ตอนที่ 36 น้ำปนเปื้อน
ตอนที่ 36 น้ำปนเปื้อน
เรนที่หลับไปเพราะฤทธิ์ยาเขารู้สึกมึนหัวมากและปวดที่แผล เหงื่อตามร่างกายเปียกไปทั้งตัวทำให้เขารู้สึกไม่สบายตัวเป็นอย่างยิ่ง เขาอยากจะลืมตาขึ้นมา แต่ด้วยความง่วงนอนเขารู้สึกว่าตนเองควรจะนอนอีกหน่อย
สุดท้ายเขาจึงหลับต่อ...
‘เขาน้ำเป็นบ้าเลย’
เรนรู้สึกตัวอีกครั้งเพราะรู้สึกคอแห้ง เขาลืมตาขึ้นมาและพบว่ามีคนเอาผ้ามาห่มให้เขา เมื่อมองซ้ายขวาก็เห็นขาดน้ำที่วางไว้ข้างหัวนอน เป็นขวดที่เขาดื่มไปก่อนจะหลับ
ไม่รอช้าเขาคว้าขวดน้ำมาและเปิดฝา ก่อนจะดื่มไปหลายอึก น้ำในขวดถูกดื่มจนหมด แต่ก็ยังคงไม่อาจจะดับความรู้สึกกระหายน้ำได้ทั้งหมด แต่ก็ไม่มากเท่าตอนแรกแล้ว
เรนลุกขึ้นนั่งกับเตียงก่อนจะหันมองซ้ายขวา ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ในห้อง เขาฟังเสียงก็พบว่ามีเสียงฝนตกดังอยู่ด้านนอก เป็นฝนที่ตกแรงมาก
“หลับไปนานแค่ไหนเนี่ย” เรนหยิบโทรศัพท์ของตนเองมาดู แม้มันจะไม่มีสัญญาณ แต่ก็ยังดูเวลาได้ เขาพบว่ามันเป็นเวลา 2 ทุ่มของวันเดิม
เรนหลับไปหลายชั่วโมงมาก เขาเริ่มสำรวจแผลของตนเองก็พบกับเรื่องน่าประหลาดใจ แผลตามร่างกายที่เกิดจากการกัดของผู้ติดเชื้อกว่า 30 แผลนั้นเริ่มตกสะเก็ดแล้ว
แม้แผลจะไม่ลึก แต่มันก็ยังเป็นแผลอยู่ดีอย่างน้อยคนปกติก็ต้องใช้ 4-5 วันกว่าแผลจะปิดสนิทและเริ่มตกสะเก็ดแบบนี้
เขารู้ว่านี่คือผลมาจากการเป็นผู้ใช้วงแหวน ผู้ใช้วงแหวนมีความสามารถในการฟื้นฟูร่างกายที่ยอดเยี่ยมกว่าคนปกติมาก และดูเหมือนคำว่ามากที่เขาประเมินไว้ก่อนหน้านั้นจะยังไม่พอ
อย่างน้อยก็หลายเท่าของคนปกติ
“แต่เรารู้สึกหิวน้ำมาก หรือเป็นเพราะการฟื้นฟูร่างกายทำให้เรากระหายน้ำ” เรนลุกขึ้นยืน เขากำลังจะเดินออกไปนอกห้องก็พบว่าตัวเองนั้นยังนุ่งเพียงกางเกงซับในตัวเดียวอยู่
ชุดเก่าของเรนนั้นเสียหายไปแล้ว
เรนเอารูนิกพลาสติกออกมา ด้านในนั้นมีเสียผ้าอยู่อีกชุด
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่แล้วเรนจึงออกไปจากห้อง พอออกไปเขาก็เห็นว่าคนอื่น ๆ นั้นกำลังนั่งกินอาหารกันอยู่ภายใต้แสงเทียน ที่พวกเขาต้องใช้เทียนเพื่อแสงสว่างนั้นก็เพราะว่าไฟฟ้ามันดับไปนานแล้ว
