ตอนที่ 658 ป้อมกวงจื้อเป่า
ศัตรูถูกบดขยี้ในทุกตำแหน่ง แต่สีหน้าของปิงไม่เปลี่ยน “เดินหน้าต่อไป!”
นี่เป็นระลอกที่สี่ของศัตรูที่พวกเขาเอาชนะได้ระหว่างเดินทาง สะพานลอยปัจจุบันนี้เสียหายอย่างหนัก และกลุ่มโจรสลัดหลายกลุ่มจะเข้ามาทางรอยแตกแยก ขณะที่โจรสลัดย่ามใจอย่างหนักจึงทำให้สะพานลอยแทบจะใช้งานไม่ได้ และไม่มีคาราวานสินค้าดีๆ กล้าใช้เส้นทาง
ทวีปฝานซิงโจวได้เกณฑ์พลเมืองก่อนนั้นมาซ่อมแซมสะพานลอย แต่เนื่องจากกระบวนการซ่อมแซมช้ามาก จึงเหลือช่องว่างอีกมากมาย ขณะที่สายแนวพลังงานสายหนึ่ง ถ้าไม่มีช่องว่างใดๆ ก็ยากที่จะผ่านไปได้
สะพานลอยทะเลแสงมีศัตรูธรรมชาติด้วยเช่นกัน และนั่นก็คือพลังกัดกร่อนในทะเลพลังงานไร้ขอบเขต พลังงานกัดกร่อนในทะเลพลังงานจะค่อยๆทำอันตรายสะพานลอย และถ้ายืดยาวพอ ช่องว่างจะถูกกัดกร่อนจนสะพานลอยหลุดออก หลังจากผ่านเวลาไปนาน ทวีปฝานซิงโจวจำเป็นต้องส่งคนไปซ่อม
ปัจจุบันนี้ช่องว่างทั้งหมดเหล่านี้กลายเป็นจุดให้โจรสลัดโจมตีเป็นอย่างดี ปิงไม่มีกำลังพลเพิ่มแม้แต่จะทำการซ่อมแซม
ปิงไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย เขาไม่สนใจเรื่องช่องว่างทั้งหมด มันเป็นแค่ความไม่สะดวกที่ไม่ส่งผลต่อสถานการณ์ สิ่งที่เขาเห็นว่าสำคัญก็คือป้อมปราการที่สร้างโดยทวีปฝานซิงโจวบนสะพานลอยทะเลแสง ป้อมปราการทั้งหมดนี้ตั้งอยู่ในทางแยกที่สำคัญและหลังจากเสริมกำลังหลายปี ป้อมเหล่านั้นก็มั่นคงมาก
ตราบใดที่เขาควบคุมป้อมที่มั่นเหล่านี้ได้ พวกเขาจะอยู่ในสภาพไร้พ่าย และนั่นเป็นเคล็ดสำคัญในมือของปิง
แม้ว่าป้อมเหล่านั้นจะถูกปิด แต่ป้อมที่ไม่มีทหารอยู่ดูแลประจำ อาจเป็นปัญหาสำหรับโจรสลัดกลุ่มเล็กได้ แต่สำหรับโจรสลัดที่มีความเข้มแข็งก็คงไม่มีปัญหา แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีเรือรบหรือเรือธรรมดา การตีฝ่าเข้าไปเป็นเรื่องของเวลา
ใช่แล้ว ทุกอย่างเป็นเรื่องของเวลา
ปิงกำลังแข่งกับเวลา
ตราบใดที่ป้อมที่มั่นใดๆถูกโจรสลัดครอบครอง สถานการณ์ของปิงจะย่ำแย่น่ากลัว กองทัพที่อยู่กับเขานั้นเล็กไม่มีเรือรบ เรือโจมตี พวกเขาไม่มีกำลังพอโจมตีป้อมที่ถูกยึดครองได้
เพราะมีเวลาน้อยปิงต้องการครอบครองป้อมปราการเหล่านี้และใช้ควบคุมสะพานลอยก่อนที่โจรสลัดหรือมหาอำนาจอื่นจะทันรู้ตัว
