ตอนที่ 35 แลกเปลี่ยนสิ่งของด้วยกระสุนและทำแผล
ตอนที่ 35 แลกเปลี่ยนสิ่งของด้วยกระสุนและทำแผล
“ลำพังรักเธอคนเดียวทำให้ลำบากใจมากอยู่แล้ว ยังมีเขาเข้ามาแข่ง เข้ามาแบ่งแย่งเธอจากฉันไป...”
“เศษใจเหลือ ๆ ถ้าเธอยังคงเผื่อเอาไว้ ถ้าเธอยังไม่แน่ใจ เก็บไว้ให้ฉันได้รึเปล่า”
ธันวาเริ่มร้องเพลิงอย่างเต็มที่ เขายังเต้นด้วยท่ากวน ๆ ซึ่งไม่เข้ากับเพลงไปด้วย ในระหว่างนั้นยังแอบหันมาส่งสายตาให้กับไอราเป็นครั้งคราว
ไอรายิ้มเจื่อน ๆ ให้กับคนรอบข้าง
ลุงร้านของชำยังคงมองดูธันวาร้องเพลงและเต้นไปด้วย เรนส่ายหัวเบา ๆ เขาเริ่มรู้สึกว่าลุงร้านของชำเหมือนจะแค่แกล้งพวกเขามากกว่า ซึ่งหลินกับผู้กองเชนก็คิดคล้ายๆ เรน
ลุงเจ้าของร้านที่ฟังธันวาร้องและเต้นจนจบก็ลดปืนลง และตะโกนถามขึ้นมา
“พอแล้ว บอกมาว่าต้องการอะไรบ้าง”
เรนและธันวาสองคนเดินออกจากข้างรถไปที่หน้าร้าน ส่วนผู้กองเชน หลินและไอรายังคงรออยู่ที่นี่เผื่อมีอะไรเกิดขึ้นจะได้ลงมือช่วยได้ เรนกับธันวาเดินไปถึงลุงเจ้าของร้านไม่ได้เปิดประตูให้พวกเขาเข้าไป ทำให้เรนต้องพูดคุยผ่านหน้าประตูร้าน
“อาหารและน้ำเกลือล้างแผล สำลี ผ้าพันแผลถ้ามี ยาแก้อักเสบแก้ปวดด้วย อาหารอีกอย่างหนึ่ง” เรนบอกความต้องการของเขาไป เนื่องจากเมื่อกี้นี้ระหว่างที่ธันวาเต้นอยู่พวกเขาก็เริ่มสรุปของที่จะต้องใช้กัน
“มีกล่องปฐมพยาบาลอยู่ อาหารมีพวกอาหารกระป๋องด้วย แต่ว่าจะแลกเปลี่ยนกับอะไร” ลุงเจ้าของร้านตะโกนบอกพวกเขา
เรนและพวกเหมือนจะพึ่งนึกขึ้นมาได้
“ไม่เอาเงิน” ลุงเจ้าของร้านรีบพูดดักทางเรนและพวกในทันที
ตอนนี้เงินตราของโลกนี้มันเป็นสิ่งไร้ค่าไปแล้ว เนื่องจากต่อให้ได้เงินมาก็ไม่รู้ว่าจะไปแลกเปลี่ยนกับใคร
“กระสุนลูกซองเป็นยังไง” เรนถามกลับไป
ลุงเจ้าของร้านคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถามกลับมาว่า “ลูกอะไร”
“ลูก 9”
“25 นัด” ลุงเจ้าของร้านบอกความต้องการในทันที
เรนและธันวาขมวดคิ้ว
“ลุงมันมากไป 25 นัดนั้นเท่ากับกระสุนทั้งกล่องเลย พวกเราไม่มีมากขนาดนั้น” ธันวาพูดขึ้นมา
“เรายินดีแลกเปลี่ยนที่ 8 นัด” เรนพยายามต่อราคา
“12 นัด เอาไม่เอา” ลุงเจ้าของร้านเหมือนจะหมดความอดทนยื่นข้อเสนอสุดท้ายในทันที
