ตอนที่แล้วตอนที่ 657 เริ่มปฏิบัติการ!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 659 ซุ่มโจมตี

ตอนที่ 658 ป้อมกวงจื้อเป่า


ศัตรูถูกบดขยี้ในทุกตำแหน่ง  แต่สีหน้าของปิงไม่เปลี่ยน  “เดินหน้าต่อไป!”

นี่เป็นระลอกที่สี่ของศัตรูที่พวกเขาเอาชนะได้ระหว่างเดินทาง  สะพานลอยปัจจุบันนี้เสียหายอย่างหนัก และกลุ่มโจรสลัดหลายกลุ่มจะเข้ามาทางรอยแตกแยก  ขณะที่โจรสลัดย่ามใจอย่างหนักจึงทำให้สะพานลอยแทบจะใช้งานไม่ได้ และไม่มีคาราวานสินค้าดีๆ กล้าใช้เส้นทาง

ทวีปฝานซิงโจวได้เกณฑ์พลเมืองก่อนนั้นมาซ่อมแซมสะพานลอย  แต่เนื่องจากกระบวนการซ่อมแซมช้ามาก  จึงเหลือช่องว่างอีกมากมาย  ขณะที่สายแนวพลังงานสายหนึ่ง  ถ้าไม่มีช่องว่างใดๆ   ก็ยากที่จะผ่านไปได้

สะพานลอยทะเลแสงมีศัตรูธรรมชาติด้วยเช่นกัน และนั่นก็คือพลังกัดกร่อนในทะเลพลังงานไร้ขอบเขต  พลังงานกัดกร่อนในทะเลพลังงานจะค่อยๆทำอันตรายสะพานลอย  และถ้ายืดยาวพอ  ช่องว่างจะถูกกัดกร่อนจนสะพานลอยหลุดออก  หลังจากผ่านเวลาไปนาน  ทวีปฝานซิงโจวจำเป็นต้องส่งคนไปซ่อม

ปัจจุบันนี้ช่องว่างทั้งหมดเหล่านี้กลายเป็นจุดให้โจรสลัดโจมตีเป็นอย่างดี  ปิงไม่มีกำลังพลเพิ่มแม้แต่จะทำการซ่อมแซม

ปิงไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย  เขาไม่สนใจเรื่องช่องว่างทั้งหมด  มันเป็นแค่ความไม่สะดวกที่ไม่ส่งผลต่อสถานการณ์ สิ่งที่เขาเห็นว่าสำคัญก็คือป้อมปราการที่สร้างโดยทวีปฝานซิงโจวบนสะพานลอยทะเลแสง ป้อมปราการทั้งหมดนี้ตั้งอยู่ในทางแยกที่สำคัญและหลังจากเสริมกำลังหลายปี ป้อมเหล่านั้นก็มั่นคงมาก

ตราบใดที่เขาควบคุมป้อมที่มั่นเหล่านี้ได้  พวกเขาจะอยู่ในสภาพไร้พ่าย และนั่นเป็นเคล็ดสำคัญในมือของปิง

แม้ว่าป้อมเหล่านั้นจะถูกปิด  แต่ป้อมที่ไม่มีทหารอยู่ดูแลประจำ  อาจเป็นปัญหาสำหรับโจรสลัดกลุ่มเล็กได้  แต่สำหรับโจรสลัดที่มีความเข้มแข็งก็คงไม่มีปัญหา  แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีเรือรบหรือเรือธรรมดา  การตีฝ่าเข้าไปเป็นเรื่องของเวลา

ใช่แล้ว ทุกอย่างเป็นเรื่องของเวลา

ปิงกำลังแข่งกับเวลา

ตราบใดที่ป้อมที่มั่นใดๆถูกโจรสลัดครอบครอง สถานการณ์ของปิงจะย่ำแย่น่ากลัว กองทัพที่อยู่กับเขานั้นเล็กไม่มีเรือรบ เรือโจมตี  พวกเขาไม่มีกำลังพอโจมตีป้อมที่ถูกยึดครองได้

เพราะมีเวลาน้อยปิงต้องการครอบครองป้อมปราการเหล่านี้และใช้ควบคุมสะพานลอยก่อนที่โจรสลัดหรือมหาอำนาจอื่นจะทันรู้ตัว

