ตอนที่ 650 อัศจรรย์
กองสมบัติดวงดาวกองย่อมๆส่องประกายแวววาว ทำให้เรือรบสว่างไสว มองเห็นสีหน้าซึมเซาของทุกคนอย่างชัดเจน
ในท่ามกลางความเงียบทุกคนอ้าปากค้าง พวกเขาจ้องมองกองสมบัติที่อยู่ต่อหน้าถังเทียน พวกเขาไม่เคยเห็นสมบัติวิญญาณมากมายมาก่อน คลื่นพลังงานที่แผ่ออกมาในอากาศ ทำให้พลังงานภายในเรือรบได้รับผลกระทบจนเกิดสภาวะที่แปลกประหลาด
‘ทั้งหมดเป็นสมบัติวิญญาณ...’
‘เป็นไปได้อย่างไร...’
หลิงเซี่ยมีสีหน้าที่ทึ่งอัศจรรย์เป็นที่สุดดวงตานางแทบทะลุจากเบ้า ลมหายใจของนางชะงัก ความมั่งคั่งในชีวิตประจำวันของถังเทียนทำให้นางตกตะลึงได้ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ทุกอย่างที่นางรู้ ความรู้ที่นางรวบรวมในเรื่องสมบัติวิญญาณที่กองอยู่ข้างหน้า นางรู้สึกเหมือนตนเองจะกลายเป็นคนโง่เง่า
‘ทวีปกวงหมิงไม่มีสมบัติวิญญาณมากนัก...”
‘เขาเป็นใคร?’
แม้ว่าการแสดงออกทางสีหน้าของทุกคนจะทำให้หนุ่มน้อยถังดีใจ แต่เขารู้ว่าพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ดังนั้นเขาไม่มีเวลาดีใจ เขาใช้กำลังปรบมือปลุกเรียกความสนใจของทุกคนให้กลับมา
“จากนี้ไปพวกเจ้าทั้งห้าตระกูลจะแบ่งออกเป็นห้าแผนก ตระกูลเว่ยคือกลุ่มดาวคนธนู ตระกูลหลี่ คือกลุ่มดาวกรกฎ ตระกูลหวีคือกลุ่มดาวแกะ ตระกูลเย่คือกลุ่มดาวคันชั่ง ตระกูลจางคือกลุ่มดาวกุมภ์”
ถังเทียนลอกเลียนและสมอ้างห้าตระกูลใช้ชื่อของตำหนักระนาบสุริยุปราคาโดยไม่รู้สึกอาย ด้วยวิธีนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกให้เขามากขึ้น
ทุกคนไม่มีใครคัดค้าน แต่แทนที่จะรู้สึกว่าเป็นชื่อใหม่พวกเขารู้สึกว่าเหมาะสมดี เพียงแต่...
“เดี๋ยวๆ ไอ้กลุ่มดาวนี่มันคืออะไร?” เว่ยถิงถิงถาม
“เอ่อออออ”ถังเทียนตะลึง ดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช้ชื่อกลุ่มดาว ดังนั้นเขาไม่มีทางเลือกได้แต่กล้อมแกล้มอธิบาย “ก็คือๆ กับทวีปนั่นแหละน่า”
ทุกคนมีความรู้ชัด บางคนก็เป็นผู้ใหญ่มากขึ้นก็รู้สึกตื่นเต้น เป็นไปได้ไหมว่าปรมาจารย์หวังว่าแต่ละตระกูลจะสามารถมีทวีปได้ในอนาคต?
“เอาล่ะนะ”ถังเทียนเริ่มแบ่งแยกสมบัติดวงดาว และพึมพำกับตนเอง “กุมภ์, คนธนู,กรกฏ, แกะ, คันชั่ง โชคดีที่ข้ายังมีสมบัติมากมาย ข้ายังจำเป็นต้องได้สมบัติในอนาคตเพิ่มขึ้นอีก ใช่แล้ว ใช่แล้วข้ายังมีสมบัติสิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคาอยู่อีกหลายชิ้น แต่ข้ายังต้องหาเพิ่มอยู่ดี..”
