ตอนที่ 649 โครงกระดูก อีกาและสตรี
โลกวารี เจดีย์ดำ
ในตอนเริ่มต้นทุกคนคิดว่าการเข้าเจดีย์ดำจำเป็นต้องมีเงื่อนไขบางอย่าง พวกเขาต้องใช้สมบัติหรืออาจเป็นพลังงานแก้วผลึก
พวกเขาไม่รู้ว่าไม่เหมือนกับข้างนอกเจดีย์ดำที่เป็นโลกวารีไม่สิ้นสุด แต่ภายในภายประตูเจดีย์ดำเป็นโลกที่แห้งอย่างสิ้นเชิงไม่มีน้ำในนั้นแม้แต่หยดเดียว อากาสอุ่นจนรู้สึกเหมือนอยู่ใกล้ภูเขาไฟ เย่ว์หยาง เสวี่ยอู๋เสีย องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเจ้าเมืองโล่วฮัวทั้งสี่คนเข้าไปในเจดีย์สีดำโดยไม่มีอุปสรรคขัดขวาง
เหมือนกับเดินเข้าไปในบ้านของตนเอง เย่ว์หยางและสามสาวถึงกับตะลึง
ไม่มีพลังงานรุนแรงที่ผิดปกติอยู่ภายในเจดีย์ดำ
ดูเหมือนว่าลมจะไม่มีอันตรายต่อเย่ว์หยางและคนอื่นๆ
นุ่มนวลมาก
เมื่อเย่ว์หยางเข้าไปในเจดีย์ดำ มันยังช่วยเย่ว์หยางขับน้ำออกจากร่างของเขา
ทำไมถึงได้มีความแตกต่างระหว่างข้างในกับข้างนอก?
ถ้าไม่มีน้ำอยู่ในเจดีย์ ทำไมถึงสร้างโลกวารีไว้ข้างนอกใหญ่โตขนาดนั้นด้วย? เจดีย์ดำใช้ผนึกจักรพรรดิปีศาจจิ๋วซื่อแล้วเขาอยู่ที่ไหน? ถ้าการเข้าเจดีย์ทำได้ง่ายมากทำไมจิ๋วซื่อจึงไม่หลบหนี?
ในเจดีย์ดำดูใหญ่โตมาก
บนผนังมีอักษรโบราณมากมายและภาพ
คำเหล่านั้นอธิบายถึงสงครามของยอดฝีมือดึกดำบรรพ์ ในบรรดาคนเหล่านั้นบุรุษคนหนึ่งมีผมสีดำตาสีม่วง ตลอดทั้งร่างมีเปลวเพลิงลุกโหม เย่ว์หยางและเสวี่ยอู๋เสียคาดว่าคนผู้นี้คือจักรพรรดิปีศาจจิ๋วซื่อภาพจิตรกรรมฝาผนังนี้บรรยายเกี่ยวกับชีวิตของเขา ในบรรดาภาพจิตรกรรมฝาผนังนี้ จักรพรรดิจิ๋วซื่อเป็นยอดฝีมือที่น่ากลัวอย่างแน่นอน แค่เพียงกวาดมือเขาสามารถเปลี่ยนโลกให้เป็นนรกได้โดยไม่ต้องพูดถึงพลังสูงสุดยอดที่มากมายของเขา แม้ว่าหลังจากตื่นแล้ว เขาก็ยังมีระดับพลังที่สูง ยังคงเป็นผู้แข็งแกร่งที่ผู้คนไม่สามารถต่อต้านได้
ภายในเจดีย์ในตอนกลางมีห้องโถงใหญ่โตมหึมาและในตรงกลางเป็นห้องที่มีเสาแก้วผลึกที่สูงมาก
มันมีความสูงอย่างน้อยพันเมตรและเส้นผ่าศูนย์กลางหนึ่งร้อยเมตร
เสาทั้งหมดมีแสงสีรุ้ง
ตรงขึ้นไปถึงยอดเจดีย์
นี่คือผลึกพลังงานที่สามารถยับยั้งจิ๋วซื่อและนับเป็นผลึกพลังงานที่สูงที่สุดเท่าที่เย่ว์หยางเคยเห็น เทียบกับแท่งผลึกที่อื่นเหมือนสะเก็ดดาวกับดวงดาวมีระดับที่แตกต่างกัน
“มีแท่งผลึกนี้ ต่อให้จ้าวปีศาจโบราณต้องการจะทำอะไรก็ตาม ข้าเกรงว่าเขาคงทำได้ไม่สำเร็จ” เจ้าเมืองโล่วฮัวถอนหายใจและยิ้มโล่งอก
“แท่งผลึกนี้ไม่ใช่สิ่งที่พลังของมนุษย์จะสามารถทำลายได้อย่างแน่นอน”องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนพยักหน้า
“ถ้ากำลังคนไม่สามารถทำลายได้จ้าวปีศาจโบราณจะมาที่นี่เพื่ออะไร?” เสวี่ยอู๋เสียถาม
