ตอนที่ 652 กาทองสามขา
“ไม่มีอีกหรือ?”
แน่นอนว่าเย่ว์หยางยังมีอสูรรบอื่นอีกอย่างเช่นนางพญาดอกหนามมงกุฏทองและมังกรไร้เขาเจี้ยงอิง
อย่างไรก็ตามเย่ว์หยางไม่ต้องการเปิดเผยอะไรอีกต่อไป
นอกจากนี้สาวมังกรไร้เขาเจี้ยงอิงยังได้รับพลังตกทอดจากเทพมังกรทองนางยังอยู่ในช่วงเวลาพักฟื้น และไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมกับการปลุกนางมาร่วมต่อสู้ นางพญาดอกหนามมงกุฎทองอยู่ในช่วงของการพักจากการย่อยยอดฝีมือจากแดนสวรรค์ ดังนั้นเย่ว์หยางจึงไม่ปลุกนางขึ้นมาเว้นแต่จำเป็นต้องทำ
“เจ้าจะยอมรับความพ่ายแพ้ตอนนี้ไหม? เจ้าดูไม่เหมือนคนที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ง่ายๆ” อีกาค่อนข้างมั่นใจว่าแม้เย่ว์หยางยังมีอสูรเทพเด็กที่ยังไม่เคลื่อนไหว แต่มันก็มีอสูรพิทักษ์ที่ทรงพลังที่ยังไม่ได้เรียกออกมา ผู้ชนะยังไงก็ยังเป็นอีกาอยู่ดี
“ข้าไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ง่ายๆหรอก เจ้าได้เปรียบข้าง่ายๆ แค่เพราะข้าใช้กลยุทธไม่เหมาะสม” เย่ว์หยางตอบอย่างเชื่อมั่น
หลังจากเขาไตร่ตรองแล้วเขาพบวิธีตอบโต้
เขาตัดสินใจปรึกษากับเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน
มนุษย์กระดูก อีกาและสตรีล่องหนพากันสงสัย เด็กพวกนี้จะมีวิธีอะไรพลิกสถานการณ์? อสูรรบของเขาถูกไล่ต้อนเสียเปรียบและสมบัติของเขาไม่ได้ใช้ เขาจะใช้วิธีอะไรอื่นได้
เย่ว์หยาง เสวี่ยอู๋เสียองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเจ้าเมืองโล่วฮัวและนางเซียนหงส์ฟ้าทุกคนรวมตัวกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็นโดยไม่พูดแม้แต่คำเดียว มนุษย์โครงกระดูกและอีกาปากอ้าค้างแทบจะร่วงลงกับพื้นหรือว่าจะใช้ได้จริงๆ? แลกความคิดเห็นโดยแค่มองตากัน ไม่ต้องพูดกันหรือส่งเสียงดังนั่นจะไม่น่ากลัวเกินไปหน่อยหรือ?
ถ้าสองคนทำเช่นนี้ได้ นั่นก็คงไม่กระไรนัก
แต่พวกเขามีกันห้าคนและห้าคนนั้นมีความคิดเดียวกันนั่นหมายความว่ายังไง?
สตรีล่องหนเก็บความรู้สึกไว้ครึ่งค่อนวัน แต่นางไม่รู้สึกอะไร นางร้องออกมาทันที “เจ้ากระดูก เจ้านกแห้ง พวกเจ้ารู้สึกหงุดหงิดบ้างหรือเปล่า? ข้าไม่ได้ยินอะไรเลย เด็กพวกนี้แปลกประหลาดนัก พวกเขาติดต่อกันได้โดยไม่ต้องใช้เสียงเลย!”
