ตอนที่ 19-12 สี่ตราสี่สี
ภูเขาเฟลมบอน ทั่วทั้งภูเขามีเปลวไฟคลุมรอบ
ร่างคนสองคนพุ่งผ่านขอบฟ้าและหยุดในกลางอากาศเหนือภูเขาเฟลมบอน เป็นลินลี่ย์และบีบี
“กร้วม!” บีบีกัดกินผลไม้ลูกหนึ่งก้มหน้ามองยอดเขาข้างล่าง “พี่ใหญ่, ครั้งล่าสุดที่เรามาที่นี้ เราถูกทหารพวกนั้นขัดขวางเป็นเพราะเราไม่ใช่เจ้าแคว้นหรือลอร์ดทาร์ทารัส ผ่านไปสองสามเดือน ตอนนี้เป็นไงเล่า? พี่ใหญ่, ตอนนี้ท่านได้เป็นลอร์ดทาร์ทารัสแล้วข้าสงสัยว่าพวกทหารเหล่านั้นจะทำหน้ายังไง?”
ขณะที่พูดเขาโยนเม็ดผลไม้ที่กินแล้วไว้ข้างหนึ่ง
“ไปกันเถอะ” ลินลี่ย์หัวเราะอย่างเยือกเย็นและบินไปในท้องฟ้าโดยมีบีบีตามหลัง
บนยอดเขามีปราสาทเก่าแก่โบราณสีดำสนิทและมีเพลิงลุกท่วมเช่นกัน มีทหารหลายคนลาดตระเวณอยู่ด้านนอก และที่หน้าประตูมีคนมากกว่าสิบคนยืนนิ่งกับที่เป็นสองแถว เมื่อเห็นลินลี่ย์กับบีบีหนึ่งในทหารเกราะดำก้าวออกมาเล็กน้อย “เอ๊ะ? พวกเขาอีกแล้วหรือ?”
ทหารเกราะดำที่รู้สึกทึ่งผู้นี้คือคนที่เคยรับหน้าลินลี่ย์เมื่อครั้งก่อน
ที่สำคัญในช่วงเวลาเพียงไม่กี่เดือนทหารที่นี่ยังไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก
“เฮ้, ทำไมพวกเจ้าทั้งสองคนถึงกลับมาที่นี่อีก?” ทหารเกราะดำอดถามด้วยความไม่พอใจไม่ได้ “ครั้งล่าสุด, ข้าบอกพวกเจ้าทั้งสองไปแล้ว เราเปิดประตูมิติให้เฉพาะลอร์ดทาร์ทารัสและเจ้าแคว้นเท่านั้น”
ลินลี่ย์และบีบีลงมายืนที่พื้น
“พี่ใหญ่! ทหารพวกนี้ยังไม่รู้สถานะของท่าน ”บีบีพูดอย่างสงสัย “ก็เจ้านั่นบอกว่าในวันเดียวข้อมูลของท่านจะถูกส่งไปถึงภูเขาเฟลมบอนไม่ใช่หรือ? ทำไมทหารเหล่านี้จึงไม่รู้? เราใช้เวลาสองสามวันบินจากเขตเรดคลิฟมาที่นี่ พี่ใหญ่! ข้อมูลของท่านควรจะมาถึงที่นี่นานแล้ว”
ลินลี่ย์เหลือบมองดูทหาร จากนั้นหัวเราะอย่างใจเย็น “ข้อมูลเกี่ยวกับข้าคงจะไปถึงสมาชิกระดับสูงของภูเขาเฟลมบอน แต่ทหารธรรมดาเหล่านี้ยังไม่ทราบข้อมูล” ลินลี่ย์ไม่ต้องการเปลืองคำพูดกับทหารธรรมดาเหล่านี้ดังนั้นเขาก้าวเดินทันที ความเคลื่อนไหวเดินเข้ามากะทันหันของเขาทำให้ทหารเหล่านี้รู้สึกประหลาดใจเป็นธรรมดา
“หยุดนะ!” ทหารมากกว่าสิบคนถลึงตามองลินลี่ย์
“พวกเจ้าทั้งสอง! ที่นี่ไม่ใช่ที่ธรรมดา พวกเจ้าไม่อาจบุกรุกเข้ามาได้ เราไม่สามารถหยุดพวกเจ้า แต่พวกเจ้าคงไม่กล้าล่วงเกินมหาเทพใช่ไหม?” หัวหน้านักรบเกราะดำจ้องมองลินลี่ย์และบีบีด้วยนัยน์ตาสีฟ้า ครั้งล่าสุดพวกเขารู้จักพลังของลินลี่ย์และบีบีดีแล้วดังนั้นพวกเขาไม่กล้าลงมือป่าเถื่อนเกินไป
“ข้าคือลอร์ดเรดคลิฟ” ลินลี่ย์พูดอย่างสงบ
“เอ๋?”