“อาหารและยาเต็มถุง” เรนพูดกลับไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ตกลง รอเดี๋ยว” ลุงเจ้าของร้านยอมตกลง ก่อนจะรีบเดินเข้าไปในร้านและหยิบสิ่งที่เรนต้องการให้กับพวกเขา
เรนและธันวาหันมามองและยิ้มออกมา พวกเขาเจรจาได้สำเร็จ อย่างน้อยก็ไม่ต้องยิงกัน
ไม่ถึง 5 นาทีลุงเจ้าของร้านก็เดินมาที่ประตูหน้าร้านในมือยังถือปืนลูกซองอย่างระวังตัวเต็มที่ เมื่อเห็นว่าลุงเจ้าของร้านเอาอาหารและยาใส่มาในถุงพลาสติกจนเต็ม ธันวาจึงโยนลูกกระสุนปืนลูกซอง 12 นัดตามที่ตกลงกันไว้เข้าไปในช่องรอยแตกของประตู
ลุงเจ้าของร้านเองเมื่อตรวจสอบกระสุนแล้วก็โยนอาหารเหล่านั้นออกมา เรนรับมันมาในทันที
ตอนนั้นลุงเจ้าของร้านก็เห็นบาดแผลตามตัวของเรนจึงถามขึ้นมาว่า “แผลไปโดนอะไรมา”
“นั้นไม่เกี่ยวกับลุง” เรนตอบกลับไป ก่อนจะถอยออกมา
เขาไม่ต้องการให้คนแปลกหน้ามารู้เรื่องของตนเองมากนัก ทั้งเขาและลุงเจ้าของร้านก็แค่แลกเปลี่ยนกัน เรนจึงไม่ต้องมาตอบคำถามเกี่ยวกับแผลของเขา
“ลุงผมว่าลุงรีบออกไปจากที่นี่ดีกว่าแถวนี้มันไม่ปลอดภัย” ธันวาหันกลับไปเตือนลุงเจ้าของร้าน เพราะบางทีฝูงผู้ติดเชื้อที่โจมตีสถานีตำรวจอาจจะผ่านมาแถวนี้
ลุงข้าวของร้านฟังคำเตือนของธันวา แต่ไม่ได้คิดจะหนีไปจากที่นี่ เขาหอยากจะอยู่ในบ้านของตนเอง ต่อให้ตายก็ขอตายที่นี่
หลังจากได้ของแล้วเรนก็กลับไปที่รถ พวกเขาออกจากร้านของชำในทันที
พวกเขายังต้องนั่งเบียดกันไปอยู่ แต่หลังจากขับไปประมาณชั่วโมงครึ่งในที่สุดพวกเขาก็พบสถานที่เหมาะ ๆ แห่งหนึ่ง เป็นบ้านไม้หลังเดียวชั้นเดียวที่อยู่ห่างจากข้างทางไปประมาณ 50 เมตร เหมาะให้พวกเขาเข้าไปหลบและพักกันก่อนพอดี
รถเลี้ยงเข้าไปจอดที่หน้าบ้าน เรนและพวกก็ลงมาพวกเขาเตรียมอาวุธครบมือ เนื่องจากไม่รู้ว่าต้องเจอกับอะไรบ้าง
เรนเดินเข้าไปเป็นคนแรก ธันวาและผู้กองอยู่ด้านหลังซ้ายขวา ส่วนสาว ๆ เตรียมพร้อมกันอยู่ห่าง ๆ เผื่อมีเรื่องฉุกเฉินเกิดขึ้นจะได้ช่วยเหลือกันได้ทัน
“มีอันตราย อาจจะเป็นผู้ติดเชื้อหนึ่งหรือสองตัว” เรนที่ยื่นมือไปจับประตูก็พูดกับคนข้างหลัง
รูนิกลางสังหรณ์เตือนเขา ถ้าเปิดประตูจะเจอกับอันตราย แต่มันไม่ได้ร้ายแรงมากจนถึงตาย อย่างมากก็แค่บาดเจ็บเพิ่มขึ้นเท่านั้น เขาเดาว่ามีผู้ติดเชื้ออาจจะหนึ่งหรือสองตัว
