ตอนที่แล้วตอนที่ 649 ความคิดของถังเทียน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 651 กลับทวีปซางโจว

ตอนที่ 650 อัศจรรย์


กองสมบัติดวงดาวกองย่อมๆส่องประกายแวววาว ทำให้เรือรบสว่างไสว มองเห็นสีหน้าซึมเซาของทุกคนอย่างชัดเจน

ในท่ามกลางความเงียบทุกคนอ้าปากค้าง พวกเขาจ้องมองกองสมบัติที่อยู่ต่อหน้าถังเทียน  พวกเขาไม่เคยเห็นสมบัติวิญญาณมากมายมาก่อน  คลื่นพลังงานที่แผ่ออกมาในอากาศ  ทำให้พลังงานภายในเรือรบได้รับผลกระทบจนเกิดสภาวะที่แปลกประหลาด

‘ทั้งหมดเป็นสมบัติวิญญาณ...’

‘เป็นไปได้อย่างไร...’

หลิงเซี่ยมีสีหน้าที่ทึ่งอัศจรรย์เป็นที่สุดดวงตานางแทบทะลุจากเบ้า  ลมหายใจของนางชะงัก ความมั่งคั่งในชีวิตประจำวันของถังเทียนทำให้นางตกตะลึงได้ครั้งแล้วครั้งเล่า  แต่ทุกอย่างที่นางรู้  ความรู้ที่นางรวบรวมในเรื่องสมบัติวิญญาณที่กองอยู่ข้างหน้า  นางรู้สึกเหมือนตนเองจะกลายเป็นคนโง่เง่า

‘ทวีปกวงหมิงไม่มีสมบัติวิญญาณมากนัก...”

‘เขาเป็นใคร?’

แม้ว่าการแสดงออกทางสีหน้าของทุกคนจะทำให้หนุ่มน้อยถังดีใจ แต่เขารู้ว่าพวกเขายังอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน  ดังนั้นเขาไม่มีเวลาดีใจ  เขาใช้กำลังปรบมือปลุกเรียกความสนใจของทุกคนให้กลับมา

“จากนี้ไปพวกเจ้าทั้งห้าตระกูลจะแบ่งออกเป็นห้าแผนก ตระกูลเว่ยคือกลุ่มดาวคนธนู ตระกูลหลี่ คือกลุ่มดาวกรกฎ  ตระกูลหวีคือกลุ่มดาวแกะ  ตระกูลเย่คือกลุ่มดาวคันชั่ง  ตระกูลจางคือกลุ่มดาวกุมภ์”

ถังเทียนลอกเลียนและสมอ้างห้าตระกูลใช้ชื่อของตำหนักระนาบสุริยุปราคาโดยไม่รู้สึกอาย  ด้วยวิธีนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกให้เขามากขึ้น

ทุกคนไม่มีใครคัดค้าน  แต่แทนที่จะรู้สึกว่าเป็นชื่อใหม่พวกเขารู้สึกว่าเหมาะสมดี  เพียงแต่...

“เดี๋ยวๆ  ไอ้กลุ่มดาวนี่มันคืออะไร?”  เว่ยถิงถิงถาม

“เอ่อออออ”ถังเทียนตะลึง ดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช้ชื่อกลุ่มดาว  ดังนั้นเขาไม่มีทางเลือกได้แต่กล้อมแกล้มอธิบาย  “ก็คือๆ กับทวีปนั่นแหละน่า”

ทุกคนมีความรู้ชัด บางคนก็เป็นผู้ใหญ่มากขึ้นก็รู้สึกตื่นเต้น เป็นไปได้ไหมว่าปรมาจารย์หวังว่าแต่ละตระกูลจะสามารถมีทวีปได้ในอนาคต?

“เอาล่ะนะ”ถังเทียนเริ่มแบ่งแยกสมบัติดวงดาว และพึมพำกับตนเอง  “กุมภ์, คนธนู,กรกฏ, แกะ, คันชั่ง โชคดีที่ข้ายังมีสมบัติมากมาย ข้ายังจำเป็นต้องได้สมบัติในอนาคตเพิ่มขึ้นอีก  ใช่แล้ว ใช่แล้วข้ายังมีสมบัติสิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคาอยู่อีกหลายชิ้น  แต่ข้ายังต้องหาเพิ่มอยู่ดี..”

