ตอนที่แล้วบทที่ 37 เซิงจื่อเป็นคนอ่อนโยนที่ภายนอกเย็นชา!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 39 มุ่งหน้าสู่อาณาจักรลับ!

บทที่ 38 อ่อนโยนน้องสาวเจ้าสิ!


“คนอ่อนโยนที่ภายนอกเย็นชา?” เซียวชิงเกอมองไปที่หลี่หรานซึ่งกำลังย่างอุ้งตีนหมีอย่างจริงจังและยอมรับคำพูดนี้อย่างไม่เต็มใจ

“ในเมื่อเขาโดดเด่นมากขนาดนี้ น่าจะมีคนชอบเขามากมายใช่ไหม?” นางถามเลียบๆเคียงๆ

ลู่ซินหรานพยักหน้า “มันไม่ใช่แค่มาก ไม่มีศิษย์หญิงคนใดในแปดยอดเขาของวิหารโหยวหลัวที่ไม่ชื่นชมเซิงจื่อ!”

แม้ว่าคำพูดนี้จะเกินจริงไปเล็กน้อย แต่ก็เแทบจะตรงกับความเป็นจริง เขาหล่อเหลา มีความสามารถ และเป็นที่นับหน้าถือตา... พูดง่ายๆคือเขาเป็นเทพบุตรที่สมบูรณ์แบบ

“แล้ว... เขามีคนรักหรือยัง?” เซียวชิงเกออดไม่ได้ที่จะถาม

“เจ้ากำลังล้อเล่นข้าเล่นหรือไง? แน่นอนว่าไม่!” ลู่ซินหรานกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ศิษย์ของวิหารโหยวหลัวห้ามมีความสัมพันธ์ฉันท์ชายหญิงต่อกัน เราแค่สนุกกับการชื่นชมเขา แต่เราไม่กล้าคิดถึงสิ่งอื่น”

“นอกจากนี้ หากเจ้าคิดเกี่ยวกับมัน เซิงจื่อเข้าถึงขอบเขตแก่นทองคำตั้งแต่อายุเพียงสิบแปด เขาต้องเป็นคนที่ลุ่มหลงในการบ่มเพาะ เขาจะมีอารมณ์กับเรื่องรักๆใคร่ๆได้อย่างไร!”

ถ้านางรู้ว่าหลี่หรานได้ครอบครองหัวใจของผู้นำนิกายแล้ว ความเชื่อทั้งหมดของนางอาจจะล่มสลาย...

“มีเหตุผล!” เซียวชิงเกอพยักหน้า นางถอนหายใจราวกับว่าก้อนหินที่ถูกถ่วงไว้หายไปจากใจของนาง

“ถึงแม้เจ้าจะเป็นคนรักไม่ได้ แต่เจ้าก็สามารถใกล้ชิดเขาได้เป็นครั้งคราว”

“ใกล้ชิด?”

ลู่ซินหรานขยับเข้าไปใกล้หูของนางแล้วพูดอย่างเขินอายว่า “เมื่อกี้ข้าถือโอกาสกอดเซิงจื่อ ความรู้สึกนั้น กล้ามเนื้อนั่น... มันน่าทึ่งจริงๆ!”

“เจ้าคนโรคจิค!” เซียวชิงเกอตะโกนใส่นางด้วยใบหน้าแดงก่ำ

ทันใดนั้น นางก็รู้สึกเหมือนสามีของนางถูกแตะต้อง...

“ยังไงก็ตาม ข้ายังไม่รู้เลยว่าเจ้าชื่ออะไร?” ลู่ซินหรานถาม

เซียวชิงเกอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “ข้าชื่อซุนชิงชิง”

นางไม่ต้องการหลอกลวงหญิงสาวผู้ใจดีคนนี้ แต่เบื้องหลังของชื่อ “เซียวชิงเกอ” นั้นซับซ้อนเกินไป และเป็นเรื่องง่ายมากที่จะดึงดูดหายนะ

นอกจากนั้น นางไม่ต้องการพบหลี่หรานในสภาพเช่นนี้...

ลู่ซินหรานไม่คิดมากและพยักหน้า “ข้าชื่อลู่ซินราน ไม่ต้องห่วง ข้าจะดูแลเจ้าเอง!”

ขณะที่นางพูด นางก็สร้างความประทับใจให้ราวกับพี่สาวคนโต

“รบกวนเจ้าแล้ว” เซียวชิงเกอยิ้ม

เมื่อมองผ่านกองไฟอันอบอุ่นตรงหน้า สิ่งที่เห็นคือเสียงหัวเราะของเหล่าศิษย์และหลี่หรานที่กำลังย่างอุ้งตีนหมีอย่างขะมักเขม้น... หัวใจของนางเต็มไปด้วยความอบอุ่นสุดจะพรรณนาที่ไม่สามารถรู้สึกได้ตอนที่อยู่บ้าน

“นี่คือหนึ่งในนิกายปีศาจอันดับต้นๆ?” มุมปากของเซียวชิงเกอโค้งขึ้นเล็กน้อย “พวกเขาไม่มีบรรยากาศของคนชั่วเลย!”

นับตั้งแต่ที่เซียวชิงเกอได้เรียนรู้เกี่ยวกับตัวตนของหลี่หราน นางก็ลดการป้องกันลงทั้งหมด

นางไม่เพียงให้แผนที่แก่เขาเท่านั้น แต่ยังให้ข้อมูลทั้งหมดที่นางรู้อีกด้วย

สิ่งนี้ทำให้หลี่หรานสงสัยว่าผู้หญิงคนนี้มีปัญหาเกี่ยวกับสมองของนาง...

