ตอนที่ 657 ยกระดับตะวันฉายทานตะวัน
เมื่ออี้หนานตื่นขึ้นก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงวัน
ทันใดนั้นนางจำได้ทันทีถึงสิ่งที่ผู้หลักผู้ใหญ่บอกนางไว้ว่าเจ้าสาวควรจะปรุงอาหารให้สามีเป็นการแสดงถึงความรักและการให้เกียรติ นางเร่งรีบ แต่เมื่อนางขยับขา ร่างที่อ่อนนุ่มของนางรู้สึกเจ็บอีกครั้งนางอดร้องออกมาไม่ได้ เจ้าเมืองโล่วฮัวกำลังนั่งอยู่หน้าเตียงรีบยื่นมือประคองอี้หนาน “นอนลงและอยู่นิ่งๆไว้”
“เสื้อผ้าข้าอยู่ไหน?” ถึงตอนนี้อี้หนานจึงรู้ว่านางยังเปลือยกายอยู่ นางรีบซ่อนตัวกลับเข้าไปในผ้าห่มนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน นางกลัวและไม่กล้าสบตาเจ้าเมืองโล่วฮัว
“ไม่ต้องอายหรอก, เจ็บไม่ใช่หรือ?” เจ้าเมืองโล่วฮัวยิ้มปลอบใจนาง จากนั้นถาม
“ไม่, ข้าไม่นะ” อี้หนานรีบส่ายศีรษะ เพื่อแสดงว่านางสบายดี คิดว่านางยังไม่ฟื้นฟูเรี่ยวแรงทั้งหมด
“นี่ยังแค่เริ่มต้น ถ้าเจ้าเริ่มฟื้นฟูก็ดีแล้ว ร่างกายเจ้ายังไม่อาจแข็งแรงเทียบกับมารกฎฟ้าได้ไม่อาจเทียบกับไห่หลานได้ อย่าเพิ่งรีบเร่งนักในช่วงวันสองวันนี้ เจ้ายังมีโอกาสต่อมาอีกมาก ตัวร้ายนั่นตะกรุมตะกราม เขาไม่อิ่มพอใจง่ายๆหรอกไม่ว่าเจ้าจะให้เขากี่ครั้งก็ตาม ดังนั้นอย่าเพิ่งให้ความสนใจเขา สิ่งที่สำคัญที่สุดคือตัวเจ้าเอง ข้าจะดูแลให้เองและไม่ต้องใส่ใจเขา ถ้าเขากล้ารังแกเจ้า ข้าจะดุเขาเอง!” เจ้าเมืองโล่วฮัวยื่นมือนางออกมาจัดผมที่ติดแก้มให้อี้หนานและสอนประสบการณ์ให้นาง
“ไม่นะ, เขาสุภาพนุ่มนวล” อี้หนานกลัวว่าเจ้าเมืองโล่วฮัวจะต่อว่าเย่ว์หยางจึงรีบพูดถึงเขาในแง่ดี
“เมื่อวานนี้ก้าวหน้าใช่ไหม?” เจ้าเมืองโล่วฮัวถาม
“ใช่” อี้หนานพยักหน้าอย่างเอียงอายและดีใจ หลังจากฝึกผสานกายขั้นสุดท้ายระดับพลังของนางเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า และนางไม่คาดเลยว่านางจะก้าวหน้าขนาดนั้นหลังจากฝึกผสานกายจริงๆ
“เจ้าฝึกต่อไป เจ้าก็จะยิ่งเพิ่มพลังได้อีก เจ้าฝึกนานกว่าข้าดังนั้นความก้าวหน้าของเจ้าเมื่อคืนก็ยังจะก้าวหน้ามากกว่าข้า มิน่าเล่าเชี่ยนเชี่ยนกับอู๋เสียจึงยังฝึกอยู่ ข้าเป็นของเขาเร็วเกินไปหน่อย” แน่นอนว่าเจ้าเมืองโล่วฮัวแค่กำลังหยอกล้อ นี่เป็นวิธีทำให้อี้หนานผ่อนคลาย ความจริงเจ้าเมืองโล่วฮัวรู้ว่าถ้าไม่ใช่เป็นเพราะจื้อจุนและจักรพรรดินีราตรีต้องการให้เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรักษาความบริสุทธิ์ไว้ องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนคงไม่พ้นมือเย่ว์หยางแล้ว นางรู้ว่าแม่เสือสาวดุต่อหน้าคนอื่นเท่านั้น พออยู่กับเย่ว์หยางตามลำพังนางคงยอมรับแน่
