ตอนที่ 650 อสูรที่ทรงพลัง
หลังจากผ่านไปนานสตรีที่ล่องหนนั้นเอ่ยปากทันทีและเริ่มเยาะหยันเขา “เจ้าเด็กนี่เจ้าเล่ห์ การทดสอบนี้เป็นเรื่องเท็จ เขาแค่ต้องการทดสอบพลังของเรา”
นางเยาะเย้ยเขา
แต่เพราะเสียงของนางเพราะและน่ารักจึงเหมือนกับเป็นการหยอกล้อ
เย่ว์หยางผู้สง่างามยังคงสงบและรักษาท่าที เหมือนกับว่าคำพูดของสตรีเป็นแค่หยอกทดลองความซื่อสัตย์ของเขา มนุษย์กระดูกประเมินเย่ว์หยางด้วยสายตาหลังจากผ่านไปนานเขาจึงถามขึ้น “ข้าอยากรู้ อะไรทำให้เจ้าคิดว่าเจ้าอาจเอาชนะเราได้? ไม่ว่าเจ้าจะพูดยังไงเราก็มีชีวิตมาหลายหมื่นปีแล้ว!”
“ข้าไม่คิดว่าข้าสามารถเอาชนะได้ ข้าแค่ต้องการให้พวกท่านเหล่าผู้อาวุโสให้คำแนะนำข้าสักสองสามอย่าง” เย่ว์หยางจงใจถ่อมตัว แต่ยังมีความหยิ่งภูมิใจแฝงอยู่ในความอ่อนน้อมของเขา
อย่างไรก็ตาม มีแต่เสวี่ยอู๋เสียที่รู้จักเขา
เย่ว์หยางไม่ใช่ง่ายๆ อย่างที่เห็น
ยิ่งเขานอบน้อมถ่อมตนก็ยิ่งแสดงว่าเขาโกหก นอกจากนี้ก่อนที่เย่ว์หยางจะพูดเช่นนี้เสวี่ยอู๋เสียได้แสดงความนอบน้อมตามมารยาทของผู้เยาว์แล้วนางเข้าใจความเฉลียวฉลาดของเย่ว์หยาง
ความจริงเสวี่ยอู๋เสียและเย่ว์หยางมีหัวใจที่เชื่อมโยงกันและกันถึงไม่ต้องพูดคุยกันเพราะพวกเขาไม่สามารถแน่ใจว่าอีกฝ่ายจะมีความสามารถหรือขัดขวางการสื่อสารทางใจหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นเสวี่ยอู๋เสียไม่ว่าจะเป็นเย่ว์หยางจะไม่ยอมเปิดเผยความสามารถพิเศษของพวกเขา เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อาวุโสทั้งสามนี้ ผู้มีพลังน้อยกว่าพวกเขาจะปลอดภัยมากขึ้น ยิ่งพวกเขาปกปิดมากก็ยิ่งดี ผู้อาวุโสทั้งสามยังไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งที่สุด และจักรพรรดิจิ๋วซื่อเป็นปีศาจจากแดนนรก เขานับเป็นคนอันตราย
ไม่มีใครรู้ว่าจักรพรรดิจิ๋วซื่อกำลังสอดแนมจากเงามืด
จักษุญาณทิพย์ของเย่ว์หยางก็ค้นหาจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อไม่เจอ
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่อยู่ที่นี่
“เจ้าต้องการสู้จริงๆหรือ?” มนุษย์กระดูกไม่แน่ใจทัศนคติของเย่ว์หยางและมองดูเขาอีกครั้ง ดูเหมือนเขาสงสัยเย่ว์หยางมากและเขาไม่ค่อยเข้าใจ
“ขอสามรอบ” เย่ว์หยางยิ้มและชูสามนิ้ว
เมื่อเย่ว์หยางพูดอย่างนี้อีกฝ่ายหนึ่งได้แต่เงียบ
หลังจากผ่านไปนานอีกาก็ระบายลมหายใจและกล่าว “ข้าต้องบอกว่า เจ้าเป็นเด็กที่กล้าที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นมาในรอบสองสามพันปี อย่างไรก็ตาม เจ้าจะไม่มีทางชนะเรา เจ้าไม่ได้เป็นสุดยอดปราณก่อกำเนิดและไม่สำคัญว่าเจ้าจะมีอสูรพิทักษ์อยู่กี่ตัวก็ตาม พวกมันไม่มีประโยชน์ เด็กน้อย เจ้าเป็นเด็กดีจริงๆ ดีกว่าคนอื่นๆ แต่เจ้ายังเด็กเกินไป ถ้าเจ้าฝึกมาอีกสักร้อยปี เราคงปวดหัวเป็นแน่ ข้าให้เวลาเจ้าสิบปี เจ้ากลับไปฝึกมาก่อน เมื่อเจ้าเชี่ยวชาญอย่างนั้นเจ้าค่อยมาสู้กับเรา เจ้าคิดว่ายังไง?”