“เจ้ามีพรสวรรค์ในการฟังแม้แต่เจ้ายังไม่ได้ยินอะไร แล้วเราจะรู้ได้ยังไง” บุรุษโครงกระดูกรู้สึกทึ่งและเหงื่อตก
“แปลกจริงๆ”สีหน้าของอีกาเคร่งเครียดมากขึ้น รู้สึกเหมือนการต่อสู้จริงจะเริ่มอย่างเป็นทางการ
“ฮะฮะ!” เย่ว์ปิงลอบสุขใจ
สิ่งที่ทุกคนกลัวก็คือทักษะแฝงเร้นพิเศษของศัตรู
เย่ว์หยางและเสวี่ยอู๋เสียเตือนทุกคนก่อนจะเข้ามาในเจดีย์ดำว่าพวกเขาไม่ควรใช้ความคิดเพื่อส่งเสียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการส่งข้อมูลสำคัญ
เย่ว์ปิงกลัวว่าบทสนทนาทางวิญญาณของนางกับพี่ชายจะถูกศัตรูจับได้นางไม่กล้าพูดกับพี่ชาย และไม่กล้าใช้การสื่อสารใจกระจกกับอี้หนาน เสวี่ยอู๋เสียและพี่ชายนาง เมื่อนางเห็นท่าทีกดดันบนสีหน้าของศัตรูนางรู้ได้ว่าศัตรูมีทักษะแฝงเร้นในการดักฟังการสื่อสารทางใจของพวกเขา แต่น่าเสียดายสิ่งที่ศัตรูไม่รู้ก็คือพี่ชายของนางมีความคิดพิเศษสื่อสารผ่านทางสายตา
นี่คือทักษะพิเศษที่ใครๆก็ทำได้โดยฝึกผสานความเข้าใจกันและกันในระดับที่สูงได้ นี่คือทักษะเฉพาะที่พี่ชายนางสร้างขึ้น
ไม่มีใครทำได้หรือแอบดักฟัง
เมื่อเห็นสีหน้าขำขันของเย่ว์ปิง มนุษย์กระดูกและอีกาชักจะรู้สึกกดดันมากขึ้น จากการสนองตอบของพวกสาวๆ พวกเขาสามารถบอกได้จากสายตาว่าเจ้านั่นได้ส่งข้อมูลสำคัญโดยไม่ต้องแสดงออกมา
เจ้าเด็กนี่ทำได้อย่างไร?
“มือของพวกเขาจับอยู่ด้วยกัน นั่นเป็นการปลอบโยนกันเองไม่ใช่หรือ เป็นวิธีสื่อสารด้วยพลังงานและความคิด เราสามารถบอกได้ว่าใครกำลังจะพูดจากดวงตาพวกเขาและพวกเขาไม่ได้ใช้ดวงตาสื่อสาร” สตรีล่องหนเป็นปีศาจชราที่มีชีวิตมาเป็นหมื่นปี ดังนั้นนางจึงจับเค้าได้เล็กน้อย อย่างไรก็ตามเป็นแต่เพียงว่าพวกเขาเข้าใจหลักการสื่อสาร แต่พวกเขาไม่สามารถจับข้อมูลอะไรได้
“หรือว่านี่คือทักษะแฝงเร้นของเขา?” ร่างกระดูกสันนิษฐาน
“ก็เป็นไปได้” อีกาพยักหน้าเห็นด้วย
เย่ว์หวี่ เย่ว์ปิงอี้หนาน มารเคราะห์ฟ้าและไห่อิงอู่ไม่ได้ร่วมพูดคุยด้วย ประการแรกความเข้าใจของพวกนางยังไม่ดีเท่าเสวี่ยอู๋เสียและมารเคราะห์ฟ้าไม่เคยฝึกเคล็ดเรื่องนี้มาก่อน ประการที่สองพวกนางไม่ถนัดเรื่องวางแผนสู้รบ บรรดาสตรีสองสามคนเสวี่ยอู๋เสียและนางเซียนหงส์ฟ้าเชี่ยวชาญกลยุทธสำคัญที่สุด ขณะที่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเจ้าเมืองโล่วฮัวมักจะมีความคิดสร้างสรรค์ที่ยอดเยี่ยม มีทั้งสี่นางอยู่แล้ว เย่ว์หวี่และสาวๆที่เหลือไม่ต้องกังวลใจ
จากการสื่อสารทางสายตาของทั้งห้าคนใครๆ ก็สามารถบอกได้ว่าเย่ว์หยางเป็นคนพูดหลัก
อีกสี่นางกำลังฟัง
บางครั้งเสวี่ยอู๋เสียตั้งข้อสงสัย
บางครั้งก็เป็นเจ้าเมืองโล่วฮัวและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนพูด ขณะที่นางเซียนหงส์ฟ้าส่ายศีรษะปฏิเสธในช่วงเวลาสั้นๆ นี่คือการอภิปรายที่ร้อนแรงแต่เงียบ
หรือว่าทั้งห้าจะมีความคิดดีๆขึ้นมาจริงๆ?