แม้ว่าเขาจะมีสมบัติดวงดาวอยู่หลายอย่างแต่เขาเก็บทั้งหมดไว้ในคลังของกลุ่มดาวหมีใหญ่ แต่เพื่อให้เสี่ยวเอ้อได้ปรับแต่งสมบัติวิญญาณเพิ่มขึ้น  เขาจึงนำติดตัวมาด้วยไม่กี่ชิ้น

“กลุ่มคนธนูและแกะทำหน้าที่รุกสู้,กลุ่มคันชั่งทำหน้าที่ควบคุม, กลุ่มกรกฎทำหน้าที่ป้องกัน  แล้วกลุ่มกุมภ์ล่ะ ทำอะไรดี? เอ่..นักสู้จากกลุ่มดาวกุมภ์เขาสู้ยังไงกัน?” ถังเทียนถือสมบัติดวงดาวชิ้นหนึ่งและพึมพำกับตนเอง

เสี่ยวเอ้อลอยออกมาและกระซิบกับถังเทียนอย่างเฉยเมย  “ใช้เงิน”

สีหน้าของถังเทียนชะงักค้าง  เขาไม่ได้พูดอะไร  คำพูดแบบนั้นไม่สามารถพูดได้  แต่ในสวรรค์วิถี  เป็นความจริงที่พวกเขาได้รับการยกย่องว่าเป็นนักสู้ที่รวยที่สุด

หลังจากคัดเลือกสมบัติของห้ากลุ่มดาวเสร็จแล้ว  ถังเทียนถอนหายใจโล่งอก  แค่นี้พอแล้ว สมบัติดวงดาวถูกแยกเป็นหกกอง  นอกจากห้าตระกูลแล้ว มีเหลืออีกหนึ่งกองเพื่อกองกำลังปีศาจทวีปโยวโจวจากนั้นถังเทียนชี้แต่ละกองและอธิบาย

“นั่นสำหรับกลุ่มกุมภ์  นั่นกลุ่มแกะ กองนั้นกลุ่มกรกฎกองนั้นกลุ่มคนธนู กองนี้กลุ่มคันชั่ง และนี่สำหรับกองกำลังปีศาจ หนึ่งคนต่อหนึ่งชิ้น”

แม้ว่าพวกเขาคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น  แต่พอเกิดขึ้นจริงๆทุกคนรู้สึกยินดีและเหลือเชื่อ

หลังจากนั้นสักครู่ทุกคนก็สงบลงได้

“พวกเจ้ายังจะหยอกล้ออะไรกันอีก?  รีบๆ หน่อย!”  ถังเทียนถลึงตาและพูดอย่างเหลืออด  “จงใช้เวลาตอนนี้ทำความคุ้นเคยกับมัน”

พวกเขาตื่นจากฝันกลางวันและรีบเดินขึ้นมาทันที

สมบัติหนึ่งชิ้นต่อคน พลังของศิษย์ห้าตระกูลเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย  แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับพวกเขา ถ้าพวกเขาต้องการจะแสดงศักยภาพของมันออกมาได้อย่างเต็มที่แท้จริง  ถังเทียนไม่ใช่มือสมัครเล่นอีกต่อไป  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผ่านการฝึกฝนกับปิง  อย่างน้อยเขารู้ว่าเขากำลังทำอะไร เป็นไปไม่ได้สำหรับพวกเขาที่จะประสานงานกันได้ในระยะเวลาสั้นๆ

เรือธนูดำมีปืนใหญ่ระดับเงินอยู่สามกระบอก  ปืนใหญ่กระบี่รังผึ้งอีกหกกระบอก  หอกถล่มดวงดาวระดับเงินสามชุด  ดาบล้างสวรรค์อีกสิบสองชุด

กองกำลังปีศาจของสือเซินเหมาะกับสิบสองดาบล้างสวรรค์

สำหรับหอกถล่มดวงดาวระดับเงินจะให้ตระกูลหวีแห่งกลุ่มดาวแกะซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญวิชาหอกรับผิดชอบ

ถังเทียนปล่อยปืนใหญ่กระบี่รังผึ้งไว้สำหรับตัวเขาเอง

ปืนใหญ่เงินสามชุดไม่เหมาะสมรับมือกับเรือรบโจรสลัดที่คล่องแคล่ว ดังนั้นถังเทียนกับเสี่ยวเอ้อจึงปล่อยเอาไว้เฉยๆ

ทันใดนั้นถังเทียนและเสี่ยวเอ้อประหลาดใจกับกระแสไหลเวียนของรังสีแสง  พวกเขาหยุดพูดคุยกัน  และตกตะลึงกับฉากภาพข้างหน้าพวกเขา

แต่ละคนถูกแสงครอบคลุมไว้แสงเหล่านั้นมีสีสันที่แตกต่างทำให้เรือรบดูมีสีสันสดใส

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อมาทำให้หน้าของถังเทียนและเสี่ยวเอ้อเปลี่ยน

*********************

บนเรือโจรสลัด

“อีกนานเท่าใดกว่าเราจะไล่ทัน?”  เหมยเฉินซิ่วถาม

รองหัวหน้าที่อยู่ด้านข้างเขาให้เวลาอย่างแม่นยำ  “อีกราวสิบห้านาที  โชคดีสำหรับเรา  ความเร็วของเรือเราทำได้ดี  และเหมิ่งหนานนั่นบรรทุกคนขึ้นเรือมากเกินไป  ถ้าไม่อย่างนั้นเราคงยากจะไล่ตามเรือรบธนูดำได้ทัน”

รองหัวหน้าตื่นเต้น  เหมยเฉินซิ่วไม่เปลี่ยนท่าที  ลักษณะของเรือรบธนูดำคือเรือรบที่ดีที่สุดในบรรดาเรือรบขนาดเล็ก  และราคาของมันสูงจนน่ากลัว  ถ้าเขาเป็นผู้บัญชาการใช้อุปกรณ์เลิศหรูและจัดเตรียมกองทัพให้กวงหมิง  เหมยเฉินซิ่วคงมีหลายวิธีสำหรับไล่กวด  แต่ปัจจุบันนี้เขาเป็นหัวหน้าโจรสลัด  ไม่เป็นที่ดึงดูดความสนใจ  ไม่มีการติดต่อสื่อสารใดๆระหว่างโจรสลัดกับทวีปกวงหมิง แม้แต่การติดต่อสื่อสารระหว่างเหมยเฉินซิ่วและครอบครัวของเขาก็ยังถูกตัดขาด

“ให้ทุกคนเตรียมตัวสู้รบ  ฝีมือการต่อสู้ของเหมิ่งหนานจะประมาทไม่ได้”  เหมยเฉินซิ่วไม่ประมาทคู่ต่อสู้  แม้ว่าพวกเขาจะมีกองเรือก็ตาม

เหมิ่งหนานได้พิสูจน์ความแข็งแกร่งมาครั้งแล้วครั้งเล่า และสำหรับเหมยเฉินซิ่วก็พิสูจน์มาด้วยตนเอง  เขาไม่มีทางดูแคลนคนอย่างนั้น

ทันใดนั้นรองหัวหน้าร้องออกมาอย่างประหลาดใจ “โอวพระเจ้า  นั่นอะไร?”

เหมยเฉินซิ่วตกใจ  เขาหันไปมองฝ่ายตรงข้ามเขาทันที  ม่านตาของเขาหดลีบ

เรือธนูดำข้างหน้าพวกเขาเปล่งแสงรัศมีหลากหลายสีสัน  แสงรัศมีกระจายออกมาจากเรือ!

‘เกิดอะไรขึ้น?’

เรือรบธนูดำไม่รู้วิธีการป้องกันมัน  แต่ตัวเรือสร้างจากไม้หมอกดำ  ไม้หมอกดำค่อนทึบ  ดังนั้นจึงเก็บแสงไม่ให้รั่วกระจาย  แต่เพราะรัศมีส่องทะลุได้  แสงนั้นจะสว่างเพียงไหน?

