจเล็กน้อยเพราะเย่ว์หยางพูดว่าจะให้ภูตแสงนางและใช้มันช่วยหลอมรวมกับนางฟ้าสงครามช่วยให้อสูรของเขาก้าวหน้า เย่ว์หวี่ไม่รู้ว่าควรจะตอบรับหรือปฏิเสธ จะทำอย่างไรดี!