บทที่ 39 มุ่งหน้าสู่อาณาจักรลับ!
หลังจากส่งศิษย์ของวิหารโหยวหลัวแล้ว หลี่หรานก็พาเซียวชิงเกอกลับไปที่ป่า ระหว่างทาง เซียวชิงเกอมองดูสีหน้าเศร้าหมองของเขาและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
“อย่าโกรธข้าเลย ท่านแสร้งทำเป็นเย็นชาเหมือนเดิมก็ได้ โอเคไหม?”
“แสร้งน้องสาวเจ้าสิ!” ใบหน้าของหลี่หรานมืดมนมากยิ่งขึ้น
“ข้าเข้าใจแล้ว!” เซียวชิงเกอเองก็กลัวที่จะยั่วยุเขา ดังนั้นนางจึงเปลี่ยนหัวข้อและพูดว่า “อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ท่านพูดก่อนหน้านี้น่าประทับใจอย่างมาก มันตรงกับความคิดของข้ามาก”
“เจ้าหมายถึงประโยคไหน?” หลี่หรานนถาม
เซียวชิงเกอกล่าวว่า “สิ่งที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะคือพรสวรรค์ แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าพรสวรรค์คือความเชื่อมั่นที่ไม่ท้อถอย ข้าได้รับประโยชน์มากมายจากคำพูดของท่าน!”
“โอ้ ข้าพูดเช่นนั้นนี่เอง” หลี่หรานพูดอย่างเฉยเมยว่า “ข้าโกหกพวกเขา”
“อา? ท่านโกหกพวกเขา?” เซียวชิงเกอตกตะลึง
“เจ้าคิดว่าความเชื่อมั่นสำคัญกว่าพรสวรรค์จริงๆหรือ?” หลี่หรานได้ตอบกลับ
“แน่นอน ความเชื่อมั่นเป็นสิ่งสำคัญมาก!” เซียวชิงเกอพยักหน้า
หลี่หรานยิ้ม “เจ้าซึ่งเป็นมนุษย์ธรรมดา มีความเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ว่าเจ้าสามารถอยู่รอดในดินแดนปีศาจนี้ได้”
“แต่แล้วมันมีประโยชน์อะไร? เจ้าอาจไม่สามารถแม้แต่จะเอาชนะเสือเขี้ยวดาบได้”
เซียวชิงเกอเงียบลง
นี่คือความจริงที่นางไม่สามารถหักล้างได้
“พวกเขาหลายคนอาจไม่สามารถเป็นผู้บ่มเพาะขอบเขตแก่นทองคำได้ชั่วชีวิต”
“ข้าบ่มเพาะมาเพียงสิบปี แต่ข้าก็มาถึงระดับที่พวกเขาอาจไม่สามารถเข้าถึงได้ตลอดชีวิต”
“พวกเขาสามารถรับหินวิญญาณได้เพียงไม่กี่ก้อนต่อเดือน แต่ทรัพยากรของทั้งนิกายอยู่ในมือข้า”
“นี่คือความแตกต่างของพรสวรรค์ที่ไม่มีอะไรมาทดแทนได้” น้ำเสียงของหลี่หรานสงบราวกับว่าเขากำลังพูดสัจธรรมออกมา
เซียวชิงเกอจะไม่เข้าใจข้อเท็จจริงนี้ได้อย่างไร
ตอนที่นางยังมีพรสวรรค์ระดับสูง พระราชวังเต๋าสูงสุดปฏิบัติต่อนางราวกับสมบัติ
อย่างไรก็ตาม เมื่อพรสวรรค์ของนางหายไป นิกายก็ขับไล่นางออกอย่างไร้ความเห็นอกเห็นใจ
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ทำไมท่านจึงโกหกพวกเขา?” เซียวชิงเกองุนงง
หลี่หรานยิ้ม “เพราะความเชื่อมั่นเป็นสิ่งเดียวที่พวกเขาสร้างขึ้นด้วยตัวเองได้”
“การบ่มเพาะเป็นกระบวนการที่ยาวนานและยากลำบาก ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าพวกเขาจะเผชิญกับความพ่ายแพ้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด”
“ข้าหวังว่าการให้กำลังใจในวันนี้จะกลายเป็นแรงจูงใจของพวกเขาเมื่อพวกเขาสิ้นหวังและสนับสนุนให้พวกเขาก้าวเดินต่อไปได้”
“ข้าบอกพวกเขาตั้งแต่แรกแล้วว่าสิ่งเดียวที่ข้าต้องการจากพวกเขาคือ...”
“...การมีชีวิตอยู่”
หลี่หรานไม่ใช่สัตว์เลือดเย็น แม้เขาจะรู้สึกว่าศิษย์ใหม่ที่น่ารักกลุ่มนี้เป็นตัวปัญหา แต่การจ้องมองที่ชื่นชมของพวกเขาก็ทำให้เขารู้สึกถึงความรับผิดชอบ
เซียวชิงเกอมองไปที่เขาเป็นเวลานานและพูดอย่างจริงจังว่า “หลี่หราน ท่านเป็นคนดีจริงๆ”
“……” ปากของหลี่หรานกระตุกเล็กน้อย
“คนดีบ้านเจ้าสิ!”