เนื่องจากเรือขนส่งช้าเกินไป ปิงสั่งให้พวกเขาออกจากเรือ แม้ว่านี่อาจจะทำให้ทหารเหนื่อยมากขึ้น แต่ทุกวินาทีที่ผ่านไปความเร็วยังเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของแผนการ
มีแต่เพียงเรือที่เหลืออยู่ก็คือเรือรบธนูดำมันคือเรือเร็วที่ทรงพลังและสามารถทำให้กองทัพพวกเขามีความสามารถโจมตีได้
ผลจากการฝึกในทะเลพลังงานผลิดอกออกผล
ไม่ว่าจะเป็นกองกำลังนางแอ่นหรือหน่วยกะโหลก ความเคลื่อนไหวของกองทัพพวกเขาไม่ช้าเลย และทุกคนปฏิบัติตามมาตรฐานได้ เทียบกับอันตรายและสภาพแวดล้อมที่น่ากลัวของทะเลพลังงานแล้ว สะพานลอยเป็นเหมือนสวรรค์
นอกจากกองกำลังนางแอ่น,หน่วยกะโหลกและกองกำลังปีศาจทวีปโยวโจวแล้ว ยังมีกลุ่มเฉพาะอีกหน่วยหนึ่งอยู่ในมือของปิง นั่นก็คือกลุ่มดาวคนธนูแห่งดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ที่นำโดยอาเฮ่อและกลุ่มดาวแกะที่นำโดยหลิงซิ่ว
ในห้ากลุ่มดาวจากเกาะใต้ทั้งหมดก็คือกลุ่มดาวคนธนูและกลุ่มดาวแกะทั้งสองกลุ่มดาวนี้มีพลังรุกสู้ที่แข็งแกร่งที่สุด กลุ่มดาวกรกฏรับหน้าที่ป้องกัน กลุ่มดาวกุมภ์และดาวคันชั่งรับหน้าที่ควบคุม
เพื่อแข่งขันกับเวลาพวกเขาจำเป็นต้องทำทุกอย่างให้พร้อมกัน ชนะให้รวดเร็ว ดังนั้นสองกลุ่มดาวที่มีพลังรุกแข็งแกร่งที่สุดจึงถูกเลือก
ปิงรู้ว่าแม้ว่าศิษย์ของห้าตระกูลทุกคนจะมีความแข็งแกร่ง แต่พวกเขายังเป็นมือสมัครเล่นแน่นอน
โชคดีที่พวกเขา ได้รับการฝึกอบรมขัดเกลามาบ้าง
ศิษย์ของห้าตระกูลมีความก้าวหน้ามากมายในการใช้อาวุธดวงดาวของพวกเขา และภายใต้คำขอของถังโฉ่ว พวกเขาได้เรียนรู้กลยุทธ์ประสานงานรบขั้นพื้นฐาน
แต่น่าเสียดายที่กลยุทธ์ประสานพลังขั้นพื้นฐานนี้ยังไม่เพียงพอทำให้พวกเขากลายเป็นหน่วยทหารที่แข็งแกร่ง ปิงมอบหมายให้มือใหม่เหล่านี้อยู่ในความดูแลของอาเฮ่อและหลิงซิ่ว เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถตั้งกลุ่มกระบวนรบได้ อย่างนั้นพวกเขาจะสามารถปลดปล่อยพลังของพวกเขาได้
อาเฮ่อและหลิงซิ่วทั้งสองคนเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งและสามารถสอนวิธีใช้สมบัติของพวกเขาได้
สะพานลอยไม่ใช่สถานที่กว้างขวาง ดังนั้นจึงเหมาะใช้พลังส่วนบุคคล อาเฮ่อและหลิงซิ่วมีความสามารถในการสู้ที่เฉียบขาดพวกเขาแสดงพลังได้หลายเท่าผ่านการสู้รบมาหลายครั้งหลายคราแล้ว
“ท่านหลิง,วิชาหอกของท่าน ท่านไปเรียนมาจากไหน?”