เย่ว์หยางไม่สามารถตอบตอนนี้ได้ นอกจากนี้เขารู้ว่าไม่ว่าแก้วผลึกจะมีมากเท่าใดก็ไม่ใช่ผนึกที่แข็งแกร่งที่สุด แท้จริงผนึกที่แข็งแกร่งที่สุดที่แท้จริงก็คือผนึกหลุมดำเป็นอย่างเดียวกับที่ใช้ผนึกนางพญาเฟ่ยเหวินหลี ในพื้นที่ผนึกหลุมดำ ไม่มีใครได้รับพลังงาน พวกเขามีแต่จะอ่อนแอลงในผนึกนั้นไม่มีใครสามารถหลบหนีออกไปได้
มีแต่ผนึกของหลุมดำเป็นผนึกที่ไม่สามารถแก้ไขอย่างสิ้นเชิง เป็นวิชาผนึกนิรันดร
ผนึกหลุมดำมีอีกชื่อเรียกว่าผนึกนิพพาน!
ไม่เพียงแต่สามารถผนึกมนุษย์ได้ แต่อาจกล่าวได้ว่าสามารถผนึกเทพได้!
แน่นอนว่าจิ๋วซื่อถูกผนึกอยู่ในแท่งผนึกใหญ่ แม้ว่าจะไม่ใช่ผนึกนิพพาน แต่เขาต้องไม่ใช่คนที่จัดการกันง่ายๆ แน่นอน
พลังของเขาต้องน่ากลัวมากกว่าที่เย่ว์หยางคิด! บางทีเขายังไม่ต้องเผชิญหน้ากับจิ๋วซื่อในวันนี้ก่อนเพราะยังไม่ใช่จุดสิ้นสุดของผนึก แต่จะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นเล่า? เย่ว์หยางเชื่อว่าต้องมีสักวันที่แก้วผลึกจะต้องพังสลาย แม้จะมีขนาดใหญ่โต แต่จักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อจะกลับมายังโลกได้
เป็นเพราะศัตรูที่แข็งแกร่งอย่างนั้นจ้าวปีศาจโบราณจึงกังวลมากเรื่องการฟื้นคืนร่างกายของเขาเพื่อให้ได้พลังสุดยอดกลับคืนมา
ไม่เพียงแต่เย่ว์หยางเท่านั้น แต่กระทั่งจ้าวปีศาจโบราณก็ยังกลัวอยู่บ้างต่อการปลุกจิ๋วซื่อ
ไม่มีใครชอบการฟื้นคืนของราชันย์ผู้ทรงพลัง การปรากฏออกมาของจักรพรรดิจิ๋วซื่อหมายความว่าจะมีคู่แข่งในการค้นหาสมบัติในแดนล่มสลายแห่งทวยเทพอีกคนหนึ่ง
ค้นหา
หุ่นหนูเบญจธาตุค้นสมบัติพบม่านพลังลับ
ภายในม่านพลัง มีบันไดเวียน เย่ว์หยางเสวี่ยอู๋เสวียและพวกพ้องลงไปได้สองร้อยสามร้อยเมตร พวกเขาพบโถงใหญ่อีกห้องหนึ่งเต็มไปด้วยพลังงานผนึกโลหิต กฎห้ามวิทยายุทธและกฎห้ามสงครามกำลังแสดงพลังงานยิ่งใหญ่ที่นี่
ในกลางโถงใหญ่ หนูเบญจธาตุค้นสมบัติพบม่านพลังอีกม่านหนึ่ง
หลังจากเย่ว์หยาง เสวี่ยอู๋เสียและพวกเข้าไปแล้ว พวกเขาพบว่ามีประตูเทเลพอร์ตสีแดงอยู่ด้านใน
จากนั้นพวกเขาเข้าไปในโลกมืดสิ้นเชิง
ไม่มีแสงสว่าง
มีแต่เพียงผนึก
โลกมืดนี้มีพื้นที่คล้ายกับหลุมดำอยู่บ้าง แต่ไม่มีพลังดูดแบบหลุมดำมีแต่พลังผนึกไม่มีที่สิ้นสุด พลังผนึกแบบนี้ดูเหมือนไม่แข็งแกร่งมากนัก แต่ไม่อาจต้านทานได้ ใครก็ตามที่ต้องการปราบปรามพลังผนึกนี้จะต้องถูกพลังผนึกตอบโต้รุนแรงเป็นพันเท่า รูปแบบอย่างนี้คล้ายกับคนถือก้อนหิน ถ้าคนผู้นี้ต้องการขว้างก้อนหิน คนผู้นี้จะต้องรับโทษที่รุนแรงมากขึ้นเป็นพันเท่า
ไม่รู้ว่าโลกที่มืดมิดนี้จะกว้างใหญ่ขนาดไหน
บางทีอาจเป็นพันกิโลเมตรกระมัง?