เจ้าเมืองโล่วฮัวรู้สึกประหลาดใจที่ผู้อาวุโสทั้งสามยินดีจะปล่อยพวกเขาไปจริงหรือ?
จะมีการกลับคำหรือไม่?
เย่ว์หยางและสามสาวมองหน้ากันเองและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนพยักหน้าเล็กน้อยแสดงให้เห็นว่าพวกเขาควรจะอยู่ที่นี่และต่อสู้กับพวกเขาเพื่อเป้าหมายค้นหาข้อมูลศัตรู แต่เจ้าเมืองโล่วฮัวนั้นมีความคิดแตกต่าง นางคิดว่าพวกเขาควรจะจากไปโดยไม่มีการเสี่ยงชีวิต เพราะอาจเป็นอันตรายได้ถ้าพวกเขาทำให้ศัตรูโกรธ
เสวี่ยอู๋เสียคิดว่าความคิดขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเป็นบวกมาก
ถ้าพวกเขาไม่ได้สู้กัน อย่างนั้นข้อมูลที่พวกเขาได้รับจะน้อยเกินไปจนพวกเขาไม่สามารถจัดการกับจักรพรรดิจิ๋วซื่อได้ แม้ว่าพวกเขาจะมีเวลาสิบปีจักรพรรดิจิ๋วซื่อมีแนวโน้มว่าอาจะตื่นขึ้นภายในสิบปีด้วยความช่วยเหลือของจ้าวปีศาจโบราณ ช่วงเวลาสิบปีนี้อาจเป็นอุบายถ่วงเวลาก็ได้ ถ้าพวกเขาจากไปตอนนี้ พวกเขาจะหลงกล
ไม่มีเหตุผลที่เจ้าเมืองโล่วฮัวจะต้องกังวลเรื่องนี้
เย่ว์หยางยังอยู่ในช่วงการเติบโตก้าวหน้าและความลับของเขาไม่ควรถูกเปิดเผย
ถ้าตัวประหลาดเฒ่าทั้งสาม มนุษย์กระดูกอีกาและสตรีล่องหนพบความลับในการต่อสู้ของเย่ว์หยางอาจเป็นไปได้ว่าจะทำให้เจตนาฆ่าของพวกเขาเพิ่มขึ้นมากก็ได้ แม้ว่าจะไม่เป็นอย่างนั้นแต่ผู้เฒ่าเหล่านี้ถูกผนึกมาหลายหมื่นปีสามารถใช้ความลับของเขาเพื่อแลกเปลี่ยนกับจ้าวปีศาจโบราณก็ได้
จ้าวปีศาจโบราณจะต้องพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อให้ทราบความลับของเย่ว์หยาง
การปล่อยให้ความลับพวกเขารั่วไหลออกไปไม่ใช่เรื่องดีสำหรับพวกเขา
ดังนั้นจะทำยังไงดี?
เสวี่ยอู๋เสียเงยหน้ามองเย่ว์หยาง นางพยักหน้าให้เขาเป็นการแสดงว่านางยอมยกเลิกและให้เย่ว์หยางตัดสินใจ
ไม่ว่าถูกหรือผิด ตราบใดที่เขาตัดสินใจนางจะเชื่อฟังเขา...องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเจ้าเมืองโล่วฮัวยังคงมองดูเย่ว์หยาง ทุกนางรอการตัดสินใจของเขา
“อย่างนั้นก็ได้ ข้าจะตั้งใจ จากไปเป็นหนทางที่ดีที่สุดแต่เราจะไม่จากไปเวลานี้” เย่ว์หยางกางแขนโอบคนรักทั้งสามไว้ ด้วยการสนับสนุนของพวกนาง เย่ว์หยางไม่กลัวความยากลำบากและอันตรายในโลกนี้ทั้งหมด และเขายังไม่ลังเลใจแม้แต่จะไปแดนสวรรค์เพื่อการท้าทายตนเองเพื่อการรู้แจ้งหัวใจสุดยอดปราณก่อกำเนิดและเพื่อความก้าวหน้าได้รวดเร็ว เย่ว์หยางตัดสินใจ เขาหันไปพยักหน้าให้กับมนุษย์โครงกระดูกและอีกา “คำตอบของเราก็คือ สู้!”