หวีชิงอี้ไม่อาจทนต่อไปได้ไม่ใช่เพียงแต่เขาเท่านั้น ศิษย์คนอื่นๆจากตระกูลหวีก็ยืดคอมองดูทุกคน หน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความสงสัย
มันคล้ายกันมาก
วิชาหอกของหลิงซิ่วคล้ายกันมากกับวิชาหอกตระกูลหวี ความคล้ายไม่ใช่หยุดอยู่ที่รูปลักษณ์ของมันแต่จิตวิญญาณก็คล้ายกันรังสีที่เปล่งออกมาจากวิชาหอกของเขาก็คล้ายกับพวกเขามาก สิ่งที่ทำให้พวกเขารู้สึกประหลาดใจเหลือเชื่อก็คือ ความสามารถของหลิงซิ่วในการใช้วิชาหอกทำให้พวกเขาตะลึง
“อาจารย์ของข้า” หลิงซิ่วมองพวกเขา เขารู้ว่าทุกคนมาจากตระกูลหวีและเป็นตระกูลต้นกำเนิดของกลุ่มดาวแกะ ดังนั้นเขาจึงสงสัยพอกัน และไม่ตอแยพวกเขา แต่ในเวลาอันรวดเร็ว เขาก็ยิ่งผิดหวังเพราะวิชาหอกของศิษย์ตระกูลหวีดูเหมือนจะด้อยกว่าหอกดาวแกะของเขา
ปัจจุบันนี้ พลังของหลิงซิ่วและการรู้แจ้งของเขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าสิ่งที่เขาเป็นในอดีต แค่มีเพียงความคิดเดียวเขาก็มองเห็นหลายอย่างได้ชัดเจน หอกดาวแกะซึ่งต้นเดิมมาจากตระกูลหวี เพราะสวรรค์วิถีมีพลังงานเบาบางจึงกลายเป็นวิชาที่อ่อนแอมาก ดังนั้นภายใต้การฝึกฝนหนักและการรู้แจ้งของนักสู้ในอดีต พวกเขาเดินตามวิถีวิทยายุทธใหม่หมด และค่อยๆเปลี่ยนและสร้างเป็นหอกดาวแกะซึ่งต้นแหล่งเดิมมาจากกฎธรรมชาติ
แต่เนื่องจากพลังงานในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์มีอยู่เหลือเฟือ วิชาหอกของตระกูลหวีจึงเป็นเหมือนกับวิทยายุทธอย่างหนึ่งในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาไม่จำเป็นต้องขัดเกลาวิทยายุทธพวกเขาและพวกเขาก็ถือว่ามีพลังอำนาจมากอยู่แล้ว และพลังงานที่หนาแน่นเป็นเหมือนหิมะหนาที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้พวกเขาได้แต่ในขณะเดียวกันทำให้การรู้แจ้งในกฎธรรมชาติของพวกเขาทำได้ยากขึ้น
นั่นคือความต่างกันระหว่างสวรรค์วิถีและดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์
คนของดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์เกิดมาก็เป็นเซียนทันที และดูแข็งแกร่งมากกว่าคนของสวรรค์วิถี แต่ในที่พลังงานเบาบางกลับช่วยให้เขาเข้าใจกฎธรรมชาติได้ ดังนั้นเมื่อก้าวเข้าไปสู่ระดับเซียน พวกเขาจะแข็งแกร่งมากกว่าคนในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์
ที่หนึ่งแข็งแกร่งในตอนแรกและอ่อนแอทีหลัง ขณะอีกที่หนึ่งอ่อนแอก่อนจากนั้นจึงแข็งแกร่งทีหลัง นี่คือวิถีชีวิตที่แตกต่างทั้งสองแบบที่ถูกสร้างขึ้นมาในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน สร้างขึ้นมาในวิถีวิทยายุทธที่ต่างกัน
“พี่ใหญ่หลิง,อาจารย์ของท่านสกุลหวีหรือเปล่า?” หวีชิงอี้โพล่งออกมา เมื่อเขาเห็นสีหน้าของหลิงซิ่วที่คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม หน้าของเขาแดง ศิษย์คนอื่นๆ ก็รู้สึกละอายเช่นกัน วิชาหอกของหลิงซิ่วอยู่ในระดับที่ไม่มีใครในตระกูลหวีที่ถึงระดับนี้
“อาจารย์ข้าไม่ได้บอกข้าไว้ว่าท่านแซ่ใด” น้ำเสียงของหลิงซิ่วค่อนข้างหม่นหมอง เมื่อคิดถึงอาจารย์ของเขา เขาจะรู้สึกเศร้า แต่ก็รีบกำจัดความเศร้าออกไปโดยเร็ว ปัจจุบันนี้เขามีคุณสมบัติพอให้อาจารย์ของเขารู้สึกภูมิใจได้แล้ว!