นักรบเกราะดำสิบกว่าคนตะลึงทันที
“เจ้าต้องล้อเล่นแน่” นักรบเกราะดำไม่อยากเชื่อ เขาหัวเราะและมองลินลี่ย์ “เพิ่งผ่านมาเพียงสองสามเดือนเท่านั้น”
ประการแรกเวทีประลองร้อยศึก จากนั้นก็ท้าประลองกับลอร์ดทาร์ทารัส..ผลก็คือชัยชนะ! ทั้งหมดกินเวลาไม่กี่เดือนเองหรือ? ความเร็วระดับนี้มันเร็วเกินไป นักรบเกราะดำไม่กล้าเชื่อเรื่องนี้
“อย่าเสียเวลาพูด” บีบีตวาดอย่างเหลืออด “ถ้าพี่ใหญ่ข้าบอกพวกเจ้าว่าเขาเป็นท่านลอร์ด อย่างนั้นเขาก็ต้องเป็นท่านลอร์ด! รีบไปบอกหัวหน้าของพวกเจ้า เขาจะรู้ข่าวเรื่องลินลี่ย์เป็นลอร์ดเรดคลิฟคนใหม่”
“เอ๊ะ?”
นักรบเกราะดำมองหน้ากันเอง จากนั้นมองหน้าลินลี่ย์และบีบีอย่างระมัดระวังอีกครั้ง
“หัวหน้า ดูเหมือนพวกเขาจะพูดความจริง” นักรบเกราะดำกระซิบกันเองผ่านสำนึกเทพ
“แต่นี่เป็นเวลาเพียงไม่กี่เดือน มันบ้าไปแล้ว”
แม้ว่านักรบเกาะดำทุกคนจะรู้สึกตื่นเต้น แต่หัวหน้านักรบเกราะดำยังคงกล่าว “ก็ได้ ข้าจะไปสอบถามดูก่อน ท่านทั้งสองโปรดรออยู่ตรงนี้ก่อน” หลังจากพูดแล้วนักรบเกราะดำบินเข้าไปในปราสาทลึกทันที ขณะที่ลินลี่ย์และบีบีรออยู่ข้างนอกอย่างอดทน
นักรบเกราะดำที่เหลือยังคงจ้องมองดูลินลี่ย์และบีบีด้วยความประหลาดใจ
เห็นได้ชัดว่านักรบเกราะดำเหล่านี้ไม่กล้าปักใจเชื่อ
ครู่ต่อมา...
“ลอร์ดเรดคลิฟ, ลอร์ดเรดคลิฟ!” มีเสียงทุ้มดังออกมา ลินลี่ย์และบีบีหันไปมอง เห็นเป็นบุรุษร่างกำยำสวมเกราะสีฟ้าตัวสูงกว่าลินลี่ย์เล็กน้อยก้าวเดินเข้ามา นักรบเกราะดำข้างหลังเขามองดูลินลี่ย์ด้วยความทึ่ง สายตาของบุรุษเกราะฟ้ามองดูลินลี่ย์โดยตรงและดวงตาของเขาเป็นประกายทันที
“ลอร์ดเรดคลิฟเราเพิ่งจะได้รับข้อมูลเมื่อไม่นานมานี้และเรายังไม่ได้ส่งต่อข้อมูลไปให้ทหารระดับล่าง ใครจะคิดกันเล่าว่าท่านจะมาถึงที่นี่รวดเร็วนัก ลอร์ดเรดคลิฟ?” นักรบเกราะฟ้าพูดพลางหัวเราะ “โอว, ข้าขอแนะนำตัวเองก่อน ข้าชื่อดิลาส!”
