ตอนที่ 653 ไว้สู้กันใหม่
ทุกคนส่ายหัวเมื่อกาทองสามขาอสูรปราณฟ้าระดับหกปรากฏตัว
ระยะห่างไกลเกินไป
ไม่มีทางสู้ได้ องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนคิดว่าถ้าไม่มีกฎห้ามใช้วิทยายุทธสู้ เย่ว์หยางคงสามารถสู้และใช้พลังจากไพ่ทำนายได้ แต่ภายใต้กฎห้ามใช้วิทยายุทธและห้ามสู้รบ เย่ว์หยางไม่สามารถลงมือด้วยตัวเอง เสี่ยวเหวินหลีและอสูรอื่นไม่สามารถใช้พลังได้เต็มที่ และนี่ไม่ใช่การสู้รบเสี่ยงเป็นตาย เป็นแค่ทดสอบ เย่ว์หยางไม่สามารถแสดงพลังที่แท้จริงได้ องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเจ้าเมืองโล่วฮัวมองหน้ากันเองและพยักหน้า แม้ว่าพวกนางจะยอมรับความพ่ายแพ้แล้วในตอนนี้ แต่ก็ไม่สำคัญ พวกเขามาจุดที่ละเอียดอ่อนที่สุดแล้ว อสูรรบที่แข็งแกร่งที่สุดของศัตรูออกมาแล้ว
อี้หนานคิดหนทางไม่ออก ในใจนาง ความรักของนางอยู่เหนือสิ่งอื่นใด นางต้องทำอย่างดีที่สุดเพื่อช่วยเขา
กาทองสามขาทรงพลังมากมายแน่นอน แต่นางไม่ต้องการยอมแพ้
เพลิงสายลม!
กาทองสามขามีรัศมีเหมือนดวงอาทิตย์ แค่กระพือปีกก็พัดเอาเปลวไฟออกมา
เปลวไฟสว่างกว่าดวงอาทิตย์เป็นพันเท่า แม้เปลวเพลิงยาวยังมาไม่ถึง แต่อุณหภูมิที่สูงสามารถเผาไหม้ได้ถึงกระดูก แม้แต่โล่เนื้อที่ป้องกันอย่างจ้าวปลาดุกก็ยังกลัวและลงไปซ่อนในทะเลสาบทันทีไม่กล้าให้ผิวของมันกระทบถูกเปลวไฟ สายลมเพลิงจากจะแตกต่างจากแสงทำลายล้างของจื้อจุน แสงทำลายล้างจะใช้พลังงานรังสีสังหารปกคลุมได้ทั้งดินและฟ้าไม่มีที่ให้ซ่อน แม้แต่วิญญาณก็ถูกกำจัดไปด้วย แสงเพลิงลอยลมเพียงแต่สร้างความเสียหายกับการมองเห็นของศัตรู เพลิงของมันมีอุณหภูมิสูงเพียงพอต่อการสังหาร
อย่างไรก็ตามพลังโจมตีของอสูรสูงถึงระดับนั้นนับว่าแข็งแกร่งเหลือเชื่อแล้ว
แม้แต่มารเคราะห์ฟ้าจากวังมารก็ยังไม่เคยเห็นพลังของอสูรศึกที่น่ากลัวขนาดนั้น
เทียบกับพลังเคราะห์ฟ้าของนางกับแสงเพลิงลอยลม
เหมือนกับเด็กเล่นโคลน!
ถ้าถูกพลังแสงเพลิงลอยลมไป นางไม่สงสัยเลยว่าทะเลสาบที่เสี่ยวเหวินหลีสร้างจะต้องเหือดแห้ง เสี่ยวเหวินหลียืนอยู่หน้าเย่ว์หยาง หน้าเธอเต็มไปด้วยความโกรธ ในเวลาสั้นๆเธอคิดหาวิธีทำลายการโจมตีของศัตรูผู้ทรงพลัง
ดาบอสูรทงเทียนในมือของเธอเปลี่ยนรูปร่างตลอดเวลาราวกับว่ามันต้องการจะเปลี่ยนรูปเป็นสมบัติที่สามารถสู้กับเพลิงของกาทองสามขา แต่ก่อนที่การเปลี่ยนร่างของมันจะทำให้สมบูรณ์แบบ อี้หนานลอยลงอยู่ข้างตัวเย่ว์หยาง นางเพิ่มพลังวิญญาณและเรียกภูตกระจก
สะท้อน!