“ไม่สำคัญว่าข้าจะยกระดับได้หรือไม่ ตราบเท่าที่สามารถช่วยเขาได้” อี้หนานคิดถึงแต่เย่ว์หยางไม่ได้คิดถึงตัวนางเอง
เมื่อเจ้าเมืองโล่วได้ยินเช่นกัน นางยิ้มอ่อนโยน
พวกนางทุกคนคิดเหมือนกัน แต่พูดไม่เหมือนกัน
หลังจากพูดคุยสนทนาการอยู่นานเจ้าเมืองโล่วฮัวลอบถ่ายทอดเคล็ดลับให้อี้หนาน นางบอกว่านางสามารถทำได้หลังจากผสานร่างกับเย่ว์หยางแล้ว เคล็ดลับนี้ไม่คล้ายกับสนามพลังจิต แต่มีความลึกซึ้งมาก และทำได้หลังจากผสานกายกับเย่ว์หยางแล้วจะให้ผลที่ชัดเจน
ตามคำที่เจ้าเมืองโล่วฮัวกล่าวแม้แต่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเสวี่ยอู๋เสียก็ไม่รู้เคล็ดลับนี้ มีแต่อู๋เหินมารกฎฟ้าและไห่หลานเท่านั้นที่รู้
ดังนั้นอี้หนานได้แต่ถามอย่างสงสัย ใครเป็นคนสอนเคล็ดลับนี้
เจ้าเมืองโล่วฮัวส่ายหน้าเป็นนัย
เมื่อนางออกมาแล้ว อี้หนานรีบลุกขึ้นทนฝืนเจ็บสวมเสื้อผ้า
ไม่นานหลังจากนั้นเย่ว์ปิงก็เข้ามาถือถ้วยแกงเข้ามาอย่างระมัดระวัง “พี่อี้หนาน นี่พี่สามทำเป็นพิเศษให้ท่านนางหยุดเล็กน้อยจากนั้นพูดต่อ ”ข้ากับซวงเอ๋อแอบชิมไปก่อนแล้ว เราไม่รู้ว่าเตรียมไว้ให้ท่าน”
“อะไรกันนี่? ให้ข้าล้างหน้าตาก่อน” อี้หนานรู้สึกดีขึ้น
นางไม่ถือสาว่าเย่ว์ปิงและเย่ว์ซวงจะชิมไปก่อนเมื่อคิดว่าพวกนางเข้าใจผิดเชื่อว่าพี่ชายนางปรุงให้พวกเขานางโดยเฉพาะ
อย่างไรก็ตาม ตราบเท่าที่เย่ว์หยางทำด้วยตนเอง อย่างนั้นก็พอแล้ว
สิ่งนี้จะต้องทำมาจากใจของเขา
สำหรับรสชาติจะเป็นยังไงไม่สำคัญ
หลังจากดื่มน้ำซุปแล้วอี้หนานรู้สึกว่านางเต็มไปด้วยความสุขและความหวานชื่นใจ นางรู้สึกมีเรี่ยวแรง ใบหน้าเปล่งปลั่งเย่ว์ปิงประหลาดใจเล็กน้อย “พี่อี้หนานเอ่อ.. ต้องเป็นพี่สะใภ้สินะ หน้าของท่านดูเหมือนจะมีเสน่ห์มากนะในวันนี้ ระดับความก้าวหน้าของท่านรวดเร็วอีกแล้ว” เย่ว์ปิงไม่คิดว่าเป็นผลมาจากอี้หนานกับเย่ว์หยางผสานกายกัน นางคิดว่าเป็นเพราะอี้หนานฝึกฝนจนพลังฝึกปรือเพิ่มขึ้น
อี้หนานตระหนักว่านางเข้าใจผิด นางอดรู้สึกสุขใจไม่ได้ “พี่ชายเจ้าอยู่ไหนแล้ว?”