จักรพรรดิปีศาจจิ๋วซื่อถูกผนึกไว้ในนี้หรือ?
เย่ว์หยางขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้ว่าผนึกนี้จะทรงพลังแต่ก็ยังด้อยกว่าผนึกที่ใช้กับนางพญาเฟ่ยเหวินหลีมาก
ถ้าเป็นนางพญาเฟ่ยเหวินหลีถูกผนึกในที่อย่างนี้นางอาจหลบหนีไปได้นานแล้ว เป็นไปได้ไหมว่าจิ๋วซื่อจะหลบหนีไปแล้ว?
ความคิดนี้ผุดขึ้นในใจของเย่ว์หยาง และทั้งเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมองไปในที่มืดทิศทางเดียว พวกนางไม่เห็นอะไรที่น่าสงสัย แต่สัญชาตญาณและทักษะแฝงเร้นหกรับรู้ทำให้พวกนางตระหนักว่ามีอย่างกำลังใกล้เข้ามาจากทิศทางนั้น นั่นหมายความว่ามีสิ่งมีชีวิตที่ไม่รู้จักกำลังใกล้เข้ามาเช่นกัน
พวกเขาถูกล้อมกรอบ?
แม้ว่าเย่ว์หยางจะอยู่ในอันตราย เขาก็ยังสงบ
เขาเหยียดแขนแตะตัวเจ้าเมืองโล่วฮัว องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน และเสวี่ยอู๋เสียเบาๆเป็นการปลอบโยนพวกนาง
เสี่ยวเหวินหลี นางพญากระหายเลือดหงโคเงาอาหมันและภูตเพลิงฟ้าถูกเรียกออกมาหมดเพื่อปกป้องพวกเขาทั้งจากด้านหน้าและหลัง
“ข้าคาดเรื่องนี้ไม่ถึงเลยเราไม่มีอาคันตุกะมาเยือนหลายพันปีแล้ว แต่วันนี้มีอาคันตุกะสองกลุ่มมาที่นี่ ยินดีต้อรับ! เสียงสตรีที่ไพเราะดังอยู่ในความมืดระยะไกล เสียงนี้ทำให้เย่ว์หยาง เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตะลึง หรือว่าจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อเป็นสตรี?
