บทที่ 8 - กลืนกินโลหะ
บทที่ 8 - กลืนกินโลหะ
ก่อนออกเดินทาง หยางซือเล่ยคุ้ยกล่องและตู้ที่บ้าน หาเหรียญทองแดง กล่องเหล็ก ถ้วยเหล็ก ... อะไรก็ได้ที่เป็นโลหะ ทั้งหมดถูกกวาดเกลี้ยง
เมื่อนำทั้งหมดมารวมกัน ได้น้ำหนักประมาณ 50 จิน
“กลืนกิน!”
หยางซือเล่ยกดมือลงบนกองเครื่องใช้โลหะ ลองส่งคำสั่งไปยังระบบ
หึ่ง หึ่ง——
วินาทีถัดมา กองโลหะเบื้องหน้าเขาหายวับไปในอากาศ
“ติ๊ง! การแปลงโลหะสำเร็จ ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ คุณได้รับ 50 แต้มเสริมพลัง”
ดวงตาของหยางซือเล่ยเป็นประกาย ชัดเจนว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่มีแบ่งแยกมวล ตราบใดที่ยังเป็นโลหะ ก็สามารถกลืนกินแล้วแปลงมันเป็นแต้มเสริมพลังได้
ต่อมา หยางซือเล่ยเดินออกจากคฤหาสน์พร้อมลูกสาวในอ้อมแขนโดยไม่หันกลับไปมอง
“เฉินเฉิน พริกป่นกับน้ำพริกนั่นลูกเป็นคนทำเองหมดเลยหรอ?”
ระหว่างทาง หยางซือเล่ยเอ่ยถามด้วยความสงสัย อยากทราบข้อมูลของลูกสาวเขามากกว่านี้
“ใช่” หยางเฉินเฉินพยักหน้าพูดถึงความสำเร็จในการต่อสู้ของเธอ เด็กสาวดูพอใจมาก เล่าให้หยางซือเล่ยฟังทั้งหมดเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ปรากฎว่า เมื่อคืนนี้ชายแผลเป็นได้พาคนของเขามาที่บ้านเพื่อค้นของ ควานหาสมบัติมีค่า
โชคดีที่หยางเฉินเฉินรู้สึกถึงอันตราย หลบไปซ่อนตัวในเงามืดได้ทันเวลา จึงไม่ถูกค้นพบ
รอจนกลุ่มชายแผลเป็นจากไป เด็กสาวเค้นสมองอยู่นาน สุดท้ายตัดสินใจแขวนถุงพริกป่นไว้เหนือรั้วประตู และวางกับดักแบบง่ายๆอย่างหม้อและกระทะตามจุดต่างๆ
เมื่อนักเลงบ่อนทั้งสองคนพลาดท่าล้มลง เธอก็สาดน้ำพริกใส่พวกเขาอีกครั้ง
หลังจากฟัง หยางซือเล่ยอดลอบประหลาดใจไม่ได้
เด็กหญิงในวัยห้าขวบ กลับมีไอคิวที่เกินอายุของเธอมาก
“ท่านพ่อ ดูเหมือนจะมีคนแอบมองเราอยู่ข้างหลัง”
เฉินเฉินนอนบนไหล่กว้างของหยางซือเล่ย ดวงตากลมโตมองไปรอบ ๆ ถนน สังเกตเห็นชายแก้มตอบกำลังมองมาเป็นระยะๆ
ได้ยินแบบนี้ ดวงตาของหยางซือเล่ยหม่นลงเล็กน้อย ตัดสินใจเบี่ยงเส้นทาง แสร้งทำเป็นยืนมองแผงขายของข้างถนน ใช้หางตากวาดมองเบื้องหลัง
แม้ว่าจะมีผู้คนสัญจรผ่านไปมามากมาย แต่ในไม่ช้า หยางซือเล่ยก็ตระหนักว่ามีคนติดตามเขาจริงๆ และไม่ต้องเปลืองสมองคิด บุคคลที่ลอบติดตามเขา ต้องเป็นสายที่ทางบ่อนเทียนเทียนเล่อส่งมาแน่ๆ
ถึงตอนนี้ หยางซือเล่ยเริ่มเร่งฝีเท้า หลังจากผ่านหลายหัวมุมถนน เขาก็สามารถสลัดผู้ติดตามหลุดได้อย่างไม่ยากเย็น
ขณะเดียวกัน
ภายในห้องโถงหลังบ้านของบ่อนเทียนเทียนเล่อ ‘เล่ยเหลาหู’ ในฐานะเจ้าพ่อใหญ่ประจำบ่อน เขานั่งยองๆลงกลางห้องโถง ก้มมองศพทั้งสามที่ลูกน้องนำขึ้นมาจากห้องใต้ดิน และปลอกระเบิดควันในมือ ใบหน้ามืดมนถึงที่สุด
ณ ขณะนี้ นักเลงบ่อนคนหนึ่งเดินเข้ามาด้วยความหวาดกลัว “เจ้านาย ชายสองคนที่พวกเราส่งไปที่คฤหาสน์หยางเพิ่งถูกฆ่าตาย หนึ่งในนั้นตายแบบเดียวกับพี่เฉียงและคนอื่นๆในห้องใต้ดิน ถูกสังหารด้วยอาวุธลับ”
โครม!