เย่ว์ปิงชี้ไปที่ข้างนอก “เขาอยู่ข้างนอกกำลังช่วยให้เหล่าอสูรรบเลื่อนระดับชั้นโดยใช้เพลิงบัวสวรรค์ปรับแต่งตะวันฉายทานตะวัน ไปดูกันเถอะ!”
เพื่อกลบเกลื่อนความขัดเขินระหว่างเดินอี้หนานฉุดดึงแขนเย่ว์ปิงและเดินออกไป ในท้องฟ้าระยะไกล ตะวันฉายทานตะวันกำลังเปล่งแสงเจิดจ้า ยังสว่างกว่าดวงอาทิตย์เสียอีก ในระยะไกลออกไป เย่คง เจ้าอ้วนไห่เสวี่ยทันหลางและองค์ชายเทียนหลัวพากันมองดูทุกคนพวกเขามองดูว่าเย่ว์หยางจะยกระดับตะวันฉายทานตะวันได้ยังไง และเพื่อซึมซับประสบการณ์เพิ่มระดับอสูรรบ
เย่ว์หยางมีความสามารถทางพลังหยางเปลี่ยนท้องฟ้าให้เป็นโลกของบัวเพลิงฟ้า
บัวเพลิงฟ้าสีแดงนับพันลอยอยู่ในอากาศ
หลังจากฝึกปรือร่วมกับอี้หนานเมื่อคืนก่อนเขาได้รับผลพลอยได้ถึงสองอย่างทั้งพลังฝึกปรือและพลังงาน ความก้าวหน้าของเขามากกว่าอี้หนานอย่างเห็นได้ชัด เขารุดหน้าไปเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับเก้า จากเดิมระดับแปด การเลื่อนระดับพลังครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเลื่อนระดับพลังง่ายๆ รู้กันอยู่แล้วว่าพลังปราณก่อกำเนิดระดับแปดนี้ของเขา เทียบเท่ากับคนที่มีพลังปราณฟ้าระดับสาม การยกระดับของเขาจึงเท่ากับยกระดับพลังปราณฟ้าระดับสามไปเป็นระดับสี่และที่ก้าวหน้ามากที่สุดก็คือทุกครั้งที่เย่ว์หยางเพิ่มพลัง ทักษะแฝงเร้นธรรมชาติและอสูรรบของเขา ก็เพิ่มพลังในระดับที่ต่างๆ กันไป
ด้วยผลของการผสานกายกับอี้หนานและผลของการเปิดผนึกความรู้ที่ได้รับตกทอดจากมารดาของสหายผู้น่าสงสาร
แม้แต่เจ้าเมืองโล่วฮัวและอู๋เหินก็มีเหมือนกัน
อย่างไรก็ตามกลับได้ผลการฝึกปรือที่ดีที่สุดเมื่อฝึกผสานร่างกับอี้หนาน
ถ้าไม่ใช่เพราะสาวน้อยอี้หนานยังเยาว์วัยเกินไปและยังไม่สามารถทนได้ เย่ว์หยางต้องการฝึกต่อให้นานขึ้นและเปิดผนึกความรู้ให้มากขึ้น
เย่ว์หยางผู้มีพลังเพิ่มขึ้นมั่นใจว่าเขาสามารถปรับแต่งตะวันฉายทานตะวันได้ เจ้าเมืองโล่วฮัวเป็นคนโจมตีหลัก พลังของนางเพิ่มขึ้นมาก ดังนั้นเย่ว์หยางตัดสินใจยกระดับตะวันฉายทานตะวันที่นางได้รับก่อน
“ดูเหมือนยังจะเช้าอยู่ กลับไปงีบต่อสักหน่อยเถอะ!” นางเซียนหงส์ฟ้าหาวและกลับไปพักตามที่ตั้งใจ