“ลินลี่ย์” ลินลี่ย์หัวเราะรับทราบ
เมื่อได้ยินลินลี่ย์รายงานชื่อบุรุษร่างกำยำเกราะฟ้าพยักหน้าและหัวเราะ “เนื่องจากเราเพิ่งจะได้รับข้อมูลเกี่ยวกับท่านเราค่อนข้างแน่ใจเกี่ยวกับสถานะของท่าน ยิ่งเมื่อเห็นเด็กหนุ่มที่อยู่กับท่าน แต่อย่างไรก็ตามใต้เท้า, โปรดแสดงข้อพิสูจน์เล็กน้อยให้กับเราด้วย ท่านสามารถแสดงร่างแปลงมังกรหรือแสดงเทพกระบี่ไร้ลักษณ์ที่ท่านมีก็ได้”
ลินลี่ย์เพียงแต่เหยียดมือขวา
เกล็ดมังกรสีทองฟ้าคลุมเต็มมือของเขา
“แค่นั้นก็มากพอแล้ว” นักรบเกราะฟ้าหัวเราะ “โปรดอภัยให้เราด้วย เราจำเป็นต้องระมัดระวังเช่นกัน ข้าจะนำทางใต้เท้าเอง โปรดตามข้ามา”
ลินลี่ย์และบีบีตามนักรบเกราะฟ้าเข้าไปข้างใน
บีบีหันหน้าไปมองนักรบเกราะดำที่ด้านข้างและจงใจเชิดหน้าใส่
“เขาคือลอร์ดทาร์ทารัสจริงๆ!” หัวหน้านักรบเกราะดำลูบจมูกแสดงอาการเหลือเชื่อ “นานเท่าไหร่แล้ว?ครั้งสุดท้ายที่เราโบกมือไล่พวกเขาออกไป แต่ในพริบตา เขาก็กลายเป็นลอร์ดทาร์ทารัสคนหนึ่งได้”
“ยังดีที่ลอร์ดลินลี่ย์เป็นคนที่อารมณ์ดี ถ้าเป็นอย่างลอร์ดเฟลมบอน และหัวหน้ากล้าแสดงความไม่เคารพอย่างนี้ เป็นไปได้ว่าเจ้าอาจถูกฆ่าตายเพราะความโกรธไปแล้ว” นักรบเกราะดำที่อยู่ใกล้ๆ ยิ้มและหัวเราะ แม้ว่า..ปราสาทนี้จะเป็นของมหาเทพ แต่กิจการของปราสาทดำเนินการโดยทูตมหาเทพ
ทูตมหาเทพเป็นคนที่จัดการดูแลทหารนักรบเหล่านี้ ถ้าลอร์ดทาร์ทารัสฆ่าทหารไปคนหนึ่ง ทูตมหาเทพจะเข้ามาโต้เถียงกับลอร์ดทาร์ทารัสเพราะเห็นแก่นักรบผู้น้อยหรือ?