เมื่อเห็นศิษย์ของตระกูลหวีทุกคนคิดมาก เขาบอกตรงๆ “วิชาหอกของอาจารย์มีที่มาจากกลุ่มดาวแกะ”
“กลุ่มดาวแกะ?เอ๊ะ.. กลุ่มดาวแกะ นั่นคือชื่อที่ใช้เรียกกลุ่มเราใช่ไหม?”
“เดี๋ยวก่อน,ไม่นะ, เป็นกลุ่มดาวแกะต้นกำเนิดของสมบัติวิญญาณเราใช่ไหม?”
“หรือว่ามีสถานที่เรียกว่ากลุ่มดาวแกะอยู่จริงๆ?”
……
ศิษย์ตระกูลหวีทุกคนส่งเสียงฮือฮา ตอนแรกพวกเขาคิดว่าชื่อ ‘กลุ่มดาวแกะ’ เป็นชื่อที่เจ้านายสุ่มตั้งขึ้นมาให้พวกเขา แต่เมื่อได้ยินหลิงซิ่วพูดชื่อนี้ออกมา ‘หรือว่าจะมีสถานที่เรียกว่ากลุ่มดาวแกะอยู่จริงๆ?’
หลิงซิ่วรู้สึกปวดหัว คำถามที่ต้องมีคำอธิบายซับซ้อนเป็นสิ่งที่เขาเกลียดมาก
เขาไม่สนใจอาการมึนงงของพวกเขา และกล่าว “จากวันนี้เป็นต้นไป ข้าจะสอนวิชาหอกดาวแกะให้กับพวกเจ้าก็แล้วกัน”
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้คำตอบที่ต้องการ แต่สามารถได้เรียนรู้วิชาหอกดาวแกะทำให้พวกเขาตื่นเต้นกันทุกคน พวกเขาได้เห็นประจักษ์กับตาตนเองถึงพลังที่แข็งแกร่งของหอกดาวแกะ
เมื่อเห็นพวกเขาตื่นเต้น เว่ยถิงถิงที่อยู่ใกล้ๆ อดถามอาเฮ่อไม่ได้ “ท่านอาเฮ่อ, มีกลุ่มดาวคนธนูอยู่จริงๆหรือเปล่า?”
อาเฮ่อ “ใช่แล้ว, มีอยู่จริงๆ”
ศิษย์ของตระกูลเว่ยกระโดดโลดเต้นดีใจ พวกเขาล้อมวงเข้ามากันทุกคน เทียบกับหลิงซิ่วที่อารมณ์ไม่ค่อยดี อาเฮ่อดูอ่อนโยนและเป็นมิตรมากกว่าจึงได้รับความชื่นชอบจากทุกคน
เว่ยหาวถาม “ท่านอาเฮ่อ, วิทยายุทธของท่าน ใช่ร่ำเรียนมาจากกลุ่มดาวคนธนูหรือเปล่า?”
“ไม่” อาเฮ่อตอบอย่างเป็นกันเอง “วิทยายุทธของข้ามาจากกลุ่มดาวกระเรียน”
ทุกคนแสดงท่าทีผิดหวัง
อาเฮ่อหัวเราะ “แต่ราชินีแห่งกลุ่มดาวคนธนูเป็นพี่สาวท่านแม่ของข้าเอง”
“หวา!”
ศิษย์ตระกูลเว่ยทุกคนมีท่าทีตกใจและเปลี่ยนเป็นยินดีแทน
“ท่านอาเฮ่อกลุ่มดาวคนธนูเป็นยังไงบ้าง และสมบัติเหล่านี้ใช้ยังไง?”
“ท่านอาเฮ่อ ทำไมท่านไม่เป็นผู้สืบทอดกลุ่มดาวคนธนูล่ะ?”
