2116 - ราชสำนักอมตะที่แท้จริง
2116 - ราชสำนักอมตะที่แท้จริง
วิญญาณวีรสตรีบางตนมาจากยุคสุดท้ายที่ยิ่งใหญ่ ในบางส่วนก็มาจากยุคเซียนโบราณและก่อนหน้านั้น มิฉะนั้นจะไม่มีสิ่งมีชีวิตระดับเต๋าอมตมากมายที่นี่!
สือฮ่าวไม่คิดว่าพวกเขาจะตรงไปตรงมาขนาดนี้ มันทำให้ดวงตาของเขารู้สึกแสบเล็กน้อยคล้ายจะมีน้ำตาไหลออกมา เขาไม่ต้องอธิบายมาก วิญญาณผู้กล้าเหล่านี้กำลังจะตามเขาไปแล้ว
“ถ้าเราตามเจ้าออกไป เราคงอยู่ไม่ได้อีกนาน” วิญญาณผู้กล้าคนหนึ่งเตือน
“ไม่เป็นไร เมื่อเราจากไปผู้อาวุโสจะได้รับพร สามารถรับที่กำบังและการบำรุงเลี้ยงจากสวรรค์และปฐพีได้” สือฮ่าวกล่าว
หลังจากนั้นเขาก็เล่าว่าตัวเองเป็นราชาสวรรค์ของที่นี่สามารถใช้เจตจำนงอันทรงพลังหล่อเลี้ยงพลังหยางภายในวิญญาณผู้กล้าหาญทั้งหมด ช่วยให้พวกเขาหลุดพ้นจากพลังแห่งความตาย ทำให้พวกเขามีพลังมากขึ้นเรื่อยๆ
ไม่นานหลังจากนั้น ลมสวรรค์ก็พัดมา สือฮ่าวนำกองทัพนับล้านกลับมา จัดเรียงไว้ในพระราชวังขนาดยักษ์หลายแห่งภายในราชสำนัก พร้อมกับสร้างรูปปั้นให้พวกเขาสิงสถิตอยู่ในนั้น
นับจากนั้นเป็นต้นมา วิญญาณผู้กล้าเหล่านี้ก็ได้รับการประทานพรจากสวรรค์และปฐพีทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากที่สือฮ่าวเตรียมการบางอย่าง เขาก็จากไปเพียงลำพังอีกครั้ง
เขามุ่งหน้าไปยังสวรรค์ไร้ขอบเขตของเก้าสวรรค์ ในที่สุดเขาก็มุ่งหน้าไปทางเหนือใกล้ทะเลของสนามรบเซียนโบราณ
เขาถอนหายใจ ในทะเลเหนือนี้ ก่อนหน้านี้เขาเคยตกลงไปในกระแสน้ำวนกับมดเขาสวรรค์ และมีโอกาสได้พบกับจักรพรรดินีชุดขาว ผู้หญิงคนนั้นข้ามเวลามาเพื่อพูดคุยกับเขา
น่าเสียดายที่ความลึกลับของสวรรค์ได้ลบล้างทุกอย่าง เขาจำข้อมูลที่จักรพรรดินีชุดขาวบอกเขาไม่ได้
แม้ว่ามันดูเหมือนจะใกล้แต่ก็ตรงตามที่จักรพรรดินีชุดขาวกล่าว พวกเขาถูกคั่นด้วยเวลาและพื้นที่ ก้าวหนึ่งของยุคที่ยิ่งใหญ่ ระยะทางที่ไกลเกินไปทำให้พวกเขาไม่อาจส่องความลับของสวรรค์ได้
จักรพรรดินีชุดขาวก่อนหน้านี้ได้ก้าวข้ามกระแสของแม่น้ำใหญ่แห่งกาลเวลามาเพื่อขับไล่จักรพรรดิผู้ไม่ดับสูญ นางคือคนที่พับเรือกระดาษในรังของคุนเผิง
สือฮ่าวยังคงเงียบอยู่เป็นเวลานาน ในที่สุดเขาก็จากไป
เขามุ่งหน้าไปยังป่า ซึ่งเป็นป่าที่จมอยู่ในทะเล ในความเป็นจริง มียอดเขาสูงมากมาย ในอดีตคัมภีร์ที่ไม่อาจหยั่งรู้ของเขาก็ได้มาจากส่วนลึกของป่านี้เอง
เขาต่อสู้กับเฮ่ออู่ซวงที่นั่นในอดีต รวมทั้งยังเผชิญหน้ากับหม้อหลอมเซียน ได้รับคัมภีร์อมตะด้วยความยากลำบากอย่างมาก
ครั้งนี้ไม่ใช่ว่าเขาต้องการมุ่งหน้าไปยังที่นั่น แต่ต้องการเข้าใกล้ภูเขายักษ์เหล่านั้น
“ที่นี่เอง!”