เย่ว์ปิงและเย่หวี่ไม่ได้มีส่วนร่วมสนทนา
แต่พวกนางเชื่อมั่น
เขาทำได้!
เขาคือคุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์ผู้เป็นผู้เยาว์ที่ทรงพลังที่สุดและไม่เคยพ่ายแพ้มาก่อน
การพูดคุยได้บทสรุปโดยเร็ว และสตรีทั้งสี่พยักหน้าให้กัน และจากนั้นเย่ว์หยางเริ่มลงมือ
เสี่ยวเหวินหลีที่ได้รับแบ่งปันความคิดขณะที่เย่ว์หยางยืนขึ้นแล้ว
เธอเรียกคัมภีร์เพชรออกมาและมนุษย์กระดูกและอีกาเมื่อเห็นเช่นนั้นถึงกับอ้าปากค้าง พวกเขาไม่อยากเชื่อเลยว่าอสูรเทพจะมีคัมภีร์เพชร เจ้าเด็กนี่มีอสูรพิทักษ์อย่างนี้ได้ยังไง? ในความรู้สึกของพวกเขา ปีศาจอสรพิษน้อยนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่อสูรเทพธรรมดาแต่ที่ยิ่งกว่านั้นก็คือเสี่ยวเหวินหลีเรียกเมดูซาศิลา นางเงือกวายุนาคาสายฟ้าและปีศาจอสรพิษน้ำแข็ง มนุษย์โครงกระดูกและอีกาแทบกระอักเลือด พวกเขาพูดไม่ออกอย่างสิ้นเชิง เจ้าเด็กนี่นับเป็นตัวประหลาดจริงๆ ไม่เพียงแต่เขามีอสูรพิทักษ์มากมายเท่านั้นแต่ปีศาจอสรพิษน้อยก็ยังมีอสูรพิทักษ์ถึงสี่ตน
“มาสู้กัน!”เย่ว์หยางเรียกอสูรทองน้อยและโยนมันให้เสี่ยวเหวินหลีในพื้นที่นี้ภายใต้กฎสวรรค์ห้ามใช้วิทยายุทธและห้ามสู้รบ เสี่ยวเหวินหลีไม่สามารถใช้ดาบคู่ของเธอได้ อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางเตรียมการให้เธอแล้ว
“อสูรศักดิ์สิทธิ์ทงเทียนในสภาพตัวอ่อนมังกร?” มนุษย์กระดูกอ้าปากค้างอีกครั้ง
“เจ้ามีอสูรอยู่กี่ตัวกันแน่เด็กน้อย?” อีกาแทบเป็นลม ทุกคนพูดว่าตนเองมีอสูรมากมายที่สุดพวกเขาจะรู้ได้ยังไงว่ามีคนที่มีมากกว่า!