“แปะๆๆๆๆๆ!” มนุษย์กระดูกปรบมือ (กระดูก) ชื่นชม
“.....”อีกายังคงคิด และยังหาความตั้งใจที่แท้จริงของเย่ว์หยางไม่พบ
“ยังต้องการจะสู้อีกหรือ? ข้าไม่ได้ลงมือมาหลายปีแล้วและสังขารข้าดูเหมือนไม่ค่อยเชื่อฟังเลยในวันนี้ เจ้าทั้งสองคนรับมือเรื่องนี้ก็แล้วกัน!” สตรีเสียงไพเราะบ่งบอกชัดว่านางขอผ่าน
“เด็กน้อย,ข้าควรจะสู้กับเจ้า แต่ฝีมือของข้าและอสูรของข้าค่อนข้างจะแปลกประหลาดทั้งหมด พลังของมันยากจะควบคุมได้ ดังนั้นจึงยากจะรอดได้เมื่อข้าโจมตี” มนุษย์โครงกระดูกจับด้านบนของหมวกเป็นการชี้ให้เห็นว่าเขาจะไม่ยอมรับการท้าทายลูกบอลนี้เขี่ยต่อให้อีกา ทำให้อีกาตาเป็นประกายขึ้นเล็กน้อย “พวกเจ้าทั้งสองแกล้งทำเป็นตายปล่อยให้ข้าขึ้นเขียง และข้าจะไม่รับลงมือในฐานะหัวหน้าองครักษ์คนหนึ่งมีงานล้นมืออยู่แล้ว เงินเดือนก็ไม่ได้ ข้าขอประท้วง ถ้าข้าต้องสู้พวกเจ้าทุกคนก็ต้องแสดงฝีมือคนละนิด”
“เจ้ากระดูกดูเหมือนจะมีอัญมณีดีๆ” สตรีล่องหนเตือนอีกา
“ข้ามีอัญมณีเพียงแปดเม็ดเอง ตอนนี้หกเม็ดไปอยู่ในกระเป๋าของเจ้าแล้ว เจ้ายังจะเอาที่เหลืออีกสองเม็ดอีกหรือ?” มนุษย์กระดูกโอดครวญ
“มันก็ยุติธรรมแล้วพวกเจ้าจะได้มีกันคนละหนึ่ง มีอัญมณีมากมายทั้งหมดอยู่ในแดนสวรรค์ เมื่อเจ้าออกไป เจ้าสามารถไปเก็บได้ตามต้องการ อย่าว่าแต่แปดเม็ดเลย แปดกระสอบก็ยังไหว” สตรีล่องหนหัวเราะ
“อา,นี่คือผลึกสวรรค์คืนชีวิตระดับแปด ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์หลัก ถ้ามีได้สักสองกระสอบในแดนสวรรค์ อย่างนั้นก็เหมือนกับขึ้นสวรรค์แล้ว” มนุษย์กระดูกใช้นิ้วเคาะกะโหลกและไตร่ตรองด้วยความหงุดหงิด “ข้าตั้งใจจะใช้ผลึกสวรรค์คืนชีวิตทั้งสองชิ้นนี้ดูซิว่าข้าจะสามารถฟื้นฟูร่างกายเก่าได้หรือไม่ ตอนนี้ร่างของข้ายังไม่อาจกลับคืนมาได้”
“ถ้าเจ้าคิดว่าผลึกสวรรค์คืนชีวิตทำให้คนตายกลายเป็นคนเป็นได้ อย่างนั้นเจ้าก็ไร้เดียงสาเกินไป” สตรีล่องหนแค่นเสียง “ผลึกสวรรค์คืนชีพเพียงแต่ใช้กับชีวิตที่เพิ่งตายและวิญญาณของเขาไม่ได้รับความเสียหายร้ายแรง ถ้าเขาตายนานกว่าหนึ่งวัน ต่อให้วิญญาณเขาไม่เป็นอะไรก็ไม่มีประโยชน์”
“เจ้าเคยลองแล้วหรือ?” มนุษย์โครงกระดูกและอีการีบถาม
“...ไม่แต่จักรพรรดิพูดไว้อย่างนั้น” สตรีล่องหนไตร่ตรองเล็กน้อยก่อนจะตอบ
เย่ว์หยางและเสวี่ยอู๋เสียสามารถบอกได้เลยว่าสตรีล่องหนต้องใช้ผลึกสวรรค์คืนชีพมาแล้วและล้มเหลว ดังนั้นนางจึงแน่ใจมาก
แน่นอนว่าเพื่อจะปกปิดความล้มเหลวของนางนางอ้างชื่อจักรพรรดิมาเป็นเครื่องพิสูจน์ นั่นเป็นการพิสูจน์ว่านางได้รับการยืนยันจากจักรพรรดิจิ๋วซื่อ และคำตอบก็คือแม้นางจะมีผลึกสวรรค์คืนชีพ นางก็ไม่สามารถฟื้นชีวิตได้ง่ายๆ
มนุษย์กระดูกถอนหายใจ “ดูเหมือนว่าข้ามีแต่ต้องได้รับโลหิตเทพเพื่อฟื้นคืนร่างกายข้า”
เย่ว์หยางและเสวี่ยอู๋เสียมองกันและกันและตื่นเต้นกับข้อมูลที่พวกเขาได้รับโดยไม่ได้ตั้งใจ
แม้ว่าผลึกสวรรค์คืนชีพจะเป็นของดี แต่ก็ยังด้อยกว่าเลือดเทพมากนัก
แดนล่มสลายแห่งทวยเทพ
ต้องมีเลือดเทพมากมายรวมอยู่ในสมบัติเหล่านั้น นี่คือสมบัติหายากที่ตัวประหลาดเฒ่าไล่ตามหาเพื่อให้ได้ร่างกายอมตะและบรรลุขึ้นในดินแดนระดับสูง ไม่ว่าจะเป็นราชาเฮยอวี้ จักรพรรดิชื่อตี้ จ้าวปีศาจโบราณหรือภูตผีทั้งสามที่อยู่ต่อหน้าเขาแม้แต่จักรพรรดิจิ๋วซื่อก็ยังกระตือรือร้นหาเลือดเทพ
ความคิดประหลาดอย่างหนึ่งผุดขึ้นในใจของเย่ว์หยาง
มารดาของสหายผู้น่าสงสารเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ที่เข้าแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ อย่างนั้นนางคงได้รับเลือดเทพมากมาย และไม่ว่านางจะยกระดับขึ้นไปถึงขั้นเทพหรือไม่เนื่องจากเป็นหนทางสู่แดนสวรรค์หรือดินแดนที่สูงกว่า
เสวี่ยอู๋เสียมีความคิดที่ฉลาดนางหันมาสบตาเขา
“ข้าไม่สามารถจากไปตอนนี้ได้และไม่ได้ลงมือมานานแล้ว ทั้งยังรู้สึกคันไม้คันมือ งั้นเรามาสู้กัน” อีกาลืมตาและตาที่เร่าร้อนแปลกประหลาดมองได้ตลอดทั้งโลกด้วยรัศมีไร้ต่อต้านที่ทำให้ทุกอย่างในโลกต้องก้มให้ เขาไม่ได้เพิ่มพลังของเขา แต่เขาสามารถดูแคลนทุกสิ่งทุกอย่างในโลก ความรู้สึกของสุดยอดปราณก่อกำเนิดที่เย่ว์หยางรู้สึกได้ทันทีมาจากคนผู้เดียว ผู้นั้นคือจื้อจุน
แม้แต่เหยียนจุนเหยียนจงหรือหัวหน้าก๊กโจรตัวตลกก็ยังไม่ทำให้เขารู้สึกเช่นนั้น
สำหรับราชาใจสิงห์เขาอาจจะทรงพลังและกำลังของเขาก็แข็งแกร่งพอด้วย
อย่างไรก็ตาม เทียบกับอีกานี้ราชาใจสิงห์ดูเหมือนจะด้อยกว่าเล็กน้อย
อย่างน้อยที่สุดเขาไม่ได้สร้างภาพลวงตาที่มิอาจเอาชนะได้เลยกับเย่ว์หยาง ระดับของมังกรปีศาจไม่มีความจำเป็นต้องสงสัยเลย แต่เขาชอบซ่อนเอาไว้มากกว่าชอบอวด ส่วนนางพญาเฟ่ยเหวินหลีนางถึงระดับที่เย่ว์หยางไม่อาจรู้สึกได้