ได้ยินคำพูดเขา เล่ยเหลาหูลุกพรวดอย่างแรง โกรธมากจนจบโต๊ะไม้ข้างๆแหลกเป็นชิ้นๆ
“กล้าดียังไงมาฆ่าคนของบ่อนเทียนเทียนเล่อ ช่างไม่รู้จักที่ตาย!”
เล่ยเหลาหูแหกปากด้วยความโกรธ บวกกับรอยแผลเป็นที่หางตา ทำให้เขาดูดุร้ายยิ่งกว่าเดิม
“สั่งทุกคนในบ่อน ว่าต่อให้ต้องขุดดินลึกลงไป 3 อิงฉื่อ (ฟุต) ก็ต้องหาตัวหยางซือเล่ยให้พบ!”
ใบหน้าของเล่ยเหลาหูเดือดดาล จากนั้นคิดทบทวนอยู่พักหนึ่ง แล้วหันไปตะโกนบอกลูกน้องว่า “ยังมีอีกอย่าง พวกเจ้าส่งคนไปทำเนียบยุทธชางเฉียง แจ้งแก่เย่หาน บอกเขาว่าพี่ชายเย่เฉียงของเขาถูกฆ่าตาย”
ลูกน้องตอบกลับทันที “ข้าได้ส่งยันต์เสียงไปแจ้งแก่เย่หานแล้ว คาดว่าตอนนี้เขากำลังเดินทางมา”
ถึงจุดนี้ เรียกได้ว่าบ่อนเทียนเทียนเล่อทุ่มหมดหน้าตักแล้ว พวกเขาตัดสินใจพลิกเมืองค้นหาร่องรอยของหยางซือเล่ย
ขณะเดียวกัน
ณ ทำเนียบยุทธชางเฉียงที่อยู่ห่างจากเมืองชิงหยางเป็นพันลี้
ชายหนุ่มในชุดขาว ยืนย่ำอยู่เหนือแผ่นหลังของสัตว์ร้าย โบยบินในอากาศ
ชายหนุ่มมีใบหน้าหล่อเหลา แต่ดวงตาของเขาเย็นชา แบกดาบเหล็กดำหนักอึ้งบนแผ่นหลัง เต็มไปด้วยแรงกดดันที่ทรงพลัง
และใต้เท้าเขา เป็นสัตว์ร้ายที่มีปีกคู่หนึ่ง มันคือร่างเงาของพลังงานจิตวรยุทธรูปแบบราชสีห์ ความเร็วในการบินของมันว่องไวมาก ใช้เวลาเพียงสั้นๆก็ข้ามเขาทั้งลูก มุ่งหน้ามายังทิศทางเมืองชิงหยาง
หนุ่มเย็นชาผู้นี้ คือน้องชายของพี่เฉียงแห่งบ่อยเทียนเทียนเล่อ นามเย่หาน
ปัจจุบันเขาคือศิษย์ของทำเนียนยุทธชางเฉียง
เย่หานสามารถปลุกจิตวรยุทธขั้น 5 'ราชสีห์ปีกผลึกม่วง ได้เมื่ออายุสิบขวบ
ตอนอายุสิบห้าปี สามารถทะลวงสู่ขอบเขตรวบรวมลมปราณขั้น 6
ตอนอายุสิบเจ็ดได้รับการยอมรับให้เป็นศิษย์ของทำเนียบยุทธชางเฉียง
และตอนนี้อีกสองปีต่อมา
เย่หานก้าวขึ้นสู่ขอบเขตกึ่งกระตุ้นชีพจรแล้ว หากใช้คำว่าอัจฉริยะกับเขา มิใช่คำเกินจริง
ตัดสินจากพรสวรรค์นี้ หากไม่มีอะไรผิดพลาด เมื่อสำเร็จการศึกษาจากทำเนียบยุทธ ภายใต้ร่มฟ้าราชวงศ์หยานอันยิ่งใหญ่ มีเพียงอนาคตสดใสรอเขาอยู่
“หยางซือเล่ย ...”
เย่หานมองไปข้างหน้า กระซิบสามคำ จิตสังหารอันชั่วร้ายกระพือออกมาจากดวงตาเขา!