‘แสงเหล่านั้นคืออะไร?’

ความรู้สึกไม่สบายใจอย่างรุนแรงเกิดขึ้นในหัวใจของเหมยเฉินซิ่ว  ขณะนั้นเองเขารู้สึกถึงบางอย่าง และรำพึง  “ระลอกพลังงาน ระลอกพลังงานที่กล้าแข็ง...”

รองหัวหน้ามองออกไปนอกท้องฟ้า  ทันใดนั้นมีกระแสพลังงานเชี่ยวกรากปรากฏในท้องฟ้า เหมือนใบพัดตัดขวางน้ำตัดผ่านน้ำด้วยความเร็วที่ไม่ธรรมดา

ซู่....!

กระแสคลื่นพลังงานกวาดผ่านเรือรบของพวกเขาไปเสียงหวีดหวิวทำให้เรือสั่นสะเทือน

“แย่แล้ว!” ม่านตาของเหมยเฉินซิ่วขยายทันที ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยอาการตกใจ “พวกเขากำลังดูดซับพลังงาน

ซี่...  ซี่..... ซี่....!

กระแสเชี่ยวกรากของพลังงานทั้งหมดเป็นเหมือนธนูใสยิงข้ามท้องฟ้ามาทุกตำแหน่ง เหมือนสายฝนลงใส่เรือรบธนูดำ

เหมยเฉินซิ่วและกลุ่มของเขามองดูฉากภาพที่น่าจดจำซึ่งปรากฏอยู่ต่อหน้าพวกเขา

กระแสพลังงานนับไม่ถ้วนทะลักเข้ามาพร้อมกันเหมือนกับธนูหมื่นดอกถูกยิงเข้ามาที่เรือรบ

แสงรัศมีของเรือรบยิ่งกล้าแข็งรุนแรงมากขึ้น ขณะที่รัศมีหลากสีหนาแน่นมากขึ้น

ซี่... ซี่.... ซี่....

พลังงานแม้จากที่ไกลเริ่มถูกดึงเข้ามาภายใต้แรงดึงดูดที่รุนแรง กระแสพลังงานค่อยๆโค้งจนกระทั่งเป็นวังวนพายุที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าแต่ไกล

พายุพลังงาน!

เหมยเฉินซิ่วไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันที่เขาเห็นการก่อตัวของพายุได้อย่างสมบูรณ์กับตาตัวเอง  พายุพลังงานขยายใหญ่ขึ้นทุกทีจนเกินกว่า 1.5กิโลเมตรอย่างรวดเร็ว มันมีพลังกดดันมากมายพลังงานที่บรรจุในนั้นมากพอทำให้คนหัวใจวายได้

พลังงานที่รุนแรงและบ้าคลั่งกวาดเข้าใส่เรือรบ

กับเรือรบธนูดำตกอยู่ในใจกลางพายุ  แสงยังคงสว่างขึ้นเรื่อยๆพายุพลังงานที่ใสหมุนอย่างรวดเร็วเหมือนกับชั้นน้ำ แสงรัศมีของเรือรบธนูดำสว่างขึ้นจนไม่มีใครมองเห็นเรือรบธนูดำได้อีกต่อไป

“แย่แล้ว! เจ้านาย, พลังงานของเรือรบเราเริ่มตก!” รองหัวหน้าตะโกนอย่างตื่นเต้นปลุกเหมยเฉินซิ่วจากอาการตกตะลึง  หน้าของเขาเปลี่ยนทันที

เรือรบทุกลำมีพลังงานมากมาย  นั่นคือแหล่งที่มาของพลังงานที่ทำให้เรือรบขับเคลื่อน  พลังงานทั้งหมดนี้ถูกผนึกไว้หลายชั้นและปลอดภัยอย่างมาก

นี่เป็นครั้งแรกที่เหมยเฉินซิ่วเผชิญกับอาการพลังงานของเรือรบตกลง

พลังดึงดูดที่รุนแรง

เหมยเฉินซิ่วมองดูเรือรบธนูดำอย่างตกใจ  ‘เกิดอะไรขึ้นในนั้น?’