“ไม่มี ไม่มีอีกแล้ว” เย่ว์หยางตีสีหน้าเหมือนกับว่า “ข้าไม่มีอสูรรบอื่นอีกแล้วแต่ข้าจะไม่บอกเจ้าเรื่องนั้น” เมื่อเห็นเช่นนี้อีกาอยากจะเอาหัวโขกกับกำแพงนัก เจ้าเด็กพวกนี้เป็นใครกันแน่ อายุยังน้อย แต่ก็ทรงพลังนัก? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเจ้าเด็กนี่เติบโตก้าวหน้าขึ้น บางทีแม้แต่แดนสวรรค์ก็คงไม่สามารถหยุดเขาได้
เสี่ยวเหวินหลีรับดาบอสูรทงเทียนร่างแปลงของอสูรทองน้อยไว้และชูดาบขึ้นท้องฟ้า
นางเงือกวายุถอยหลังราวกับว่านางเตรียมจะออกจากสมรภูมิ
เมื่อนางถอยออกไปสิบกิโลเมตรนางเรียกสังข์วายุออกมา การเรียกพายุตามกฎต้องห้ามที่นี่ จะห้ามอาวุธที่รุกรานทั้งหมด อย่างไรก็ตามสมบัติบางอย่างที่ดูเหมือนไม่ใช่อาวุธรุกรานจะมีโอกาสอยู่บ้าง ตัวอย่างเช่นแก้วผลึกที่เสี่ยวเหวินหลีใช้ผนึกก่อนหน้านั้นก็มีประโยชน์ ดังนั้นนางเงือกวายุจึงใช้สังข์วายุได้
นางไม่ได้ใช้พายุที่สังข์วายุเรียกสำหรับโจมตีศัตรู แต่เหมือนกับเรียกพายุฝนตามปกติ
ฝนปริมาณมากตกลงราดรดทะเลพุ่มเพลิงข้างล่างเกิดเสียงซี่ๆ.. พร้อมทั้งไอน้ำระเหย
นัยน์ตาของอีกาเปลี่ยน
แม้ว่าพายุจะไม่ได้มีเป้าหมายกับใครแต่น้ำฝนปริมาณมากก็เพียงพอทำให้พุ่มเพลิงใช้งานไม่ได้ พุ่มเพลิงไม่ได้กลัวไฟ ไม่กลัวพลังงานระเบิดไม่กลัวถูกมีดตัด แต่มันกลัวน้ำ
นางเงือกวายุเป็นเหมือนพิษสำหรับพุ่มเพลิง ฝนตกหนักขึ้นๆลงมาที่พื้นอย่างรวดเร็วและพื้นที่ราบกว้างใหญ่ไม่สามารถรวมกระแสน้ำได้ น้ำหลากกระจายไปทุกทิศทาง แต่ด้วยความช่วยเหลือของเมดูซาศิลานาคาสายฟ้าและอสรพิษน้ำแข็งฝนรวมตัวกันเป็นพื้นทะเลสาบขนาดใหญ่และถูกกวาดไปทางพุ่มเพลิง
อีกฟากหนึ่งของทะเลสาบเกิดมีกำแพงน้ำแข็งขนาดใหญ่
ปีศาจอสรพิษน้ำแข็งชี้ขึ้นไปบนฟ้าและอุณหภูมิลดลงอย่างกะทันหัน จ้าวปลาดุกที่อ้าปากเตรียมกลืนทะเลสาบลงท้องของมันปากของมันเต็มไปด้วยน้ำแข็ง จากนั้นมันจึงหุบปากลง
และจากนั้นเมื่อมันอ้าปากมันต้องการจะกลืนน้ำ
นางเงือกวายุที่สามารถควบคุมน้ำทำให้น้ำมากขึ้นเพื่อที่ว่าจ้าวปลาดุกจะไม่สามารถกลืนได้ง่าย นางแค่ทำให้แน่ใจว่าฝนตกจนน้ำมากเกินกว่าจ้าวปลาดุกจะกลืนได้หมดจ้าวปลาดุกซึมเซา หลังจากฝนตกหนัก มันต้องการจะกลืนน้ำ แต่ล้มเหลว แม้ว่ามันจะกลืนน้ำได้ทั้งหมดแต่ฝนยังคงตกอยู่ตลอดเวลา
ไม่สำคัญว่าท้องของมันจะใหญ่เพียงไหน แต่มันจะกินน้ำขณะที่สังข์วายุยังเป่าอยู่ตลอดเวลาได้ยังไง?