สือฮ่าวเงยหน้าขึ้น บนภูเขาขนาดมหึมาที่ไม่มีใครเคยขึ้นไปในประวัติศาสตร์ มันมีความผิดปกติมีบางสิ่งที่ยากจะอธิบายอยู่ภายใน
บนยอดเขาแห่งหนึ่งมีโลงศพโบราณ ในอดีตมีผิวหนังมนุษย์ชุดหนึ่งที่คอยเคลื่อนที่ไปมาอย่างน่ากลัวเกินกว่าจะเปรียบเทียบ ว่ากันว่าเขาคือผีอมตะ
บนภูเขายักษ์อีกแห่งหนึ่ง มีสิ่งมีชีวิตนั่งที่มองข้ามทุกสิ่งที่อยู่ด้านล่าง
ตอนนี้สือฮ่าวกลับมาเพื่อพบพวกเขาอีกครั้ง
่ฮ่อง!
ครั้งนี้สือฮ่าวไม่มีความลังเล เขากระโจนออกไปและยืนอยู่บนจุดสูงสุดของยอดเขา ที่นี่คือดินแดนปิดผนึกแห่งหนึ่ง บุคคลภายนอกไม่สามารถเข้าใกล้ได้เลย
อย่างไรก็ตามระดับบ่มเพาะของสือฮ่าวแทบจะไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นมนุษย์แล้ว มีดินแดนปิดผนึกใดบ้างที่เขาไม่สามารถเหยียบย่ำจนราบเป็นหน้ากลอง
มีโลงศพโบราณวางอยู่บนหน้าผาสูงชัน
ตอนนี้โลงศพโบราณถูกปิด ถัดจากนั้นคือสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัว ร่างกายปกคลุมด้วยขนสีแดงสูงครึ่งจ้าง เล็บของมันดำสนิทราวกับขอเกี่ยวเหล็กนั่งเฝ้าโลงศพโบราณ
อาโอโฮ…
ราวกับว่ามันสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง สิ่งมีชีวิตที่ปกคลุมไปด้วยขนสีแดงได้ลืมตาขึ้นและปล่อยเสียงร้องอันดังออกมา
ภูเขาและหน้าผาทั้งหมดสั่นสะท้าน ผืนน้ำกว้างใหญ่ที่อยู่ห่างไกลส่งเสียงคำรามกลายเป็นคลื่นยักษ์ปกคลุมทั้งท้องฟ้า
นี่คือสิ่งมีชีวิตที่ดูเหมือนวิญญาณร้ายมันดูน่ากลัวและดุดันอำมหิต แม้แต่ใบหน้าของมันก็ยังเต็มไปด้วยขนสีแดง เมื่อมันอ้าปากทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นสีแดงมีเพียงคมเขี้ยวของมันเท่านั้นที่เป็นสีขาว
ดวงตาของก็เป็นสีแดงน่ากลัวอย่างยิ่ง
“ผู้สูงสุดอย่างนั้นหรือ” สือฮ่าวมองผ่านระดับบ่มเพาะของมัน จากนั้นเขาก็พยักหน้าแม้แต่ตัวที่เฝ้าโลงศพก็แข็งแกร่งถึงขนาดนี้ สิ่งที่อยู่ภายในจะต้องเป็นสิ่งมีชีวิตอมตะแน่นอน
เป้ง!
สิ่งมีชีวิตสูงสุดตนนั้นพุ่งเข้าหาสือฮ่าว สือฮ่าวโบกแขนเสื้อเบาๆก่อนจะบีบคอมันและกดลงกับพื้น
“สหายเต๋าที่อยู่ในโลงกรุณาออกมาพบข้าด้วย”
กวงดัง!