“ถอนกำลัง!’

เหมยเฉินซิ่วตะโกน  ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นน่าตกใจเกินไป แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นภายในเรือรบธนูดำ

หลังจากถอยมาเกินกว่า200 ลี้แล้ว อาการพลังงานตกฮวบฮาบก็หายไป ขณะเดียวกันกลุ่มโจรสลัดที่รบเสร็จแล้วก็ตามมาสมทบ

เหมยเฉินซิ่วรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น

กองเรือโจรสลัดสองกองแล่นอ้อม พวกเขาหลีกเลี่ยงพายุพลังงานที่น่ากลัวโดยการตีโค้งอ้อมไปรอบๆ  และเพื่อขัดขวางทางหนีของเรือรบธนูดำ

นี่ยังคงหมายความว่าพวกเขาล้อมเรือรบธนูดำไว้แล้ว

โดยไม่นึกถึงตำแหน่งที่เรือรบธนูดำต้องการไป  พวกเขาจะถูกขัดขวางไว้นี่เป็นเหตุให้ทวีปกวงหมิงมั่นใจมากขึ้น แม้ว่าฉากภาพที่อยู่ต่อหน้าพวกเขาจะเป็นเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงก็ตาม  แต่พวกเขาเชื่ออย่างหนักแน่นว่าพวกเขาเป็นต่อ แม้ว่าเรือรบธนูดำจะได้เปรียบในเรื่องความเร็ว  แต่ตราบใดที่พวกเขายังถูกกักเอาไว้  พวกเขาก็จะสูญเสียความได้เปรียบ  และเป็นเหมือนปลาที่อยู่ในชาม รอให้คนจับเชือด

มีเรื่องเดียวที่ทำให้พวกเขาลังเล  เกิดเรื่องที่เขาไม่รู้ในเรือธนูดำ

****************

ถังเทียนรู้สึกว่าสงบใจลงได้ ทันใดนั้นเขารู้สึกว่าฉากภาพข้างหน้าเขาคุ้นเคยมาก  ‘เหตุนี้เคยเกิดขึ้นกับเกราะทั้งเจ็ดในป้อมไพรกระบี่มาแล้วไม่ใช่หรือ?’

แต่ขนาดของมันยังน่ากลัวกว่า

สมบัติที่ถังเทียนเอาออกมาเป็นระดับเงินเกือบทั้งหมด แต่เมื่อสมบัติระดับเงินตื่นขึ้นในมือของเหล่าศิษย์ทั้งหลาย จิตวิญญาณยุทธภายในสมบัติรู้สึกได้ถึงพลังงานหนาแน่นทันที  พลังงานที่หนาแน่นเป็นประวัติการณ์

สัญชาตญาณในการดูดซับพลังงานเพิ่มขึ้นทันทีและระเบิดออกมา

เมื่อสมบัตินับร้อยชิ้นต่างดูดซับพลังงานพร้อมกันมันสร้างผลกระทบ ยิ่งใหญ่กว่าเกราะทั้งเจ็ดชุดที่ป้อมไพรกระบี่และยังน่ากลัวมากกว่า

พลังงานทั้งหมดในเกาะใต้ถูกดึงดูดและหลั่งไหลเข้ามาในสมบัติทั้งหมด

รัศมีแสงก็คือพลังงานดูดซับอย่างบ้าคลั่งของสมบัตินั่นเอง

ถังเทียนสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าสมบัติเสริมพลังความแข็งแกร่งในระดับความเร็วสูง   ที่เห็นได้ชัดที่สุดคือสมบัติบรอนซ์  ทั้งหมดกลายเป็นสีเงินเพิ่มมาตรฐานกลายเป็นสมบัติระดับเงิน  สำหรับสมบัติเงินก็เริ่มมีชั้นรัศมีทองจางๆบ้างแล้ว

ทันใดนั้นถังเทียนตบหน้าผากตนเองทันที

‘ข้าช่างโง่จริงๆ  นี่ช่างง่ายมากทำไมข้าไม่คิดถึงเรื่องนี้?’

เหมือนกับว่าเขาเห็นถนนเต็มไปด้วยทอง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด