บทที่ 6 - แย่งกันขาย
บทที่ 6 - แย่งกันขาย
“น้องชาย ข้าแค่ขอดู แล้วจะไม่รบกวนเจ้ามากเกินไป”
ดวงตาของชายวัยกลางคนลุกเป็นไฟ ท่าทีกระตือรือร้นมาก
หยางซือเล่ยครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนเปิดเซฟตี้นิรภัยของปืน จากนั้นพยักหน้าและพูดว่า “ได้สิ”
อย่างไรก็ตาม เมื่อที่เสียงเขาตกลง ชายวัยกลางคน 'คว้า' ปืนจากมือของหยางซือเล่ยทันที ดูเหมือนเขาจะทนไม่ไหวตั้งนานแล้ว
“เฉินซีแห่งสภาหอการค้าจินไห่!”
เถ้าแก่ร้านระบุสถานะของชายวัยกลางคนได้อย่างรวดเร็ว
สภาหอการค้าจินไห่ ที่นั่นคือโรงประมูลที่ใหญ่ที่สุดในเมืองชิงหยาง ทั้งยังมีภูมิหลังอันยอดเยี่ยม
เบื้องหลังคือ 'สมาคมการค้าว่านจิง' หนึ่งในสามผู้ค้ารายใหญ่ของทวีปหยวนฉวน
สำหรับเฉินซีผู้นี้ เขาคือผู้ประเมินอันดับต้นๆของสภาหอการค้าจินไห่ มีสายตาแหลมคม ยามว่างมักออกตระเวนหาของมีค่าเพื่อรับไปประมูล
ซึ่งหากถูกส่งเข้าประมูลได้ เขาจะได้รับค่านายหน้าถึงหนึ่งในสิบส่วน
“แม้ว่าโครงสร้างของเจ้าสิ่งนี้จะดูเรียบง่ายและมีขนาดเล็ก แต่ประณีตมาก องค์ประกอบแต่ละชิ้นถูกรวมเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว เป็นผลงานชิ้นเอก!”
ความรู้ด้านอาวุธของเฉินซีไม่ตื้เขิน แต่เขาไม่เคยพบเจออาวุธลับที่ทรงพลังเช่นนี้มาก่อนเลย
และยิ่งได้สำรวจมัน เขาก็ยิ่งรู้สึกตกใจมากขึ้นเรื่อยๆ ปากเปล่งคำชมออกมาไม่หยุด แทบไม่อาจปกปิดความรู้สึกบนใบหน้าเขา
สีหน้าเขาตอนนี้ เหมือนเด็กเจอของเล่นใหม่
เถ้าแก่ร้านไม่เคยเห็นสีหน้าตื่นเต้นขนาดนี้ของเฉินซีมาก่อน ดวงตาเขาเป็นประกาย ทันใดนั้นรู้สึกว่าสามารถเปิดประตูสูธุรกิจได้
เถ้าแก่ร้านตัดสินใจใช้กลยุทธ์ชิงแขกทันที เผยรอยยิ้มชื่นชมบนใบหน้าเขา กล่าวว่า “ท่านอาจารย์เฉิน นี่คือผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวในร้านของเรา เป็นอาวุธพิฆาตที่เรียกว่าปืน ราคา500 ตำลึงทอง”
ได้ยินคำนี้ หยางซือเล่ยเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ปรากฏว่าเจ้าหมอนี่ตั้งราคาได้โหดเหี้ยมยิ่งกว่าเขาเสียอีก
พริบตาเดียวเพิ่มราคาขึ้นถึง 400 ตำลึงทอง!
อย่างไรก็ตาม
เฉินซีคือผู้ประเมินของสภาหอการค้าจินไห่ หากคิดหลอกลวงเขา มันไม่ง่าย
“เถ้าแก่ ถ้าข้าฟังไม่ผิด ดูเหมือนท่านจะยังไม่ได้ตกลงซื้อขายกับน้องชายผู้นี้”
ใบหน้าตื่นเต้นของเฉินซี พริบตาเดียวสลับเป็นเคร่งขรึม
ระหว่างกล่าว เขาหันไปมองหยางซือเล่ย ยิ้มและพูดว่า “น้องชาย ข้าคือผู้ประเมินสมบัติของสภาหอการค้าจินไห่ สำหรับเจ้าสิ่งนี้ หากเจ้าต้องการเสนอราคาที่สูงขึ้น ข้าแนะนำให้นำมันไปที่โรงประมูลของทางเรา”
“ตามกฎการค้า ค่านายหน้าของเราคือหนึ่งในสิบส่วน”
เมื่อเห็นว่าเฉินซีกำลังขโมยธุรกิจอย่างโจ๋งครึ่ม เถ้าแก่ร้านขมวดคิ้ว ชักสีหน้าไม่พอใจ แต่ไม่อาจทำอะไรได้
สภาหอการค้าจินไห่มีภูมิหลังที่ใหญ่โต แม้ในใจจะไม่พอใจก็ตาม แต่ไม่กล้ารุกรานไปมากกว่านี้
“โรงประมูล? ......”
หัวใจของหยางซือเล่ยเต้นไม่เป็นจังหวะ
สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดในตอนนี้คือเงินตรา หากสามารถขายปืนได้ในราคาที่สูงขึ้น มันย่อมดีต่อเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
“ยามจื่อ(เวลา 23.00 น.)ในคืนนี้ สภาหอการค้าจินไห่มีการประมูลครั้งใหญ่ นี่คือบัตรกิตติมศักดิ์สำหรับเจ้า หากสนใจ สามารถนำปืนกระบอกนี้เข้าร่วมประมูลได้”
“ข้ารับประกัน ว่ามันจะเป็นสมบัติประมูลปิดงานในคืนนี้อย่างแน่นอน!”
ว่าจบ เฉินซีก็นำบัตรกิตติมศักดิ์สีทองออกมาจากแหวนเก็บของของเขา พร้อมส่งปืนพกไทป์54 คืนแก่หยางซือเล่ย
“ขอบคุณ” หยางซือเล่ยพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม นี่ถือเป็นการตอบรับคำเชิญของอีกฝ่ายโดยปริยาย
เฝ้ามองทั้งคู่ตกลงซื้อขายกันในร้านตัวเอง เถ้าแก่ถึงกับอึ้ง ในใจเต็มไปด้วยความเสียดาย หากก่อนหน้านี้เขาซื้อมันจากหยางซือเล่ย
เช่นนั้นแล้วงานประมูลคืนนี้ เขามั่นใจว่าตนสามารถทำกำไรได้มหาศาล
คิดได้แบบนี้ เถ้าแก่ร้านแทบอยากตีอกชกหัวตัวเอง!