เมื่อได้รับการเตือนทุกคนก็ระวังตัว เพราะตอนนี้พวกเขารู้ว่าเรนมีความสามารถพิเศษในการรับรู้ถึงอันตราย
ตอนแรกเรนความตั้งใจเปิดประตูจริง ๆ ในสามวินาที เพื่อให้รูนิกลางสังหรณ์สามารถทำงานได้ แต่พอได้รับการเตือนเรนก็เปลี่ยนใจที่จะเปิดมัน
เรนแนบหูฟังอย่างตั้งใจ ด้านในนั้นมีเสียงบางสิ่งย้ำเท้าอยู่กับที่ เสียงครวญครางอยู่ในลำคอด้วย
“ธันวาช่วยเปิดประตูให้หน่อย” เรนกล่าวพร้อมกับถอยออกมาพร้อมกับเตรียมธนูในการยิง
ธันวาพยักหน้าตกลง เขารับหน้าที่ในการเปิดประตูพร้อมกับที่หลบออกไปหลังบานประตูทันทีที่เปิดออก พอประตูเปิดออกมาก็มีผู้ติดเชื้อชายหนึ่งตัวพุ่งออกมาจากด้านเหมือนกับที่เรนเตือนไว้
ว๊ากกก!!!
ผู้ติดเชื้อคำรามคิดและวิ่งออกมาด้านนอกประตู แต่สิ่งที่รอมันอยู่นั้นคือรูนิกลูกศรของเรน
ปัก!
ร่างของผู้ติดเชื้อชายคนนั้นล้มลงตายอยู่ที่หน้าประตูบ้านในทันที
แต่นี่เป็นเพียงตัวแรกเท่านั้น เพราะด้านในยังมีอีกตัวมันพุ่งเข้ามาหวังจะกัดเรน เขาจึงหลบไปด้านขวา ทำให้ผู้ติดเชื้อสาวผ่าตัวเรนไป ทำให้มันพลาดท่าจนล้มกลิ้งไปกับพื้น
แต่ยังไม่ทันลุกขึ้นมาผู้กองเชนก็เข้าไปถีบซ้ำไปหน้าของมันจนจนหงายหลังล้มลงไปอีกครั้ง ผู้ติดเชื้อพยายามลุกขึ้นมา แต่ผู้กองเชนก็ใช้เข่ากดไปที่หน้าอกของมันและตามด้วยมีดที่แทงเข้าไปที่ข้างขมับทะลุเข้าไปยังสมอง
ผู้กองเชนบิดมีดไปมาสองสามครั้ง ผู้ติดเชื้อสาวที่ดิ้นอย่างบ้าคลั่งก็แน่นิ่งและตายไปทั้งอย่างนั้น
หลังจากผู้ติดเชื้อตายไปแล้วผู้กองเชนก็เก็บเหรียญทองระบบมา มันยังมีหินพลังงานเพิ่มมาอีกก้อนด้วย
เรนเองก็เก็บในส่วนของเขาเช่นกัน
หลังจากจัดการสองผู้ติดเชื้อแล้ว พวกเขาก็เริ่มแบ่งกันสำรวจทั้งในบ้านและนอกบ้าน เรนเดินเข้าไปด้านในบ้านพร้อมกับอาจารย์หลิน
เรนเริ่มสำรวจทีละห้องในบ้านแบ่งห้องรับแขก ห้องครัว ห้องนอนสองห้องและอีกหนึ่งห้องน้ำ มันเป็นบ้านหลังเล็ก ๆ ที่เพียบพร้อมและดูอบอุ่น
“ในบ้านปลอดภัย” เรนตะโกนบอกคนอื่น ๆ
ขณะที่เขาเดินผ่านผนังด้านหนึ่งก็เห็นว่ามีรูปแขวนอยู่ เขามองไปที่รูปคู่ชายหญิงที่เป็นสามีภรรยากัน ทั้งสองดูรักกันมาก รูปเหล่านี้บ่งบอกถึงตัวตนของผู้ติดเชื้อทั้งสองคนนั้น