แม้ว่าเขาจะมีสมบัติดวงดาวอยู่หลายอย่างแต่เขาเก็บทั้งหมดไว้ในคลังของกลุ่มดาวหมีใหญ่ แต่เพื่อให้เสี่ยวเอ้อได้ปรับแต่งสมบัติวิญญาณเพิ่มขึ้น เขาจึงนำติดตัวมาด้วยไม่กี่ชิ้น
“กลุ่มคนธนูและแกะทำหน้าที่รุกสู้,กลุ่มคันชั่งทำหน้าที่ควบคุม, กลุ่มกรกฎทำหน้าที่ป้องกัน แล้วกลุ่มกุมภ์ล่ะ ทำอะไรดี? เอ่..นักสู้จากกลุ่มดาวกุมภ์เขาสู้ยังไงกัน?” ถังเทียนถือสมบัติดวงดาวชิ้นหนึ่งและพึมพำกับตนเอง
เสี่ยวเอ้อลอยออกมาและกระซิบกับถังเทียนอย่างเฉยเมย “ใช้เงิน”
สีหน้าของถังเทียนชะงักค้าง เขาไม่ได้พูดอะไร คำพูดแบบนั้นไม่สามารถพูดได้ แต่ในสวรรค์วิถี เป็นความจริงที่พวกเขาได้รับการยกย่องว่าเป็นนักสู้ที่รวยที่สุด
หลังจากคัดเลือกสมบัติของห้ากลุ่มดาวเสร็จแล้ว ถังเทียนถอนหายใจโล่งอก แค่นี้พอแล้ว สมบัติดวงดาวถูกแยกเป็นหกกอง นอกจากห้าตระกูลแล้ว มีเหลืออีกหนึ่งกองเพื่อกองกำลังปีศาจทวีปโยวโจวจากนั้นถังเทียนชี้แต่ละกองและอธิบาย
“นั่นสำหรับกลุ่มกุมภ์ นั่นกลุ่มแกะ กองนั้นกลุ่มกรกฎกองนั้นกลุ่มคนธนู กองนี้กลุ่มคันชั่ง และนี่สำหรับกองกำลังปีศาจ หนึ่งคนต่อหนึ่งชิ้น”
แม้ว่าพวกเขาคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่พอเกิดขึ้นจริงๆทุกคนรู้สึกยินดีและเหลือเชื่อ
หลังจากนั้นสักครู่ทุกคนก็สงบลงได้
“พวกเจ้ายังจะหยอกล้ออะไรกันอีก? รีบๆ หน่อย!” ถังเทียนถลึงตาและพูดอย่างเหลืออด “จงใช้เวลาตอนนี้ทำความคุ้นเคยกับมัน”
พวกเขาตื่นจากฝันกลางวันและรีบเดินขึ้นมาทันที
สมบัติหนึ่งชิ้นต่อคน พลังของศิษย์ห้าตระกูลเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับพวกเขา ถ้าพวกเขาต้องการจะแสดงศักยภาพของมันออกมาได้อย่างเต็มที่แท้จริง ถังเทียนไม่ใช่มือสมัครเล่นอีกต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผ่านการฝึกฝนกับปิง อย่างน้อยเขารู้ว่าเขากำลังทำอะไร เป็นไปไม่ได้สำหรับพวกเขาที่จะประสานงานกันได้ในระยะเวลาสั้นๆ
เรือธนูดำมีปืนใหญ่ระดับเงินอยู่สามกระบอก ปืนใหญ่กระบี่รังผึ้งอีกหกกระบอก หอกถล่มดวงดาวระดับเงินสามชุด ดาบล้างสวรรค์อีกสิบสองชุด
กองกำลังปีศาจของสือเซินเหมาะกับสิบสองดาบล้างสวรรค์
สำหรับหอกถล่มดวงดาวระดับเงินจะให้ตระกูลหวีแห่งกลุ่มดาวแกะซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญวิชาหอกรับผิดชอบ
ถังเทียนปล่อยปืนใหญ่กระบี่รังผึ้งไว้สำหรับตัวเขาเอง
ปืนใหญ่เงินสามชุดไม่เหมาะสมรับมือกับเรือรบโจรสลัดที่คล่องแคล่ว ดังนั้นถังเทียนกับเสี่ยวเอ้อจึงปล่อยเอาไว้เฉยๆ
ทันใดนั้นถังเทียนและเสี่ยวเอ้อประหลาดใจกับกระแสไหลเวียนของรังสีแสง พวกเขาหยุดพูดคุยกัน และตกตะลึงกับฉากภาพข้างหน้าพวกเขา
แต่ละคนถูกแสงครอบคลุมไว้แสงเหล่านั้นมีสีสันที่แตกต่างทำให้เรือรบดูมีสีสันสดใส
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อมาทำให้หน้าของถังเทียนและเสี่ยวเอ้อเปลี่ยน
*********************
บนเรือโจรสลัด
“อีกนานเท่าใดกว่าเราจะไล่ทัน?” เหมยเฉินซิ่วถาม
รองหัวหน้าที่อยู่ด้านข้างเขาให้เวลาอย่างแม่นยำ “อีกราวสิบห้านาที โชคดีสำหรับเรา ความเร็วของเรือเราทำได้ดี และเหมิ่งหนานนั่นบรรทุกคนขึ้นเรือมากเกินไป ถ้าไม่อย่างนั้นเราคงยากจะไล่ตามเรือรบธนูดำได้ทัน”
รองหัวหน้าตื่นเต้น เหมยเฉินซิ่วไม่เปลี่ยนท่าที ลักษณะของเรือรบธนูดำคือเรือรบที่ดีที่สุดในบรรดาเรือรบขนาดเล็ก และราคาของมันสูงจนน่ากลัว ถ้าเขาเป็นผู้บัญชาการใช้อุปกรณ์เลิศหรูและจัดเตรียมกองทัพให้กวงหมิง เหมยเฉินซิ่วคงมีหลายวิธีสำหรับไล่กวด แต่ปัจจุบันนี้เขาเป็นหัวหน้าโจรสลัด ไม่เป็นที่ดึงดูดความสนใจ ไม่มีการติดต่อสื่อสารใดๆระหว่างโจรสลัดกับทวีปกวงหมิง แม้แต่การติดต่อสื่อสารระหว่างเหมยเฉินซิ่วและครอบครัวของเขาก็ยังถูกตัดขาด
“ให้ทุกคนเตรียมตัวสู้รบ ฝีมือการต่อสู้ของเหมิ่งหนานจะประมาทไม่ได้” เหมยเฉินซิ่วไม่ประมาทคู่ต่อสู้ แม้ว่าพวกเขาจะมีกองเรือก็ตาม
เหมิ่งหนานได้พิสูจน์ความแข็งแกร่งมาครั้งแล้วครั้งเล่า และสำหรับเหมยเฉินซิ่วก็พิสูจน์มาด้วยตนเอง เขาไม่มีทางดูแคลนคนอย่างนั้น
ทันใดนั้นรองหัวหน้าร้องออกมาอย่างประหลาดใจ “โอวพระเจ้า นั่นอะไร?”
เหมยเฉินซิ่วตกใจ เขาหันไปมองฝ่ายตรงข้ามเขาทันที ม่านตาของเขาหดลีบ
เรือธนูดำข้างหน้าพวกเขาเปล่งแสงรัศมีหลากหลายสีสัน แสงรัศมีกระจายออกมาจากเรือ!
‘เกิดอะไรขึ้น?’
เรือรบธนูดำไม่รู้วิธีการป้องกันมัน แต่ตัวเรือสร้างจากไม้หมอกดำ ไม้หมอกดำค่อนทึบ ดังนั้นจึงเก็บแสงไม่ให้รั่วกระจาย แต่เพราะรัศมีส่องทะลุได้ แสงนั้นจะสว่างเพียงไหน?
‘แสงเหล่านั้นคืออะไร?’