เนื่องจากเรือขนส่งช้าเกินไป  ปิงสั่งให้พวกเขาออกจากเรือ  แม้ว่านี่อาจจะทำให้ทหารเหนื่อยมากขึ้น  แต่ทุกวินาทีที่ผ่านไปความเร็วยังเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของแผนการ

มีแต่เพียงเรือที่เหลืออยู่ก็คือเรือรบธนูดำมันคือเรือเร็วที่ทรงพลังและสามารถทำให้กองทัพพวกเขามีความสามารถโจมตีได้

ผลจากการฝึกในทะเลพลังงานผลิดอกออกผล

ไม่ว่าจะเป็นกองกำลังนางแอ่นหรือหน่วยกะโหลก  ความเคลื่อนไหวของกองทัพพวกเขาไม่ช้าเลย  และทุกคนปฏิบัติตามมาตรฐานได้ เทียบกับอันตรายและสภาพแวดล้อมที่น่ากลัวของทะเลพลังงานแล้ว  สะพานลอยเป็นเหมือนสวรรค์

นอกจากกองกำลังนางแอ่น,หน่วยกะโหลกและกองกำลังปีศาจทวีปโยวโจวแล้ว ยังมีกลุ่มเฉพาะอีกหน่วยหนึ่งอยู่ในมือของปิง  นั่นก็คือกลุ่มดาวคนธนูแห่งดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ที่นำโดยอาเฮ่อและกลุ่มดาวแกะที่นำโดยหลิงซิ่ว

ในห้ากลุ่มดาวจากเกาะใต้ทั้งหมดก็คือกลุ่มดาวคนธนูและกลุ่มดาวแกะทั้งสองกลุ่มดาวนี้มีพลังรุกสู้ที่แข็งแกร่งที่สุด  กลุ่มดาวกรกฏรับหน้าที่ป้องกัน  กลุ่มดาวกุมภ์และดาวคันชั่งรับหน้าที่ควบคุม

เพื่อแข่งขันกับเวลาพวกเขาจำเป็นต้องทำทุกอย่างให้พร้อมกัน ชนะให้รวดเร็ว ดังนั้นสองกลุ่มดาวที่มีพลังรุกแข็งแกร่งที่สุดจึงถูกเลือก

ปิงรู้ว่าแม้ว่าศิษย์ของห้าตระกูลทุกคนจะมีความแข็งแกร่ง แต่พวกเขายังเป็นมือสมัครเล่นแน่นอน

โชคดีที่พวกเขา ได้รับการฝึกอบรมขัดเกลามาบ้าง

ศิษย์ของห้าตระกูลมีความก้าวหน้ามากมายในการใช้อาวุธดวงดาวของพวกเขา  และภายใต้คำขอของถังโฉ่ว พวกเขาได้เรียนรู้กลยุทธ์ประสานงานรบขั้นพื้นฐาน

แต่น่าเสียดายที่กลยุทธ์ประสานพลังขั้นพื้นฐานนี้ยังไม่เพียงพอทำให้พวกเขากลายเป็นหน่วยทหารที่แข็งแกร่ง ปิงมอบหมายให้มือใหม่เหล่านี้อยู่ในความดูแลของอาเฮ่อและหลิงซิ่ว เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถตั้งกลุ่มกระบวนรบได้  อย่างนั้นพวกเขาจะสามารถปลดปล่อยพลังของพวกเขาได้

อาเฮ่อและหลิงซิ่วทั้งสองคนเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งและสามารถสอนวิธีใช้สมบัติของพวกเขาได้

สะพานลอยไม่ใช่สถานที่กว้างขวาง  ดังนั้นจึงเหมาะใช้พลังส่วนบุคคล อาเฮ่อและหลิงซิ่วมีความสามารถในการสู้ที่เฉียบขาดพวกเขาแสดงพลังได้หลายเท่าผ่านการสู้รบมาหลายครั้งหลายคราแล้ว

“ท่านหลิง,วิชาหอกของท่าน  ท่านไปเรียนมาจากไหน?”