อาหารที่พวกเขากำลังกินกันอยู่นั้นคือ
“เรนนายตื่นแล้วเหรอ มากินด้วยกันสิ” ธันวาโบกมือเรียกเรนให้ไปนั่งที่โซฟาในห้องนั่งเล่นด้วยกัน
“โทษทีฉันหลับไปหลายชั่วโมงเลย” เรนบอกกับเพื่อนของเขา
“ฉันเห็นนายหลับอยู่เลยไม่ได้ไปเรียก” อาจารย์หลินเดินเข้าไปมาหาเรนพร้อมกับส่งจานที่ข้าวร้อน ๆ ส่งให้กับเรน
เรนมองด้วยความประหลาดใจ นอกจากข้าวแล้วยังมีพวกต้มผักกาดกระป๋องใส่กับปลากระป๋องอยู่ด้วย
“ถึงไฟจะดับแต่ในครัวยังมีเตาแก๊สอยู่ อาหารร้อน ๆ จะอร่อยกว่า” หลินกล่าวด้วยรอยยิ้มและตักต้มราดลงไปในข้าวให้กับเรน
“ขอบคุณ” เรนกล่าวขอบคุณ
“ต้มนี่รินดาเป็นคนทำ ต้องขอบคุณเธอ” หลินบอกกับเรน
“คุณเป็นยังไงบ้าง” เรนหันไปถามรินดา
เธอพยักหน้าตอบกลับมาเงียบ ๆ เท่านั้น ก่อนจะลงมือกินข้าวในจานของตนเองต่อ
เรนเดินไปนั่งที่โซฟาข้างธันวา ไอราเองก็พึ่งออกมาจากครัวมานั่งโซฟาอีกตัวข้าง ๆ
“แผลนายเป็นยังไงบ้าง”
ตอนนั้นผู้กองเชนก็ถามเรนขึ้นมา ถึงแผลของเขา
“ดีขึ้นมากแล้ว” เรนตอบกลับไป ก่อนจะให้ดูแผลที่แขน ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับคนอื่น ๆ พวกเขาก็เดาได้แบบเรนว่านั้นน่าจะเกี่ยวกับการเป็นผู้ใช้วงแหวน
ผู้กองเชนเห็นแผลเรนเขาก็ไม่ติดใจเรื่องการโดนกัดของเรนอีก แต่ว่าผู้กองเชนยังคงทำสีหน้าจริงจังและพูดขึ้นมาว่า
“ตอนนี้เราเจอปัญหาแล้ว”
เรนที่กินอาหารกันอยู่ต่างหยุดชักลงไปในทันที แต่ท่าทีของคนอื่น ๆ เหมือนจะรู้เรื่องปัญหาที่ผู้กองเชนพูดถึงอยู่แล้ว ซึ่งสีหน้าของทุกคนก็ดูกังวลกันพอสมควร
“เกิดอะไรขึ้น” เรนเงยหน้าถามพวกเขา
“ฝนพวกนี้มันปนเปื้อนเชื้อจากศพสีดำ” ผู้กองเชนบอกกับเรน ก่อนจะเล่าว่าตอนที่ฝนตกลงมา มันผิดปกติ ซึ่งพอตรวจสอบด้วยแหวนพลัง
ผู้กองเชนและหลินก็พบว่าในน้ำนั้นปนเปื้อนเชื้อจากศพสีดำ ทำให้น้ำพวกนี้เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตทั้งหมด
“น้ำในอาหารพวกนี้” เรนถามขึ้นมา
“วางใจได้ มันเป็นน้ำขวด” หลินกล่าว
“กินกันก่อนแล้วค่อยไปตรวจสอบ” เรนกล่าว ก่อนที่จะรีบกินอาหารในจานจนหมดหลังจากนั้นเขาก็หาอะไรไปรองเอาน้ำฝนที่ตกอยู่ด้านนอกมาและตรวจสอบมันดู