สถานการณ์ในตอนนี้ไกลเกินกว่ามนุษย์กระดูกและสตรีล่องหนจะคาดคิดได้ เป็นไปได้ยังไงที่เด็กไม่กี่คนที่ยังไม่ถึงระดับนักสู้ปราณฟ้าถึงสู้ได้ขนาดนี้? ถ้าอสูรของฝ่ายตรงข้ามอยู่ในแดนสวรรค์พวกเขาคงชนะไปแล้ว พุ่มเพลิงและอสูรรบอื่นไม่สนับสนุนกันเองถ้าไม่มีพลังระดับสูงที่แข็งแกร่ง
“ข้าควรจะสู้ต่อไหม?” อีกาถามสหายของเขา มันยังมีอสูรพิทักษ์ที่ทรงพลังมาก เมื่อเรียกออกมา มันอาจพลิกสถานการณ์ได้ แต่ปัญหาก็คือมันไม่ได้สร้างเกียรติให้กับผู้ชนะเลย มันฝึกฝนมาเป็นหมื่นปีและถ้ามันรังแกเด็กสองสามคน ก็รู้สึกเป็นเรื่องที่เกินเลยไปหน่อย
“หยุดเลย” สตรีล่องหนรู้สึกว่าอีกาไม่สู้จะดีกว่าเพราะชนะไปก็ไร้ความหมาย
“อืม..ก็ดีเหมือนกัน” มนุษย์กระดูกเอากระดูกนิ้วเกาหัวกะโหลกและพยักหน้าหลังจากคิดแล้ว
“แล้วจะสู้ต่อดีหรือไม่?” อีกาสับสนจริงๆ ทำไมพวกเขามีคำตอบตรงกันข้ามสองคำตอบ? คนหนึ่งบอกว่าไม่ คนหนึ่งบอกว่าได้ แล้วเขาจะทำตามใคร? เขาต้องการสู้ แต่ใครจะฟังกันเล่า? เขามองดูปีศาจอสรพิษน้อยกับดาบอสูรทงเทียนในมือเธอ และรู้สึกกระตือรือร้นอยากจะสู้ขึ้นมาบ้าง มันไม่ได้สู้กับฝ่ายตรงข้ามมาเป็นหมื่นปีแล้ววันนี้มีโอกาส ถ้ามันไม่ลงมือเคลื่อนไหว มันคงต้องเสียใจกับกระดูกผุกร่อนของมัน
ในที่สุดมันก็ตัดสินใจ
สู้โว้ย!
ไม่สำคัญว่าเขาจะเป็นลูกหลานใครไม่สำคัญว่าเขาจะนำความยุ่งยากใดมาให้ ขอให้สนุกกับการต่อสู้ก่อน
มันกางปีกและเรียกคัมภีร์แพลตตินัมออกมา
ทุกคนรวมทั้งเย่ว์หยางรู้สึกแรงกดดันเพิ่มขึ้นในท้องฟ้อง มันสว่างแพรวพราวมากกว่าดวงอาทิตย์และแรงกล้ากว่าดวงอาทิตย์ แสงเหมือนกับธนูและรุนแรงมากจนพวกเขายากจะลืมตาได้
มีแต่เพียงแสงกดลงมาระหว่างสวรรค์และโลก
ในท่ามกลางแสง มีเพียงเย่ว์หยางผู้ครอบครองตาทิพย์สามารถเห็นว่ามีสิ่งหนึ่งสว่างเหมือนดวงอาทิตย์
กาทอง อสูรปราณฟ้าระดับห้า ไม่น่าจะเป็นระดับหก “กาทองสามขา?” เย่ว์หยางที่ใจเย็นยังอดร้องไม่ได้เมื่อเขาเห็นอสูรรบตัวนี้ อสูรพิทักษ์ของกานี้ แข็งแกร่งกว่าที่เขาคิดไว้