หวีชิงอี้ไม่อาจทนต่อไปได้ไม่ใช่เพียงแต่เขาเท่านั้น  ศิษย์คนอื่นๆจากตระกูลหวีก็ยืดคอมองดูทุกคน หน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความสงสัย

มันคล้ายกันมาก

วิชาหอกของหลิงซิ่วคล้ายกันมากกับวิชาหอกตระกูลหวี  ความคล้ายไม่ใช่หยุดอยู่ที่รูปลักษณ์ของมันแต่จิตวิญญาณก็คล้ายกันรังสีที่เปล่งออกมาจากวิชาหอกของเขาก็คล้ายกับพวกเขามาก สิ่งที่ทำให้พวกเขารู้สึกประหลาดใจเหลือเชื่อก็คือ  ความสามารถของหลิงซิ่วในการใช้วิชาหอกทำให้พวกเขาตะลึง

“อาจารย์ของข้า”  หลิงซิ่วมองพวกเขา  เขารู้ว่าทุกคนมาจากตระกูลหวีและเป็นตระกูลต้นกำเนิดของกลุ่มดาวแกะ ดังนั้นเขาจึงสงสัยพอกัน และไม่ตอแยพวกเขา แต่ในเวลาอันรวดเร็ว เขาก็ยิ่งผิดหวังเพราะวิชาหอกของศิษย์ตระกูลหวีดูเหมือนจะด้อยกว่าหอกดาวแกะของเขา

ปัจจุบันนี้ พลังของหลิงซิ่วและการรู้แจ้งของเขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าสิ่งที่เขาเป็นในอดีต  แค่มีเพียงความคิดเดียวเขาก็มองเห็นหลายอย่างได้ชัดเจน  หอกดาวแกะซึ่งต้นเดิมมาจากตระกูลหวี  เพราะสวรรค์วิถีมีพลังงานเบาบางจึงกลายเป็นวิชาที่อ่อนแอมาก ดังนั้นภายใต้การฝึกฝนหนักและการรู้แจ้งของนักสู้ในอดีต  พวกเขาเดินตามวิถีวิทยายุทธใหม่หมด และค่อยๆเปลี่ยนและสร้างเป็นหอกดาวแกะซึ่งต้นแหล่งเดิมมาจากกฎธรรมชาติ

แต่เนื่องจากพลังงานในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์มีอยู่เหลือเฟือ  วิชาหอกของตระกูลหวีจึงเป็นเหมือนกับวิทยายุทธอย่างหนึ่งในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาไม่จำเป็นต้องขัดเกลาวิทยายุทธพวกเขาและพวกเขาก็ถือว่ามีพลังอำนาจมากอยู่แล้ว และพลังงานที่หนาแน่นเป็นเหมือนหิมะหนาที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้พวกเขาได้แต่ในขณะเดียวกันทำให้การรู้แจ้งในกฎธรรมชาติของพวกเขาทำได้ยากขึ้น

นั่นคือความต่างกันระหว่างสวรรค์วิถีและดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์

คนของดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์เกิดมาก็เป็นเซียนทันที  และดูแข็งแกร่งมากกว่าคนของสวรรค์วิถี  แต่ในที่พลังงานเบาบางกลับช่วยให้เขาเข้าใจกฎธรรมชาติได้ ดังนั้นเมื่อก้าวเข้าไปสู่ระดับเซียน พวกเขาจะแข็งแกร่งมากกว่าคนในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์

ที่หนึ่งแข็งแกร่งในตอนแรกและอ่อนแอทีหลัง ขณะอีกที่หนึ่งอ่อนแอก่อนจากนั้นจึงแข็งแกร่งทีหลัง  นี่คือวิถีชีวิตที่แตกต่างทั้งสองแบบที่ถูกสร้างขึ้นมาในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน  สร้างขึ้นมาในวิถีวิทยายุทธที่ต่างกัน

“พี่ใหญ่หลิง,อาจารย์ของท่านสกุลหวีหรือเปล่า?” หวีชิงอี้โพล่งออกมา เมื่อเขาเห็นสีหน้าของหลิงซิ่วที่คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม  หน้าของเขาแดง ศิษย์คนอื่นๆ ก็รู้สึกละอายเช่นกัน วิชาหอกของหลิงซิ่วอยู่ในระดับที่ไม่มีใครในตระกูลหวีที่ถึงระดับนี้

“อาจารย์ข้าไม่ได้บอกข้าไว้ว่าท่านแซ่ใด”  น้ำเสียงของหลิงซิ่วค่อนข้างหม่นหมอง  เมื่อคิดถึงอาจารย์ของเขา  เขาจะรู้สึกเศร้า  แต่ก็รีบกำจัดความเศร้าออกไปโดยเร็ว  ปัจจุบันนี้เขามีคุณสมบัติพอให้อาจารย์ของเขารู้สึกภูมิใจได้แล้ว!