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเจ้าเมืองโล่วฮัวและเสวี่ยอู๋เสียผงะถอยหลังไปหนึ่งก้าวทุกคน
ถ้าอีกาตัวนี้ไม่เปล่งรัศมีที่ทรงพลังขนาดนั้นพวกนางก็ยังต้องการสู้เพื่อเย่ว์หยาง แต่ตอนนี้พวกนางเข้าใจแล้วว่าด้วยพลังปัจจุบันของพวกนาง พวกนางไม่สามารถเอาชนะอีกาได้ ทั้งหมดที่พวกนางทำได้ก็คือดูการต่อสู้และค้นหาจุดอ่อนของศัตรูให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้ ไม่เพียงแต่นางเท่านั้นเย่ว์หยางเรียกนางมารกฎฟ้า, มารเคราะห์ฟ้า, เย่ว์หวี่ เย่ว์ปิงและนางฟ้าสงครามอิกกะออกมาด้วย
เขาเชื่อว่าไม่ว่าเขาจะมีโอกาสได้รับชัยชนะขนาดไหนก็จะทำให้ให้การฝึกฝนของเขามีความก้าวหน้า
คู่ต่อสู้แบบนี้หาได้ยาก ดังนั้นเย่ว์หยางจึงอยากท้าทาย
“ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมีสาวๆมากมายหลายคน และทุกคนมีความงดงามกันทั้งนั้น ต่อให้เป็นจักรพรรดิตามธรรมดาก็คงไม่โชคดีอย่างนั้นแน่” สตรีล่องหนหัวเราะ
“คารวะท่านผู้อาวุโสทั้งสาม!” สาวน้อยเย่ว์ปิงมีมารยาทมากและนางคำนับพร้อมกับเย่ว์หวี่
“ข้าแค่มาดูที่นี่อย่าเข้าใจผิด เขาเป็นพี่เขยข้า!” มารเคราะห์ฟ้าจับแขนนางเซียนหงส์ฟ้าและประกาศว่านางเป็นหนึ่งในสตรีของเย่ว์หยาง
“ปีศาจหน้าเห็ด” อีกาไม่สนใจพวกสตรีเสียงดังเหล่านี้ มันหลับตาและสะบัดปีกและเรียกเห็ดประหลาดต้นหนึ่งมีลำตัวสีขาวและหน้าสีน้ำเงินมันมีมือและขา แต่สั้นอย่างเหลือเชื่อ มันมีหน้าและปากดูเหมือนมนุษย์แต่ประหลาดมาก แน่นอนแม้ว่าปีศาจหน้าเห็ดนี้จะมีลักษณะไม่เหมือนใคร แต่พลังของมันไม่ใช่น้อย มันมีพลังนักสู้ปราณฟ้าระดับสาม
ทันทีที่ปีศาจหน้าเห็ดปรากฏออกมามันยิ้มให้นางพญากระหายเลือด
ยิ้มของมันน่าเกลียดกว่าการร้องไห้
นางพญากระหายเลือดตะลึงอยู่ไม่กี่วินาทีและจากนั้นดูเหมือนนางจะตกใจกับใบหน้าอ่อนของเด็ก หน้าของนางซีดขาว น้ำตานางไหล นางร้องไห้และร่างสั่นสะท้าน
“ไป!” อาหมันเห็นนางพญากระหายเลือดถูกโจมตี นางควงหมัดและฟันใส่ปีศาจหน้าเห็ดที่ดูเหมือนจะถูกทุบได้ง่าย
“กลัว!” ปีศาจหน้าเห็นวิ่งไปหลบซ่อนจากอีกฝ่าย
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า....” ในที่สุด อาหมันก็หยุดโจมตีด้วยความโกรธ นางหยุดและชี้ไปที่ปีศาจหน้าเห็ด นางหัวเราะลั่น และน้ำตานางไหลออก นางไม่ได้ยินเสียงตะโกนของเจ้าเมืองโล่วฮัวและคนอื่น ตอนนี้แม้แต่คนตาบอดก็สามารถบอกได้ว่าปีศาจหน้าเห็ดนี้ใช้พลังจิตโจมตีปณิธานของนางพญากระหายเลือดและอาหมันทำให้คนหนึ่งร้องไห้อีกคนหนึ่งหัวเราะ