ความรู้สึกไม่สบายใจอย่างรุนแรงเกิดขึ้นในหัวใจของเหมยเฉินซิ่ว ขณะนั้นเองเขารู้สึกถึงบางอย่าง และรำพึง “ระลอกพลังงาน ระลอกพลังงานที่กล้าแข็ง...”
รองหัวหน้ามองออกไปนอกท้องฟ้า ทันใดนั้นมีกระแสพลังงานเชี่ยวกรากปรากฏในท้องฟ้า เหมือนใบพัดตัดขวางน้ำตัดผ่านน้ำด้วยความเร็วที่ไม่ธรรมดา
ซู่....!
กระแสคลื่นพลังงานกวาดผ่านเรือรบของพวกเขาไปเสียงหวีดหวิวทำให้เรือสั่นสะเทือน
“แย่แล้ว!” ม่านตาของเหมยเฉินซิ่วขยายทันที ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยอาการตกใจ “พวกเขากำลังดูดซับพลังงาน
ซี่... ซี่..... ซี่....!
กระแสเชี่ยวกรากของพลังงานทั้งหมดเป็นเหมือนธนูใสยิงข้ามท้องฟ้ามาทุกตำแหน่ง เหมือนสายฝนลงใส่เรือรบธนูดำ
เหมยเฉินซิ่วและกลุ่มของเขามองดูฉากภาพที่น่าจดจำซึ่งปรากฏอยู่ต่อหน้าพวกเขา
กระแสพลังงานนับไม่ถ้วนทะลักเข้ามาพร้อมกันเหมือนกับธนูหมื่นดอกถูกยิงเข้ามาที่เรือรบ
แสงรัศมีของเรือรบยิ่งกล้าแข็งรุนแรงมากขึ้น ขณะที่รัศมีหลากสีหนาแน่นมากขึ้น
ซี่... ซี่.... ซี่....
พลังงานแม้จากที่ไกลเริ่มถูกดึงเข้ามาภายใต้แรงดึงดูดที่รุนแรง กระแสพลังงานค่อยๆโค้งจนกระทั่งเป็นวังวนพายุที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าแต่ไกล
พายุพลังงาน!
เหมยเฉินซิ่วไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันที่เขาเห็นการก่อตัวของพายุได้อย่างสมบูรณ์กับตาตัวเอง พายุพลังงานขยายใหญ่ขึ้นทุกทีจนเกินกว่า 1.5กิโลเมตรอย่างรวดเร็ว มันมีพลังกดดันมากมายพลังงานที่บรรจุในนั้นมากพอทำให้คนหัวใจวายได้
พลังงานที่รุนแรงและบ้าคลั่งกวาดเข้าใส่เรือรบ
กับเรือรบธนูดำตกอยู่ในใจกลางพายุ แสงยังคงสว่างขึ้นเรื่อยๆพายุพลังงานที่ใสหมุนอย่างรวดเร็วเหมือนกับชั้นน้ำ แสงรัศมีของเรือรบธนูดำสว่างขึ้นจนไม่มีใครมองเห็นเรือรบธนูดำได้อีกต่อไป
“แย่แล้ว! เจ้านาย, พลังงานของเรือรบเราเริ่มตก!” รองหัวหน้าตะโกนอย่างตื่นเต้นปลุกเหมยเฉินซิ่วจากอาการตกตะลึง หน้าของเขาเปลี่ยนทันที
เรือรบทุกลำมีพลังงานมากมาย นั่นคือแหล่งที่มาของพลังงานที่ทำให้เรือรบขับเคลื่อน พลังงานทั้งหมดนี้ถูกผนึกไว้หลายชั้นและปลอดภัยอย่างมาก
นี่เป็นครั้งแรกที่เหมยเฉินซิ่วเผชิญกับอาการพลังงานของเรือรบตกลง
พลังดึงดูดที่รุนแรง
เหมยเฉินซิ่วมองดูเรือรบธนูดำอย่างตกใจ ‘เกิดอะไรขึ้นในนั้น?’
“ถอนกำลัง!’