ฝาโลงศพโบราณหลุดออก ผิวหนังมนุษย์กระพือออกมาจากภายใน จากนั้นมันก็พองตัวและลอยอยู่บนท้องฟ้าในที่สุด เบ้าตาที่ว่างของมันสั่นไหวด้วยแสงเย็นเยียบ
จากนั้นก็มีคนผู้หนึ่งยืนขึ้นจากภายใน ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือด ขาดผิวหนัง ฉากนี้ช่างน่าสยดสยอง หนังชุดนั้นเป็นของเขานั่นเอง
“ข้าคิดว่าสหายควรสวมผิวหนังก่อน สภาพของเจ้าตอนนี้ไม่น่าดูเกินไป” สือฮ่าวพูดอย่างใจเย็น
“ข้าเคยถูกถลกหนังในอดีต ถึงแม้ว่าจะใส่กลับตอนนี้ มันก็ยากสำหรับข้าที่จะฟื้นตัว” น้ำเสียงนั้นเยือกเย็นเต็มไปด้วยความสยดสยอง
อย่างไรก็ตาม ในท้ายที่สุด ชุดของผิวหนังและเนื้อเลือดก็ยังคงผสานเข้าด้วยกัน นี่คือชายชราคนหนึ่งรูขุมขนทั้งหมดของเขามีเลือดไหลออกมา
เพียงเห็นสภาพของเขาก็พอจะอนุมานได้ถึงตอนที่เขาตายว่าจะน่าสังเวชมากแค่ไหน
“โลกนี้มีผีอมตะจริงๆ” สือฮ่าวพูดพร้อมกับถอนหายใจเบาๆ
"ไม่ผิดแม้แต่น้อย!"
บนยอดเขาอีกแห่งมีคนตอบกลับ นี่คือสิ่งมีชีวิตที่มีผมหงอกยาว ดวงตาของมันเป็นสีเทาเต็มไปด้วยพลังแห่งความตาย
สือฮ่าวสังเกตเห็นเขามานานแล้ว แต่ไม่ได้สนใจ
ในอดีต เมื่อเขาผ่านสถานที่แห่งนี้ เขาเห็นบุคคลที่นั่งอยู่ตรงนั้น เช่นเดียวกับผิวหนังมนุษย์จากโลงศพโบราณนี้ ตั้งแต่ตอนนั้นเขาก็สงสัยว่าพวกมันคือผีที่บรรลุความเป็นอมตะ
“เราไม่ต้องการมีส่วนร่วมในเรื่องมรรตัย เจ้ามาหาเราเพื่ออะไร”
ในเวลานี้บนยอดเขาที่ห่างไกล หญิงสาวคนหนึ่งได้กล่าวขึ้น ใบหน้าของนางซีดขาวราวหิมะ นี่คือผีอมตะอีกตัว
“ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะมีความสามารถอยู่บ้าง พวกเจ้าบรรลุความเป็นอมตะได้อย่างไร” สือฮ่าวถาม
“จำเป็นต้องบอกไหม” ชายผมหงอกพูดขึ้น จากนั้นด้วยเสียงหงษ์ เขาก็ลงมือโจมตีสือฮ่าว
เป้ง!
สือฮ่าวคว้าข้อมือของเขาโดยตรงและพูดอย่างเย็นชาว่า
“ข้าได้สังหารผู้อมตะที่แท้จริงมาแล้วคนหนึ่ง ผู้ไม่ดับสูญอีกสาม พวกเจ้าต้องการจะลองหรือไม่?”