“ผู้อาวุโสหลี่ เหลือเวลาอีกเพียงสามวันก่อนที่อาณาจักรลับจะเปิดขึ้น เราควรรีบไปหรือเปล่า?” หลังจากปรับปรุงระยะห่างแล้ว เซียวชิงเกอก็ถาม

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา หลี่หรานได้นำกลุ่มออกล่าสัตว์อสูร คร่าชีวิตนับแสนจนเกิดเป็นภูเขาซากศพและแม่น้ำโลหิต

มันราวกับว่าเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะมุ่งหน้าไปยังอาณาจักรลับ

“ไม่ต้องรีบร้อน รอจนกว่าการทดสอบของนิกายจะจบลง” หลี่หรานตอบ

ในเทือกเขาสือว่าน เขาไม่สามารถทิ้งศิษย์เหล่านี้ไว้เบื้องหลังได้

“ข้าเข้าใจแล้ว” เซียวชิงเกอไม่มีข้อคัดค้าน

อีกสองวันผ่านไป

เหล่าศิษย์รวบรวมกระดูกอสูรได้เพียงพอที่จะจบการทดสอบ

หลี่หรานส่งพวกเขากลับไปที่แท่นเคลื่อนย้าย

ผู้ดูแลที่เฝ้าแท่นเคลื่อนย้ายไว้ก็ตกใจ

โดยปกติแล้ว ระยะเวลาการทดสอบของนิกายจะอยู่ที่ประมาณหนึ่งเดือน และย่อมมีการบาดเจ็บล้มตาย

อย่างไรก็ตาม กลุ่มศิษย์ของหลี่หรานทำภารกิจสำเร็จโดยใช้เวลาเพียงหนึ่งในสามเท่านั้น

ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีใครเสียชีวิตแม้แต่คนเดียว

ในขณะนี้ เหล่าศิษย์ต่างถือกระดูกอสูรด้วยสายตาที่ดุดันและมุ่งมั่น ทุกคนล้วนผ่านการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพ!

ด้านหน้าของแท่นเคลื่อนย้าย

หลี่หรานมองไปที่พวกเขาและพูดอย่างเฉยเมยว่า “พูดตามตรง เดิมทีข้าไม่ได้คาดหวังอะไรจากพวกเจ้ามากนัก แต่พวกเจ้าได้พิสูจน์ตัวเองแล้วในช่วงสิบวันที่ผ่านมานี้”

เหล่าศิษย์ต่างรู้สึกตื่นเต้น ทรวงอกของพวกเขากระเพื่อมขึ้นลง ราวกับว่าพวกเขากำลังได้รับรางวัลที่ดีที่สุด

“เส้นทางอมตะเป็นการเดินทางที่ขมขื่นและหนาวเหน็บ และเต๋าที่ยิ่งใหญ่ก็ยากจะแสวงหา!”

“เพียงแค่ก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญและเชิดหน้าขึ้นเท่านั้น พวกเจ้าจึงจะบรรลุสู่ความเป็นอมตะ!”

“สิ่งที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะคือพรสวรรค์ แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าพรสวรรค์คือความเชื่อมั่นที่ไม่ท้อถอย!”

ดวงตาของหลี่หรานกวาดไปทั่วใบหน้าของทุกคน เขาพูดอย่างช้าๆและหนักแน่นว่า “เหล่าศิษย์ทั้งหลาย ขอให้ความรุ่งโรจน์ตกลงสู่พวกเจ้า!”

ร่างกายของเหล่าศิษย์ต่างสั่นสะท้านและพวกเขารู้สึกได้ถึงเลือดที่กำลังเดือดพล่าน

ฟิ้วว!

ทุกคนต่างคุกเข่าลงพร้อมเพรียงกัน และตะโกนอย่างเร่าร้อน

“เซิงจื่อ!”

“เซิงจื่อ!!”

เซียวชิงเกอยืนดูฉากที่น่าตกใจนี้อยู่ด้านข้าง ไม่สามารถพูดอะไรได้เป็นเวลานาน

เหล่าศิษย์ขึ้นไปบนแท่นเคลื่อนย้ายอย่างไม่เต็มใจและกลับไปที่นิกายซึ่งอยู่ห่างออกไปหลายพันไมล์

ลู่ซินหรานกอดต้นขาของหลี่หรานและยืนยันที่จะไปสำรวจกับเขา

จนสุดท้ายเขาต้องไล่นางกลับไป...

หลี่หรานอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจในขณะที่เขาเฝ้าดูแสงของแท่นเคลื่อนย้ายดับลง สีหน้าของเขาดูอ้างว้าง

‘ข้าสงสัยว่าท่านอาจารย์ได้กลับไปที่นิกายหรือยัง? ข้าอยากจะจับมือเล็กๆของนางแล้วได้ยินนางเรียกข้าว่าสามี...’

เซียวชิงเกอไม่รู้ว่าหลี่หรานกำลังคิดอะไรอยู่ นางคิดว่าเขาไม่เต็มใจที่จะแยกทางกับศิษย์เหล่านั้น

เสียงของนางนุ่มนวลและเต็มไปด้วยการปลอบโยน “อย่ารู้สึกแย่ไปเลย พวกเขาต้องเรียนรู้ที่จะเติบโต”

หลี่หรานตะลึงจนพูดไม่ออก “???”

“การเติบโตของพวกเขาเกี่ยวอะไรกับข้า?”

“ยังไม่ยอมรับอีกหรือ? ภายในของท่านช่างอ่อนโยนจริงๆ!”

“...อ่อนโยนน้องสาวเจ้าสิ!”

//////////