“เมื่อข้าคิดถึงเรื่องนี้ทีไร มันน่ากลัวจริงๆ แต่ข้าก็ยังรู้สึกเหมือนกับว่าข้าฝันไป” นักรบเกราะดำอดมองไปตรงตำแหน่งที่ลินลี่ย์กับบีบีเดินผ่านไปไม่ได้ เขาส่ายศีรษะถอนหายใจ
ลินลี่ย์และบีบีอยู่ภายใต้การนำทางของดิลาสนักรบเกราะฟ้าและยังคงเดินนำไปตามทางที่กว้าง ทางเดินที่กว้างนี้ล่วงลึกเข้าไปในพื้นที่ แม้ว่าจะเป็นทางเดินลงไป แต่ก็ยังกว้างเพียงพอให้คนมากกว่าสิบคนเดินเรียงหน้าไปพร้อมกันได้และมีความสูงอย่างน้อยสิบเมตร
เพียงแต่เมื่อพวกเขาเดินลึกเข้าไป ก็ค่อนข้างมืด
“ประตูมิติสร้างอยู่ในใจกลางภูเขาเฟลมบอน” ดิลาสเดินอธิบายอย่างอารมณ์ดี “สมรภูมิมหาพิภพเชื่อมโยงกับเจ็ดโลกธาตุศักดิ์สิทธิ์และสี่พิภพชั้นสูง รวมแล้วมีประตูมิติถึงสิบเอ็ดแห่ง ตามตำนานกล่าวไว้ว่า...ผลงานที่ยิ่งใหญ่นี้เสร็จสิ้นสมบูรณ์โดยฝีมือของสี่จอมเทพสร้างสำเร็จพร้อมกัน”
“พร้อมกันเชียวหรือ?” ลินลี่ย์พูดด้วยความทึ่ง
ความจริงมีแต่บุคคลอย่างจอมเทพจึงสร้างประตูมิติระดับนี้ได้ อย่างไรก็ตามลินลี่ย์คาดไม่ถึงเลยว่าจอมเทพทั้งสี่จะพร้อมใจกันสร้างประตูนี่
“หึหึ! ท่านลอร์ด นั่นคือสิ่งที่ข้าได้ยินได้ฟังมา” ดิลาสหัวเราะ
“จอมเทพ....จอมเทพ...พวกเขาทรงพลานุภาพมาก แต่ข้าไม่เคยเห็นเลยสักคน” บีบีพึมพำ
ดิลาสเพียงแต่พูดพลางหัวเราะ “ไม่เคยเห็นเลยหรือ? จอมเทพอยู่รอบตัวพวกท่านเสมอ”
“เหรอ?” บีบีจ้องมอง
“เรามักจะถูกรายล้อมและใช้ชีวิตอยู่ภายใต้กฎธาตุและวิถีธรรมชาติ สี่จอมเทพเป็นศูนย์รวมของสี่วิถีที่ยิ่งใหญ่ ตามปกติพวกท่านอยู่อยู่ข้างๆ พวกเจ้า” ดิลาสพูดพลางยิ้ม และจากนั้นเขามองไปข้างหน้า “โอว, เราเกือบจะถึงที่นั่นอยู่แล้ว! ประตูมิติปรากฏอยู่ข้างหน้า ท่านลอร์ดเชิญท่านทั้งสองไปรอคอยอยู่ที่นั่นก่อน
ลินลี่ย์มองดูข้างหน้า เขารู้สึกเลือนรางได้ถึงรัศมีที่ไม่เหมือนใครข้างหน้า
ในที่สุดทางเดินเป็นห้องกว้างที่มีการคุ้มกันอย่างดี ในใจกลางห้องมีสระสีดำกลมเส้นผ่าศูนย์กลางสิบเมตร ในใจกลางสระมีประตูบานหนึ่งยาวห้าเมตรสูงสิบเมตร ประตูบานนี้ตั้งตระหง่านอยู่กลางสระเปล่งแสงสีดำ ลินลี่ย์สามารถรู้สึกได้ว่ารังสีที่ไม่เหมือนใครนี้แผ่ออกมาจากภายในนั้น
“ลอร์ดลินลี่ย์” มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
ลินลี่ย์หันไปมองที่ด้านซ้ายของห้องโถงมีผู้อาวุโสผมขาวยืนอยู่กับกลุ่มนักรบเกราะฟ้า
ชายชราผมขาวยิ้มขณะเดินเข้ามาหา “เราเพิ่งทราบข่าวของท่านมาไม่นานนี้ลอร์ดลินลี่ย์ งั้นท่านก็เป็นสมาชิกของเผ่ามังกรฟ้า ข้าเป็นสหายเก่ากับประมุขกัซลีสันแห่งเผ่ามังกรฟ้าของเจ้า โอว, ข้าลืมแนะนำตัวเองไป ข้าชื่อกัลเลน!”