……
ทุกคนเริ่มถามคำถาม
อาเฮ่ออดยิ้มไม่ได้ แต่ในใจของเขาค่อนข้างอึดอัด ป้าของเขามักจะหวังว่าเขาจะรับสืบทอดกลุ่มดาวคนธนู แต่เขายังคงเลือกกลุ่มดาวกระเรียนฟ้า ในอดีตเนื่องจากความขัดใจกัน เขาไม่มีมุมมองที่ดีต่อกลุ่มดาวคนธนู แต่ปัจจุบันนี้หลังจากเห็นโลกมามาก เขาไม่เป็นเหมือนในอดีตต่อไป เขาฉลาดและใจเปิดกว้างขึ้นทั้งบุญคุณความแค้นในอดีตสลายไปหมดแล้ว
ป้าของเขาหวังว่าเขาจะรับสืบทอดกลุ่มดาวคนธนู เพราะสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด แต่อีกเหตุผลหนึ่งก็คือกลุ่มดาวคนธนูไม่สามารถสร้างผู้เยาว์ที่สามารถรับผิดชอบได้ ศิษย์ตระกูลเว่ยทุกคนและกลุ่มดาวคนธนูมาจากที่เดียวกันอาเฮ่อเริ่มไตร่ตรอง ‘บางทีข้าอาจหาคนที่เหมาะสมสักคนจากกลุ่มพวกเขาได้’
“ข้าอาจจะสอนวิชาจากกลุ่มดาวคนธนูให้พวกเจ้าได้สักสองสามอย่าง” ยิ้มของอาเฮ่อมักจะนำความรู้สึกเหมือนกับฤดูใบไม้ผลิมาเสมอ “ข้าก็ได้เรียนรู้จากที่นั่นมาบ้างสองสามอย่าง”
“เยี่ยมเลย!”
“ว้าว..สุดยอด!”
“วิทยายุทธของกลุ่มดาวคนธนูจะเหมือนกับตระกูลเว่ยเราไหม?”
***********************
ปิงสังเกตเสียงฮือฮาของหน่วยทั้งสอง แต่เขาไม่ห้าม วิทยายุทธของหลิงซิ่วและอาเฮ่อจะช่วยให้พวกเขาเติบโต
บางทีอาจจะไม่ชัดเจนในขณะนี้ ปิงยังไม่หวังอะไรกับพวกเขามากนัก เนื่องจากผู้เยาว์เหล่านี้เป็นเรื่องของอนาคต
ป้อมปราการข้างหน้ามองเห็นได้อย่างเลือนราง
ทุกคนตึงเครียดป้อมปราการข้างหน้าเป็นป้อมสำคัญที่สุดของสะพานลอยทะเลแสง ป้อมกวงจื้อเป่า
ถ้าเราเรียกสะพานลอยว่าแนวเส้นทางแสง อย่างนั้นป้อมกวงจื้อเป่าก็เป็นเหมือนหินชิ้นหนึ่งหินที่ฝังอยู่ในเส้นแนวแสงตั้งอยู่ตรงกลางทะเลพลังงาน
ถ้ากองทัพสามารถยึดป้อมได้ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะสามารถป้องกันสะพานลอยได้เท่านั้น แต่พวกเขาจะสามารถเข้าทะเลพลังงานผ่านประตูอื่นนี้ และเริ่มโจมตีได้ ถ้าศัตรูโจมตีป้อมกวงจื้อเป่าจากทะเลแสง อย่างนั้นสะพานลอยจะมีเส้นทางเสริมกำลังให้มั่นคงได้
สามป้อมปราการที่สำคัญที่สุดของทวีปฝานซิงโจวก็คือป้อมที่คล้ายๆกับป้อมกวงจื้อเป่าป้อมทั้งสามนี้จะช่วยเหลือเกื้อกูลกันและสามารถใช้ประโยชน์ได้มาก
ถ้าพวกเขาสามารถยึดป้อมกวงจื้อเป่าได้พวกเขาจะสามารถยึดจุดยุทธศาสตร์สำคัญแรกไปได้
ทันใดนั้น ปิงหรี่ตาเขาเห็นร่องรอยแผลพลังงานตัดผ่านผนังแสงของสะพานลอย มีรอยกระพริบ
มีคนโจมตีป้อมกวงจื้อเป่า!
เขาออกคำสั่งทันที “กองทัพทั้งหมด เดินหน้า!”