“เอาเลยพี่เขย!” มารเคราะห์ฟ้าได้รับโซ่เทพเจ้าสายฟ้าและยืนเชียร์เย่ว์หยางด้วยความตื่นเต้น
สิบนาทีต่อมาหลังจากเย่ว์หยางปรับแต่งด้วยบัวเพลิงสวรรค์ กลับกลายเป็นว่าตะวันฉายทานตะวันยกระดับจากอสูรปราณฟ้าระดับหนึ่งขึ้นเป็นอสูรปราณฟ้าระดับสอง
เทียบกับตะวันฉายทานตะวันที่ไม่มีพลังโจมตีอะไรเลยพลังใหม่ของทานตะวันมีเพิ่มขึ้นมาอีกอย่างหนึ่งคือ “ตาพร่า”
พลังรุกโจมตีนี้แทบจะทำร้ายใครไม่ได้ แค่ทำให้การมองเห็นของอีกฝ่ายหายไประยะเวลาสั้นๆ
ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์
ความจริงทักษะตาพร่านี้เป็นกุญแจในการพลิกสถานการณ์การต่อสู้ทั้งหมดเมื่อใช้อย่างชาญฉลาด
ถ้ายอดฝีมือคนหนึ่งต่อสู้ อาจจะสร้างความผิดพลาดได้ทันที และเขาอาจถูกตัดสินชะตาได้
“แข็งแกร่ง!” เย่คงและเจ้าอ้วนไห่ที่ยืดคงแหงนมองดูที่ดอกไม้ ทุกคนได้แต่ชูนิ้วโป้งชื่นชมเย่ว์หยาง ส่วนหลิวเย่และเป่าเอ๋อเทิดทูนบูชาเย่ว์หยางอยู่แล้ว พวกนางปรบมือร่าเริง เย่ว์ซวงกำลังกินแตงโมแช่เย็นในมือพยักหน้าหงึกหงัก เธอทำท่าน่ารักแต่พูดไม่ออก
อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางยังไม่พอใจกับผลที่ออกมา
เขารวมบัวเพลิงสวรรค์เข้ากลุ่มเป็นแสงเพลิงสนธยาและดึงเอาเพลิงน้ำเงินบริสุทธิ์ออกมา เขาตั้งใจจะผสานกับตะวันฉายทานตะวัน
เขายังคงเพิ่มพลังต่อไป เขาต้องการเปลี่ยนตะวันฉายทานตะวันเป็นสายพันธุ์แปลกประหลาด เจ้าอ้วนไห่และเย่คงตะลึง ถ้าไม่ใช่เป็นเย่ว์หยางและเปลี่ยนเป็นคนอื่น พวกเขาคงคิดว่าเขาบ้าไปแล้ว
การเปลี่ยนแปลงของอสูรรบเป็นแค่เปลี่ยนแปลงพัฒนาทีละก้าวนี่จะเปลี่ยนแปลงให้มากเกินกว่านี้อีกหรือ? ไม่! ที่เป็นไปไม่ได้มากกว่าก็คือเพลิงสนธยามีพลังตรงกันข้ามกับบัวเพลิงสวรรค์
หนึ่งชั่วโมงผ่านไปและเย่ว์หยางรู้สึกว่าเขาเหนื่อยมากกว่าสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเสียอีก ทำให้เขาใช้ความพยายามครั้งสุดท้าย
ถ้าเขาทำไม่สำเร็จ อย่างนั้นก็ต้องเลิกทำ
เป็นไปได้ไหมว่าตะวันฉายทานตะวันมาอยู่ในสภาวะสูงสุดของมันแล้ว? หรือว่าวันนี้ดวงอาทิตย์แดดจะไม่พอ?