“ท่านกัลเลน!” ลินลี่ย์ยิ้ม “ข้าต้องการเข้าสมรภูมิมหาพิภพ ไม่แน่ใจว่าข้ายังต้องทำอะไรอีกไหม?”
“นี่ง่ายมาก” ชายชราผมขาวสร้างป้ายตราขนาดเท่าฝ่ามือคู่หนึ่งปรากฏอยู่ในมือของเขา ตราทั้งสองเปล่งรัศมีสีดำ แต่แม้ว่าตราทั้งสองจะคลุมไปด้วยรัศมีดำ แต่ก็ทำจากวัสดุที่แตกต่างกัน ชิ้นหนึ่งทำมาจากวัสดุสีแดงดุจโลหิต ขณะที่อีกป้ายหนึ่งทำมาจากวัสดุสีดำสนิท “บรรดาป้ายทั้งสองนี้ป้ายสีแดงเป็นตัวแทนผู้บัญชาการ ขณะที่ป้ายสีดำนี้เป็นของทหารธรรมดา! ขณะเดียวกัน...นี่ยังเป็นเครื่องหมายแสดงว่าเจ้าทั้งสองคนเป็นคนฝ่ายมืดในการสู้รบครั้งนี้”
ขณะที่เขาพูด เขาส่งป้ายทั้งสองให้ลอยเข้าหาลินลี่ย์และบีบี
ลินลี่ย์รับป้ายแดงไว้ ขณะที่บีบีรับป้ายสีดำ
“โปรดผูกสัญญาและเก็บเอาไว้กับตัวพวกเจ้า” ชายชราผมขาวหัวเราะอย่างเยือกเย็น ขณะที่เขากล่าว “หลังจากพวกเจ้าเข้าสู่สมรภูมิมหาพิภพ ถ้าเจ้าเผชิญเจอกับคนฝ่ายเดียวกัน เมื่อพวกเขาเข้ามาใกล้ เจ้าจะรู้สึกได้ถึงรัศมีตราป้ายของกันและกัน”
ลินลี่ย์หัวเราะ นี่เป็นขั้นตอนเดียวกันกับป้ายตราของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์
ลินลี่ย์และบีบีผูกสัญญาด้วยเลือดกับป้ายทันทีและเก็บป้ายไว้ในตัว
“พวกเจ้าทั้งสองคน ป้ายศิลาที่อยู่ตรงนี้จะมีข้อมูลเกี่ยวกับความดีความชอบทางทหารสลักเก็บไว้ เชิญดูก่อน” ชายชราผมขาวชี้แผ่นป้ายศิลาที่ติดอยู่ผนัง แผ่นหินมีความกว้างหนึ่งเมตรและสูงสามเมตร
“ความดีความชอบทางทหาร?”
ลินลี่ย์และบีบีตาเป็นประกาย ครั้งนี้ที่ลินลี่ย์มาโดยเฉพาะเจาะจงก็เพื่อสะสมความดีความชอบทางทหาร เขาเดินไปที่แผ่นศิลาทันทีมองดูอย่างระมัดระวัง
ข้อมูลบนแผ่นศิลาเขียนไว้คร่าวๆ แต่เมื่อเห็นแล้ว ลินลี่ย์สูดหายใจหนาวเหน็บ
“โหดอำมหิตจริงๆ” ลินลี่ย์รำพึงกับตนเอง
กฎของสงครามมหาพิภพ...