เมื่อคำพูดเหล่านี้ดังขึ้น สถานที่แห่งนี้ก็เงียบลง วิญญาณอมตะทั้งสามยังคงนิ่งเงียบอยู่เป็นเวลานาน
“สหายมาที่นี่ทำไม” ผู้เฒ่าในโลงศพโบราณพูดเขาคือคนที่เป็นผู้นำกลุ่มแต่เมื่อเห็นว่าสือฮ่าวยังคงเต็มไปด้วยความเย็นชาเขาก็เลยกล่าวเสริมอีกครั้งว่า
“เราได้รับชีวิตจากซากศพผู้อมตะ จากนั้นค่อยพัฒนาวิญญาณเป็นของตัวเองแต่ไม่ถือว่าเป็นผู้อมตะที่แท้จริง
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากคุณสมบัติเฉพาะของสถานที่แห่งนี้ ศพของเรายังคงความมีชีวิตชีวา ความแข็งแกร่งของเราเมื่อยังมีชีวิตยังคงอยู่ นั่นคือเหตุผลที่เราสามารถแสดงพลังเต๋าอมตะได้”
เขาค่อนข้างซื่อสัตย์และจริงใจเมื่อพูดถึงต้นกำเนิดของเขา
พวกเขาล้วนเป็นวิญญาณดั้งเดิมใหม่ที่ถูกสร้างขึ้น ร่างกายของพวกเขาแข็งแกร่งเหนือใครเทียบเท่ากับผู้อมตะที่แท้จริง แต่วิญญาณดั้งเดิมไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น จนถึงขนาดที่พวกเขาไม่มีแม้กระทั่งญาณวิเศษของสิ่งมีชีวิตอมตะ
“ข้าต้องการให้พวกเจ้าออกจากที่นี่เพื่อรับใช้ข้า พวกเจ้ามีร่างกายของผู้อมตะแต่ไม่มีญาณวิเศษของพวกเขา หากพวกเจ้ายินยอมรับใช้ข้า ข้าจะมอบญาณวิเศษของผู้อมตะรวมถึงญาณวิเศษของราชาอมตะบางส่วนให้”
ลมหายใจของวิญญาณอมตะทั้งสามปั่นป่วนทันทีเมื่อได้ยินเรื่องนี้ พวกเขาก็ถูกล่อลวงในที่สุด
หลังจากพูดคุยกัน พวกเขาตกลงที่จะออกไปกับสือฮ่าว
สือฮ่าวรู้ว่าทั้งสามคนจะฟังเขาในขณะที่เขายังอยู่ในโลกนี้เท่านั้น ในใจของพวกเขาคิดว่าหากพวกเขาสามารถฝึกญาณวิเศษของสิ่งมีชีวิตอมตะพวกเขาจะหนีไปได้ตลอดเวลา
อย่างไรก็ตามสือฮ่าวไม่ได้รู้สึกกลัวเรื่องนี้ ต่อให้พวกเขาเป็นผู้อมตะที่แท้จริงในอดีตและร่วมมือกันก็ไม่มีทางหนีพ้นมือของเขาไปได้
หนึ่งพันห้าร้อยปีผ่านไปอย่างช้าๆ
ราชสำนักรุ่งเรืองถึงขีดสุด เหล่าอัจฉริยส่วนใหญ่ที่อยู่ใต้ท้องฟ้าได้เข้าร่วมกับราชสำนัก ซึ่งตอนนี้มันเติบโตจนครอบคลุมทั้งพิภพไปแล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมนุษย์ทองคำเซียนเจ็ดสีออกมาจากความสันโดษ
ตอนนี้เขากลายเป็นผู้อมตะที่แท้จริงซึ่งมีร่างกายถูกสร้างมาจากทองคำเซียน เขาจึงกลายเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดของราชสำนักไปโดยปริยาย
หน้าที่ของเขาคือป้องกันการรุกรานจากสิ่งมีชีวิตแห่งความมืด เขาอาศัยอยู่ในห้วงจักรวาล กิจวัตรประจำวันของเขาคือดูดซับแก่นแท้ของดวงอาทิตย์และดวงดาวที่นี่เพื่อเพิ่มพลังให้กับตัวเอง
ส่วนวิญญาณวีรชนเหล่านั้นหลังจากผ่านไปหลายปีก็มีบางส่วนสามารถบรรลุความเป็นอมตะได้ พวกเขาทำหน้าที่ปกป้องราชสำนักให้อยู่ในความเรียบร้อย
ในขณะเดียวกันวิญญาณอมตะทั้งสามที่เป็นหัวหน้ากลุ่มไม่ได้เข้าร่วมกับวิญญาณวีรชนเหล่านี้ พวกเขายึดมั่นในหน้าที่ของตัวเองและคอยปกป้องเส้นทางรกร้างที่เชื่อมต่อกับเมืองจักรพรรดิ