และก็พบว่าเป็นอย่างที่ผู้กองเชนและหลินบอกจริง ๆ น้ำพวกนี้ปนเปื้อนเชื้อจากศพสีดำจริง ๆ แต่ว่าจากที่แหวนพลังบอก มันบอกแค่ปนเปื้อนไม่ได้บอกถึงอันตรายจากการดื่มที่ทำให้มนุษย์ที่ดื่มไปแล้วจะกลายเป็นผู้ติดเชื้อในทันที
“น้ำพวกนี้ไม่น่าจะทำให้คนกลายเป็นผู้ติดเชื้อได้ ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ปลอดภัย เพราะเราไม่รู้ว่ามันส่งผลกระทบยังไงบ้างถ้าดื่มไปในปริมาณมาก ๆ” เรนกล่าวขึ้นมา ก่อนจะเทน้ำในถังทิ้งไป
“เรื่องนี้จะเป็นปัญหาแน่นอน อาหารพอมีให้เรากินกันไปสองสามวัน แต่ว่าน้ำในขวดพวกเรามีอยู่น้อยมากและน้ำที่ก๊อกก็เหมือนจะปนเปื้อนไปแล้วด้วย เพราะฝนพวกนี้ตกลงมามันคงปนเข้ากับน้ำประปาต้นทางแล้ว” ผู้กองเชนบอกกับเรน
“ถ้าเราขับรถฝ่าฝนไปมันจะเป็นยังไง” เรนมองไปที่ฝนที่ตกหนักมากและพูดขึ้นมา
“อย่าดีกว่าฝนตกหนักขนาดนี้มันอันตรายเกินไปที่จะขับต่อเนื่อง อีกอย่างน้ำมันรถก็มีไม่มาก ถ้าขับไปเราต้องหาปั๊มน้ำมันเพื่อเติมน้ำมันรถด้วย แบบนี้จะเพิ่มความเสี่ยงมากขึ้นไปอีก” ผู้กองเชนกล่าว ตอนที่เขาเอารถไปจอดก็ตรวจสอบรถดูแล้วและพบว่าน้ำมันเหลือให้วิ่งไม่ไกล เพราะตามปกติผู้กองเชนจะเติมมันรถของตนเองไว้แค่ไปกลับที่ทำงานเท่านั้น
“หวังว่าฝนจะไม่ตกนานนัก” เรนกล่าวด้วยความกังวล ซึ่งก็ไม่ต่างจากคนอื่น ๆ
หลังจากเจอกับปัญหาเรื่องน้ำที่ปนเปื้อน พวกเขาก็เริ่มรวบรวมน้ำสะอาดที่หาได้ ซึ่งรวมถึงน้ำจากถังในห้องน้ำด้วย แม้มันจะไม่น่าใช้ แต่เมื่อถึงเวลาจริง ๆ แล้วไม่มีน้ำก็ดีกว่าไปดื่มน้ำที่ปนเปื้อนพวกนั้น
วันที่สองในบ้านหลังเดิม
ตอนนี้ฝนยังคงตกหนักอย่างต่อเนื่อง มันตกติดต่อกันมาสองวันซึ่งนับว่าผิดปกติมากราวกับว่ามีบางสิ่งจงใจให้น้ำฝนเหล่านี้อาบชโลมไปทั้งโลก
เรนและกลุ่มทำได้เพียงหลบอยู่ในบ้านเงียบ ๆ มาสองวันแล้ว อาหารนั้นยังพอมีเหลืออยู่ แต่น้ำสะอาดนั้นเหลือน้อยลงไปเรื่อย ๆ น้ำที่มีก็เริ่มจะไปพอแล้ว
ในระหว่างที่หลบอยู่ที่นี่พวกเขาเริ่มรื้อพวกโซฟาและของอื่น ๆ เอาไม้ที่มีไปปิดตามช่องหน้าต่างให้แน่นหนามากขึ้น เพื่อความปลอดภัย