“ไม่เป็นไรไม่ว่าจะเป็นอาคันตุกะแบบไหน เราก็ต้องต้อนรับพวกเขาตราบเท่าที่พวกเขาเป็นอาคันตุกะ” จากนั้นมีเสียงหนึ่งดังเหมือนกับฟันกระทบกัน
“อย่างนั้นนี่ก็ต้องมีเจ้านายคนหนึ่งสินะ ก็แค่บังเอิญผ่านมาเท่านั้น” เมื่อได้ยินเช่นนี้เย่ว์หยางยิ้ม
“คู่รักหนุ่มสาวต้องการที่เงียบๆ เอาไว้พลอดรัก ข้าเข้าใจเรื่องนั้น ข้าก็เคยทำอย่างนั้นเช่นกัน” เสียงไพเราะตอบพร้อมกับเสียงหัวเราะ
“ไม่ต้องรีบ เนื่องจากพวกเขาเป็นคู่รักกัน ก็คงไม่เป็นไรถ้าพวกเขาจะคุยกันทีหลัง เนื่องจากพวกเจ้ามาถึงที่นี่แล้วถ้าไม่ให้เราได้แสดงน้ำใจผู้เหย้า หลังจากพวกเจ้าจากไปแล้ว ผู้คนจะเยาะเย้ยเราและทำให้เจ้านายเราต้องเสียหน้าเราไม่ยอมปล่อยให้เป็นเช่นนั้น พวกเจ้าต้องรู้ว่าเจ้านายของเราจักรพรรดิจิ๋วซื่อมีอัธยาศัยดีที่สุด” เสียงเหมือนฟันกระทบกันดังใกล้เข้ามาทุกที เมื่อเขาอยู่ห่างจากเย่ว์หยางไม่ถึง 100เมตร เย่ว์หยางเห็นได้ว่ามันคือโครงกระดูกที่สวมหมวกและชุดยาวดูหรูหราและในมือมีไม้เท้าด้ามหนึ่ง
มนุษย์กระดูกผู้นี้ไม่ได้มาจากเผ่ากระดูกแน่นอน เขาเป็นมนุษย์
แต่เขาตายแล้ว
วิญญาณควบคุมร่างไว้ได้ แต่มันยังคงเหมือนมีชีวิต ฝีมือจัดการเช่นนี้ทำให้เย่ว์หยางหนาว
เสวี่ยอู๋เสียคำนับให้มนุษย์กระดูกเล็กน้อยและกล่าวตามมารยาท“ขอบคุณสำหรับน้ำใจไมตรีของท่านผู้อาวุโส แต่เราเป็นผู้เยาว์ มิกล้ารบกวน”
ในท้องฟ้ามืดมิด เงาดำร่างหนึ่งกำลังลงมาด้วยความเร็วสูง
และเกาะอยู่บนไหล่ของมนุษย์กระดูก
แม้แต่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนผู้กล้าก็ยังตกใจกลับกลายเป็นอีกาตัวหนึ่ง เมื่อมันกระพริบตาประกายตาของมันเหมือนกับมนุษย์ ตาของมันมีเพลิงแดงลุกโชนเล็กน้อยเหมือนกับว่ามองเห็นหัวใจของคนอื่น โชคดีที่สายตาแบบนี้ที่ทำให้คนรู้สึกแย่เป็นเพียงชั่ววับเดียวจากนั้นอีกานั้นก็หลับตา
มันอ้าปากและกล่าว “ไม่ต้องห่วง ถ้าเราต้องการฆ่าพวกเจ้าเราจะไม่เสียเวลาพูดด้วย”
“เจ้างี่เง่า ถ้าเจ้าขู่ขวัญอาคันตุกะหนีไปทำให้ข้าไม่มีโอกาสพูด ข้าจะให้เจ้าชดใช้” เสียงไพเราะของสตรีดังขั้น
“ก็ได้ ก็ได้ ข้าจะเงียบ” อีกาเงียบและไม่พูดต่อไป
เย่ว์หยางแน่ใจว่าอีกานี้ไม่ใช่สัตว์อสูร
เป็นมนุษย์เหมือนกัน
อย่างไรก็ตามวิญญาณที่อยู่ในร่างอีกาหลังจากที่ร่างตายไปแล้วมีความสามารถผสานกับสิ่งมีชีวิตซึ่งไม่ใช่ความสามารถที่ยอดฝีมือชาวหอทงเทียนจะเข้าถึงได้ ราชาเฮยอวี้ต้องการจะเปลี่ยนร่างของเขาและพยายามอย่างมากต้องการหาร่างที่เหมาะสมที่สุด อย่างไรก็ตามอีกานี้สามารถมีชีวิตอยู่ในร่างอีกาได้ง่ายและความสามารถของมันไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อยเย่ว์หยางใช้จักษุตาทิพย์ของเขาตรวจดู แต่ก็ยังหาไม่พบว่าคนผู้นี้ทำได้อย่างไร