“ท่านยกยอข้าเกินไป!”
—
“ผู้อาวุโส อาณาจักรลับกำลังจะเปิดขึ้น แต่เรายังต้องเดินทางอีกห้าสิบกิโลเมตร!” เซียวชิงเกอพูดอย่างกังวล “ข้าคิดว่าเรามาช้าเกินไป!”
มีข้อห้ามในเทือกเขาสือว่าน
นั่นคือนอกจากเขตรอบนอกแล้วห้ามทำการบิน มิฉะนั้นมันจะดึงดูดความสนใจของสัตว์อสูรในส่วนลึกของเทือกเขา และก่อให้เกิดปัญหากับตัวเอง
สำหรับสถานที่นี้ ป่าทึบ ทางเดินขรุขระ และสัตว์อสูรสามารถพบเห็นได้ทุกที่
นอกจากนี้เซียวชิงเกอยังเป็นมนุษย์ธรรมดา ดังนั้นความเร็วของนางจึงไม่สามารถเพิ่มขึ้นได้เลย
“เรามาช้าเกินไปงั้นเหรอ?” หลี่หรานมองไปที่แผนที่ “งั้นมาเร่งความเร็วกันเถอะ”
“อา…?”
ขณะที่เสี่ยวชิงเกอกำลังจะพูด ร่างกายของนางก็เบาลงทันที และทิวทัศน์โดยรอบก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
หลี่หรานกอดเอวของนางและวิ่งไปข้างหน้า
เขาไม่ได้หลบหลีก ราวกับรถถัง ต้นไม้ทั้งหมดที่ขวางหน้าเขาถูกทำลายด้วยการกระโดดเพียงครั้งเดียว
เมื่อเขาไปถึงพื้นที่สูงชัน เขาก็กระโดดไปข้างหน้าและตกลงบนพื้นราวกับดาวตก ทิ้งหลุมขนาดใหญ่ไว้เบื้องหลัง จากนั้นเขาก็วิ่งต่อไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
กรรรจ์!
สัตว์อสูรสังเกตเห็นเขาและกระโจนเข้าใส่พร้อมกับคำราม อย่างไรก็ตาม แสงสีเงินปรากฏขึ้นและเลือดสาดกระเซ็นโดยที่ฝีเท้าของหลี่หรานไม่ได้หยุดลง ทิ้งไว้เพียงเศษเนื้อที่ด้านหลัง
สายลมหวีดหวิวพัดผ่านหูของเซียวชิงเกอ และคลื่นความร้อนจากมือใหญ่ที่โอบรอบเอวของนางไว้ก็ส่งผ่านมา
เมื่อมองไปที่ด้านข้างที่ราวกับรูปปั้น หัวใจของนางก็เต้นระรัว ความรู้สึกแปลกประหลาดและสดใหม่เกิดขึ้นเต็มหัวใจของนาง
“หลี่หราน...”
—
ยิ่งพวกเขาเข้าใกล้อาณาจักรลับมากเท่าไหร่ สัตว์อสูรก็ยิ่งดุร้ายมากขึ้นเท่านั้น
ในเวลาเพียงหนึ่งถ้วยชา เขาได้พบกับสัตว์อสูรขอบเขตขอบเขตสร้างรากฐานถึงสองตัวแล้ว
[TL: หนึ่งถ้วยชา(盏茶) คือหน่วยนับเวลาแบบโบราณของจีน เท่ากับเวลา 15 นาที]
แม้ว่าพวกมันจะไม่ใช่คู่มือของหลี่หราน แต่พวกมันก็ขัดขวางไม่ให้เขาก้าวไปด้วยความเร็วสูงสุด
เขาผ่างูเหลือมปีศาจออกเป็นสองส่วนและก้าวไปอีกสองสามไมล์ ขณะที่อาณาจักรลับอยู่ไม่ไกล หลี่หรานก็หยุดกะทันหัน
“เกิดอะไรขึ้น?” เซียวชิงเกอถาม
เขาวางนางลงและพูดว่า “ไปหาที่ซ่อนก่อน”
เซียวชิงเกอตกตะลึง จากนั้นสีหน้าของนางจริงจังขึ้นทันที ขณะที่นางซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้อย่างเงียบๆ
ในเวลาเดียวกัน แสงสีแดงสองดวงก็สว่างขึ้นตรงหน้า
เสือตัวใหญ่ค่อยๆเดินออกมา มันมีขนาดใหญ่กว่าเสือเขี้ยวดาบทั่วไปถึงสามเท่า ร่างกายของมันถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิง และพวกเขายังสัมผัสได้ถึงความร้อนที่น่าสะพรึงกลัวตั้งแต่ระยะไกล
อย่างไรก็ตาม ใบไม้ที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของมันกลับไม่ถูกทำลาย
เซียวชิงเกอปิดปากของนางและเกือบจะร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก!
พยัคฆ์เพลิงอัคคี!
สัตว์อสูรที่น่าสะพรึงกลัวที่อยู่ในขอบเขตแก่นทองคำ!
//////////