ภูตกระจกขยายออกไปอย่างรวดเร็วรวมลำแสงเข้าในโลกกระจกวิญญาณและสะท้อนกลับคืนทันที ปีศาจหน้าเห็ดที่ซ่อนตัวอยู่ในน้ำถูกลำแสงสะท้อนออกมา โชคดีที่ลำแสงเหล่านี้เพียงแต่ทำลายการมองดู ไม่ได้มีพลังสังหารโดยตรง บึ้ม บึ้ม บึ้ม จากนั้นแมลงปอแดงที่คล่องแคล่วที่สุด เมื่อแสงพร่างพราวทำให้ตาของมันลาย ลำแสงสะท้อนของภูตกระจกก็ยิงมัน พุ่มเพลิง แมงกะพรุนฟองน้ำและจ้าวปลาดุกได้ง่าย มีแต่แมลงดูดแสงที่กำลังดูดดื่มพลังพลังไปบำรุงตัวมัน
เปลวเพลิงลอยลมพุ่งไปอย่างรวดเร็ว
เหมือนกับเพลิงดวงอาทิตย์ที่น่ากลัว
อุณหภูมิที่สูงมากสามารถหลอมละลายสิ่งต่างๆ ในโลกได้ นอกจากนี้เปลวเพลิงที่อุณหภูมิสูงอย่างนี้ยังมีพลังที่มีผลกระทบและพลังคลื่นระเบิดนั้นสามารถทำลายปราสาทได้
“พลังดูดซึม” อี้หนานชี้นิ้วไปที่ภูตกระจก แสงเพลิงลอยลมที่เต็มท้องฟ้าถูกนำเข้าไปที่ผิวกระจก เหมือนกับถูกบังคับโดยพลังที่มองไม่เห็น ขณะเดียวกัน อี้หนานหันและชี้ไปทางกาทองสามขา“สะท้อน!”
ทันใดนั้นมีปรากฏการณ์ประหลาดเกิดขึ้น
เปลวเพลิงที่สามารถทำลายและหลอมละลายได้ทุกอย่างเลี้ยวกลับต่อหน้าภูตกระจกเหมือนคลื่นกระทบฝั่งและไหลกลับมา เปลวเพลิงทั้งหมดยิงเข้าหากาทองสามขา ในท้องฟ้าปรากฏคลื่นเปลวเพลิงไหลกลับ เพลิงนับไม่ถ้วนที่กำลังพุ่งเข้าหาภูตกระจกเริ่มเลี้ยวกลับและพุ่งเข้าหากาทองสามขาไวกว่าเดิม
กาทองสามขาดูเหมือนว่าจะตกใจ ส่งเสียงร้องแกว๊กประหลาดว่าเป็นเช่นนั้นไปได้ยังไง?
เพลิงที่เต็มท้องฟ้าพุ่งเข้าหากาทองสามขา
อย่างไรก็ตามร่างที่เหมือนดวงอาทิตย์ของมันเปลี่ยนสภาพขนทองที่เต็มท้องฟ้าจากนั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอย
แสงเพลิงลอยลมไม่พบเป้าหมายโจมตีและบินขึ้นไปในท้องฟ้าและหายลับไปในท้องฟ้า จากนั้นก็ไม่ปรากฏแสงให้เห็น
ขนทองที่ลอยเต็มท้องฟ้ากลับมาปรากฏอีกครั้งและก่อตัวเป็นดวงอาทิตย์ที่แปลกประหลาดสามดวง
ไม่รู้ว่ากาทองสามขาตัวใดจริงตัวใดไม่ใช่
เพราะพลังโจมตีของภูตกระจกสะท้อนจากอสูรปราณฟ้าระดับหกเกินจะทนทานรับได้แสงในกระจกจึงหมองลงอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นรัศมีสายเดียวกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์มันจะไม่สามารถต่อสู้ได้อีกนาน อี้หนานใช้พลังจิตวิญญาณไปแทบทั้งหมดเพื่อสะท้อนสายเพลิงลอยลมรู้สึกหวานวูบในลำคอของนางนางกระอักโลหิตมาเต็มคำ จากนั้นหมดสติลงในอ้อมแขนของเย่ว์หยาง
กาทองสามขาสามารถแยกร่างเป็นสามได้ แต่ละร่างแยกมีพลังเทียบเท่ากับร่างหลักได้ภายในหนึ่งชั่วโมง อีกาเห็นอี้หนานกระอักโลหิตและหมดสติไปเขาบอกกาทองสามขาให้หยุดการโจมตีก่อน และถามเย่ว์หยาง “กาทองสามขาเป็นราชันย์ของเพลิงทั้งหลาย และเป็นฝ่ายตรงข้ามกับอสูรของเจ้า ถ้าอสูรของเจ้าเติบโตขึ้นบางทีพวกมันอาจสู้ได้ แต่ตอนนี้ยังเร็วเกินไป พ่อหนุ่ม! เจ้ายังต้องการสู้ต่อหรือเปล่า?”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่พอใจ นางต้องการออกไปยืนเหมือนกับอี้หนานและสู้เพื่อเย่ว์หยาง แต่ความรู้สึกถึงเหตุผลบางอย่างบอกตัวนางว่าการสงบศึกเป็นทางเลือกดีที่สุด
“ใครบอกเล่าว่าข้าจะยอมแพ้? ก็แค่อสูรรบจากเผ่าภูตตะวันออกใครบ้างไม่มี?” เย่ว์หยางโมโห
เขาอุ้มอี้หนานที่หมดสติและจูบนางอย่างแผ่วเบา
จากนั้นส่งนางให้เย่ว์หวี่ที่กำลังเดินมารับ
เสี่ยวเหวินหลีถือร่างอสูรทงเทียนเพลิงที่แปลงร่างเป็นสมบัติกระจกต่อหน้านาง
ด้วยการเปิดเผยของภูตกระจก เธอรู้ว่าเธอใช้วิธีเดียวกันต่อต้านพลังโจมตีของศัตรูได้ แต่น่าเสียดายที่กาทองสามขากลายเป็นสามร่าง ไม่ใช่ร่างเดียว
เย่ว์หยางหลับตาทำท่าเหมือนกับกำลังเข้าฌานหลังจากนั้นประมาณหนึ่งนาที เขาตะโกนอย่างโมโห “ตื่นได้แล้ว ออกมาจ่ายค่าเช่าซะดีๆ!”
หลังจากเขาพูดเช่นนั้นท้องฟ้าเต็มไปด้วยกลิ่นหอมตลบอบอวลทันที
เป็นกลิ่นหอมที่สดชื่นยิ่งกว่ากลิ่นหอมดอกไม้ที่ประทินตัวเจ้าเมืองโล่วฮัว
แสงหลากสีสันฉายประกายวาบ
สาวกิเลนปิงหยินยืนหาวอย่างน่ารักต่อหน้าทุกคนนางทำเสียงงัวเงียถามเย่ว์หยาง “นี่ที่ไหนกัน? ข้าเพิ่งจะเผลองีบเท่านั้นเองตอนเจ้าตะโกนโหวกเหวกหนวกหู ท่านแม่ข้าบอกว่าการอดนอนเป็นศัตรูตามธรรมชาติของสาวๆเดี๋ยวจะทำให้ข้ามีถุงใต้ตา แล้วนี่เจ้านกอะไรน่ะ? กาทองสามขาหรอกหรือ?นี่คือหุบเขาสุริยันต์แดนสวรรค์ใช่ไหม? ไม่น่าจะใช่ หุบเขาสุริยันต์ไม่มืดอย่างนั้นนี่นา!”
เย่ว์หยางเขกศีรษะนาง “ยัยทึ่ม! นี่คือโลกวารี เจดีย์ดำแห่งบันไดสวรรค์ เป็นพื้นที่ถูกผนึกไว้
การเขกครั้งนี้ทำให้สาวกิเลนถึงกับน้ำตาคลอเบ้า นางกุมศีรษะและร้องไห้อย่างน่าสงสาร“ทำกันอย่างนี้ มันเกินไปแล้ว ข้าจะหนีกลับบ้าน!”
“ข้าบอกให้เจ้าออกมาช่วยข้าบ้างเจ้าก็แค่ออกมาและเอาชนะเจ้านกผอม เท่านั้นเอง” เย่ว์หยางไม่สนใจการประท้วงของนาง
“ไม่, ข้าเอาชนะมันไม่ได้ เจ้าแก่นี่มีชีวิตมาอย่างน้อยก็หลายหมื่นปีแล้ว เขาเป็นอสูรปราณฟ้าระดับหก และยังมีร่างแยกอีกสามร่าง ข้ามีตัวคนเดียว และก็ยังเด็กเจ้าจะบังคับใช้แรงงานเด็กเหรอ?” สาวกิเลนปิงหยินส่ายศีรษะแสดงว่านางไม่อาจเอาชนะมันได้ เมื่อเย่ว์หยางได้ยินเช่นนี้ เขาโบกมือทันที“งั้นก็ไม่มีอะไรเกี่ยวกับเจ้า ถ้าเจ้าบอกเร็วกว่านี้ข้าจะไม่ยอมเสียเวลาของข้าเลย เด็กไม่ประสีประสาสร้างปัญหาจริงๆ!”
“ไหน..ลุงว่ายังไงนะ,หา?” สาวกิเลนพบว่าเขาดูถูกนาง นางคว้าแขนเขาและเตรียมฝังเขี้ยวเขา
เย่ว์หยางกับสาวกิเลนไม่สามารถร่วมมือกันได้แต่กลับเริ่มทะเลาะกันเอง
โชคดีที่กาทองสามขาไม่ได้ลอบเข้ามาโจมตี มิฉะนั้นก็คงเสร็จไปแล้ว
เสวี่ยอู๋เสียดูเหมือนจะรู้ว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น นางหันหน้าไปทางอื่นไม่อยากจะมองไม่ว่ายังไงเย่ว์หยางและสาวกิเลนมักจะคืนดีกันหลังจากทะเลาะกันบุคลิกของพวกเขามักจะตรงกันข้าม
อีกา มนุษย์กระดูก และแม้แต่สตรีล่องหนตกตะลึงกับการปรากฏตัวของสาวกิเลนปิงหยิน
ดวงอาทิตย์สามดวงกระจายแสงไปทั่วร่างอย่างรวดเร็วกลายเป็นกาเพลิงสามตัว
“นั่นคืออสูรอมตะในตำนานใช่ไหม?” เสียงของมนุษย์โครงกระดูกสั่นเล็กน้อย
“ดูเหมือนมากๆ” อีกาพูดไม่ปะติดปะต่อ
“ไม่ใช่ดูเหมือน นางคือกิเลน อสูรอมตะตัวจริงเสียงจริง ข้าคาดไม่ถึงจริงๆ เลยว่าจะได้เห็นอสูรอมตะในหอทงเทียน เป็นไปได้ไหมว่าเจ้าสิ่งเก่าแก่เหล่านั้นที่มีอยู่แต่ในตำนานกำลังจะกลับไปทวีปมังกรทะยาน?” เสียงของสตรีล่องหนสั่นเหมือนว่านางกำลังสะท้าน
“แม้ว่าข้าจะเป็นอสูรพิทักษ์ของเจ้าแต่ข้าก็ยังนับว่าเป็นสมาชิกของเผ่าภูตบูรพา” ภาพที่กาเพลิงทั้งสามที่มีต่ออสูรอมตะ ก็คือพวกเขาไม่สามารถโจมตีได้ เผ่าภูตบูรพาเป็นสิ่งมีชีวิตในโลกอสูรอมตะ แต่ในยุคโบราณ เนื่องจากมีการเข่นฆ่ากันมากเกินไป อสูรอมตะผู้รักสงบจึงเนรเทศพวกเขาไปแดนสวรรค์ พวกเขาก็เหมือนกลุ่มของพวกพเนจรไร้บ้านต้องการจะกลับบ้าน เป็นเวลาหลายพันปีที่พวกเขาต้องการได้รับอภัยโทษและยอมรับพวกเขาโดยอสูรอมตะอีกครั้งเนื่องจากตั้งแต่ยุคโบราณบรรพบุรุษเผ่าภูตบูรพาได้สาบานไว้ว่าคนในอนาคตจะต้องแก้ไขตนเองและจะไม่ต่อสู้กันเองอีกต่อไป
ไม่ต้องเอ่ยถึงอสูรอมตะระดับสูงเลยแม้แต่คนในเผ่าภูตบูรพากันเองก็ยังไม่ต่อสู้เสี่ยงชีวิตกันเอง
ถ้าเผ่าภูตบูรพาต้องสู้กันเอง ก็เป็นแต่เพียงการเสแสร้งแกล้งทำ
ถ้าไม่ใช่เพราะการต่อสู้กาทองสามขาจะต้องออกมาทักทายคารวะสาวกิเลนปิงหยิน แต่พวกเขากำลังสู้กันเองอยู่ สถานการณ์จึงค่อนข้างน่าอึดอัด มันไม่ต้องการเคลื่อนไหวอะไรในตอนนี้ ถ้ามันทำ ทั่วทั้งเผ่ากาทองจะต้องทนทุกข์ทรมานครั้งใหญ่
“การต่อสู้ทั้งสองฝ่ายอยู่ในลักษณะยันกันเจ้ายังมีอสูรรบที่ยังไม่ได้ใช้อีก แล้วเกือบจะหมดแล้ว” อีกาไม่ต้องการตอแยเย่ว์หยางผู้ครอบครองอสูรอมตะ
ถ้าพวกเขายังคงสู้ต่อไปและสาวกิเลนได้รับบาดเจ็บ อย่างนั้นอย่าว่าแต่บริวารอย่างเขาเลย ต่อให้เป็นเจ้านายของเขาจักรพรรดิจิ๋วซื่อก็คงจะถูกลงโทษอย่างหนัก
เว้นแต่พวกเขาจะมั่นใจแน่ว่าจะฆ่าพวกเขาได้ทั้งหมด
และมีสมบัติที่ใช้ชำระร่องรอยทั้งหมด
มิฉะนั้นคงไม่มีใครกล้าโจมตีอสูรอมตะแน่ นั่นเหมือนกับพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าที่ไม่มีใครทนได้
ถ้าเป็นอย่างนั้นยอมถอยชั่วคราวดีกว่า! เย่ว์หยางเดิมทีต้องการจะเรียกหงส์เพลิงที่พี่น้องหงส์เพลิงให้เขาซึ่งดูคล้ายกับสิ่งมีชีวิตหงส์เพลิงคือเพลิงอมฤตที่บริสุทธิ์ ไม่ว่าจ้าวเพลิงอย่างกาทองสามขาจะเป็นอย่างไร มันยังจะถูกเผาอยู่ดี ไม่มีเปลวเพลิงใดในโลกสามารถเทียบได้กับเพลิงอมฤต อย่างไรก็ตามเมื่อเย่ว์หยางต้องการจะเรียกหงส์เพลิงออกสาวกิเลนปิงหยินกลับออกมาอย่างคาดไม่ถึงทำเป็นแกล้งหยิ่งก่อกวนเย่ว์หยาง ความจริงนางรู้ว่าทันทีที่นางปรากฏตัว กาทองสามขาจะต้องยอมหย่าศึกทันที
“เอาละเราต้องมีการสื่อสารมากขึ้น เจ้าควรจะกลับไปก่อน เพราะเหตุผลหลายอย่างเราไม่แนะนำให้เจ้าได้พบฝ่าบาท” อีกาไม่ยินดีจะสู้กับเย่ว์หยางอีกแน่ ไม่ว่าเขาจะเป็นใครต้องไม่เข้าไปตอแย เมื่อพิจารณาจากศักยภาพของเขา อสูรรบของเขาโดยเฉพาะอย่างยิ่งอสูรอมตะเขาอาจจะมาจากเผ่าภูตบูรพาก็ได้
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเอาชนะเจ้าเด็กนี่และไม่ใช่เรื่องดีที่จะเอาชนะเขา เพราะจะมีหายนะตามมา
มีแต่คนโง่ที่ต้องการสู้กับเขา
ความจริง ก่อนที่เขาจะสู้กับเย่ว์หยางอีกาสงสัยว่าถ้ามันไม่ใช่เผ่าภูตบูรพา เจ้าเด็กผู้นี้จะทรงพลังมากมายขนาดไหน เขามีอสูรพิทักษ์มากมายในทั่วทั้งหอทงเทียนตั้งแต่ยุคโบราณกาลมา ไม่เคยมีใครที่เป็นอย่างนี้
“กลับบ้านกันเถอะ” เย่ว์หยางโบกมือ สาวๆทุกคนกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์ภายใต้การนำของเสี่ยวเหวินหลีและคนอื่น เย่ว์หยางกลับออกมาด้วยเข็มทิศสามดินแดน หลังจากศึกครั้งนี้ เขาได้ประสบการณ์ใหม่มากมายทำให้เขาเข้าใจอะไรหลายอย่างที่ยังไม่สามารถเข้าใจได้ในการต่อสู้ที่ผ่านมา ด้วยประสบการณ์เหล่านี้ เขาเชื่อว่าเขาสามารถบรรลุระดับใหม่ได้
ความจริงไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเสวี่ยอู๋เสียและสาวๆ อื่นรวมทั้งเสี่ยวเหวินหลี อาหมัน และอสูรพิทักษ์อื่น ทุกคนไม่สามารถทนรอกลับไปได้ พวกเขาต้องการใช้ประสบการณ์ใหม่เพื่อพัฒนาฝีมือให้ก้าวหน้า