ถ้าจักษุทิพย์กล้าแข็งมากกว่านี้เล็กน้อย บางทีเขาอาจเห็นได้
แต่ตอนนี้เขาไม่เห็น
“ข้าขอถามชื่อผู้อาวุโสทั้งสามได้ไหม? เพราะเป็นเวลานานมาแล้วหอทงเทียนเปลี่ยนแปลงไปมาก เราสูญเสียประวัติศาสตร์ยุคก่อนไปมาก” เสวี่ยอู๋เสียคารวะอีกครั้งแสดงความเคารพผู้อาวุโส
“หอทงเทียนสูญเสียประวัติศาสตร์ไปไม่มีอะไรแปลกในเรื่องนี้ นอกจากนี้ประวัติศาสตร์เขียนโดยผู้ชนะ ถ้าเราแพ้ เราจะมีชื่อเสียงที่ดีได้ยังไง? ชื่อเสียงที่ผ่านมาไม่คู่ควรแก่การเอ่ยอ้าง เจ้าเรียกข้าว่า ‘เตอ’เรียกยายแก่ว่า ‘เส้อ’ และเจ้านกผอมนี้ว่า ‘จิ้ง’ก็ได้ เราทุกคนเป็นบ่าวไพร่ของจักรพรรดิจิ๋วซื่อ” บุรุษกระดูกพูดกับกับเสวี่ยอู๋เสียด้วยน้ำเสียงผู้อาวุโส
“แน่นอนโดดเด่น ยอดเยี่ยม สถานการณ์สิ้นหวังหรือ?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนสนองตอบทันที “เส้อ และจิ้ง ไม่มีความหมายอะไรถ้าแซ่เดียวกับจักรพรรดิไร้เทียมทานก็คงแตกต่างออกไป”
“ในช่วงวันเก่าก่อนข้าชอบผู้ชายหล่อๆ ข้าค่อนข้างจะสวยนะแม้ว่าจะไม่เท่ากับเจ้าก็เถอะ สาวน้อยผู้ได้รับการปกป้องโดยอาวุธศักดิ์สิทธิ์ ข้าเองก็เป็นอย่างนั้นแต่น่าเสียดายที่ชายหนุ่มรูปงามที่ข้ารู้จักไม่มีความกล้าหาญ ถ้าพวกเขามีเหล่าอสูรพิทักษ์มากมายเหมือนอย่างบุรุษหนุ่มของเจ้าข้าคงไม่โกรธมากจนต้องติดตามจักรพรรดิจิ๋วซื่อ ฝ่าบาทเป็นเหมือนไม้ เขาไม่ได้รักประเทศและสาวงามเอาแต่ฝึกฝีมือเท่านั้น เสียดายความวัยเยาว์ของข้า พอมาคิดแล้วเสียดายจริงที่ความเยาว์วัยผ่านไปแล้ว” เสียงไพเราะของสตรีถอนหายใจเหมือนกับว่านางกำลังระลึกถึงความทรงจำที่ผ่านมา
“ข้าจำตอนนั้นไม่ได้เลย ดูเหมือนว่าไม่มีใครต้องการเจ้า ฝ่าบาทคิดว่าเจ้าน่าสงสารก็เลยยอมให้เจ้าได้ติดตามพระองค์” มนุษย์โครงกระดูกถอดหมวก และใช้กระดูกนิ้วเคาะที่กะโหลก
“ไอ้กระดูกบ้า, ข้าจะคิดบัญชีกับเจ้า!” เสียงของสตรีโกรธ
“ช่างมันเถอะ,เถียงกันไปแบบนี้ทุกวันไม่มีความหมายอะไรเลย” อีกาเอามือ (ปีก) ปิดหน้าถอนหายใจ ในที่สุดเขาถามเย่ว์หยาง “เด็กน้อย, เจ้าก็เห็นสถานการณ์ของเราแล้ว บอกตามตรงเจ้าสามารถช่วยเราบางอย่างได้ เราจะไม่ปฏิบัติกับเจ้าอย่างไม่เป็นธรรม ยังไม่ต้องพูดถึงศักยภาพที่มีไม่จำกัดของเจ้าต่อให้เจ้าเป็นคนโง่ ข้าก็สามารถทำให้เจ้าเป็นสุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิดได้ และสาวๆ เหล่านี้พวกเจ้าคิดว่าข้อเสนอนี้เป็นยังไงบ้าง?”
“เป็นข้อเสนอไม่เลว” เย่ว์หยางพยักหน้า
“เจ้า, เจ้าเห็นด้วยหรือ?” มนุษย์กระดูกถามอย่างเหลือเชื่อ
“เราค่อยว่ากันหลังจากที่เราสู้กันแล้ว” เย่ว์หยางยิ้มลึกลับ “สู้กันแบบสุดยอดปราณก่อกำเนิด ผู้ชนะเป็นเจ้า ใครก็ตามชนะ คนนั้นจะเป็นคนออกคำสั่งและนี่เป็นวิธีที่ยุติธรรม”
มนุษย์กระดูก อีกาและแม้แต่สตรีล่องหนพากันเงียบทุกคน