เพราะแม้จะหลบกันที่บ้านหลังนี้แต่ว่าเส้นทางที่พวกเขาหนีจากสถานีตำรวจมาจนถึงตรงนี้นั้นแม้จะห่างกันเกือบ ๆ 50 กิโลเมตร แต่ก็มีโอกาสที่พวกมันจะเดินตามมากันได้ เหมือนที่พวกมันเดินจากหมู่บ้านตีนเขาตามรถจนไปถึงสถานีตำรวจ
แน่นอนว่าโอกาสที่ว่านั้นมีน้อยลง เพราะฝนที่ตกลงมาได้ชะล้างกลิ่นเลือดของเรนไปหมดแล้ว ต่อให้พวกนี้จะไวต่อกลิ่นมากแค่ไหนก็ไม่มีทางตามมาจนเจอพวกเขาได้ในเวลาอันสั้นนี้
ส่วนเรื่องแผลของเรนนั้นมันตกสะเก็ดจนเกือบหมดแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก
“เรนนายเคยบอกว่าหมอกสีดำที่เป็นเชื้อที่ออกมาจากศพสีดำจะทำให้พวกผู้ติดเชื้อมีอาการรุนแรงขึ้นใช่ไหม” ธันวาที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากเรนถามขึ้นมา
“ใช่ มันเหมือนว่ายิ่งพวกมันได้รับเชื้อมากขึ้นก็ยิ่งมีการกลายร่างไปในทิศทางที่รุนแรงมากขึ้น ยิ่งอันตรายมากขึ้น” เรนตอบกลับไป
“แล้วแบบนี้ฝนที่ปนเปื้อนจะมีผลกับพวกผู้ติดเชื้อด้วยไหม” ธันวาถามคำถามต่อไปทำให้เรนถึงกับคิดหนัก
‘จริงด้วย เราลืมคิดถึงเรื่องนี้!’ เรนมีสีหน้ากังวลขึ้นมาในทันที
ทุกคนก็พอจะคิดตามได้ว่ามันจะเป็นยังไง ในเมื่อหมอกสีดำที่เป็นเชื้อทำให้ผู้คนกลายร่างเป็นผู้ติดเชื้อและพอรับเข้าไปมาก ๆ ก็ยิ่งมีอาการรุนแรงมากขึ้นได้ ถ้าอย่างนั้นน้ำฝนที่ตกลงมาก็มีการปนเปื้อนเชื้อพวกนี้อยู่ แม้จะไม่ถึงกับทำให้คนกลายเป็นผู้ติดเชื้อเมื่อสัมผัสหรือกินลงไปบ้างก็ตาม
แต่มันจะทำให้การกลายร่างของผู้ติดเชื้อรุนแรงมากขึ้นแน่นอน
“เราควรจะรีบไปที่ค่ายลี้ภัยก่อนที่พวกผู้ติดเชื้อจะกลายร่างกันรุนแรงมากขึ้น” หลินพูดขึ้นมา
คนอื่น ๆ ก็พยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดนี้ อย่างน้ำที่ค่ายลี้ภัยพวกเขาก็มีอาวุธครบมือและพวกรัฐบาลน่าจะมีมาตรการรับมือกับผู้ติดเชื้อไว้ในระดับหนึ่ง ต่างจากพวกเขาที่เผชิญเหตุซึ่งหน้าไม่ได้มีสถานที่ไว้หลบภัยหรือรับมือพวกมันเลย
ตอนนั้นเองรินดาที่เอาแต่ยืนจ้องออกไปความมืดนอกหน้าต่างก็เรียกพวกเขา
“ทุกคน”
“มีอะไรหรือเปล่า” เรนหันไปถามเธอ
“ด้านนอกมีบางอย่าง” รินดาพูดขึ้นมาด้วยความระวังตัวสุด ๆ เรนรีบลุกขึ้นและเดินไปดูยังทิศทางที่เธอชี้ในทันที