ปณิธานของนางพญากระหายเลือดและอาหมันจะทนได้เท่าใดกัน
แต่พ่ายปีศาจหน้าเห็ดได้อย่างง่ายดายเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงจริงๆ
เย่ว์หยางโบกมือ และนางฟ้าสงครามยืนขึ้น นางไม่เหมือนอาหง ทั้งไม่เหมือนอาหมัน นางเป็นนางฟ้าสงครามและปณิธานของนางขึ้นอยู่กับเย่ว์หยาง ตราบใดที่ปณิธานของเย่ว์หยางไม่พ่ายแพ้ นางจะไม่ได้รับผลอะไร
อีกาดูเหมือนจะรู้ว่าปีศาจหน้าเห็ดไม่ส่งผลต่อนางฟ้าสงคราม และมันเรียกแมลงปอสีแดงแปลกประหลาดออกมา
แมลงปอแดงตัวยาวสิบเมตรและปีกของมันเวลากางออกจะยาวเกินสิบเมตร
เมื่อนางฟ้าสงครามบุกจู่โจมไปข้างหน้าปืนใหญ่สีดำของนางกางออก แมลงปอแดงบินมาหานางและคว้านางฟ้าสงครามไว้ก่อนที่ปืนใหญ่ของนางจะทำงาน ในวินาทีนั้นนางฟ้าสงครามหวี่ยงมือและฟันดาบนางฟ้าออกไป แมงปอแดงเหวี่ยงอิกกะไปจากตัวมันห่างไปหลายร้อยเมตร
เมื่ออิกกะลงกับพื้น
มันบินกลับมาหานางอีกครั้ง
อิกกะยกชูแขนปืนใหญ่ของนางและยิงออกไปร้อยครั้งในสามวินาที อย่างไรก็ตามแมลงปอแดงหลบได้และบินผ่านข่ายแสงที่ยิงออกมานางฟ้าสงครามอิกกะและดาบนางฟ้าของนางสะบัดควงเหมือนสายลม แต่นางไม่สามารถฟันถูกมันได้ พวกเขาต่างใช้ความเร็วสู้กันจนมองด้วยสายตาไม่ทัน
แมลงปอแดงเป็นอสูรปราณฟ้าระดับสามจับอิกกะได้เป็นครั้งคราวและเหวี่ยงออกไปไกล
แต่มันยังคงไม่เป็นอันตรายจากพลังโจมตีของอิกกะ
“....”พวกสาวๆ สูดหายใจลึก มันน่ากลัวเกินไป ด้วยความเร็วของนาง อิกกะยังไม่อาจแตะกระทั่งเส้นขนของคู่ต่อสู้ นี่เหลือเชื่อเกินไป
“พี่สาม,ให้ข้าช่วยด้วย” เย่ว์ปิงไม่อาจยอมรับความจริงได้ว่าพี่ชายของนางถูกไล่ต้อน นางเรียกพญาไม้ไตตันออกมาด้วยความตื่นเต้น
“ต้นพุ่มไฟ” อีกาสะบัดปีกพุ่มไม้เพลิงนับไม่ถ้วนปรากฏอยู่บนพื้น พุ่มไม้เพลิงเป็นอสูรปราณฟ้าระดับสี่มันจับพญาไม้ไตตันได้อย่างง่ายดายและตรึงไว้กับพื้น เย่ว์ปิงแทบเป็นลมจากภาพที่เห็น นางไม่เคยคาดฝันเลยว่าพญาไม้ไตตันของนางจะถูกตรึงอย่างหนักจนไม่อาจเคลื่อนไหวได้ นี่คือกลยุทธปกติของนางนางจะให้พญาไม้ไตตันจับตรึงศัตรู
“อย่างนั้นตาข้าบ้าง!” นางเซียนหงส์ฟ้าตัดสินใจโจมตี
“รอเดี๋ยว! โปรดเชื่อใจข้า ข้ามีแผน” เย่ว์หยางคว้ามืองดงามของนางเซียนหงส์ฟ้าไว้และพยักหน้า จากนั้นเดินออกไป