เรนวางรูปกลับลงที่เดิม แม้ทั้งสองจะตายไปแล้ว แต่เรนก็ไม่คิดจะไปวุ่นวายกับของพวกเขามากนัก ถ้าไม่จำเป็น
“พวกเขาคงหลบอยู่ในบ้านกัน เพราะคิดว่าปลอดภัย” หลินพูดขึ้นมา ขณะที่มองรูปเหล่านั้น
“แต่พวกเขาก็ยังไม่รอด” เรนกล่าวขึ้นมาด้วยสีหน้านิ่ง ๆ
“ด้านนอกปลอดภัย” ธันวาเข้ามาพร้อมกับไอรา
“ด้านนั้นมีห้องด้วย” ไอราพูดและชี้ให้กับธันวาได้ดู
“ฉันกับไอราขอห้องนั้นแล้วกัน”
ธันวากล่าว ก่อนจะเดินไปที่ห้องนอนด้านนอกเพื่อพักผ่อนกัน
รินดาเดินเข้ามา เธอตรงไปที่โซฟา ก่อนจะนอนกอดค้อนปอนด์อย่างเงียบ ๆ ดวงตาของเธอแดงเล็กน้อย ซึ่งหญิงสาวพึ่งแอบออกไปร้องไห้เพราะคิดถึงนานามา
“คุณควรจะไปดูเธอสักหน่อย” เรนกล่าวกับอาจารย์หลิน
“ปล่อยให้เธออยู่คนเดียวไปก่อน เธอแค่คงคิดถึงนานาเท่านั้น” หลินกล่าวด้วยน้ำเสียงที่มีแค่พวกเขาสองคนได้ยิน ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า “นายควรทำแผลก่อน”
หลินมองดูแผลตามตัวของเรนแม้เลือดจะแห้งแล้ว แต่แผลยังคงน่าเป็นห่วงอยู่
“ฉันช่วยเอง” หลินจับมือของเรนและพาเข้าเดินเข้าไปในห้อง
เรนรู้สึกตกใจและหัวใจเต้นแรก เพราะอยู่ดี ๆ อาจารย์หลินที่เป็นสาวสวยก็มาจับมือของเขาและดึงเข้าไปแบบนี้ แต่อย่างนั้นเขาก็เดินตามไปอย่างเชื่อฟัง อาจารย์หลินให้เรนนั่งลงที่เตียง
หลินเดินไปหาน้ำและภาชนะใหญ่ ๆ เพื่อใส่น้ำ พร้อมกับผ้าสะอาดผืนหนึ่งมา เธอเอาเข้ามาในห้อง ก่อนที่เธอจะเริ่มเอาพวกอุปกรณ์ทำแผลออกมา
เขาจ้องมองไปที่อาจารย์หลินไม่วางตา เธอที่ก้มอยู่ก็ใช้มือทัดผมขึ้นไปที่หลังหู เพราะเส้นผมได้ตกลงไปยังใบหน้า
“เอาละเรียบร้อยแล้ว” หญิงสาวจัดแจงของเสร็จก็เงยหน้าขึ้นมา ซึ่งเป็นจังหวะสบตากับเรนพอ
“มีอะไรหรือเปล่า” หลินถามด้วยความสงสัย เพราะเรนจ้องเธอมาสักพักแล้ว
“เปล่า” เรนตอบกลับไปตรง ๆ แต่แววตาของเขายังคงจ้องไปที่หลิน
การกระทำของเรนทำให้หญิงสาวหน้าแดงขึ้นมา เธอรีบหลบสายตาของเรน ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า
“เราต้องทำแผล แต่ว่าถ้านายยังใส่เสื้อมันทำยาก” หลินพูดขึ้นมาพร้อมกับจ้องไปที่เสื้อของเรน