เหมยเฉินซิ่วตะโกน ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นน่าตกใจเกินไป แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นภายในเรือรบธนูดำ
หลังจากถอยมาเกินกว่า200 ลี้แล้ว อาการพลังงานตกฮวบฮาบก็หายไป ขณะเดียวกันกลุ่มโจรสลัดที่รบเสร็จแล้วก็ตามมาสมทบ
เหมยเฉินซิ่วรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
กองเรือโจรสลัดสองกองแล่นอ้อม พวกเขาหลีกเลี่ยงพายุพลังงานที่น่ากลัวโดยการตีโค้งอ้อมไปรอบๆ และเพื่อขัดขวางทางหนีของเรือรบธนูดำ
นี่ยังคงหมายความว่าพวกเขาล้อมเรือรบธนูดำไว้แล้ว
โดยไม่นึกถึงตำแหน่งที่เรือรบธนูดำต้องการไป พวกเขาจะถูกขัดขวางไว้นี่เป็นเหตุให้ทวีปกวงหมิงมั่นใจมากขึ้น แม้ว่าฉากภาพที่อยู่ต่อหน้าพวกเขาจะเป็นเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงก็ตาม แต่พวกเขาเชื่ออย่างหนักแน่นว่าพวกเขาเป็นต่อ แม้ว่าเรือรบธนูดำจะได้เปรียบในเรื่องความเร็ว แต่ตราบใดที่พวกเขายังถูกกักเอาไว้ พวกเขาก็จะสูญเสียความได้เปรียบ และเป็นเหมือนปลาที่อยู่ในชาม รอให้คนจับเชือด
มีเรื่องเดียวที่ทำให้พวกเขาลังเล เกิดเรื่องที่เขาไม่รู้ในเรือธนูดำ
****************
ถังเทียนรู้สึกว่าสงบใจลงได้ ทันใดนั้นเขารู้สึกว่าฉากภาพข้างหน้าเขาคุ้นเคยมาก ‘เหตุนี้เคยเกิดขึ้นกับเกราะทั้งเจ็ดในป้อมไพรกระบี่มาแล้วไม่ใช่หรือ?’
แต่ขนาดของมันยังน่ากลัวกว่า
สมบัติที่ถังเทียนเอาออกมาเป็นระดับเงินเกือบทั้งหมด แต่เมื่อสมบัติระดับเงินตื่นขึ้นในมือของเหล่าศิษย์ทั้งหลาย จิตวิญญาณยุทธภายในสมบัติรู้สึกได้ถึงพลังงานหนาแน่นทันที พลังงานที่หนาแน่นเป็นประวัติการณ์
สัญชาตญาณในการดูดซับพลังงานเพิ่มขึ้นทันทีและระเบิดออกมา
เมื่อสมบัตินับร้อยชิ้นต่างดูดซับพลังงานพร้อมกันมันสร้างผลกระทบ ยิ่งใหญ่กว่าเกราะทั้งเจ็ดชุดที่ป้อมไพรกระบี่และยังน่ากลัวมากกว่า
พลังงานทั้งหมดในเกาะใต้ถูกดึงดูดและหลั่งไหลเข้ามาในสมบัติทั้งหมด
รัศมีแสงก็คือพลังงานดูดซับอย่างบ้าคลั่งของสมบัตินั่นเอง
ถังเทียนสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าสมบัติเสริมพลังความแข็งแกร่งในระดับความเร็วสูง ที่เห็นได้ชัดที่สุดคือสมบัติบรอนซ์ ทั้งหมดกลายเป็นสีเงินเพิ่มมาตรฐานกลายเป็นสมบัติระดับเงิน สำหรับสมบัติเงินก็เริ่มมีชั้นรัศมีทองจางๆบ้างแล้ว
ทันใดนั้นถังเทียนตบหน้าผากตนเองทันที
‘ข้าช่างโง่จริงๆ นี่ช่างง่ายมากทำไมข้าไม่คิดถึงเรื่องนี้?’
เหมือนกับว่าเขาเห็นถนนเต็มไปด้วยทอง