สงครามแต่ละครั้งแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ด้านผู้บัญชาการจะมีตราสีแดง กับทหารธรรมดาจะมีตราสีดำ ผู้บัญชาการอีกฝ่ายหนึ่งจะมีป้ายตราสีทองส่วนทหารธรรมดาอีกฝ่ายหนึ่งจะมีตราสีขาว การกลายเป็นผู้บัญชาการเขาจะต้องเป็นลอร์ดทาร์ทารัส เจ้าครองแคว้น เทพอสูร หรือคนในระดับเดียวกัน สำหรับทหารจะต้องเป็นเทพชั้นสูง
ตัวอย่างเช่น ลินลี่ย์กับบีบี
ถ้าพวกเขาฆ่าทหารฝ่ายเดียวกัน พวกเขาจะไม่ได้รับความดีความชอบทางทหาร
ต้องฆ่าฝ่ายศัตรูและได้ป้ายขาวร้อยป้ายก็จะได้หยดพลังมหาเทพหนึ่งหยด เมื่อได้รับป้ายขาวพันป้าย พวกเขาจะขอรับสมบัติมหาเทพได้ แต่แน่นอน ถ้าพวกเขาได้รับป้ายทองสิบป้าย พวกเขาจะใช้แลกสมบัติมหาเทพได้ชิ้นหนึ่ง
อย่างไรก็ตามมีหนึ่งอย่าง.. ที่ป้ายทองไม่สามารถแลกได้ก็คือพลังมหาเทพ! จะแลกพลังมหาเทพได้เขาจะต้องใช้ป้ายขาวเท่านั้น
นี่เป็นการทำลายโอกาสให้นักสู้ได้รับพลังมหาเทพในปริมาณมากจนเกินไป
นอกจากนี้ ถ้าคนสามารถฆ่าผู้บัญชาการฝ่ายศัตรูได้ห้าคนระหว่างสงครามมหาพิภพ หลังจากการสู้รบได้ผลสรุป ความดีความชอบทางทหารสามารถบันทึกสะสมไว้ได้ เมื่อมีสงครามมหาพิภพครั้งต่อไปเริ่มขึ้น ถ้าเขาฆ่าผู้บัญชาการได้มากกว่าห้าคนผลความดีความชอบทางทหารก็จะรวมกันเป็นสิบ
“อย่างนั้นก็สะสมได้ใช่ไหม?” ลินลี่ย์ถอนหายใจ “และคนต้องฆ่าทหารธรรมดาด้วยหรือ? นั่นเป็นแค่การฆ่าไม่ใช่หรือ?”
“แม้ว่าดูเหมือนจะง่าย แต่ทหารธรรมดาจะรวมตัวกันอยู่ในที่แห่งหนึ่ง จะฆ่าพวกเขาร้อยคนน่ะหรือ? เป็นไปได้ว่าเจ้าอาจต้องเจ็บตัวจากพลังโจมตีจากทหารเป็นหมื่น ส่วนใหญ่เป็นอสูรหกดาวและอสูรเจ็ดดาวที่มีพลังโจมตีวิญญาณหนึ่งในสิบของพลังเจ้าแคว้น แต่เมื่อเป็นการโจมตีจากทหารหมื่นคน แม้แต่ลอร์ดทาร์ทารัสคนเดียวก็ยังต้องเผ่นหนี และอาจถูกฆ่าได้ถ้าเขาหนีไวไม่พอ” ผู้อาวุโสผมขาวกัลเลนพูดพลางหัวเราะอย่างใจเย็น
ลินลี่ย์ได้แต่พยักหน้า
ถ้าผู้บัญชาการคนหนึ่งเชิญหน้ากับทหารหลายสิบคนอาจไม่ยากเกินที่จะฆ่าพวกเขา
แต่ถ้าผู้บัญชาการเผชิญเจอกับทหารเป็นพันเป็นหมื่นแล้วยังโจมตีก็เท่ากับฆ่าตัวตาย
“ผู้บัญชาการทุกคนยากจะฆ่าได้ ทุกคนที่กล้าเข้ามาจะมีวิธีดำรงชีวิตของตนเอง ดังนั้นนั่นคือเหตุผลให้ความดีความชอบทางทหารสะสมตามเวลาได้!” ชายชราผมขาวกัลเลนพูดพร้อมกับหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “ถ้าเจ้าเข้าร่วมสงครามมหาพิภพหลายครั้งเจ้าจะสามารถสะสมความดีความชอบทางทหารได้พอ แต่แน่นอนว่าเจ้าอาจจะเสียชีวิตได้เช่นกันในสงครามมหาพิภพนี้และนั่นจะทำให้ความดีความชอบที่เจ้าสร้างมาสูญสลายไปหมด”
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย
“ท่านกัลเลน ถ้าอย่างนั้นเราจะเข้าไปกันเลย” ลินลี่ย์พูดทันที