เรนพึ่งนึกขึ้นมาได้ ว่าถ้ายังใส่เสื้ออยู่แล้วจะทำแผลได้ยังไง เขาลุกขึ้นยืนจากเตียงนอน ก่อนจะถอดเสื้อยืดทันที จังหวะนั้นหลินก็ถือโอกาสจ้องไปที่กล้ามหน้าท้องของเรนตาไม่กะพริบ
เรนถอดเสื้อเสร็จก็ก้มลงไปถอดกางเกงวอร์มด้วย
“เดี๋ยวก่อนจะทำอะไรนะ” หลินพูดด้วยท่าทางตื่นตกใจ ที่เห็นว่าชายหนุ่มตรงหน้ากำลังจะดึงกางเกงลง
“ผมมีแผลที่ขาด้วย” เรนพูดขึ้นมาและชี้ไปที่แผล เพราะถ้าทำแผลแล้วมันก็ควรจะทำทั้งหมด
“เออ นั้นสิฉันลืมไป” หลินมองแผลที่ขาของเรนและก็ไม่ได้ห้ามเข้าอีก แต่เธอยังคงละสายตาออกจากตรงนั้น
เรนเหลือเพียงกางเกงซับในเพียงตัวเดียว
เขากำลังจะหยิบผ้าชุบน้ำมาเช็ดพวกคราบเลือดออกจากแผล แต่ว่าหลินก็ห้ามเรนไว้
“นายช่วยฉันมาสองครั้งแล้ว ดังนั้นให้ฉันช่วยบ้าง” หญิงสาวหยิบผ้าขึ้นมาจากนั้นก็เริ่มเช็ดคราบเลือดและทำความสะอาดแผลให้กับเรน
เรนจึงนอนลงบนเตียงให้หลินทำแผลเขาอย่างเงียบ ๆ เรนรู้สึกมือและผ้าชุบน้ำเย็น ๆ ลูปไปตามร่างกาย ตอนทำให้เขารู้สึกขนลุกขึ้นมา
‘แย่ละสิ’ เรนรีบเลื่อนมือไปปิดตรงเป้ากางเกงไว้ เพราะกลัวว่าหลินจะเห็นเรื่องน่าอายของเขา
ที่จริงแล้วหลินเห็นมันตั้งแต่แรก เธอเพียงไม่ได้พูดออกมาและมีสมาธิกับการทำแผลไปเท่านั้น เธอใช้น้ำเช็ดคราบเลือด ตามด้วยน้ำเกลือล้างแผลรอบ ๆ เอาสิ่งสกปรกออก
การล้างแผลไม่แสบมากนัก แต่ใส่ยาโพวิโดน-ไอโอดีน(เบตาดีน)ที่แผลมันแสบพอสมควร โดยเฉพาะเมื่อต้องใส่แผลที่มีมากกว่า 30 รอยกัดทั่วร่างของเรน กว่าจะทำเสร็จเรนก็แทบหมดแรง
เขากินยาแก้อักเสพและยาลดไข้ จากนั้นก็ดื่มน้ำไปครึ่งขวดและนอนพักผ่อน
หลินเอาพวกผ้าและน้ำที่มีคราบเลือดขุ่น ๆ ออกมา เธอไม่ได้เททั้งในบ้าน แต่ใส่ถุงและออกไปวางไว้กับศพของสองผู้ติดเชื้อที่พวกเรนจัดการไปก่อนหน้านี้ ซึ่งศพถูกยกไปวางไว้ที่ใต้ต้นไม้ห่างจากตัวบ้านไปราว ๆ 20 เมตร
“เขาเป็นยังไงบ้าง” ผู้กองเชนที่พึ่งเอารถไปจอดด้านหลังบ้านและเฝ้ารอบมองรอบบ้านได้ถามหลิน
“แผลเขาไม่มีอาการติดเชื้อ คุณมั่นใจได้เลยว่าเขามีภูมิต้านทานจริง ๆ” หลินตอบคำถามของผู้กองเชน ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน
“งั้นก็ดี” ผู้กองเชนกล่าวขึ้นมาก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านด้วยเช่นกัน