“ข้ามั่นใจว่าเจ้าจะทำได้สำเร็จ!” เจ้าเมืองโล่วฮัวไม่รออยู่บนพื้นและคล้องแขนประคองเย่ว์หยางช่วยเสริมพลังของเขาด้วยพลังนาง
ไม่ทราบเป็นเพราะเจ้าเมืองโล่วฮัวหรือว่าแรงบันดาลใจที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันของเย่ว์หยางหรือเป็นเพราะตะวันฉายทานตะวันถึงจุดเปลี่ยนสำคัญในวิวัฒนาการสามนาทีต่อมาท้องฟ้าค่อยๆ สลัวและเพราะแสงสลัวลงทุกคนจึงสามรถเห็นทานตะวันฉายแสงได้ เหมือนกับดวงอาทิตย์แต่ไม่มีแสงเจิดจ้า เป็นแต่เหมือนกับพระจันทร์สีทอง สีสันดูนุ่มนวลตา
ในที่สุดแสงก็สลัวลง
แม้รัศมีทรงพลังครอบคลุมไปทั่วภาคพื้น
เหมือนกับว่ามีแต่ทานตะวันเท่านั้นที่เหลืออยู่ต้นเดียวในโลก ทุกที่ภายใต้แสงของมัน
เมื่อเย่คงและเจ้าอ้วนไห่เห็นว่าทานตะวันเปลี่ยนแปลงไปได้สำเร็จ โลกก็มืด เมื่อตะวันฉายทานตะวันกลับกลายเป็นดอกไม้ที่มีแสงเหมือนยามสนธยาแม้แต่ฟ่านหลุนเถี่ยที่ห้าวหาญที่สุดก็ยังมีความรู้สึกว่าเขามองเห็นได้ทั้งโลก เขาไม่สามารถยกจิตวิญญาณนักสู้ของเขาได้โดยสิ้นเชิง
“โอวสวรรค์, ทักษะนี้คือพลังโจมตีจิตวิญญาณ!” เย่คงรู้สึกตัวและร้องเตือน เจ้าอ้วนไห่ ผู้มีการป้องกันพลังจิตได้ยังรู้สึกตัวว่าของเขาด้อยกว่าเล็กน้อยแต่ก็ยังนั่งลงกับพื้นดูเหมือนคนแก่ เพียงแต่เมื่อนกนางนวลสายลมปลุกเขา เขาจึงรู้สึกว่าได้รับผลจากแสงสนธยา
“เจ้าให้ดอกสนธยาข้าสักดอกได้ไหม? ในฐานะพี่ใหญ่ พอไม่มีดอกทานตะวันรู้สึกไม่ดีเลย” เจ้าอ้วนไห่ขอหน้าด้านๆ
“จ่ายมาสองเหรียญทองแดนสวรรค์ข้าจะซื้อให้เจ้าต้นหนึ่ง” นี่คือคำตอบของเย่ว์หยาง
“งั้นก็ไม่เป็นไร” เจ้าอ้วนไห่รู้ว่าเขา คงไม่สามารถขายอะไรได้ยี่สิบล้านแน่ ต่อให้ชำแหละร่างอ้วนๆ ของเขาขายก็ตาม ดังนั้นเขายกเลิกความคิดนี้ออกไป
“อะไรน่ะ?” นางเซียนหงส์ฟ้าที่หลับงีบหนึ่งและพบว่าเย่ว์หยางได้เปลี่ยนตะวันฉายทานตะวันเป็นทานตะวันแผดเผา และเปลี่ยนไปเป็นดอกสนธยาแค่นั้นยังไม่พอ เมื่อวานนี้เขารู้สึกว่าเขาตื่นเต้นไปบ้างแสงตะวันจากระดับหนึ่งเพิ่มไปเป็นปราณฟ้าระดับสาม ทานตะวันฟ้า และเขายังต้องการทำต่ออีกหรือ?” นางถามเย่ว์หวี่