เมื่อเห็นศิษย์ของตระกูลหวีทุกคนคิดมาก  เขาบอกตรงๆ “วิชาหอกของอาจารย์มีที่มาจากกลุ่มดาวแกะ”

“กลุ่มดาวแกะ?เอ๊ะ.. กลุ่มดาวแกะ นั่นคือชื่อที่ใช้เรียกกลุ่มเราใช่ไหม?”

“เดี๋ยวก่อน,ไม่นะ, เป็นกลุ่มดาวแกะต้นกำเนิดของสมบัติวิญญาณเราใช่ไหม?”

“หรือว่ามีสถานที่เรียกว่ากลุ่มดาวแกะอยู่จริงๆ?”

……

ศิษย์ตระกูลหวีทุกคนส่งเสียงฮือฮา  ตอนแรกพวกเขาคิดว่าชื่อ ‘กลุ่มดาวแกะ’ เป็นชื่อที่เจ้านายสุ่มตั้งขึ้นมาให้พวกเขา  แต่เมื่อได้ยินหลิงซิ่วพูดชื่อนี้ออกมา  ‘หรือว่าจะมีสถานที่เรียกว่ากลุ่มดาวแกะอยู่จริงๆ?’

หลิงซิ่วรู้สึกปวดหัว คำถามที่ต้องมีคำอธิบายซับซ้อนเป็นสิ่งที่เขาเกลียดมาก

เขาไม่สนใจอาการมึนงงของพวกเขา และกล่าว  “จากวันนี้เป็นต้นไป  ข้าจะสอนวิชาหอกดาวแกะให้กับพวกเจ้าก็แล้วกัน”

แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้คำตอบที่ต้องการ แต่สามารถได้เรียนรู้วิชาหอกดาวแกะทำให้พวกเขาตื่นเต้นกันทุกคน พวกเขาได้เห็นประจักษ์กับตาตนเองถึงพลังที่แข็งแกร่งของหอกดาวแกะ

เมื่อเห็นพวกเขาตื่นเต้น  เว่ยถิงถิงที่อยู่ใกล้ๆ อดถามอาเฮ่อไม่ได้  “ท่านอาเฮ่อ, มีกลุ่มดาวคนธนูอยู่จริงๆหรือเปล่า?”

อาเฮ่อ “ใช่แล้ว, มีอยู่จริงๆ”

ศิษย์ของตระกูลเว่ยกระโดดโลดเต้นดีใจ  พวกเขาล้อมวงเข้ามากันทุกคน  เทียบกับหลิงซิ่วที่อารมณ์ไม่ค่อยดี  อาเฮ่อดูอ่อนโยนและเป็นมิตรมากกว่าจึงได้รับความชื่นชอบจากทุกคน

เว่ยหาวถาม “ท่านอาเฮ่อ, วิทยายุทธของท่าน ใช่ร่ำเรียนมาจากกลุ่มดาวคนธนูหรือเปล่า?”

“ไม่”  อาเฮ่อตอบอย่างเป็นกันเอง  “วิทยายุทธของข้ามาจากกลุ่มดาวกระเรียน”

ทุกคนแสดงท่าทีผิดหวัง

อาเฮ่อหัวเราะ “แต่ราชินีแห่งกลุ่มดาวคนธนูเป็นพี่สาวท่านแม่ของข้าเอง”

“หวา!”

ศิษย์ตระกูลเว่ยทุกคนมีท่าทีตกใจและเปลี่ยนเป็นยินดีแทน

“ท่านอาเฮ่อกลุ่มดาวคนธนูเป็นยังไงบ้าง และสมบัติเหล่านี้ใช้ยังไง?”

“ท่านอาเฮ่อ  ทำไมท่านไม่เป็นผู้สืบทอดกลุ่มดาวคนธนูล่ะ?”

……

ทุกคนเริ่มถามคำถาม

อาเฮ่ออดยิ้มไม่ได้  แต่ในใจของเขาค่อนข้างอึดอัด ป้าของเขามักจะหวังว่าเขาจะรับสืบทอดกลุ่มดาวคนธนู  แต่เขายังคงเลือกกลุ่มดาวกระเรียนฟ้า  ในอดีตเนื่องจากความขัดใจกัน เขาไม่มีมุมมองที่ดีต่อกลุ่มดาวคนธนู  แต่ปัจจุบันนี้หลังจากเห็นโลกมามาก  เขาไม่เป็นเหมือนในอดีตต่อไป  เขาฉลาดและใจเปิดกว้างขึ้นทั้งบุญคุณความแค้นในอดีตสลายไปหมดแล้ว

ป้าของเขาหวังว่าเขาจะรับสืบทอดกลุ่มดาวคนธนู  เพราะสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด แต่อีกเหตุผลหนึ่งก็คือกลุ่มดาวคนธนูไม่สามารถสร้างผู้เยาว์ที่สามารถรับผิดชอบได้  ศิษย์ตระกูลเว่ยทุกคนและกลุ่มดาวคนธนูมาจากที่เดียวกันอาเฮ่อเริ่มไตร่ตรอง  ‘บางทีข้าอาจหาคนที่เหมาะสมสักคนจากกลุ่มพวกเขาได้’

“ข้าอาจจะสอนวิชาจากกลุ่มดาวคนธนูให้พวกเจ้าได้สักสองสามอย่าง”  ยิ้มของอาเฮ่อมักจะนำความรู้สึกเหมือนกับฤดูใบไม้ผลิมาเสมอ  “ข้าก็ได้เรียนรู้จากที่นั่นมาบ้างสองสามอย่าง”

“เยี่ยมเลย!”

“ว้าว..สุดยอด!”

“วิทยายุทธของกลุ่มดาวคนธนูจะเหมือนกับตระกูลเว่ยเราไหม?”

***********************

ปิงสังเกตเสียงฮือฮาของหน่วยทั้งสอง  แต่เขาไม่ห้าม วิทยายุทธของหลิงซิ่วและอาเฮ่อจะช่วยให้พวกเขาเติบโต

บางทีอาจจะไม่ชัดเจนในขณะนี้  ปิงยังไม่หวังอะไรกับพวกเขามากนัก  เนื่องจากผู้เยาว์เหล่านี้เป็นเรื่องของอนาคต

ป้อมปราการข้างหน้ามองเห็นได้อย่างเลือนราง

ทุกคนตึงเครียดป้อมปราการข้างหน้าเป็นป้อมสำคัญที่สุดของสะพานลอยทะเลแสง  ป้อมกวงจื้อเป่า

ถ้าเราเรียกสะพานลอยว่าแนวเส้นทางแสง อย่างนั้นป้อมกวงจื้อเป่าก็เป็นเหมือนหินชิ้นหนึ่งหินที่ฝังอยู่ในเส้นแนวแสงตั้งอยู่ตรงกลางทะเลพลังงาน

ถ้ากองทัพสามารถยึดป้อมได้ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะสามารถป้องกันสะพานลอยได้เท่านั้น แต่พวกเขาจะสามารถเข้าทะเลพลังงานผ่านประตูอื่นนี้  และเริ่มโจมตีได้  ถ้าศัตรูโจมตีป้อมกวงจื้อเป่าจากทะเลแสง  อย่างนั้นสะพานลอยจะมีเส้นทางเสริมกำลังให้มั่นคงได้

สามป้อมปราการที่สำคัญที่สุดของทวีปฝานซิงโจวก็คือป้อมที่คล้ายๆกับป้อมกวงจื้อเป่าป้อมทั้งสามนี้จะช่วยเหลือเกื้อกูลกันและสามารถใช้ประโยชน์ได้มาก

ถ้าพวกเขาสามารถยึดป้อมกวงจื้อเป่าได้พวกเขาจะสามารถยึดจุดยุทธศาสตร์สำคัญแรกไปได้

ทันใดนั้น ปิงหรี่ตาเขาเห็นร่องรอยแผลพลังงานตัดผ่านผนังแสงของสะพานลอย มีรอยกระพริบ

มีคนโจมตีป้อมกวงจื้อเป่า!

เขาออกคำสั่งทันที  “กองทัพทั้งหมด เดินหน้า!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด